ผลงานจากผู้กำกับสุดฮิป ไดโกะ มัตสึอึ "Japanese Girls Never Die โมเอะไม่เคยตาย" เข้าแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์จ้าาาา


หนังเรื่องล่าสุดของ ไดโกะ มัทสึอิ (Wonderful World End) นักแสดงซึ่งหันมาเอาดีด้านการกำกับ มี 2 ชื่อด้วยกัน
และแต่ละชื่อต่างบอกใบ้อะไรบางอย่างแก่คนดู ชื่อแรก Japanese Girls Never Die มันมาพร้อมคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หนังเต็มไปด้วยคำถาม และคำตอบเกี่ยวกับชีวิตส่วนเสี้ยวหนึ่งของผู้หญิงที่ถูกสังคมจำกัดไว้ในกรอบ ส่วนอีกชื่อจะตรงกว่าหน่อยคือ
Haruko Azumi is Missing


           แม้ผู้หญิงจะเป็นคนชายขอบ ถูกเมินเฉย และมีบทบาทเพียงน้อยนิดในสังคมญี่ปุ่น แต่ท่าทีที่ มัทสึอิ แสดงออกมาผ่านหนังก็ยังแสดงให้เห็นว่า พวกเธอจะ ‘ไม่มีวันตาย’ ตราบใดที่ใครบางคน หรือที่ไหนสักแห่งให้ความสนใจและรวมตัวกันต่อสู้เพื่อสถานภาพทางสังคมที่ดีกว่าเดิม
           การหายตัวไปของ ฮารูโกะ (ยู อาโออิ) คือเหตุการณ์สำคัญของเรื่อง ที่ผู้เขียนบทโดย มิซากิ เซโตยาม่า โดยเธอดัดแปลงบทจากนิยายของมาริโกะ ยามาอูจิ เมื่อปี 2013 อีกที หนังดึงดูดความสนใจผ่านการใช้ฉากที่คนดูคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน ก่อนนำไปสู่ภาพของผู้คนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังในตัวผู้หญิง เป็นภาพที่ทั้งเสียดแทงใจและติดแน่นอยู่ในสังคมญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน
          สิ่งที่อาจช่วยให้คนอยากดูหนังเรื่องนี้มากขึ้น หลังจากฉายที่ญี่ปุ่นไปตั้งแต่เดือนธันวาคม และหลังจากไปตระเวนฉายตามเทศกาลต่างๆ Japanese Girls Never Die ยังเล่าถึงแก๊งสาววัยทีนในชุดเครื่องแบบที่เล่นงานชายฉกรรจ์ไปทั่วโตเกียว ให้พวกเขาได้หลาบจำที่มองผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งของและวัตถุทางเพศ
          



        ใบหน้าของ ฮารูโกะ บนโปสเตอร์คนหาย คือสิ่งแรกที่คนดูจะได้เห็น ตัวละครตัวนี้มีชีวิตขึ้นมาได้จากการแสดงอันละเอียดอ่อนและชวนอินของอาโออิ เจ้าของรางวัลออสการ์ญี่ปุ่น (Japan Academy Award) จากหนังเรื่อง Hula Girl เมื่อปี 2008 หนังเผยรายละเอียดเกี่ยวกับ ฮารุโกะ ก่อนที่ตัวละครตัวนี้จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยว่าเป็นสาวโสดอายุ 28 ปี แต่ไม่มีความสุขทั้งเวลาอยู่ที่ทำงาน ที่บ้าน และเมื่ออยู่กับเพื่อสมัยเด็กที่กลายมาเป็นเพื่อนบ้าน ชายหนุ่มผู้หื่นกามแต่ไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้ (ฮิวอี้ อิชิซากิ)
         ยิ่งไปกว่านั้น ในแต่ละวัน ฮารูโกะต้องเผชิญกับเหล่าหัวหน้าที่เป็นผู้ชายใจจืดใจดำ พวกเขามักปากเสียเกี่ยวกับอายุ รูปร่างหน้าตาและพูดถึงความสัมพันธ์กับพนักงานผู้หญิงคนอื่นๆ เสมอ แล้วยังหาทางจ้างพนักงานสาวเอ๊าะๆ คนใหม่เข้ามาตลอด พอตกกลางคืน ฮารูโกะก็ต้องมานั่งเครียดกับปัญหาครอบครัว เมื่อคุณย่าของเธอป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม โดยที่แม่ของเธอไม่มาดูดำดูดีแต่อย่างใด
         มัทสึอิ บุกโจมตีชีวิตของ ฮารูโกะทุกหนทาง ทั้งจู่โจมเธอตรงๆ และจู่โจมทางอ้อมผ่านเพื่อนร่วมงานที่อายุมากกว่าเธอ ซึ่งเจอดีเข้าให้โทษฐานที่อายุ 37 ปีแล้วยังขึ้นคาน มันถือเป็นความเครียดที่ผู้หญิงญี่ปุ่นทุกคนสามารถพบเจอได้หมด
แม้จะเป็นที่รักของใครๆ ได้ง่าย แต่ฮารูโกะเป็นผู้หญิงที่ธรรมดาเกินไป แล้วเมื่อภาพของเธอปรากฏอยู่ทั่วทั้งเมือง เธอก็กลายเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงการถูกมองข้ามของสาวญี่ปุ่น กลุ่มคิลรอย (Kilroy) 3 คนเป็นผู้ทำให้ ฮารูโกะ โด่งดังขึ้นมาจากเอาโปสเตอร์ประกาศคนหายของเธอมาพ่นสีบนกำแพง แม้พวกเขาจะไม่ได้มีเจตนาส่งให้เธอกลายเป็นคนดัง แต่ Japanese Girls Never Die ต้องการสื่อถึงเจตนานั้นออกมาอย่างแน่นอน
     


    3 สหายจอมพ่นสีนี้ก็มีประเด็นน่าสนใจ มานาบุ (โชโนะ ฮายาม่า) และ ยูกิโอะ (ไทกะ) เป็นเพื่อนซี้กัน แต่ทั้งคู่จะไม่ได้ตั้งใจให้แฟนสาววัย 20 ปีของ ยูกิโอะ อย่าง ไอนะ (มิทซูกิ ทาคาฮาตะ) มาร่วมวงด้วย แม้เธอจะเชื่ออย่างจริงจังว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นแข็งแกร่ง แต่ ยูกิโอะ ยินดีให้เธอร่วมวงไพบูลย์ด้วยจนกว่าเขาจะพบกับผู้หญิงที่เด็กกว่าเธอให้ควงเท่านั้น
         เมื่อผลงานของพวกเขากลายเป็นกระแส ที่สื่อและเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างให้ความสนใจ กลายเป็นเรื่องที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สำหรับทั้ง มานาบุและยูคิโอะ ขณะเดียวกัน ไอนะ ก็เริ่มตาสว่างถึงสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ อีกด้านหนึ่งก็พลันเกิดปัญหาความรุนแรงจากแก๊งนักเรียนหญิงป่วนเมือง ด้วยหน้าฉากของพวกเธอที่แสดงให้เห็นความฮาเฮแต่แท้จริงแล้วซุกซ่อนความรุนแรงต่อเพศชายเอาไว้ บุรุษเพศจึงถูกเตือนให้ระวังตัวเวลาอยู่คนเดียวบนท้องถนนยามวิกาล
        

        กล่าวโดยสรุป Japanese Girls Never Die นำเสนอสถานการณ์ร้อยแปดพันเก้า ผ่านหลายมุมมองและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของแต่ละฝ่าย ซึ่งแตกต่างกันทั้งอายุ ช่วงเวลา รวมไปถึงการแบ่งแยกให้เห็นถึงโลกแห่งความเป็นจริงอันโหดร้าย กับโลกแฟนตาซีหวานแหววว ด้วยการช่วยเหลือของผู้กำกับภาพ ฮิโรกิ ชิโอยะ และมือตัดต่อ ซาโตโกะ โอฮาร่า ทำให้ มัทสึอิ สามารถเล่าหนังออกมาให้สัมผัสได้ถึงมุมมองและความรู้สึกอันโดดเด่น บางช่วงมาพร้อมความนิ่งและความประณีต สลับกับบางช่วงที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความความโกลาหล ผู้สร้างสามารถร้อยเรียง 3 เรื่องราวให้เป็นเนื้อเดียวกัน ผ่านมุมมองที่ครอบคลุมรอบด้านของแต่ละฝ่ายซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังอันเดือดพล่าน
        การปรับเปลี่ยนอารมณ์ไปมาระหว่างความซึ้งจริงใจ และความเย้ยหยันอย่างรุนแรงทำให้ Japanese Girls Never Die อาจเป็นหนังที่ดูไร้ระบบระเบียบ แต่เมื่อมันเริ่มตั้งหลักได้ คนดูจะสัมผัสได้ถึงใจความสำคัญของเรื่องว่า แม้ผู้หญิงจะเป็นคนชายขอบ ถูกเมินเฉย และมีบทบาทเพียงน้อยนิดในสังคมญี่ปุ่น แต่ท่าทีที่ มัทสึอิ แสดงออกมาผ่านหนังก็ยังแสดงให้เห็นว่า
พวกเธอจะ ‘ไม่มีวันตาย’ ตราบใดที่ใครบางคน หรือที่ไหนสักแห่งให้ความสนใจในตัวตนและหัวใจของพวกเธอ


Japanese Girls Never Die โมเอะไม่เคยตาย เข้าแล้ว วันนี้ในโรงภาพยนตร์


credit : Mongkol cinema
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่