Gone with the wind โดยวิวัย จิตต์แจ้ง โดม สุขวงศ์จัดทึ่งหนังโลก

หอภาพยนตร์ ภูมิใจเสนอ GONE WITH THE WIND
ภาพยนตร์คลาสสิกของโลก ที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ ตระการตา จอยักษ์ ณ.โรงภาพยนตร์สกาล่า จัดฉายวิมานลอยรอบพิเศษในวันที่ 12 มีนาคม 2560นี้ รอบเที่ยงตรง ที่ สกาล่า บัตร 100 บาททุกที่นั่ง ในเทศกาล
ที่งหนังโลก ( WORLD CLASS CINEMA )

Gone With The Wine ตํานานภาพยนตร์อมตะตลอดกาล อยู่ในความทรงจําของคนทั้งโลกมานานกว่า 75 ปีแล้ว ออกฉายครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1939ที่สหรัฐอเมริกาประวัติศาสตร์ไทย จะถูกจาลึก อีกครั้ง ที Gone With The Wind กลับมาฉายในโรงหนังสกาล่าอีกครั้งค.ศ.2017 ต้องขอขอบพระคุณ คุณ โดม สุขวงศ์ ผู้อํานวยการหอภาพยนตร์ และทีมงาน จัดฉายภาพยนตร์อมตะ ที่ไม่มีวันตาย สู่รุ่นต่อรุ่น ต่อสายตาชาวไทย ขอบคุณเวปพีเพิลซ๊นคุณแอ๊ด ที่ช่วยนําเสนอ อย่างต่อเนื่องGONE WITH THE WIND หนัง 10รางวัล ออสการ์ ปีค.ศ.1939
ขอเสนอภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ระดับโลก เป็นอมตะดั่ง GONE WITH THE WIND ผู้เขียนได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่องนี้ถึง4 ครั้ง เมื่อกว่า30ปี ที่แล้วที่กรุงเทพฯโรงหนังสกาล่า และโรงหนังอินทราและโรงหนัง ฮอลีวูด เป็นก๊อปปี้ใหม่ 70 มม หลังจากใช้เวลาชมหนังร่วม 4ชั่วโมงเต็มๆ226 นาที หนังจบลง ความรู้สึกต้องยอมรับว่าเรื่องวิมานลอยเป็นหนังชีวิตรัก และโรแมนติก ตอนสงครามกลางเมืองอเมริกาที่มีมนต์เสน่ห์มากๆ
หลังจากดูหนังจบลงมีความรู้สึกทั้งทุกข์และสุขและสงสารเพื่อนมนุษย์ในโลกนี้ บางตอนเศร้าจนน้ำตาซึมสงสารชะตากรรม ของ สการ์เล็ทท์ โอ ฮาร่า
วิมานลอยเป็นหนังดีที่สุดยอดที่สุดสมกับเป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ที่คนดูมากทั่วโลกเกือบทุกประเทศ
ผู้เขียนเป็นคนรักประวัติศาสตร์ ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองมามากหนังวิมานลอยสะท้อนให้เห็นหลายตอน ขอนำท่านย้อนรอยกลับไปในประวัติศาสตร์อเมริกา ซึ่งได้แก่สงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้น

ระหว่างปี ค.ศ 1861-1865 ที่ชาวโลกเรียกว่า American Civil War สงครามครั้งนั้นเป็นสงครามนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา ทำให้ทหารพลเรือนเสียชีวิตมากประมาณ 620,000คน นี่ยังไม่นับผู้บาดเจ็บทุพลภาพ แขนขาขาดอีกเป็นแสน (สงครามเลิกทาส)
เป็นสงครามระหว่างฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ชาติเดียวกันเรียกว่าสงครามทาสรบกัน4ปีเต็ม สาเหตุเกิดจากการแตกต่างระหว่างรัฐในอเมริกาที่มีรูปแบบความเป็นอยู่ต่างกัน เช่นรัฐทางใต้จำเป็นต้องใช้ทาสคนดำจำนวนมากเป็นแรงงานในการทำเกษตรกรรม ภาคใต้ของอเมริกามีพื้นที่กว้างเป็นที่ราบผืนดิน ลมฟ้าอากาศเหมาะแก่การเพาะปลูกมาก ส่วนรัฐทางเหนืออากาศหนาวเย็นตลอดปีทำอุตสาหกรรม เช่นยาสูบหรือไร่ฝ้าย ปศุสัตว์ วัว ม้า คาวบอยไม่ต้องใช้ทาส ทั้งสองฝ่ายต้องการให้รับบาลกลางออกกฎหมายให้กับตนเองจึงเกิดการกระทบกระทั่ง จนกลายเป็นความแตกแยกทางอุดมคติ เกี่ยวกับการใช้ทาสผิวดำ รัฐทางเหนือไม่ต้องการใช้ทาสจึงผลักดันให้รัฐออกกฎหมายเลิกทาส แต่รัฐทางใต้ไม่ยอมเนื่องจากเป็นกฎหมายที่บั่นทอนผลประโยชน์ชาวใต้ จึงเกิดขัดแย้งรุนแรง ฝ่ายเหนือประณามฝ่ายใต้ว่าไร้มนุษยธรรม ใช้แรงงานทาส แต่ฝ่ายใต้โต้กลับว่าฝ่ายเหนือเป็นพวกฉวยโอกาสเห็นแก่ตัวเมื่อตกลงกันไม่ได้

รัฐทางใต้ประกาศขอแยกตัวออกจากการปกครองของรัฐบาลกลาง รัฐทางใต้ตั้งชื่อใหม่เรียกว่าสมาพันธรัฐอเมริกา ทางรัฐบาลกลางเป็นสมาพันธรัฐ(Union) และตั้งข้อหาว่ารัฐใต้เป็นกบฏ จึงปราบปรามขั้นเด็ดขาด และนี่คือสงครามกลางเมืองของอเมริกาในปีค.ศ 1861 ขณะนั้น อัมราฮัม ลิงคอร์นได้เป็นประธานาธิบดีคนที่16ของอเมริกา ทำให้รัฐทางใต้11รัฐไม่พอใจ ตอนหาเสียงทางใต้ไม่ลงคะแนนให้ แต่คะแนนรวมลิงคอร์นชนะ มีนโยบาย
เลิกทาส จึงเกิดสงครามใหญ่ในอเมริกา ฝ่ายใต้มี11รัฐกับ10ล้านคน และยังมีทาสผิวดำที่อพยพมาจากแอฟริกาจำนวน3ล้านคน ส่วนรัฐทางเหนือมีกำลังมากกว่าเป็นเท่าตัว ฝ่ายเหนือมี23รัฐ กับ20กว่าล้านคน ฝ่ายเหนือมีกำลังมากกว่าจริงแต่ขาดความชำนาญในภูมิประเทศทางบก ขณะที่รบกันจึงเกิดความสูญเสียพอๆกับฝ่ายใต้ ทุกคนรบสู้แบบไม่มีใครยอมใคร คนดำส่วนใหญ่ช่วยชาวใต้ รบกันนองเลือดแบบพลีชีพ 4ปี เต็มๆ

สุดท้ายฝ่ายเหนือเป็นฝ่ายชนะสงคราม ด้วยวิธีปิดล้อมเมืองของประธานาธิบดีลิงคอร์น ทำสำเร็จ ทำให้ฝ่ายใต้ไม่สามารถส่งสินค้าไปขาย
ยุโรปได้ เศรษฐกิจทางใต้พัง ขาดเงินและรายได้ และขาดงบประมาณในการสู้รบ กำลังฝ่ายใต้อ่อนแอลง ก่อนจะแพ้ฝ่ายใต้ฮึดสู้สร้างวีรกรรมเช่นที่รัฐเวอร์จิเนีย จอร์เจีย แอดแลนต้า และสมรภูมิ เกเตสเบิร์ก ที่มีรบกันรุนแรงตายวันเดียว 4 หมื่นกว่าคน ทั้ง2ฝ่ายสู้ตลุมบอนกัน ใครดี ใครอยู่ ฝ่ายใต้เครื่องแบบสีเทา ฝ่ายเหนือเครื่องแบบสีน้ำเงิน ใช้อาวุธปืนยาวยิงใส่กัน
สุดท้ายฝ่ายเหนือชนะ แต่สูญเสียอย่างใหญ่หลวง เท่ากับการขาดแคลนอาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม ผู้คนอดอยาก ล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่น่าตกใจหลังสงครามยุติเพียง5วัน ประธานาธิบดีลิงคอร์น ถูกลอบสังหารในโรงละคร เสียชีวิตที่กรุงวอชิงตัน ดี ซี

GONE WITH THE WIND
สงครามได้สิ้นสุดไปแล้ว140ปี แต่สิ่งที่อาลัยและเตือนใจชาวโลกอยู่ทุกวันนี้คือเสียงเพลงของชาวอเมริกัน เช่นเพลงชาติฝ่ายใต้(Dixie land) และเพลงชาติฝ่ายเหนือ(The Republic) ได้ยินเมื่อไรจะรำลึกถึงเรื่องราวสงครามในอดีต เช่นภาพยนตร์ เรื่องวิมานลอยที่ผมนายวิวัย จิตต์แจ้ง จะเล่าต่อไป

ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ เป็นที่มาของนิยายอิงประวัติศาสตร์อเมริกันเรื่องดัง เป็นวรรณกรรมชิ้นเอกชิ้นเดียวของสุภาพสตรีที่ชื่อ มาร์กาเร็ต มิทเชลล์ ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ เป็นผู้ประพันธ์หนังสือ และนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อมตะเป็นที่รู้จักและที่รักของผู้ชมทั้งโลกตลอดกาลคือ


GONE WITH THE WIND วิมานลอย
อำนวยการสร้างโดย( David o. Selnicks) เดวิด โอ เซลสนิก หนังสร้างเป็นระบบซุปเปอร์ซีนีม่า. เสียงในฟลิม์ เสียงรอบทิศ จอใหญ่กว้าง สีเทคนิค

นำแสดงโดยดาราระดับโลก พระเอก คาลาร์ก เกเบิล แสดงเป็นเร็ทฟ์ บัทเลอ นางเอกแสดงโดย วิเวียน ลีห์ รับบท สการ์เล็ทท์ โอฮาร่า พร้อมด้วยโอลิเวีย เดอ ฮาวิล รับบท เมลามี่ แฮมิลตัน และเลสลี่ โฮเวิร์ด รับบท แอชลีย์ วิลค์ส และดาราดังๆคับคั่ง กำกับการแสดงโดย วิคเตอร์ เฟลมมิ่ง พระเอก คาลาร์ก เกเบิล รูปหล่อ สมาร์ท แสดงได้ดีมากคนดูประทับใจ

Gone With The Wind

วิมานลอยเรื่องย่อ นางเอกสการ์เล็ทท์ โอฮาร่า สาวสวยธิดามหาเศรษฐีเจ้าของไร่ฝ้ายใหญ่ อยู่ในรัฐจอเจีย สาวสวยหน้าหวานผู้เอาแต่ใจตนเอง ชอบแต่งตัวแบบผู้ดีอเมริกันสมันร้อยกว่าปี ชุดสวยมากๆ เป็นคนน่ารัก เป็นชีวิตสาวอเมริกันที่มาดมั่น แข็งแกร่ง แต่อ่อนหวานมีเสน่ห์ อยู่ในรัฐภาคใต้ ในบทเธอเป็นผู้หญิงที่เข็มแข็ง และอดทนสู้ชีวิต ในหนังวิมานลอยจะเห็นภาพสตรีฝ่ายใต้ที่ยืนหยัดสู้ชะตากรรมในดินแดนที่ล่มสลายอันเนื่องจากความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน นางเอกสการ์เล็ทท์ ใช้ชีวิตหมดไปกับการแต่งตัวสวย เป็นดาวเด่น เสน่ห์แรง ดึงดูดชายหนุ่มในสังคมชั้นสูงของท้องถิ่นให้มารุมล้อมเอาใจ เธอสนุกไปกับงานเลี้ยง สังสรรค์ที่คฤหาสน์ มีชายหนุ่มมารักติดพัน ในหนังวิมานลอยผู้ชมจะเห็นภาพหญิงสาวในชุดกระโปรงยาวฟองบานรัดเอวแน่น ผมแต่งสวยมีผ้าคลุม มีหมวกปักกว้าง ประดับขนนกหรือดอกไม้ริบบิ้นผูก กางถือร่ม และเห็นภาพคฤหาสน์หลังใหญ่ สวยงามมากในหนัง และฉากสวยในท้องทุ่งอเมริกัน ดูเป็นศิลปะอาร์ต คลาสิก
แต่ชีวิตนางเอกสกายเล็ทท์ต้องผลิกผันหน้ามือเป็นหลังมือ ทุกอย่างหายไปกับสายลม เมื่อสงครามกลางเมืองอเมริกันเกิดขึ้น สุดท้ายพ่อเป็นบ้า หลังจากแม่ตาย ลูกสาวเธอต้องตาย พระเอก นางเอกต้องแยกทางกัน เป็นเรื่องชีวิตรักที่ยิ่งใหญ่ระหว่างสงครามกลางเมือง ชีวิตและความสุขของเธอหลุดลอยไปดังวิมานลอย นางเอกสการ์เล็ทท์ ต้องสู้ชีวิตทุกวิถีทางดังเช่น แย่งคนรักน้องสาวตัวเองเพื่อรักษาไว้ซึ่งคฤหาสน์ และไร่ฝ้ายอันเป็นที่รัก เธอปฎิญาณต่อฟ้าดินว่าเธอจะไม่มีวันหิวโหยต่อไป

ชีวิต และละคร ชะตากรรมแต่ละคน ทำให้หนังสือและหนังวิมานลอยครองใจคนทุกสมัย ตลอดกาลจนเป็นหนังอมตะ เป็นหนังอเมริกันแนวดราม่า โรแมนติก ความรัก ดูสนุกตื่นเต้น ไม่ใช่เรื่องสงครามเป็นหลัก แต่เป็นเรื่องความรักในสงคราม และช่วงฟื้นฟูค.ศ.1867 ดูแล้วกินใจผู้ชมทุกยุค ทุกสมัย ผู้ชมจากรุ่นสู่รุ่นมาหลายสมัยได้ชมภาพยนตร์เรื่อง Gone With the Wind
ในหนังจะเห็นสงครามกลางเมืองอเมริกา ถ่ายทั้งฉากยิ่งใหญ่ ที่หาชมได้ยากเช่นฉากโบราณในจตุรัสเต็มไปด้วยคนบาดเจ็บกำลังจะตายจำนวนมาก สงครามไม่มีโรงพยาบาลและสาธารณสุขที่ทั่วถึง เช่นฉากเพลิงไหม้ สภาพบ้านเมืองถูกทำลาย ท้องทุ่งที่สวยงาม ไร่ปศุสัตว์ถูกย่ำยีทำลายเสียหาย และโดยเฉพาะไฟไหม้เหนือกว่าทุกเรื่อง ผู้กำกับสั่งเผาเมืองทั้งเมืองที่สร้างขึ้นมา และเผาจริง ไฟลุกแดงฉานสมจริงสมจังเต็มจอ คนดูตื่นเต้น โดยเฉพาะฉากเต้นรำในคฤหาสน์หลังใหญ่ ยิ่งใหญ่จริงๆ จะเป็นเสื้อผ้า ชุดสวยทั้งชาย หญิง และท่าเต้นรำคนอเมริกันสมัยนั้นน่าดูมาก

ถ้าได้อ่านและดูหนัง ฉากที่เมลานี หลั่งน้ำตาเมื่อได้ยินเพลง Bonnie Blue Flag เป็นเพลงชาติฝ่ายใต้บรรเลงโดยวงดนตรี วงใหญ่คืนนั้นพร้อมผู้ร้องเพลงปลุกใจเป็นฉากสะเทือนอารมณ์ ดึงดูดผู้ชม ความรู้สึกคล้อยตาม (ฝ่ายใต้แพ้สงคราม)
อีกตอนที่คนดูสงสาร เมื่อพระเอกเร็ทฟ์ มาขอแต่งงานกับนางเอกสการ์เล็ทท์ เธอยอมตกลงและวิมานแสนหวานกลับมาอีกครั้ง เหมือนไปได้สวย ลูกสาวและครอบครัวอบอุ่น แต่วิมานเธอก็พังอีก ลูกคนแรกตกหลังม้าตาย มาเสียลูกคนที่สองไปอีก และเมลานีน้องสาวตายไปอีก นางเอกเธอบอบช้ำมากและต้องทะเลาะกับเรทท์ จนเขาต้องเดินจากไป หัวใจเธอแทบแตกสลาย วิมานลอยจึงครองใจคนดูทุกสมัยจนเป็นตำนานอมตะคลาสิก ตลอดกาล

หนังได้รับรางวัล The Winner Of 10 Academy Awards อเมริกันยกให้เป็น1ใน10 ภาพยนตร์อเมริกันที่ดีที่สุดในโลก ในรอบ 70 กว่าปี
ทับเที่ยงภาพยนตร์ ฉายวิมานลอย ปี2496 เมื่อ60กว่าปีมาแล้ว ผมนายวิวัย จิตต์แจ้ง ผู้เขียนได้ศึกษาหาข้อมูลจากคุณพ่อชื่อนายเว้ง จิตต์แจ้ง ท่านเป็นเจ้าของโรงหนังทับเที่ยงภาพยนตร์และโรงหนังคิงส์ตรัง ท่านเล่าให้ฟังว่า
ได้ติดต่อหนังวิมานลอยนํา มาฉายให้ชาวตรังได้ชมก่อนใครเขาทั้งหมดในภาคใต้ เพื่อสร้างสรรค์ความบันเทิงจังหวัดตรัง และพัฒนาให้ตรังเจริญก้าวหน้าและนำเป็นผู้บุกเบิกด้านนี้คนแรก และเพื่อยกระดับการชมภาพยนตร์ระดับโลก ลงทุนสูงมาก สั่งซื้ออุปกรณ์ฉายระบบซุปเปอร์ซีนีม่าจอใหญ่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น พร้อมเครื่องเสียงทันสมัยสโตริโอ รอบทิศทางมาติดตั้งเมื่อปลายปี2495 และได้ประเดิมครั้งใหม่กับหนังวิมานลอยซึ่งถ่ายทำในระบบนี้ในปี2496 เรื่องนี้ทันสมัยลํ้าหน้าที่สุดในยุคนั้น


ชาวตรังตื่นเต้นแห่มาดู GONE WITH THE WIND วิมานลอย วันฉายหนังมีประชาชนทั่วสารทิศทุกอำเภอในตรังและจังหวัดใกล้เคียงมาดูวิมานลอยกันหมด ได้ผลเต็มทุกรอบต้องเสริมเก้าอี้ จนแน่นโรงหนังต้องเสริมที่นั่ง

แม่ยิ่ง จิตต์แจ้ง คุณแม่ของผู้เขียนมีหน้าที่บริหารจัดการเรื่องขายตั๋ว แต่ก็ยังเกิดความวุ่นวายขึ้นเป็นที่ตลึง ห้องขายตั๋วเคลื่อนที่ได้ เนื่องจากคลื่นมนุษย์มากมายที่ตรังและจังหวัตใกล้เคียงแห่มาดูจนโรงหนังแทบฟังมาซื้อตั๋ว และแรงผลักดันจน เคลื่อนไป 2 เมตร เพราะทำด้วยไม้ วิมานลอยประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ปี 2496 ที่ทับเที่ยงภาพยนตร์เป็นตำนานหนังที่มีประชาชนมาดูมากที่สุด เป็นประวัติการณ์ในตรัง เล่าขานอีกนาน

ปีนี้ 2560 คุณโดม สุขวงศ์ ย้อนรอยตํานานหนังดัง นํากลับมาฉายที่สกาล่าอีกครั้งให้แฟนๆยุคเก่าและคนรุ่นใหม่ ได้พิสูตร ความยิ่งใหญอมตะ อีกครั้ง
Gone With The Wind คําคมของผู้แต่งเรื่อง อิงประวัติศาสตร์ ชื่อมาร์การเร็ต มิทเชลล์ (ผู้ประพันธ์) กล่าวไว้ว่า “นวนิยายและหนังเรื่อง GONE WITH THE WIND เรื่องของมันคือการอยู่รอด มีชีวิตรอดต่อมาได้อีกไกลเกินกว่าผู้สร้างของชีวิตมันขึ้นมา วันเวลาผ่านไป คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าต้องสัมผัสผู้ร่วมงานทุกคนถ่ายทอดตัวอักษรและภาพเคลื่อนไหวมีชีวืตชีวา นี่คือสิ่งที่ยังจับใจผู้ชมรุ่นต่อๆไปอีก50ปี .....150 ปี ตราบเท่าที่มีคนสนใจจะจดจำหนังวิมานลอย GONE WITH THE WIND ”


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่