10 เทคโนโลยีในอนาคตที่อาจเปลี่ยนโลก

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ  วันนี้กระทู้วิทยาศาสตร์ทั่วไปผมขอเสนอเรื่อง 10 เทคโนโลยีในอนาคตที่จะเปลี่ยนโลก
เป็นเนื้อหาแปลมาจากการคัดเลือกและจัดอันดับโดย Technologyreview.com  เชิญอ่านครับ อมยิ้ม01

1. การแก้ไขอาการอัมพาต
  ทีมนักประสาทวิทยาฝรั่งเศส  ได้มีการทดลองโดยติดตั้งอุปกรณ์อ่านคลื่นไฟฟ้าสมอง
ใว้ที่ลิงแสมที่เป็นอัมพาต  และต่อสายสัญญาณไปที่บริเวณเยื่อประสาทไขสันหลังของลิง
ปรากฏว่า เมื่อทดลองย้ายตำแหน่งสายสัญญาณจนถูกต้องแล้ว  ลิงตัวนั้นสามารถขยับขาได้

จากการทดลองนี้  สร้างความหวังให้กับการรักษาอาการอัมพาตของมนุษย์ได้มาก
โดยที่ผ่านมาได้มีการสร้างแขนกลที่ทำงานด้วยการสั่งงานด้วยคลื่นไฟฟ้าจากสมองมนุษย์
แต่บัดนี้ นักวิจัยกำลังจะก้าวต่อไปกับการรักษาอัมพาตด้วยวิธีที่ตั้งชื่อว่า "Neural bypass"
ซึ่งทำโดยติดตั้งอุปกรณ์อ่านคลื่นไฟฟ้าสมองและส่งไปที่ตัวรับแบบไร้สายที่ติดตั้ง
ตามอวัยวะต่าง ๆ ที่มีปัญหาไม่สามารถขยับได้

ภาพอุปกรณ์รับสัญญาณไฟฟ้าจากสมอง


ที่มหาวิทยาลัย Cae western reserve ,Cleveland  มีผู้ป่วยอัมพาตท่านหนึ่งที่มีอาการอัมพาต
ตั้งแต่ศีรษะลงไป  ได้ยินยอมให้ทีมวิจัยฝังอุปกรณ์รับคลื่นไฟฟ้าสมอง  อุปกรณ์นี้มีขนาดเล็ก
กว่าแสตมป์และมีขั้วไฟฟ้าจำนวน 16 ขั้วต่อไปยังกล้ามเนื้อแขน ขา มือ  จากการทดลอง
ได้ผลลัพท์อันน่าทึ่ง  โดยผู้ป่วยสามารถยกแขน ขา ได้อย่างช้า ๆ โดยมีอุปกรณ์ช่วยแรง
เป็น Spring-load arms  อีกทั้งยังสามาถยกถ้วยน้ำที่มีหลอดดูดเข้าปากได้ด้วย
ซึ่งโดยปกติแล้ว  หากไม่มีอุปกรณ์นี้  เขาจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยสักอย่างเดียว

ปัจจุบันนี้ ศูนย์วิจัยประสาทวิทยาแห่งนี้กำลังพัฒนาและทดลองเรื่องนี้ต่อไป
และหวังว่าในอีก 10 - 15 ปี ข้างหน้าจะสามารถรักษาอัมพาตได้อย่างสมบูรณ์ครับ

ภาพชัด ๆ ของอุปกรณ์นี้



2. รถยนต์ที่ขับเองได้
บริษัท Otto motors กำลังพัฒนาระบบของรถยนต์ที่ขับเองได้โดยอัตโนมัติ
โดยได้ติดตั้งใช้งานจริงแล้วในรถบรรทุก Volvo รุ่น 780 Semis  ทาง Otto กล่าวว่า
อุปกรณ์ตรวจจับที่ใส่เข้าไปในระบบนี้  มีคุณภาพใกล้เคียงจรวดนำวิถีเลยทีเดียว
เทคโนโลยีสำคัญในระบบ sensor นี้  เรียกว่าระบบ LIDAR (Light Detection and Ranging)
มันคือระบบที่ยิงแสง LASER pulse ไปรอบ ๆ ตัวรถเพื่อตรวจสภาพแวดล้อมรอบรถ
ปัจจุบันอุปกรณ์ LIDAR จากผู้ผลิตทั่วไปมีราคาสูงถึงชุดละ 3.5 ล้านบาท
แต่ทาง Otto สามารถออกแบบอุปกรณ์ชุดนี้สำหรับใช้งานทั่วไปในราคา 300,000 บาท
ระบบที่สมบูรณ์จะใช้งานได้ในประมาณ 5 ปีจากนี้

Volvo 780 Semis  ที่ติดตั้งระบบขับอัตโนมัติ


3. ระบบตรวจจับใบหน้า Face ++
ที่ประเทศจีนขณะนี้  ระบบตรวจจับใบหน้าที่มีชื่อว่า Face ++  ได้ถูกนำมาใช้แพร่หลายมาก
โดยนำเอาใบหน้าเป็นลายเซ็นประจำตัวของคนกว่า 120 ล้านคน มาเป็นการยืนยันการชำระเงิน
และการผ่านเข้าอาคารต่าง ๆ  ซึ่งระบบจดจำใบหน้ามีมานานนับสิบปีแล้ว  แต่ตอนนี้มีความ
ถูกต้องมากพอที่จะนำไปใช้ในธุรกรรมการเงิน  การรักษาความปลอดภัย
ทางบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน Baido (ไป่ตู้) ได้พัฒนาระบบให้คนสามารถรับตั๋วรถไฟได้
โดยการแสดงใบหน้า ซึ่งทางบริษัทยืนยันความถูกต้องถึง 99%


4. อนาคตของ Quantum Computers
ในทุกปี Quantum Computers จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงว่ามันสามารถใช้งานได้จริงหรือยัง ?
ในปีนี้ทางบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google  IBM  Microsoft และ Intel  ได้ระดมทุนสำหรับการวิจัย
ในด้าน Microelectronic , Hardware ที่ซับซ้อน และ software ที่ใช้กับ Quantum Computers
ทาง Microsoft ได้เร่งการวิจัยแก้ปัญหาใหญ่ของระบบนี้ คือเรื่องของ Qubits .... qubits คือ การแปลค่า
สถานะของข้อมูลในระบบ quantum computer ซึ่ง (อาจ) จะเกิด error ได้ง่าย   ขณะนี้นักวิจัยกำลังพัฒนา
ให้เครื่องสามารถประมวลผลได้ขนาด 10 - 20 qubits  ซึ่งจะเร็วกว่า Super computer ในปัจจุบันถึง 3 เท่า  
และในอนาคตทาง Google มีแผนพัฒนาระบบให้เร็วได้ถึง 49 qubits ซึ่งจะเร็วกว่า super computer ปัจจุบันถึง 7 เท่า
นักวิจัยเห็นพ้องกันว่า  ในอนาคตอันใกล้ Quantum computer จะทะยานสู่ระดับ 30 - 100 Qubits ได้
และนั่นจะสามารถปฏิวัติวงการวิศวกรรมหลายแขนงได้ครับ

ภาพของ Quantum Computer ต้นแบบ


5. Selfie 360 องศา
ปัจจุบันนี้  กล้อง 360 องศา ได้แพร่หลายมากแล้วในราคาที่ทุกคนซื้อได้ในราคาหมื่นต้น ๆ เท่านั้น
กล้องแบบนี้ถูกนำไปใช้ในหลายงานทั้งเรื่องบันเทิง  การแพทย์  ทางผู้ผลิตได้ออกแบบให้ผู้ใช้งาน
สะดวกมากขึ้นด้วย Apps หลากหลายด้วยอัลกอริทึมที่พัฒนาไปมาก  ปัจจุบันนี้กล้อง 360 องศา
มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 2%  ซึ่งกลุ่มบริษัทผู้ผลิตจะพยายามพัฒนาความสามารถให้ตีตลาด
ได้ถึง 5% ในสิ้นปี 2017 นี้

ภาพกล้อง Kodak 4K  Picpro360


6. Hot Solar cell
ทีมนักวิทยาศาสตร์ของ MIT ได้วิจัยและคิดค้นอุปกรณ์ชนิดใหม่ในการรับพลังงานจากแสงอาทิตย์
ได้มีประสิทธิภาพมากกว่า Solar cell ปัจจุบัน  โดยการแปลงแสงแดดไปเป็นพลังงานความร้อน
และแปลงกลับไปเป็นแสงที่ตัว Cells สามารถนำไปใช้ผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เทคโนโลยีนี้
เรียกว่า Solar Thermophotovoltaics  ซึ่งใน Solar cells แบบเดิมจะรับแสงอาทิตย์ในย่านตั้งแต่แสงสีม่วง
ลงไปจนถึงแสงสีแดง  แต่งานวิจัยใหม่นี้จะสามารถดึงพลังงานอีกประมาณ 30% ออกมาได้
จากพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีอยู่  แต่ขณะนี้ทีมวิจัยจาก MIT สามารถทำได้เพิ่มขึ้นมา 6% เท่านั้น

ต้นแบบอุปกรณ์ Solar Thermophotovoltaics


7. ยีนบำบัด 2.0
การรักษาเด็กที่ป่วยด้วยภาวะโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องปฐมภูมิ (SCID) นั้น  ปัจจุบันมีวิธี
การรักษาด้วยวิธี Gene therapies ซึ่งทีมวิจัยได้ตั้งความหวังว่าจะรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ
ของการเสียชีวิตของคน เช่น เบาหวาน , โรคหัวใจล้มเหลว และ มะเร็ง  การรักษาแนวใหม่
2 วิธีนี่คือ เทคโนโลยี Strimvelis สำหรับรักษาเด็กที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรงชนิด ADA
และไม่มีผู้ใดสามารถบริจาคไขกระดูกให้ตรงได้  และอย่างที่สองคือเทคโนโลยี  Glybera
ของบริษัท UniQure โดยเป็นเทคโนโลยีรักษาโรคเลือดในเด็กชนิดพบยาก


8. The Cell Atlas  แผนที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์
ปัจจุบันนี้  ในวงการแพทย์ชีววิทยาได้มีโครงการที่จะทำอภิมหา project คือ การทำแผนที่เซลล์ของมนุษย์
project ดังกล่าวจะดำเนินการทำแผนที่เซลล์จำนวนประมาณ 37 ล้าน-ล้าน เซลล์ในร่างกาย
โดยสมาคมแพทย์จากหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา , สหราชอาณาจักร , สวีเดน , อิสราเอล
เนเธอร์แลนด์  และ ญี่ปุ่น  ได้มาประชุมกันเรื่องการจัดสรร  จัดหมวดหมู่ของเซลล์  และกำหนดรหัสต่าง ๆ
รวมทั้งการทำแผนที่ 3 มิติในร่างกายเรา  ก่อนหน้านี้ได้เคยมีการพยายามรวมรวมจัดหมวดหมู่เซลล์
หลายประเภทแล้ว  ปรากฏผลลัพท์ประมาณ 300 รูปแบบ  ซึ่งแน่นอนว่าในร่างกายทั้งหมดจะมีเยอะกว่านี้มาก

อภิมหา project นี้  กำลังได้รับการสนับสนุนความร่วมมือจาก Britain's Sanger Institute
สถาบัน MIT  และ Harvard  และได้รับทุนวิจัยจาก Mark Zuckerberg


9. Botnet of things
หนึ่งในภัยบนโลก Internet คือ Hacker  ที่ผ่านมาเคยมี hacker ใช้การทำงานของ Botnets โจมตี
เว็บต่าง ๆ ให้ล่มจนใช้งานไม่ได้  และตอนนี้ ปัญหากำลังเลวร้ายลงไปอีก  เพราะ "ของเล่น" หรือ Gadget
หลายอย่างในโลกแห่ง Internet of things กำลังจะเป็นเครื่องมือของเหล่า hacker ด้วยช่องโหว่ความปลอดภัย
ของอุปกรณ์เหล่านี้  ในปีที่แล้ว  Gadget กว่า 1 แสนชิ้นถูก botnets เล่นงานทำให้เครือข่ายล่ม
Botnets จะไปสร้างความเสียหายโดยทำให้เกิดการ fraud หลายอย่าง  ทั้งการโฆษณา  การโจมตีเครือข่าย
อีกทั้งมันสามารถหลบเลี่ยงการกรอง Spam ด้วย

การป้องกันที่ดีที่สุดคือ  อุปกรณ์ใด ๆ ที่ online ได้  จะต้องทำงานกับ software ที่ปลอดภัยสูง


10. ระบบปัญญาประดิษฐ์ในรถยนต์
ในการประชุมเรื่อง Artificial-intelligence (AI) ที่กรุง Barcelona ปลายปีที่ผ่านมา
มีการสาธิตระบบปัญญาประดิษฐ์ในรถยนต์ที่สร้างความฮือฮาได้มาก คือ
การออกแบบระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ควบคุมการขับรถยนต์แบบใหม่  ที่สามารถ
เรียนรู้บางอย่างได้เอง  คือในช่วงแรกตัว software จะควบคุมรถไปตามปกติ
แต่เมื่อเกิดสถานการณ์ที่จะต้องหลบหลีกกัน  มันสามารถคุมรถในครั้งต่อไปได้อย่างราบรื่น
และเหมาะสมกว่าครั้งแรก  ระบบนี้มีการทำงานเหมือน AlphaGo ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์
ที่เล่นหมากล้อมชนะเซียนหลายท่าน  ระบบนี้ร่วมพัฒนาโดย Google และ Deepmind  
โดยจะพัฒนานำมาใช้จริงใน 2 ปีนี้ครับ


เนื้อหาแปล และ สรุปจาก  https://www.technologyreview.com/lists/technologies/2017/
สวัสดีครับ อมยิ้ม17

หมายเหตุ
ผมได้เปิด Web ขึ้นมา 1 web ครับ  มีจุดประสงค์ในการเผยแพร่ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทั่วไป และ ดาราศาสตร์  
โดยจะเลือกเนื้อหาจากกระทู้ที่ผมตั้งเอง  และ  เนื้อหาที่ผมไปตอบใว้ในกระทู้อื่น  ขณะนี้กำลังเริ่มทำไปเรื่อย ๆ ครับ  
Web นี้สร้างโดยใช้ Wordpress ครับ  ท่านที่สนใจกรุณาไปเยี่ยมชมได้ที่นี่ครับ ----> http://navy007.net/heroproject
คาดว่า  เนื้อหาจะคัดเลือกทยอยลง web เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้ครับ  คาดว่าจะให้ถึง 100 บทความก่อนครับ

ฝากด้วยครับ  ขอบคุณครับ อมยิ้ม17
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่