เป็นตากุ้งยิงเรื้อรัง หมอบอกให้ผ่าเปลือกตาเอาก้อนไขมันออก แต่ไม่เชื่อ สุดท้ายหายได้ด้วยตัวเอง

อยากแชร์ประสบการณ์การเป็นตากุ้งยิง ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเป็นตากุ้งยิงนานหลายเดือนขนาดนี้ เนื่องจากเผลอใส่คอนแทคเลนส์หลับไป4ชม. ตื่นมาตอนตี2 ก็รีบถอดเลนส์ รู้สึกเจ็บๆบริเวณเปลือกตาล่างซ้าย ใกล้ๆหัวตา  

หาหมอวันที่1:
     หาหมอในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเจ็บตา หมอบอกว่าเป็นตากุ้งยิง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และเปลือกตาอักเสบ  หมอให้งดใส่เลนส์และเป็นป้าแว่นหลายอาทิตย์เลย รักษาทั้งหยอดตา และทานยาแก้อักเสบ

หาหมออาทิตย์ที่2:
     อาการบวมน้อยลง แต่ยังมีก้อนแข็งๆในเปลือกตา  หมอบอกเป็นตากุ้งยิงเรื้อรัง คือมีก้อนไขมันในเปลือกตา เส้นผ่าศก. ประมาณเกือบ 4 มิล เรียกก้อน Chalazion เค้าว่าร่างกายสร้างพังผืดหุ้มก้อนไขมัน ยังไงก็ไม่หาย จึงให้ยาหยอดตาที่แรงขึ้น มีsteroid ผสมอยู่ด้วย ถ้าไม่หายอีก หมอบอกว่า ต้องผ่าออก

หาหมออาทิตย์ที่3:
     หลังจากหยอดยาสเตอรอยด์นาน 7วัน ก้อนที่ว่าก็ยังใหญ่อยู่ ไม่เล็กลง หมอบอกให้หยุดยาสเตอรอยด์ เพราะมันไม่มีทางหายแล้ว และยาก็ไม่ช่วยแล้ว อาการอักเสบหายหมดแล้ว เหลือก้อนไขมันยังคงอยู่

     หมอเชียร์ให้ผ่า โดยต้องทำการเปิดเปลือกตาด้านใน เพื่อผ่าออกเท่านั้น แผลผ่าจะมีขนาดยาวประมาณ 2 มิล หมอบอกว่ามีวิธีคว้านเอาก้อนออกมาจนหมดได้  แค่คิดก็ไม่อยากผ่าแล้ว 😫 เรากลัวการผ่าเปลือกตา และรู้สึกว่าก้อนมันใหญ่พอควร จะคว้านออกมาหมดนั้น แลดูน่ากลัวมาก เลยไม่ยอมผ่าและขอหมอรอดูอาการไปก่อน


     ทำใจอยู่นาน ตัดสินใจไม่ได้ ไม่อยากผ่า คิดว่าปล่อยไปแบบนี้ก็ไม่เดือดร้อนอะไร เพราะหมอก็ให้กลับมาใส่คอนแทคเลนส์ได้แล้ว ไม่อักเสบแล้ว แต่ก็มีหงุดหงิดบ้าง เพราะก้อนมันก็ใหญ่พอสมควร และมีอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เวลายิ้ม ตาจะหรี่เล็กน้อย และก้อนที่เปลือกตาล่างจะนูนจนบดบังบริเวณตาดำประมาณ 10-20% ถ้าคนนอกมองผิวเผินไม่ทันสังเกตก็จะไม่รุ้ แต่เวลาถ่ายรูป เราจะรู้สึกรับไม่ได้เอง เห็นความนูนบนเปลือกตา และดูตาสองข้างไม่เท่ากัน กลายเป็นโรคจิต ต้องคอยเอานิ้วแตะบริเวณเปลือกตาด้านนอกเพื่อคลำดูก้อนไขมันว่าเล็กลงบ้างมั้ย

     ในขณะเดียวกัน หมอสั่งที่ฟอกเปลือกตามาให้ด้วย เอาไว้เช็ดทำความสะอาดขอบตารอบเปลือกตา หรือที่เรียกว่า "สระขนตา" มันมีประโยชน์มากเลย เพราะปกติเราจะแต่งหน้า เวลาล้างเครื่องสำอางค์ เพิ่งรู้ว่าล้างยังไงก็ไม่หมดหรอก ขนาดเอาสำลีเช็ด2-3รอบ + ใช้โฟมล้างหน้า เอานิ้วถูๆบริเวณตาด้วยตอนล้างน้ำเปล่า พอเอาที่ฟอกเปลือกตา มาลูบรอบนึง ยังเห็นคราบดำๆ เช่นพวกเศษ eye liner บางๆ ติดมาด้วยเลย

เผื่อใครอยากไปหาซื้อ "ที่ฟอกเปลือกตา" ขอแปะ Reference ไว้ตรงนี้ค่ะ ทุกวันนี้เวลารู้สึกล้างตาไม่สะอาด เคืองตา หรือมีตุ่มไขมันขึ้นที่ขอบตา ก็จะใช้ตัวนี้เช็ดขอบตาอยู่เป็นประจำ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หาหมอรอบที่4:
     เนื่องจากหมอคนแรกที่ไปมา3ครั้งบอกว่าไม่ต้องมาหาแล้ว ถ้ามาคือมาผ่าอย่างเดียว   สุดท้ายเลยเปลี่ยนรพ. ไปหา second opinion ที่ รพ.จักษุ ร ต น (เอาอักษรย่อไปละกัน ไม่ได้มาโฆษณาให้รพ. นะคะ) หมอที่ใหม่บอกว่าไม่ต้องผ่า ไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ ใช้ชีวิตปกติ ปล่อยให้ร่างกายซ่อมแซมตามธรรมชาติ เดี๋ยวมันก็จะหายไปเอง อาจจะ 3เดือน 6เดือน บางคนก็เป็นปี เราก็ถามแย้งว่า แต่มันก็อาจไม่หายใช่มั้ยคะ หมอบอกว่า "หมอตอบไม่ได้ หมอไม่การันตี บางคนหาย บางคนก็อาจไม่หาย หมอว่ามันเป็นเรื่องเล็ก แล้วไม่ต้องกลับมาหาหมออีกแล้วนะ!!" 😂

     สรุปหมอไม่ได้รักษาใดๆ เลย ไม่ได้ให้ยาไรมาด้วย เพราะหายอักเสบสักพักแล้ว แต่แค่ให้เว้นช่วงอีกอาทิตยืนึงค่อยใส่เลนส์ เพราะยังดูเปลือกตาแดงๆอยุ่เล็กน้อย

     สรุป หาหมอที่แรก รวม 3ครั้ง หมดไปรวมๆเกือบ6พันบาท ครั้งละ2พัน (ดีนะ มีประกันของที่ทำงาน เบิกได้) และหาหมอที่ใหม่อีก1ครั้ง ใช้ค่ารักษาไม่ถึงพัน คงเพราะไม่ได้รับยาอะไรกลับมาเลย

ทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น เลิกวิตกกังวล พร้อมความหวังเล็กๆว่าเดี๋ยวมันก็เล็กลง เดี๋ยวมันก็จะหาย
-------------------------------------------------------
ผ่านไป2เดือนครึ่ง:
     ลองคลำบริเวณเปลือกตาดู พบก้อนไขมันที่เล็กลงมากๆแล้ว แทบไม่นูนเลย ไม่น่าเชื่อว่าก้อนที่เคยใหญ่เกือบๆ4มิล เล็กลงได้มากขนาดนี้ แต่ยังไม่หายสนิทนะคะ แค่เล็กลงมากพอสมควร ดูด้วยตาเปล่าไม่รู้ว่าเหลือกี่มิล แต่คลำดูใช้ความรู้สึกเอาว่าความนูนมันน้อยลงมาก

     ลองคิดย้อนกลับไปว่าถ้าเชื่อหมอคนแรก ก็คงได้ผ่าเปลือกตาด้านใน มีแผลเปิดในเปลือกตา และต้องดูแลและระวังอย่างมาก และงดใส่คอนแทคอีกเป็นเดือน และไม่รู้ผ่าจะเอาก้อนไขมันออกหมดด้วยป่าว

     ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละทุน ทุกคนเลือกวิธีที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง บางคนอาจจะคิดว่าผ่านิดเดียว เดี๋ยวก็หาย แต่สำหรับเรา เรากลัวและไม่อยากผ่า และไม่ใช่จะบอกว่าหมอคนแรกไม่ดี ไม่เก่งนะคะ เค้าก็มีวิธีรักษาให้เป็นสเต็ปๆ เป็นขั้นเป็นตอน เพียงแต่ข้อสันนิษฐานบางอย่างของหมออาจไม่ถูกต้อง100% เช่น ที่หมอบอกว่าไม่มีทางหาย ฯลฯ

-------------------------------------------------------

ผ่านไปประมาณ 5 เดือน: (อัพเดท)

     ก้อน Chalazion ดังกล่าว น่าจะหายไปแล้ว เพราะลูบคลำดูก็ไม่นูนแล้วค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่