หอพักเก่าในซอยวัดดงมูลเหล็ก

เรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นประมาณปี 2555 สมัยที่เรียนจบ ป.ตรีและได้งานทำใหม่ๆ เราได้งานเป็นธุรการสนามของบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่
และต้องออกไปประจำออฟฟิศที่อยู่ในไซต์งานก่อสร้างแถวตลิ่งชัน พอเลิกงานก็มีรถบริษัทมารับกลับหอพักในซอยวัดดงมูลเหล็ก

     หอพักเป็นตึกเก่ามีหลายชั้น มีคนอาศัยอยู่เต็มทุกห้องและห้องที่เราพักอยู่ชั้น 8 ลักษณะห้องคือเปิดประตูเข้าไปก็เป็นห้องโล่งๆเลย
มีห้องน้ำอยู่ตรงระเบียง ประตูห้องน้ำตรงกับประตูห้อง ส่วนระเบียงเปิดโล่งไม่มีหลังคา วิวมองเห็นสะพานพระปิ่นเกล้า
เราต้องนอนพักกับเพื่อนร่วมงานที่ออกทอมๆ 1 คน เพื่อนร่วมงานนอนติดกำแพงฝั่งประตูเข้าห้อง ส่วนเรานอนฝั่งระเบียง
นอนกับพื้นทั้งคู่ ที่นอนคนละอันค่ะ

     จำได้ว่าอาทิตย์แรกผ่านไปไม่มีอะไร เรื่องมาเกิดในประมาณอาทิตย์ที่สอง...เราเลิกงานแล้วกลับห้องพักมาทำธุระส่วนตัว
แล้วก็นอนเพราะเหนื่อยเพลียกับงานมากๆ ส่วนเพื่อนร่วมห้องก็นอนคุยโทรศัพท์กับแฟน เราก็ไม่สนใจเพราะไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่
เวลาผ่านไปจนกี่โมงไม่รู้ รู้แค่ว่าในห้องปิดไฟมืดหมด มีแค่แสงจากนอกระเบียงส่องเข้าห้อง

     เรารู้สึกว่าตัวเรามีอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น กึ่งจริงกึ่งฝันและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดคลุมยาวสีขาวผ้าพริ้วๆ ผมดำยาวปิดหน้าปิดตา
มองไม่เห็นใบหน้า
เดินถือกะละมังเดินไปเดินมาระหว่างห้องน้ำกับระเบียง ประมาณว่าซักผ้าในห้องน้ำแล้วเอาผ้าไปตากที่ระเบียง
คุณเธอก็เดินฮัมเพลง

                               “ฮือ หื้อ ฮื้อ หือ” (ประมาณนี้)

อย่างอารมณ์ดี มีความสุขกับการซักผ้า ตอนนั้นเรารู้แล้วล่ะว่าคืออะไร แต่เราเป็นคนไม่กลัวผี ก็เลยตะโกนในใจออกไปว่า

                               “อารมณ์ดีอะไรนักหนาวะ Guรำคาญ Guจะนอน!!” เท่านั้นแหละ...

คุณเธอทิ้งกะละมังเสียงดัง “โครม!!” ดังสนั่นหวั่นไหวมากเหมือนยางรถบรรทุกระเบิด แล้วพุ่งเข้ามาหาเราทันที เราหลับตาปี๋เลย
สองมือของเธอคนนั้นกดหน้าอกเราแรงมาก เราหายใจไม่ออกขยับตัวไม่ได้และอึดอัดมากแต่ก็พยายามดิ้น
แล้วก็ด่าในใจว่า   “Eนี่ จะเล่นกับGuใช่ไหม?”  เรารู้สึกว่าเราใช้มือของเราทุบ แกะมือแล้วก็หยิกที่หลังมือของเธอคนนั้น
แต่มันไม่เหมือนมือผู้หญิงเลยค่ะ มันเหมือนมือผู้ชายที่หนา หยาบกร้านที่สำคัญคือขนเยอะมาก ขนแข็งๆ แห้งๆ
เหมือนหมาไม่ได้อาบน้ำหลายวัน(เคยเลี้ยงหมาก็เลยรู้สึกได้) กลิ่นเหม็นเน่าเริ่มเข้าจมูก เราเริ่มกลัวแล้วค่ะเพราะท่าทางหล่อนคงเอาจริง
บวกกับเริ่มหายใจไม่ได้แล้วด้วยก็เลย พูดออกไปในใจว่า  “ขอโทษๆ ไม่ด่าแล้ว เดี๋ยวตอนเช้าทำบุญไปให้”  
แล้วก็สะดุ้งลุกขึ้นนั่ง ตัวสั่น หายใจโล่งเลย

     หันไปมองเพื่อนร่วมห้องปรากฏว่านางก็ยังคงนอนหลับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว เราเลยปลุกนางซะเลย(เลวววว) ฮ่าๆๆๆ
และบอกว่าขอสลับที่นอน นางก็ตื่นมาแบบงงๆ มึนๆ แต่ก็ยังอุตส่าสลับที่นอนให้ เราก็นอนค่ะ เท่ากับว่าเรานอนริมกำแพง ส่วนเพื่อนร่วมงานนอนริมระเบียง แต่เราก็นอนไม่หลับเลยยันเช้า แล้วไอ้เราก็ดั๊นลืมทำบุญใส่บาตรไปให้เธอคนนั้นซะสนิทเลย
มานึกขึ้นได้ตอนเลิกงานแล้ว

    แล้วในอีกคืนนั้นเอง...ในขณะที่เรานอนหลับ กี่โมงก็ไม่รู้แต่ไฟยังเปิดสว่างอยู่เพราะเพื่อนร่วมงานนอนคุยโทรศัพท์กับแฟน+ดูทีวี
เราเริ่มรู้สึกขยับตัวไม่ได้อีกแล้ว หายใจติดขัด ได้ยินเสียงที่หน้าประตูห้องเสียงมันดัง  “แกร่กๆๆ”  เหมือนแมวตะกุยประตูดังมาก
แต่มันไม่ใช่ค่ะ ในความรู้สึกของเราคือ...เธอคนเมื่อวานแน่ๆ! เราลืมตานิดๆมองเพื่อนร่วมห้อง มันก็ยังนอนคุยโทรศัพท์ เปิดทีวีอยู่
เราก็แบบ  “ช่วยหน่อยเหอะ มาขยับหรือมาปลุกGuหน่อย” “เมิงได้ยินGuไหมเนี่ย?!”  (อาการแบบนี้หลายคนน่าจะเคยเป็น 5555)
แต่เพื่อนร่วมห้องก็ยังคงคุยโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น พร้อมกับเสียงประตูดัง  “แอ๊ด...”  เหมือนประตูเปิด เท่านั้นแหละเราตะโกนในใจเลย
“ไม่ลืมๆ พรุ่งนี้แล้วแน่นอน!!”  เราก็ตื่นเลยค่ะ ลุกขึ้นมานั่ง หายใจหอบแฮ่กๆเหมือนเดิม
เพื่อนร่วมห้องก็มองแบบงงๆ แล้วก็ถามว่าร้อนหรอ? แล้วก็ลุกขึ้นไปเปิดแอร์ให้(ยังดีที่เป็นห่วงเรา)
จากนั้นก็นอนไม่หลับอีกหนึ่งคืนค่ะ จนเช้าก็ซื้อกับข้าวที่ร้านค้าด้านล่างแถวหอพักแล้วใส่บาตรพระ กรวดน้ำไปให้
หลังจากนั้นมาก็ไม่ได้เจอเธอคนนั้นอีกเลย


ขอบคุณมากๆนะคะ ที่สละเวลาแวะเข้ามาอ่าน
หากตาลายหรืออะไรยังไงก็บอกได้เน้อ

ปล.ขออภัยสำหรับคำไม่สุภาพนะคะ อยากจะสื่อให้เห็นถึงอารมณ์ ณ ตอนนั้น
ปล.2 แท็กผิดขออภัยเน้อ

นานาขอบคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่