หนี้สินจากธุรกิจครอบครัว 75 ล้าน มันไม่ไหวแล้ว เครียดมาก อยากหายไปจากโลกนี้

ตอนนี้เราเครียดมากถึงมากที่สุด คิดอยากตายวันละหลายๆรอบ กับหนี้สินของธุรกิจครอบครัว 75 ล้านบาท

ธุรกิจครอบครัวเราเป็นหนี้มากมายถึง 75 ล้าน รวมทั้งในระบบและนอกระบบ สินทรัพย์มีที่ดินโรงงาน อาคารพาณิชย์2ห้อง รถ 2 คัน แต่ติดแบงค์ทั้งหมดไม่มีอะไรปลอดภาระเลย รวมถึงบ้านที่อาศัยอยู่ตอนนี้ก็ติดแบงค์อยู่ค่ะ

สาเหตุมาจากคุณพ่อเล่นที่ดินช่วงที่ที่ดินบูมหมดไปเยอะมากเอาเงินบริษัทไปลงทุน แล้วไม่ประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้ทำให้บริษัทเป็นหนี้ 200 กว่าล้าน แต่ช่วงนั้น คุณพ่อกับคุณแม่ก็กัดฟันสู้กันมาขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และยืมเงินกู้นอกระบบมาโปะ เพื่อไปประนอมหนี้กับธนาคาร โดยที่คุณพ่อจะไม่ต้องติดคุก แต่หนี้นอกระบบที่กู้มามันไม่ได้ถูกประนอมหนี้ไปด้วย ทำให้ธุรกิจที่ฟื้นขึ้นมาใหม่เริ่มใหม่จากการติดลบเกือบ50ล้าน คุณพ่อกับคุณแม่ก็ทำกันต่อมา พอลูก ๆ เรียนจบ ก็ให้เข้ามาช่วยงานที่บริษัททั้งหมด และด้วยการบริหารงานแบบคนรุ่นเก่า ที่ไม่รู้กฎหมาย ไม่รู้ระบบ แต่ก็ทำต่อกันมาเรื่อยๆ ทำให้ความเสียหายเกิดขึ้นอย่างมากมายโดยที่ทุกวันนี้คุณพ่อกับคุณแม่ก็ยังไม่รู้ว่ามันมีผลอะไรตามมาบ้าง นอกจากหนี้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากการที่คุณแม่ยืมเงินคนอื่นมาหายใจไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ญาติพี่น้อง หรือ คนรู้จัก รวมทั้งเงินจากบ้านสามีเราด้วย จนตอนนี้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นจากนอกระบบที่เกือบ 20 ล้าน เป็น 40 ล้านแล้ว เจ้าใหญ่มี2เจ้า เจ้าละประมาณ 12 ล้าน เจ้าหนี้เค้าคิดดอกเบี้ยไม่แพงร้อยละ 1.5 เท่านั้นแต่ด้วยจำนวนที่ยอดเงินกู้มันเยอะ เลยทำให้ทุกวันนี้จ่ายดอกเบี้ยให้เฉพาะหนี้นอกระบบเดือนละ 500,000 ทั้งๆ ที่ยอดขายก็อยู่ประมาณ 3-4 ล้าน ส่วนมากจะ 3 ล้านต้น ๆ ด้วยซ้ำ แล้วมันจะไปต่อไหวยังไงกัน จุดนี้คุณแม่ก็ต้องยอมรับว่าคุณแม่บริหารการเงินผิดพลาดอย่างรุนแรงมากมายมหาศาล เราเชื่อลึก ๆ ว่า คุณแม่คงเคยคิดอยากจะเลิกกิจการแต่ไม่รู้จะเลิกยังไง เพราะมันมีผลกระทบหลายฝ่ายมากมาย

ระบบการทำธุรกิจสมัยนี้กับสมัยรุ่นคุณพ่อมันไม่เหมือนกัน เมื่อก่อนทำธุรกิจอาจจะสบายกว่านี้ ไม่มีงานระบบไม่มีงานเอกสาร ไม่มีมาตราฐานต่างๆที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ไม่ต้องทำอะไรเยอะแยะมากมาย กฎหมายก็ไม่เข้มงวดเหมือนสมัยนี้ จะเอาเหมือนเดิมทุกอย่างไม่ได้แล้ว แต่ด้วยคุณพ่อติดนิสัยที่จะสั่งให้คนทำงาน แล้วไม่ได้ไปดูแลเอง ผลกระทบเสียหายหลัก ๆ ก็เลยตามมาจนถึงปัจจุบันนี้ รวมถึงการปล่อยเครดิตให้ลูกค้ามากมายมหาศาลตั้งแต่ก่อนที่ลูกๆจะเข้ามาทำงานอีก บางเจ้า สิบกว่าล้าน บางเจ้า 3 ล้าน สองล้าน ล้านกว่าบ้าง มีที่ไปกู้เงินซื้อบ้านให้ลูกค้าอีก เอาไปให้เพื่อนยืมอีก มีแต่พังกับพังล่ะแบบนี้ แต่ด้วยที่เราเป็นลูกและไม่กล้าขัดคำสั่งคุณพ่อ คุณพ่อจะทำอะไรก็ปล่อยให้ทำ มันก็เป็นผลที่เลวร้ายมากในปัจจุบัน เพราะลูกหนี้ทุกรายคุณพ่อไม่ได้ทำหลักฐานการกู้ยืมเงินไว้เลย เท่ากับว่าหนี้ของลูกหนี้คือหนี้สูญ เคยบอกให้ทำสัญญาแต่คุณพ่อก็ไม่ทำ เราเป็นลูกก็ทำอะไรไม่ได้เพราะการตัดสินใจของคุณพ่อคือคำสั่งเด็ดขาดใครห้ามขัด แต่คุณพ่อไม่เคยยอมรับว่าคุณพ่อผิดพลาด และยังจะทำดื้อรั้นทำแบบเดิมๆต่อไป

การปล่อยปะละเลยงานด้านระบบบัญชีเพราะเห็นว่ามีคนที่ไว้ใจได้ดูแล และการทำบัญชีแบบไม่ค่อยถูกต้องซักเท่าไหร่จากความไม่รู้กฏหมายหรืออาจจะคิดว่าถูกแต่จริงๆมันไม่ถูก แต่เราเป็นคนเซ็นเป็นผู้ทำบัญชีของบริษัทมานานเป็นสิบปีแล้ว ถ้าเกิดปัญหาเราก็ต้องรับผิดชอบตรงจุดนี้ถึงเราจะไม่ได้เป็นคนทำบัญชีจริงๆเพราะมีพนักงานทำบัญชีทำให้แต่เค้าไม่มีวุฒิเซ็นทำบัญชี เราเลยต้องเป็นคนเซ็น และเราก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบอยู่ดี


ช่วงนื้บริษัทขาดสภาพคล่องอย่างหนัก หมุนแบบวันต่อวันจริงๆ เครียดมาก ตอนนี้เราหยุดจ่ายต้นจ่ายดอกเบี้ยหนี้นอกระบบทั้งหมดเหลือแต่ชำระให้กับธนาคารเท่านั้น เพราะไม่มีจ่ายแล้วจริงๆ ไม่ไหวแล้ว เจ้าหนี้โทรมาก็ต้องขอร้องเค้าไปก่อนเพราะเราไม่ไหวกันจริงๆ เงินเดือนพนักงานแต่ละวีคก็หามาจ่ายได้แบบเฉียดฉิวและต้องลุ้นตลอดเวลา เหนื่อยมาก ก็ไม่รู้ว่าจะไหวจนถึงเมื่อไหร่ เงินกู้นอกระบบเจ้าใหญ่กู้มานานแล้วเป็นสิบปีแล้ว จ่ายเอกเบี้ยเกินเงินต้นไปแล้วแต่ว่าเงินที่ยืมมาเจ้าหนี้ก็อยากได้คืน ใจเขาใจเรา ถ้าเป็นเราเราก็อยากได้คืน เหมือนที่เราก็อยากได้เงินจากลูกหนี้เราคืนเหมือนกัน ลูกหนี้ที่สูญไปประมาณ 20 ล้าน มันเละตุ้มเป๊ะไปหมด

พนักงานที่ทำงานอยู่ก็เป็นคนเก่าแก่สมัยคุณพ่อแล้วทำกันมานานมีคนใหม่ๆประมาณ 10 คน จาก 40 คน แล้วบริษัทขึ้นเงินเดือนให้น้อยมาก โบนัสไม่มี สวัสดิการไม่มี นอกจากประกันสังคม ปีนี้ก็ขึ้นเงินเดือนให้ไม่ไหวอีกก็เลยไม่ได้ขึ้น แล้วพนักงานจะอยู่กับเราไหวไหม ก่อนหน้านี้พอมีคนลาออกไปเราก็ไม่ได้รับคนเพิ่มทำกันเอง จนตอนนี้ไม่สามารถขาดใครได้เลยสักคนเดียว มันง่อนแง่นมากๆ เปราะบางมากๆ พร้อมหยุดได้ตลอดเวลา ถ้าเจอเหตุอะไรมากระทบ คอมพิวเตอร์ เครื่องปริ้นท์ โปรแกรม อุปกรณ์ต่างๆ ก็เก่าๆพังๆ เพราะเงินที่จะไปบำรุงรักษาก็ไม่มี และไม่ซัพพอร์ตกับโปรแกรมเก่าที่ใช้งานอยู่ แต่ คุณพ่อ คุณแม่ น้องชาย น้องสาว บอกว่าเราต้องสู้ต่อ ถ้าหยุด เราจะไม่มีโอกาสใช้หนี้ได้เลยแต่ถ้าสู้ต่อยังมีโอกาสได้ใช้ และถ้าหยุดตอนนี้น้องชายจะโดนหนักที่สุดเพราะเป็นกรรมการบริษัทและเซ็นเช็คไว้หลายใบมากๆ ไหนจะเรื่องกฏหมายแรงงานเงินชดเชยพนักงาน ซึ่งไม่มีจ่ายแน่นอน ประกันสังคม กองทุนทดแทน เรื่องระบบบัญชี กรมสรรพากร ภาษีต่างๆ เจ้าหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งนอกระบบมีมากกว่าในระบบ ตอนนี้ก็ยังยื้อกันอยู่ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าจะยื้อได้อีกนานแค่ไหน หรือกำลังรอนับวันถอยหลัง


จริงๆ ถ้าเราเลือกได้เราไม่อยากมาทำงานธุรกิจของครอบครัวนะ เราอยากทำงานข้างนอกเป็นพนักงานออฟฟิสธรรมดา ใช้ชีวิตธรรมดาๆ ตั้งแต่เรียนจบแล้ว แต่คุณพ่อขอให้มาช่วยงานที่บริษัท เพราะหลังจากรอดช่วงที่คุณพ่อเกือบล้มมาได้ แต่บริษัทก็เริ่มต้นใหม่จากการติดลบ 50 ล้าน คุณพ่ออยากให้มาช่วยกันทำ ซึ่งเราเป็นลูกเราเลยปฏิเสธไม่ได้ รวมถึงน้องๆของเราด้วย กลายเป็นว่ามารวมกันตายหมู่ด้วยกันที่ธุรกิจนี้ เราเคยคิดนะว่าถ้าคุณพ่อยอมล้มตั้งแต่ตอนนั้นชีวิตครอบครัวเราคงไม่ต้องเป็นแบบนี้ไม่รู้คิดแบบนี้บาปหรือเปล่า



ปกติเวลาอ่านกระทู้คนเป็นหนี้เยอะ ๆ เค้าจะมีทรัพย์สินเพื่อที่จะขายเพื่อมาชำระหนี้ แต่ของเราไม่มีเลยไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร  มันคงเป็นวิบากกรรมที่คนในครอบครัวเราทำร่วมกันมา ถึงต้องมาประสบพบเจอกับเรื่องราวแบบนี้ เรารู้นะว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทำตัวอ่อนแอ นั่งร้องไห้ ฟุ้งซ่าน หรือเครียดหนักๆ แต่เราอดคิดไม่ได้ทำยังไงก็หยุดคิดไม่ได้ นอนไม่หลับสักคืน กินได้น้อย ทรมานมาก เครียดมาก กลัวไปหมด กลัวชีวิตต่อไปข้างหน้า ลูกเราก็ยังเล็กมาก ไม่ถึงขวบเลย เราจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง หมดแรง หมดพลัง ท้อแท้มาก ไม่ว่าจะเป็นชีวิตความเป็นอยู่หลังจากนี้ หรือ จะเลี้ยงลูกให้โตมายังไง ไหนจะเรื่องคดีความอีก เรายอมรับว่าเราไม่ใช่คนเข้มแข็ง เราไม่เคยเจอปัญหาหนักๆ และพอเจอมันก็เป็นปัญหาที่หนักมากบนไม่รู้จะแก้ได้อย่างไร สงสารคุณพ่อคุณแม่อายุก็มากสุขภาพก็ไม่ค่อยแข็งแรงแล้วยังต้องเหนื่อยต้องสู้กันต่อไป ทำมาทั้งชีวิตเพื่อคนอื่นจริงๆแถมยังสร้างกรรมกับเจ้าหนี้อีก ถึงแม้เรื่องที่เกิดขึ้นหลักๆมันมาจากท่านทั้งสอง แต่พวกเราทุกคนก็มีส่วนผิดด้วยกันทั้งหมดมากน้อยแตกต่างกันไป ตอนนี่เราไม่มีแรงทำอะไรเลย อยากร้องไห้ อยากหายไปจากโลกนี้ คิดอยากตายเป็นพักๆในแต่ละวัน แต่ก็กลัวบาป อยากนอนกอดลูกเดียวเลย เพราะไม่รู้จะได้กอดเค้าอีกนานแค่ไหน เห็นหน้าเค้าก็อยากร้องไห้ เค้าไม่น่าเกิดมาต้องลำบากไปกับเราเลย น่าสงสารที่สุด ความรู้สึกอยากตายเรามาเป็นพักๆเกือบทุกวัน เหนื่อยมาก ที่ต้องสู้กับความรู้สึกแบบนี้เครียดจนอยากจะอาเจียนออกมา อยากร้องไห้ตลอดเวลา ทรมานมากในแต่ละวันที่ผ่านไป ทำอย่างไรให้ความคิดอยากตายออกไปจากหัว แต่ตอนนี้เราสู้ไม่ไหวจริงๆค่ะ

อยากขอคำแนะนำกรณีถ้าเราจำเป็นต้องปิดบริษัทจริงๆปิดแบบไปต่อไม่ไหวไม่มีเงินแล้วเงินในครอบครัวก็แทบไม่มีแล้วเพราะไปลงกับบริษัทหมด ครอบครัวเราจะเจอผลกระทบอะไรบ้าง สภาพจิตใจตอนนี้เราควรจะไปหาจิตแพทย์ไหมจะพอช่วยอะไรเราได้ไหม เราเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า ตอนนี้เราเครียดมากจนสามารถร้องไห้ได้ตลอดเวลาเลย ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ


ป.ล. อยากถูกล็อตเตอรี่สัก 90 ล้าน จะเอาเงินมาปิดบริษัทไปเลย ปิดแล้วไม่เหลืออะไรก็ไม่เป็นไรแค่ขอไม่ต้องเป็นหนี้อีกแล้วก็พอ เหนื่อยแสนสาหัสทั้งกายและใจเลยค่ะตอนนี้ มันจุกจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่อยากท้อ ท้อแล้วสงสารคุณแม่เพราะท่านก็กำลังสู้สุดตัวมาเห็นเราท้อแล้วท่านก็ท้อ แต่เราก็อดคิด อดเครียด อดร้องไห้ไม่ได้จริงๆ ความจริงที่ต้องเจอมันน่ากลัวเกินไป อยู่แบบหวาดระแวงแบบนี้ไม่รู้จะทนอยู่ได้อีกนานแค่ไหนกัน ทุกวันนี้ก็เหมือนจะหมดแรงเต็มทนแล้วค่ะ เราว่าตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยทำเดือดความเดือดร้อนให้ใคร ช่วยเหลือคนอื่นเสมอถ้าเราสามารถทำให้ได้ มีน้ำใจกับเพื่อนๆหรือคนรอบข้างมาตลอด โดยเฉพาะกับคุณแม่ ท่านให้มาตลอด จะมีเรื่องหนี้ที่ไปกู้มานี่แหละที่ท่านไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่ทำไมชีวิตพวกเราถึงต้องเป็นแบบนี้ หรือมันอาจจะมาจาก กรรมที่ทำร่วมกันมาจากชาติที่แล้ว มันหนักหนาสาหัสเหลือเกินจนจะทนไม่ไหวแล้วค่ะ ทำไมชีวิตถึงต้องเป็นแบบนี้ด้วย แอบน้อยใจในโชคชะตาจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
เพื่อนเราตอนพ่อเสีย มีหนี้ธุรกิจเกิน 100 ล้าน  ตอนนี้กู้กลับมาได้หมดแล้ว สร้างดรงงานใหม่กำลังจะเสร็จ กำลังขยายธุรกิจเพิ่มอีก
หนี้ธุรกิจเวลาคุณกู้มันกลับมาได้ มันก็พลิกชีวิตนะคะ สู้ ๆ ค่ะ
หนี้ธุรกิจ ดีกว่าหนี้การพนันอะไรพวกนั้นเยอะ
ความคิดเห็นที่ 19
อื้ม ผมมองว่า สิ่งแรกที่ต้องคิดคือ ไม่ยอมแพ้ ครับ มีหลายคนที่มีหนี้จำนวนมากอย่างที่เคยเห็น ๆ กันคือ คุณป๊อบ เจ้าของเถ้าแก่น้อย ขานั้นของพ่อแม่เป็นหนี้หลักร้อยล้านนะครับ เขาไม่เคยยอมแพ้ พยายามสร้างตัวเองจาก 0 หรือ ติดลบ ด้วยซ้ำ

ทีนี้ สิ่งถัดมาคือ ต้องขออำนาจบริหารจัดการมาดูแลเองครับ กับ น้องชาย คุณ ไม่ให้คุณพ่อ คุณแม่ เข้ามามีเอี่ยว พูดง่าย ๆ คือ ยึดอำนาจ นั่นแหละครับ บริษัทที่มียอดขายเดือนละหลายล้าน ผมว่า น่าจะยังพอไปได้นะครับ เพียงแต่ว่า อะไรที่จำเป็นต้องลด ก็ให้ลดครับ รวมถึงพนักงานด้วยครับ คุณและ น้องชาย อาจจะต้องทำงานหนักกว่าเดิมหลายเท่าครับ อะไรที่มีช่องทางที่จะเพิ่มรายได้ให้บริษัทตัวเองก็ทำครับ หนี้เก่า ๆ ที่เคยให้ใครยืมไป ถ้าเอาคืนกลับมาได้ ก็ให้พยายามเอาคืนมาครับ ลองค้นหาหลักฐานเท่าที่จะเป็นไปได้ และ ไม่ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ ครอบครัวเรา เว้นแต่ว่า เขายังมีอะไรให้เรามากกว่าเงินที่เขายืมไป อะไรพวกนั้นครับ

อาจจะฟังดูชั่วร้ายนะครับ แต่ผมว่า บางทีเราก็ต้องเด็ดขาดครับ ผลประโยชน์คือผลประโยชน์ครับ พยายามเข้านะครับ
ความคิดเห็นที่ 23
เท่าที่ดู เหมือนเป็นปัญหาครอบครัว มากกว่าปัญหาธุรกิจนะครับ แต่จริงๆก็คงเกี่ยวเนื่องกัน

1. การบริหารที่ไม่ดีของพ่อ หรือความหน้าใหญ่ ไม่ใส่ใจ อะไรก็แล้วแต่
   คุณต้องจัดการครับ อันนี้ต้องเลือกแล้วละครับ ว่าจะเอายังไง คุณโตแล้ว "ต้องคุยให้ได้"

   "ขั้นตอนแรกของการจัดการและแก้ไขปัญหาคือ ทุกคนต้องยอมรับว่ามันเป็นปัญหา" ไม่ใช่หนี หรือทำนิ่งไปเรื่อยๆ
   การที่คุณมารับช่วงธุรกิจเลย โดยไม่เคยทำงานที่อื่น มันอาจทำให้คุณไม่เห็นมุมมองอื่นๆนะครับ หรือไม่ก็ต้องเกรงใจ คนเก่าคนแก่ ไปซะหมด
   ถ้าแบบนี้ อันตรายเหมือนกันนะครับ
   แต่การโอนทุกอย่างมาให้ลูกชายที่เป็นกรรมการนี่น่ากลัวมากเลยนะครับ เพราะถ้าติดปัญหาอะไรมากขึ้น ชีวิตต่อไปของเค้าจะเหนื่อยอีกเยอะเลย
   จริงๆ คงไม่ได้แนะนำให้ คุณพ่อคุณล้มนะ สงสารเจ้าหนี้ แต่ถ้ามันไม่ได้จริงๆ โอนกลับไปครับ คนอายุน้อย ยังไปลืมตาอ้าปากได้ครับ

   ที่พลาดไปแล้วคือ ดันไปกลัวแบงค์ แล้วไปกู้นอกระบบ ซึ่งจริงๆแล้ว การประนอมหนี้กับแบงค์ ง่ายกว่ากับคนครับ
   เพราะเค้ามีขั้นตอน และมีกฎหมายควบคุมเต็มไปหมด แต่ก็แน่แหละ บางครั้ง มันดูน่ากลัวกว่า เพราะขั้นตอนบางครั้งมันไปเร็ว ไม่เหมือนเจ้าหนี้
   นอกระบบ ที่ผัดผ่อนได้  

    วิธีแก้ที่พอจะแนะนำได้ คือ ถ้าเคยให้ใครเค้าไว้ มีบุญคุญใคร ก็ต้องรู้จักทวงครับ คุณเป็นลูก ทำมึนๆ ไปทวงเลยครับ ไม่มีสัญญา
    ก็ลองดู ขำๆ ได้กลับมาบ้างก็ยังดี ไม่ได้ตังค์ ได้คำแนะนำ ได้ชื่อลูกค้าใหม่ หรือให้ลองไปขายใครเพิ่มได้ก็ยังดี ถ้าเป็นเรื่องการให้เครดิต
    น่าจะพอมีเอกสาร หรืออะไรที่จะไปยันได้บ้างนะครับ ใบส่งของก็ยังดี (ถ้ามีนะ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของกระทู้ทำธุรกิจอะไร)
    คนสมัยก่อน เค้าเน้นสัจจะกัน อาจจะยังพอมีคนมีน้ำใจ กันบ้าง (มั้ง) นะครับ
    อย่าปล่อยเวลา จนผ่านไปถึงรุ่นลูกเด็ดขาด ถ้าแบบนี้ สูญแน่ๆ

2. เห็นว่ามัวแต่อ่านกระทู้ คนเป็นหนี้ อืม.. มันก็มีประโยชน์บ้างแหละครับ แต่อาจจะไม่ได้สำคัญสำหรับคุณขนาดนั้น
    รีบหาความรู้เลยครับ ระบบบัญชี ระบบการจัดการ เดี๋ยวนี้ข้อมูลในอินเตอร์เนต มันเยอะมากกกกกกก ถ้ารู้จักหาครับ
    ผมเจอคำว่า "ไม่รู้" ในประโยคของคุณเกิน 10 คำครับ ผมว่ามันมากเกินไป สำหรับคำทำธุรกิจ

3. ผมไม่ทราบพื้นหลังของครอบครัวคุณนะครับ แต่ถ้ามันมีปัญหาเยอะแล้ว ต้องจัดการตัวเอง (และครอบครัว) ครับ ประหยัดให้มากๆ
    จะมัวแต่รักษาหน้าตัวเองไว้ คงไม่ได้แล้วล่ะครับ เคยมีคนรู้จักผมเหมือนกัน รักษาหน้าโชว์หรูแทบตาย ลูกเรียนอินเตอร์
    แต่สุดท้ายหมายศาลแขวนหน้าบ้าน ก็จบกันครับ ภาพลักษณ์ที่สร้างไว้ ... ไม่มีประโยชน์
    หาช่องทางหาเงินอื่นๆ หารายได้เพิ่มด้วยครับ ผมว่าทำได้ครับ
    กรณีธุรกิจครอบคัวแบบนี้ เวลาแก้ปัญหา ก็ต้องแก้ทั้งครอบครัวครับ ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนนึง ต้องร่วมมือกันครับ

ป.ล. ทิ้งท้าย เท่าที่อ่านมา ผมว่าคุณยังไม่ถึงกับจนหนทางนะครับ ยังมีเงินที่เข้ามาในธุรกิจอยู่ และมีลูกและสามี เป็นกำลังใจให้สู้ต่อ
ก็สู้ๆ ละกันนะครับ
ความคิดเห็นที่ 1
ใจเย็นๆครับ ถึงจะเป็นหนี้ สักพันล้าน ใครก็เอาชีวิตคุณไปไม่ได้หรอก

ถึงล้มละลาย แต่ชีวิตยังดำเนินต่อได้ครับ ขอแค่ยังอยู่ก็พอ  ตายไป ไม่ได้อะไรเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่