สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เสริมนิดนึงคนะครับ เรื่องสิทธิในงานที่ทำ
ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย เราได้ใช้มานานแล้ว ในรูปแบบงาน วรรณกรรม
คนที่สร้างงานวรรณกรรมเค้ามีหลักประกันชีวิตที่มั่นคง
ซอฟแวร์ก็คืองานวรรณกรรมเช่นกัน โปรแกรมเมอร์ต้องมีหลักประกันชีวิตที่มั่นคง ได้เช่นกัน
อายุงานเราสั้น เราใช้ร่างกายเปลือง เราต้องมีหลักประกันให้ชีวิตครับ
สิ่งที่ผมบอก อาจไม่ถูกใจกับคนที่ทำนาบนหลังโปรแกรมเมอร์มากนัก
แต่ถูกใจกับโปรแกรมเมอร์และบริษัทที่ใช้ซอฟแวร์แน่ๆ
##########
ขอตอบ คห 3 นะครับ
บ่นแล้วได้อะไร
1 บอกถึงหลักประกันอนาคตให้โปรแกรมเมอร์เมื่อใช้งานเราจนเสื่อม ครับ
2 ถ้าโปรแกรมเมอร์มีหลักประกัน ก็จะมีคนอยากเป็นโปรแกรมเมอร์มากขึ้น ตลาดในไทยก็จะไม่ขาดแคลนโปรแกรมเมอร์
ถ้าขาดแคลนโปแรกรมเมอร์มากๆ บริษัทต่างๆเองนั้นล่ะครับจะเดือดร้อน
ไม่มีใครเค้าบีบคอรับเงินเดือน ใช่ครับผมยินดีรับเงินเดือนเพราะว่ากฎหมายคุ้มครองผลงานไม่เหมือนฟรีแลนซ์ที่กฎหมายจะไม่คุ้มครองผลงาน
ซึ่งมาบอกตอนหลังว่าผมเป็นฟรีแลนซ์ก็งงครับ จริงๆฟ้องศาลแรงงานก็ได้ล่ะชนะมาหลายคนแล้วกรณีนี้ แต่ช่างเหอะครับไม่ว่ากัน ไปทำที่ใหม่ดีกว่า
จะอ้างว่าต้องมีค่าใช่จ่ายมีคนทำงานหลายคน ใช่ครับ ไม่ว่าทุกคนมีค่าใช้จ่าย
แต่ในเมื่อเคยตกลงไว้แต่ผลออกมาอีกอย่าง และไม่มีหลักประกันความมั่นคงให้โปรแกรมเมอร์ ก็ต้องโดนแบบเดียวกันเช่นกัน
โปรแกรเมอร์ก็จะไม่มีหลักประกันให้เหมือนกัน เราไปทำงานที่ดีกว่าได้
ตอนนี้ตลาดขาดแคลนมาก จะไปอยู่ไหนก็ได้ที่มั่นคงสำหรับเรา ที่ๆกฎหมายคุ้มครองผลงานเราเช่นงาน วรรณกรรม
อย่าไปอยู่ในที่ๆเอาเปรียบเรา
โปรแกรมเมอร์ไม่ใช่เครื่องจักร อายุ 35 ก็จะปลดได้ ต้องมีหลักประกันให้ครับ
ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย เราได้ใช้มานานแล้ว ในรูปแบบงาน วรรณกรรม
คนที่สร้างงานวรรณกรรมเค้ามีหลักประกันชีวิตที่มั่นคง
ซอฟแวร์ก็คืองานวรรณกรรมเช่นกัน โปรแกรมเมอร์ต้องมีหลักประกันชีวิตที่มั่นคง ได้เช่นกัน
อายุงานเราสั้น เราใช้ร่างกายเปลือง เราต้องมีหลักประกันให้ชีวิตครับ
สิ่งที่ผมบอก อาจไม่ถูกใจกับคนที่ทำนาบนหลังโปรแกรมเมอร์มากนัก
แต่ถูกใจกับโปรแกรมเมอร์และบริษัทที่ใช้ซอฟแวร์แน่ๆ
##########
ขอตอบ คห 3 นะครับ
บ่นแล้วได้อะไร
1 บอกถึงหลักประกันอนาคตให้โปรแกรมเมอร์เมื่อใช้งานเราจนเสื่อม ครับ
2 ถ้าโปรแกรมเมอร์มีหลักประกัน ก็จะมีคนอยากเป็นโปรแกรมเมอร์มากขึ้น ตลาดในไทยก็จะไม่ขาดแคลนโปรแกรมเมอร์
ถ้าขาดแคลนโปแรกรมเมอร์มากๆ บริษัทต่างๆเองนั้นล่ะครับจะเดือดร้อน
ไม่มีใครเค้าบีบคอรับเงินเดือน ใช่ครับผมยินดีรับเงินเดือนเพราะว่ากฎหมายคุ้มครองผลงานไม่เหมือนฟรีแลนซ์ที่กฎหมายจะไม่คุ้มครองผลงาน
ซึ่งมาบอกตอนหลังว่าผมเป็นฟรีแลนซ์ก็งงครับ จริงๆฟ้องศาลแรงงานก็ได้ล่ะชนะมาหลายคนแล้วกรณีนี้ แต่ช่างเหอะครับไม่ว่ากัน ไปทำที่ใหม่ดีกว่า
จะอ้างว่าต้องมีค่าใช่จ่ายมีคนทำงานหลายคน ใช่ครับ ไม่ว่าทุกคนมีค่าใช้จ่าย
แต่ในเมื่อเคยตกลงไว้แต่ผลออกมาอีกอย่าง และไม่มีหลักประกันความมั่นคงให้โปรแกรมเมอร์ ก็ต้องโดนแบบเดียวกันเช่นกัน
โปรแกรเมอร์ก็จะไม่มีหลักประกันให้เหมือนกัน เราไปทำงานที่ดีกว่าได้
ตอนนี้ตลาดขาดแคลนมาก จะไปอยู่ไหนก็ได้ที่มั่นคงสำหรับเรา ที่ๆกฎหมายคุ้มครองผลงานเราเช่นงาน วรรณกรรม
อย่าไปอยู่ในที่ๆเอาเปรียบเรา
โปรแกรมเมอร์ไม่ใช่เครื่องจักร อายุ 35 ก็จะปลดได้ ต้องมีหลักประกันให้ครับ
แสดงความคิดเห็น
วิกฤตโปรแกรมเมอร์ และทางออก
อย่างที่ทราบกันครับโปรแกรมเมอร์หายากมาก แล้วยังมีหลายสายอีกทำให้ยากไปใหญ่
เพราะอะไรทำไมถึงไม่มีใครอยากมาเป็นโปรแกรมเมอร์
ประสปการณ์ส่วนตัวครับว่าที่ผ่านมาเจออะไรมาบ้าง หนักหนาสาหัสครับ
ที่ทำอยู่เพราะใจรักล้วนๆครับ ให้ไปอยู่ SA ก็ไม่เอาชอบทำเองออกแบบเองมากกว่า
ส่วนตัวคิดว่าไม่มีใครเข้าใจงานและระบบมากกว่าคนลงมือทำ
แรกๆเป็นฟรีแลนซ์ไม่รู้ตัวหรอกครับว่าตัวเองเป็นฟรีแลนซ์ เพราะไม่ได้คุยตกลงอะไรกัน
เป็น outsoure ก่อนไปประจำที่นั้นบ้างนี่บ้าง ต่อมาก็เขียนโปรแกรมตามโปรเจค
ได้รับเงินทุกๆเดือนๆ จบงานก็มีค่าปิดงาน มารู้ตัวตอนที่เค้าเอาโปรแกรมเราไปขายที่อื่นอีกไม่บอกเรา
แต่บางที่เราไปติดตั้งก็แบ่งส่วนมาให้น้อยนิดเค้าบอกเป็นค่าติดตั้ง แต่ช่วงที่ทำโปรเจคให้นิแกบอกว่าถ้าขายที่อื่นได้พี่จะแบ่ง%ให้
งานสุดท้ายงาน 2 ล้าน แบ่งมาให้ 1 แสน ผมทั้งโปรแกรมคนเดียวแถมยังต้องมาทำคู่มืออีก
ใช้เวลาทำเกือบปี แสนนึงนิแบ่งให้รายเดือนที่ทำนะครับ สรุปถ้าทำเสร็จปิดงานได้ผมก็ไม่ได้อะไรเลย มารู้ตอนทำเสร็จ
งาน 2 ล้านคิดว่าลูกค้าอยากได้อะไรครับ งานที่ทำให้แค่แสนเดียว ผมมีแรงแค่นี้
พอมีปัญหาเรื่องเงิน มากๆ พี่แกก็บอกว่าไหนจะค่าวิ่งงาน ค่าภาษีอื่นๆ
เค้าบอกว่าเราเป็นฟรีแลนซ์ ซึ่งตามกฎหมาย โปรแกรมเป็นของเค้า กำ.....
เอ้าตกลงนี่เราเป็นฟรีแลน์หรือ แล้วที่รับทุกๆเดือนนี่ไม่ใช่เงินเดือน? อ่ะช่างมันครับไปทำงานประจำดีกว่า
ต่อมาทำงานประจำเจอบริษัทซอฟแวร์เฮาส์ทุนต่ำครับ นโยบายเบื้องหน้าดี อนาคตสวย
ทำธุรกิจแบบไม่มีอะไรจะเสียแล้ว พึ่งมารู้ตอนหลังอีก
คือเจ้าของบริษัทต้องการพัฒนาโปรเจคใหญ่ๆเอาไว้ขายถูกๆ ถูกมากจนเราคิดว่าเค้าจะอยู่ได้ไง
น้อยว่าค่าใช้จ่ายในทีมพัฒนาเยอะมากไม่ถึง 20%ด้วยซ้ำ
พอมาดูโครงสร้างฐานข้อมูลที่มีโนโยบายออกแบบมา แปลกใจมากครับเค้ารวมข้อมูลของลูกค้าหลายๆที่ไว้ในฐานข้อมูลก้อนเดียว
โดยมีรหัสลูกค้าแยกกลุ่มลูกค้าออกจากกัน ข้อมูลทุกอย่างครับรวมไปถึงข้อมูลการลงเวลาเข้างาน
ของลูกค้าทุกๆที่อยู่ในฐานข้อมูลก้อนเดียว ผลปรากฎว่า
ตามที่ผมคาด ฐานข้อมูลโตจน select ข้อมูลช้ามาก ช้าจนทำงานไม่ได้ปิดจ๊อบไม่ได้
พอปิดจ๊อบไม่ได้ก็โดนด่าอีก กดดันมากๆ หนีเลยสิครับอยู่ทำเพื่อ?
ไปทำเองเหอะ แล้วพอมาสืบๆดูว่าทำไมถึงได้ออกแบบฐานข้อมูลแบบนี้
เป็นไปได้ว่าเค้าต้องการบริหารแบบศูนย์รวม ง่ายในการจัดการ ใช้คนทำงานน้อย
ถึงขายถูกได้ นั้นหมายความว่าเค้าต้องการปลดทีมพัฒนาเมื่อโปรเจคเสร็จ มันสมเหตุผลที่ว่าทำไมบริษัทถึงไม่ได้จ่ายค่าประกันสังคม
มารู้ทีหลังอีกตอนจะเข้า รพ ครับ บริษัทไม่เคยจ่ายประกันสังคมเลย สมเหตุผลที่บริษัททำธุรกิจแบบไม่มีอะไรจะเสีย
ในการทุ่มเงินก้อนสุดท้ายพัฒนาโปรเจค พอเสร็จก็ปลดผู้พัฒนา เพื่อนำโปรแกรมไปขายในราคาถูกๆได้
ผลคือพังครับ พังเพราะรวมฐานข้อมูลไว้ก้อนเดียว เพราะเร่งทำโปรแกรมไม่ได้มีการทดลองใช้ ทำเสร็จก็ขายเลย (คงไม่มีเงินหมุน)
ส่วนโปรแกรมเมอร์แบบผมไปร้องเรียนครับเพราะบริษัทไม่จ่ายประกันสังคม
เลยถูกเอาคืนแจ้งประกันสังคมว่าไล่ออก แล้วฟ้องผมเพราะหนีงาน เรียกค่าเสียหายเกือบล้าน
ขึ้นศาลครับ ผมก็จะเอาเรื่องบ้าง สุดท้ายเรื่องนี้จบที่ไม่เอาความกัน กับคำพูดของศาลท่านว่า "ความถูกต้องกับความจริงไม่ใช่เรื่องเดียวกัน"
ต่อมาก็ได้มาทำบริษัทมหาชน ที่สุดท้ายที่ผมจะฝากชีวิตไว้ได้ถึงแม้ที่นี่จะไม่ดีเท่าของคนอื่นที่เค้าคุยอวดกัน แต่ก็ดีกว่าที่ๆผมเคยผ่านมามาก
ทำงาน 6 วัน ต่างจากเมือก่อน ทุกวันคือวันหยุด กลางคืนคือเวลาทำงาน เหนื่อยกว่าแต่มั่นคงกว่า ขึ้นเงินเดือนโบนัสได้ทุกปี
ไม่มากเท่าคนอื่นเขาแต่ก็พอแล้ว
ส่วนโปรแกรมที่ทำให้ที่นี่ ได้รับความคุ้มครองโดยกฎหมายลิขสิท ในมาตรา 7 8 ก็ถือว่าเป็นหลักประกันให้ตัวเอง
ซึ่งมันต่างจากบริษัทที่ทำ CMMI นะครับ บริษัทพวกนี้เห็นเราเป็นแค่เครื่องจักร เพราะเขียนโปรแกรมด้วย Framwork
ออกแบบมาให้แล้วเขียนตามคำสั่งพอ ทุกอย่าง เป็นมาตราฐานเดียวกันหมด โปรแกรมเมอร์ตาย อีกคนก็มาเสียบต่อได้เลยงานไม่มีสะดุด
อายุงานมากทำงานช้า เงินเดือนสูงเหรอ ไล่ออก จ้างเด็กใหม่เสียบ
ซอฟแวร์เป็นของเค้าโปรแกรมเมอร์เป็นแค่กลไกแค่นั้น มันดีกับเค้าครับ
แต่กับตัวโปรแกรมเมอร์เองอะไรเป็นหลักประกันตอนเราทำงานไม่ไหวแล้ว
โปรแกรมเมอร์ใช้ร่างกายเปลือง อายุงานสั้นนะครับ อายุ 35 ก็ทำงานช้าลงแล้ว บางที่ทำ CMMI ก็เตรียมเชิญออกล่ะครับ
อันนี้คือปัญหาของโปรแกรมเมอร์
มาดูปัญหากับบริษัทที่ต้องการใช้โปรแกรมจะเจออะไรบ้าง
ถ้าจ้างฟรีแลนซ์ มีโอกาสเจอทั้งคนไม่มีฝีมือ หรือเจอคนทิ้งงานสูงมาก คนมาต่องานก็ไม่ได้ โปรแกรมนั้นทำก็เหมือนไม่ได้ทำ
จะจ้างบริษัทรับเขียนโปรแกรมก็เจอค่าใช้จ่ายที่สูงมาก จะแก้ไขจะเพิ่มอะไรทีก็มีค่าใช้จ่าย แถมถ้าเปลี่ยนเวอร์ชั่นโปรแกรมตกรุ่นก็บังคับซื้อใหม่อีก
ส่วนตัวฟรีแลนซ์เจอทั้งต่อราคา แก้งานกลับไปกลับมา ไม่ยอมจบงานสักที ไม่จ่ายตังชักดาบหลอกให้เขียนโค้ด
อื่นๆ อย่างที่ทราบๆที่เป็นกระทู้มากมาย
การจบปัญหาแบบนี้
บริษัทถ้าจ้างโปรแกรมเมอร์ไม่ได้ก็จ้างฟรีแลนซ์ครับ แล้วก็ให้สิทธิในโปรแกรมถ้ายังใช้อยู่ก็จ่ายรายเดือนไป เดือนล่ะ พันหรือหมื่นก็ตกลงกันไปแล้วแต่งาน
คุณจะแก้งานกี่ครั้งจะยังไงก็ตามสบายเลยครับจะไม่มีเกี่ยงไม่มีงอนถ้าไม่ถูกใจ ก็ไม่ต้องจ่ายรายเดือน ก็จบเสียหายกันไม่มาก win win ครับ
แบบนี้ ฟรีแลนซ์ ถ้ารับงานหลายๆที่ก็จะอยู่ได้มั่นคง
ส่วนบริษัทจ้างโปรแกรมเมอร์ได้ก็ให้สิทธิในโปรแกรม ถ้าเอาไปขายต่อก็ตัดให้ทีมโปรแกรมเมอร์ไปคนล่ะเท่าไร่กี่%ตกลงกัน
แบบนี้ จะทำงานกันเต็มที่ครับ OT ไม่สนวันหยุดไม่ต้อง งานดีเสร็จเร็ว
งานหนักแค่ไหนก็สู้อยู่ทนอยู่นานไม่หนีไม่ลาออกไปไหนแน่ๆ win win ครับ
ถ้างานมั่นคงก็จะมีคนอยากมาเป็นโปรแกรมเมอร์กันมากขึ้น ประเทศเราก็จะก้าวหน้ามากขึ้นครับ
อาจจะมีเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยนะครับ ก็มาแลกเปลี่ยนความคิดกัน