03032560 วิเคราะห์อนาคตการเมืองและการปฏิรูปประเทศไทย โดย ธีรยุทธ บุญมี

ใช้เป็นข้อมูล  For Your Infromation : FYI
... สรายุทธ เสาร์ 4 มี.ค. 60 #SKunlong

04032560   อ่านต้นฉบับตัวจริง  ที่ปู่จิ๊บ ได้มากับมือ จาก อาจารย์ธีรยุทธ บุญมี

03032560 วิเคราะห์อนาคตการเมืองและการปฏิรูปประเทศไทย  วิพากษ์ แนะนำ วิธีคิด คสช และรัฐบาลพลเอกประยุทธ์

โดย   ธีรยุทธ บุญมี
https://ppantip.com/topic/36175919
• 1   ทิศทางอนาคตการเมืองไทย

การเมืองไทยทุกสมัยเป็นการแย่งชิงอำนาจครอบงำหรือครอบนำ (hegemony) อำนาจรัฏฐาธิปัตย์

การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 คือการที่กลุ่มพลเรือนทหารแย่งชิงอำนาจมากจากราชวงศ์ การเมืองในช่วงถัดจากนั้นก็คือความขัดแย้ง 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายประชาธิปไตยและสังคม-ประชาชนนิยมของปรีดี พนมยงค์

และฝ่ายอนุรักษ์และจารีตนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ของควง อภัยวงศ์ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และ

ฝ่ายเผด็จการของคณะทหาร

จนถึง “ยุคพัฒนา” ของจอมพลสฤษดิ์ เกิดพลังประชาธิปไตยของนักศึกษา ปัญญาชน ชนชั้นกลาง และกลุ่มทุนย่อยขึ้นมาเพิ่มเติม

ทำให้ช่วง 14 ตุลาคม 2516 ถึงก่อนการปฏิรูปรัฐธรรมนูญปี 2540 ทหารกับพรรคการเมืองต้องร่วมกันแบ่งปันอำนาจ

ประชาธิปัตย์ยังเป็นตัวแทนพลังอนุรักษ์

ชาติไทย ชาติพัฒนา ความหวังใหม่ เป็นเพียงตัวแทนกลุ่มทุนเจ้าพ่อท้องถิ่น เป้าหมายเพียงเข้ายึดกุมอำนาจบริหารเท่านั้น

แต่เมื่อทุนนิยมไทยได้พัฒนาเข้าสู่ยุคตลาดเงินตลาดทุนเสรีแบบโลกาภิวัตน์ เกิดกลุ่มทุนใหญ่ผูกขาด ทุนการเงิน ทุนสื่อสารสัมปทาน ขึ้นหลายกลุ่ม เกิดพรรคเพื่อไทย มีพฤติกรรมบ่งชี้ว่าจะเข้าครอบงำอำนาจรัฏฐาธิปัตย์เบ็ดเสร็จ โดยอาศัยการใช้อำนาจไม่ชอบ คอร์รัปชั่น ฉ้อฉลผ่านทางนโยบาย ออก พ.ร.บ. การทำสัญญาให้รัฐเสียเปรียบ การโกงค่าคอมมิสชั่น การจัดซื้อจัดจ้าง การให้สัมปทาน ขายผลประโยชน์ของรัฐ หลีกเลี่ยงภาษี โดยอาศัยนโยบายประชานิยมดึงดูดประชาชน ให้เป็นฐานคะแนนเสียง ซื้อหานักการเมือง เทคโนแครต ตำรวจ ทหาร เข้าเป็นพวกพ้องทำให้เกิดการแบ่งกลุ่มฝ่ายแก่งแย่งกันหาผลประโยชน์ จึงถูกต่อต้านจากปัญญาชน ชนชั้นกลาง กลุ่มทุนกลาง-ทุนชาติที่ต้องการระบบคุณธรรมที่ดีที่โปร่งใส พลังอนุรักษ์และจารีตนิยมซึ่งเกรงกลัวกลุ่มใหม่นี้จะเข้ามารวบอำนาจอธิปัตย์ที่ตนเองเคยควบคุมได้บางส่วน จึงกระโดดเข้าร่วมด้วย กลายเป็นความขัดแย้งรุนแรงตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

ประเทศไทยในอนาคตอันใกล้จะวิ่งเข้าสู่วิถีอนุรักษ์และจารีตนิยมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ความหวังในการปฏิรูปในระดับโครงสร้างอำนาจมีน้อยมาก เพราะผู้อยู่ในอำนาจทั้งหมดเป็นข้าราชการซึ่งจะสูญเสียอำนาจเมื่อมีการปฏิรูป เพราะถ้าไม่พิจารณาวาทกรรมของ คสช.

ความเป็นจริงที่เกิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คือ

(ก) การดำเนินงานของ คสช. อาศัยข้าราชการ มหาดไทย ทหาร ตำรวจทุกเหล่าเป็นหลัก

(ข) นโยบายต่าง ๆ เป็นการเพิ่มอำนาจแก่ข้าราชการและศูนย์กลางมากกว่ากระจายอำนาจ

(ค) บุคลากรซึ่งถูกแต่งตั้งไปเป็นประธานกรรมการรัฐวิสาหกิจ เป็นนายทหารเหล่าทัพต่าง ๆ จำนวนมาก โดยไม่มีผลงานปฏิรูปใด ๆ ทั้งที่มีการตั้งซูเปอร์บอร์ดศึกษาการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจมาแต่ต้น การเปลี่ยนผู้ว่ากทม. ผู้ว่าและบอร์ดรถไฟแทนที่จะตั้งเป้าปฏิรูปองค์กร ก็เพียงแต่รับงานตามประสงค์ของ คสช. ต่อ

(ง) บุคลากรในแม่น้ำ 5 สาย เกือบทั้งหมดมีความคิดแบบอนุรักษ์และจารีตนิยม มีผลงานที่ดีบ้างแต่ยังไม่มีที่ให้ความหวังเรื่องการปฏิรูป แต่แสดงออกชัดเจนที่จะผลักให้พลเอกประยุทธ์อยู่ในอำนาจต่อไป เพื่อตัวเองจะได้อยู่ในอำนาจต่อด้วย ดังนั้น จากเรือแป๊ะกับแม่น้ำ 5 สาย จึงเริ่มกลายเป็นยุทธ์เรือโยง ป้อมเรือพ่วง ลากจูงกันไป ทุลักทุเลมากขึ้น จนอาจจะเกยหาดหรือติดเกาะแก่งได้ถ้าฝืนอยู่ในอำนาจเกินโรดแมป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่