[เพชรกลางไฟ] ตอนที่ ๑๑ : กระหม่อมไม่อยากรับขนมจีบ กระหม่อมอยากขายขนมจีบฝ่าบาทมากกว่า...
นี่เธอยังสูญเสียไม่พออีกหรือ... จากเสด็จพ่อ มาเสด็จป้า มาพี่ชาย...พี่ชายคนเดียวของเธอที่แสนรักและคิดถึง พี่ชายที่จากไปร่ำเรียนถึงเมืองยุโรปนานหลายปี พี่ชายที่หวังว่าจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้า เป็นเสาหลักให้เรือนปั้นหยา..แต่นี่ สิ้นเสียงคำตรัสตอบของพี่ชายใหญ่ที่เธอถาม ชายวิสป่วยตั้งแต่ออกพ้นอินเดีย ติดเชื้อไข้ท้องร่วงจากเมืองท่า ถึงสิงคโปร์อาการทรุดหนักลง หมอประจำเรือแก้ไขไม่ทัน โอ....พี่ชายวิส..ทำไมถึงพระชนม์สั้นเช่นนี้ แม่กอดเธอร่ำไห้ปานน้ำตาเป็นสายเลือด เธอรู้แม่รอพี่ชายกลับมาไม่ต่างจากเธอเลย..
ทุกข์หนักหนาเพียงใด แค่ปัดให้มันออกไป มันก็ทุกข์น้อยลง คำที่อนลเคยบอกกระมังที่ทำให้เธอไม่ร้องไห้ฟูมฟายตามคนอื่น แต่ต้องตั้งสติและหาคำตอบให้ได้ ว่าตอนนี้จะรู้ได้อย่างไร ว่าพระอัฐิของพี่ชายวิส รวมถึงข้าวของส่วนพระองค์อยู่ที่ไหน
จันทำงานได้รวดเร็วสมดั่งพระทัยนึก ให้ไปสืบข่าวที่วังใหญ่ไม่นาน ก็ได้ทราบว่า..พี่ชายใหญ่เชิญพระอัฐิและสมบัติส่วนพระองค์กลับมาด้วย แต่จะทำอย่างไร..ถึงจะได้คืนมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พี่ชาย ทั้งคุณสร้อย พี่หญิงเม เจ้าพี่สุรคม ต่างยื่นมือเข้ามาช่วย ก็ยังไม่สำเร็จ
พอเธอย้ายกลับมาอยู่ที่เรือนปั้นหยา เขาก็หาเรื่องมาซ้อมจะเข้ต่อเพลงกับครูจางวางอยู่เป็นนิจ วันนี้ครูของเขาดูใจลอยอย่างไรชอบกล พอทราบความว่าเป็นเพราะเรื่องพระอัฐิของท่านชายวิสสุกรรมที่คนในวังใหญ่ยังใจไม้ไส้ระกำไม่ยอมคืนกลับมาให้ทำบุญสักที อนล..ฉุกคิด..เขาจะทำอะไรเพื่อเธอได้บ้าง...
การยอม...ใช้ได้แต่กับคนดีเท่านั้น แต่ไม่ใช่กับพวกคนพาล ใช่.. เถ้าแก่พูดถูก ถ้าเธอรู้ก่อนว่าแม่จะไปขอร้องหม่อมใหญ่ด้วยตัวเองเธอคงต้องห้าม เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าทางนั้นเขารอโอกาสเย้ยหยันแม่มานานแล้ว เห็นทีหนทางเดียว ทางสุดท้ายที่ตอนนี้จะคิดอ่านออก เธอคงต้องขอประทานพระกรุณาจากเสด็จฯเสนาบดีที่เป็นเจ้านายของพี่ใหญ่กระมัง เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้องรอจนถึงเมื่อไหร่เสด็จฯท่านถึงเสด็จกลับจากราชการที่เมืองฝรั่ง แต่แม่กลับร้อนใจ เกรงว่าหากรอนานไปหม่อมใหญ่กล้าทำลายพระอัฐิของเจ้าพี่ระหว่างนี้ คงเป็นเรื่องใหญ่แน่
ท่านชายสุรคมทรงมาแจ้งข่าวเรื่องการอนุมัติให้เขาย้ายไปรับราชการที่หัวเมือง หากเขาไม่คิดเลยว่า...มันจะเป็นที่ปากน้ำโพ เมืองนครสวรรค์ แล้วนี่จะมองหน้ากันติดกับท่านเจ้าคุณไกรได้อย่างไร แท้จริงแล้วเขายังไม่ทันได้ตอบตกลงปลงใจเสียด้วยซ้ำ แต่เขาจะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเป็นความต้องการของคุณพ่อ นับจากพี่ใหญ่เสีย อนลรู้ตัว... เขาคือความหวังเดียวของทุกคนในครอบครัว จะทำให้ใครผิดหวังอีกมิได้หรอก
ท่านชายนะหรืออิจฉากระหม่อมที่จะได้ออกหัวเมือง... เขาถามออกไป ก็เพราะเรื่องคาราคาซังที่ทำเอาพี่น้อง ๒ คนเขาผิดใจกันจนฉันอยากจะหลบไปไกลๆซักพักนะซี่อนล..เป็นนายก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องมายุ่งยากใจเรื่องความรักแบบนี้.. อนลได้แต่นึก แต่ไม่ได้ตอบท่านชายสุรคม..ไม่ดีหรอกฝ่าบาท ..เป็นกระหม่อม แค่คิดจะรักยังเป็นไปไม่ได้เลยต่างหาก
ข่าวร้ายของพี่ชายทำเอายายของเธอจากที่ป่วยกระเสาะกระแสะทรงๆทรุดๆ เลยกลายเป็นทรุดหนัก ยิ่งพอรู้ว่ายังไม่ได้พระอัฐิกลับมาทำบุญก็เหมือนว่าจะนอนตายตาไม่หลับซะอย่างนั้น.. ยายจ๋า..หญิงสัญญาว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพี่ชายกลับมาทำบุญให้ได้
เจ้าอุบายนัก! เธอจะต่อว่าเขา..ก็ทำได้ไม่เต็มปาก ในเมื่ออุบายของเขาที่จันกับแม่ผินช่วยเป็นลูกมือนั้น ทำให้หม่อมใหญ่ยอมคืนพระอัฐิของเจ้าพี่มาแต่โดยดี เธอเดินไปหาเขาที่เรือนชานของตา เห็นเขานั่งซ้อมจะเข้อยู่ พร้อมทักเธอหน้าระรื่น หึ..อนล.. ยังมีหน้ามาถามอีกว่า...มีอะไรจะใช้เขาอีก..ก็ขนาดไม่ได้ไหว้วาน...เขายังเดินเรื่องทำเองทั้งๆที่เธอยังไม่ได้สั่งการอะไรสักอย่างนะซี่ คิดได้อย่างไร..ถึงให้คนไปสร้างเรื่องหลอกผีบ่าววังใหญ่จนกลัวผียมบาลกันถ้วนหน้า เจ้าแผนการจริงเชียว..
สายตาคมดุๆของเธอจ้องเขาคาดโทษไม่วางตา จนทำเขาอดเกรงไม่ได้ ทรงทราบเรื่องที่เขาทำแล้วซินะ.. เป็นแม่ผินกับจันที่ช่วยกันพูดให้ว่า...ที่ทุกคนทำไปเพราะหวังดีกับเธอจริงๆ เพราะต่างก็รู้.. จะไปขอของคืนกันซึ่งๆหน้า ก็คงมิมีวันให้ ต้องใช้อุบายเล็กๆน้อยๆอย่างนี้กับคนกลัวบาปกรรมอย่างหม่อมใหญ่ต่างหากถึงจะได้ผล เธอถามเขาเสียงเข้มว่าทำอะไรไปบ้าง...เขาเลยยิ้มแหยๆ พลางเขาทูลตอบไปทุกอย่าง ให้เธอหายข้องพระทัย
พิเรนกันนัก!..ทั้งบ่าวของเธอ ทั้งเขา จะโกรธก็โกรธไม่ลง จะเห็นดีเห็นงามขอบคุณเขาก็ทำได้ไม่เต็มที่... หากพออนลพูดเสียงอ่อยๆว่า เขาเต็มใจที่ถวายรับใช้เธอ..เพราะครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกย้ายไปทำราชการที่หัวเมือง.. เธอจึงพยักหน้ารับรู้อย่างจนใจ
หลังจากถูกชำระความเรื่องอุบาย วันนี้เธอประทานของว่างให้เขาเป็นการตอบแทน...เป็นพระกรุณาจริงทีเดียวกระหม่อม ช่วยยืดเวลาให้เขาได้อยู่ใกล้เธอนานขึ้นอีกนิด..เธอตรัสขอบคุณเขา..อนลทำได้เพียง...มองท่านหญิงด้วยสายตาที่รักและเทิดทูนยิ่ง ราวกับจะบอกว่า... มิเป็นไรเลยฝ่าบาท ให้ทำอะไรมากกว่านี้ กระหม่อมก็พร้อมจะทำ หากเป็นพระประสงค์ กระหม่อมพร้อมเสมอ.. เพราะมันเทียบไม่ได้เลย...กับน้ำพระทัย พระกรุณาที่ฝ่าบาทประทานให้...
เธอกับเขา...อาจจะไม่ได้พบเจอกันอีกแล้วก็เป็นได้...หัวเมืองถึงจะไม่ได้ไกลนัก..แต่ก็คงมิได้มีเหตุให้พานพบมาเจอกันได้อีก ในเมื่อเธอกำลังจะย้ายไปอยู่นครปฐม และ เขากำลังจะย้ายไปที่อื่น ...ฉันขอบใจคุณมาก..สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา หากไม่มีคุณฉันคงผ่านอุปสรรคนานานี้ไม่ได้ เธอเอ่ยขอบคุณเขาจากใจจริง ถ้อยน้ำเสียงที่อ่อนลงของเธอ ราวกับจะบอกเขาว่า...หากต่อไป ฉันไม่มีเธออยู่ใกล้ๆแล้ว...จะเป็นอย่างไรกันนะ
ฝ่าบาท...กระหม่อมทำทุกอย่าง มิใช่เพียงเพราะอยากจะช่วยปัดเป่าความทุกข์เพียงเท่านั้น หากกระหม่อมยังอยากเอาตัวและหัวใจเข้ามาใกล้ชิด อนล...เธอเรียกชื่อเขา เสียงอ่อนลงไปถนัดใจ...แม้จะรู้ว่าตัวเองนั้นต้อยต่ำมิคู่ควร แต่จะให้โกหกตัวเองได้อย่างไร ว่ากระหม่อมมิได้รักฝ่าบาท.. เธอยิ้มน้อยๆตอบรับคำพูดเขา...พลางจิ้มของว่างมาถามว่า..ม้าฮ่อหมดแล้ว เหลือแต่ขนมจีบลองกินดูซิ...อนลมองตอบยิ้มพรายไปทั้งตา ... กระหม่อมไม่อยากรับขนมจีบจากฝ่าบาท กระหม่อมอยากขายขนมจีบให้ฝ่าบาทมากกว่า...
คุณเป็นอะไร ไม่กินรึ..เสียงเรียกชวนรับของว่างจากเธอต่างหาก..ที่ทำให้เขาหลุดจากภวังค์... อนลเอ๋ย...นี่แกถึงขั้นละเมอเพ้อพกกลางวันแสกๆได้อย่างนี้เชียวหรือ เขาเสไปจิ้มของว่างเข้าปากอย่างรวดเร็ว จนอดขันตัวเองไม่ได้ คิดไปได้อย่างไรว่าตัวเองจะกล้าสารภาพรัก คงเพราะมันไม่มีวันเป็นจริงได้กระมัง เขาไม่กล้าดึงเธอลงมาให้มัวหมองได้หรอก..
เรือนปั้นหยาไฟไหม้! แถมมีคนตายเสียด้วย โอ...นี่เขาไม่ได้หูฝาดใช่ไหม สิ้นพระสุรเสียงที่ร้อนรนของท่านชายสุรคมที่มาตามเขาให้ไปเป็นเพื่อนถึงบ้าน หัวใจอนลแทบหยุดเต้น...ท่านหญิง...ท่านหญิงจะเป็นอย่างไรกระหม่อม
ควันจากไฟที่เพิ่งดับคละคลุ้งไปหมด พลันเห็นซากมอดไหม้ดำเป็นตอตะโกของเรือนปั้นหยาที่เธอเคยประทับ เรือนชานที่เขาเพิ่งรับของว่างกับเธอวันก่อนไม่เหลือซากอะไรเลย ท่านชายสุรคมจึงรีบไต่ถามเอาความจากเจ้าหน้าที่นครบาลที่มาสอบสวน...คำตอบที่ได้...หัวใจอนลสลายไปแล้ว...๑ใน๓ ศพที่พบ น่าจะเป็นเธอ...ปากเขาสั่นจนทำอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก เหมือนลมหายใจจะขาดเสียให้ได้ เขายืนมองศพทั้ง ๓ ที่พบ ด้วยน้ำตานองหน้า หากไม่มีใครอื่นอยู่ตรงนี้เขาคงทรุดลงร่ำไห้กับพระศพของเธออย่างไม่อายผู้ใด แต่นี่...คิดอยากจะทำยังทำไม่ได้เลย...ตอนเขาถูกต้องโทษ จะเป็นหรือตายก็ยังไม่ทุกข์...เท่ากับตอนนี้ที่รู้ว่า...เธอจากไปแล้ว ลาลับไปแล้วจริงๆ
เธอรอดมาได้เพราะตา จากที่คิดจะเข้าไปช่วยแม่และคุณสร้อย เธอเกือบโดนเพดานเรือนถล่มใส่ หากตาไม่ดึงดันฉุดองค์ให้รีบกลับมาอยู่ที่เรือนไทยเสียก่อน เธอคงได้ตายสมใจหม่อมใหญ่ไปแล้ว หีบเหล็กใส่เครื่องเพชรที่เสด็จป้าประทานให้ยังอยู่ดี ถึงจะเสียใจที่แม่ตัวเองต้องมาตายในกองเพลิงแบบนี้ แต่จันก็ยังรีบไปแบกหนีออกมาให้ได้ก่อนที่ใครจะขโมยไป
เธอพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้ถามจันต่อ เพราะตอนนี้อยากรู้เรื่องศพมากกว่า คำตอบของจันที่ก็กลั้นสะอื้นตอบไม่ต่างกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่า...ศพไหม้ดำเป็นตอตะโกจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แม่..หญิงน่าจะตายไปพร้อมแม่ให้รู้แล้วรู้รอด..เธอสูญเสียมากมายเกินไปแล้ว
แม่! เพียงประตูห้องนอนยายที่เธอหลบอยู่ถูกเปิดออก แม่ยังไม่ตาย เธอร้องไห้อย่างโล่งใจ โชคดีของแม่ที่ไม่ได้ค้างที่บ้าน...ตาคิดอ่านว่า ให้พวกนั้นเขารับรู้ไปว่าเธอกับแม่ตายเสียในกองเพลิงนั่นแหละดีที่สุด...
เสียงเถ้าแก่ทักผู้มาใหม่ ดังเข้ามาถึงในห้องให้พวกเธอรู้ตัว...อนล!... ตากับเถ้าแก่บุญทันออกไปรับหน้า เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอกับแม่รอดมาได้...แม้แต่เขา..คนยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ ก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
อนล...ฉันเห็นเธอเพียงผ่านช่องประตู ฉันอยากบอกเธอเหลือเกิน ว่าฉันยังอยู่ดี...แต่นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆที่เราจะได้เจอกันซินะ หม่อมเจ้าหญิงอุรวศีสิ้นชีพิตักษัยไปแล้วอนล...
[เพชรกลางไฟ] ตอนที่ ๑๑-๑๒ : หม่อมเจ้าหญิงอุรวศี - อนล : ชะตาชีวิตที่พลิกผัน...
นี่เธอยังสูญเสียไม่พออีกหรือ... จากเสด็จพ่อ มาเสด็จป้า มาพี่ชาย...พี่ชายคนเดียวของเธอที่แสนรักและคิดถึง พี่ชายที่จากไปร่ำเรียนถึงเมืองยุโรปนานหลายปี พี่ชายที่หวังว่าจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้า เป็นเสาหลักให้เรือนปั้นหยา..แต่นี่ สิ้นเสียงคำตรัสตอบของพี่ชายใหญ่ที่เธอถาม ชายวิสป่วยตั้งแต่ออกพ้นอินเดีย ติดเชื้อไข้ท้องร่วงจากเมืองท่า ถึงสิงคโปร์อาการทรุดหนักลง หมอประจำเรือแก้ไขไม่ทัน โอ....พี่ชายวิส..ทำไมถึงพระชนม์สั้นเช่นนี้ แม่กอดเธอร่ำไห้ปานน้ำตาเป็นสายเลือด เธอรู้แม่รอพี่ชายกลับมาไม่ต่างจากเธอเลย..
ทุกข์หนักหนาเพียงใด แค่ปัดให้มันออกไป มันก็ทุกข์น้อยลง คำที่อนลเคยบอกกระมังที่ทำให้เธอไม่ร้องไห้ฟูมฟายตามคนอื่น แต่ต้องตั้งสติและหาคำตอบให้ได้ ว่าตอนนี้จะรู้ได้อย่างไร ว่าพระอัฐิของพี่ชายวิส รวมถึงข้าวของส่วนพระองค์อยู่ที่ไหน
จันทำงานได้รวดเร็วสมดั่งพระทัยนึก ให้ไปสืบข่าวที่วังใหญ่ไม่นาน ก็ได้ทราบว่า..พี่ชายใหญ่เชิญพระอัฐิและสมบัติส่วนพระองค์กลับมาด้วย แต่จะทำอย่างไร..ถึงจะได้คืนมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พี่ชาย ทั้งคุณสร้อย พี่หญิงเม เจ้าพี่สุรคม ต่างยื่นมือเข้ามาช่วย ก็ยังไม่สำเร็จ
พอเธอย้ายกลับมาอยู่ที่เรือนปั้นหยา เขาก็หาเรื่องมาซ้อมจะเข้ต่อเพลงกับครูจางวางอยู่เป็นนิจ วันนี้ครูของเขาดูใจลอยอย่างไรชอบกล พอทราบความว่าเป็นเพราะเรื่องพระอัฐิของท่านชายวิสสุกรรมที่คนในวังใหญ่ยังใจไม้ไส้ระกำไม่ยอมคืนกลับมาให้ทำบุญสักที อนล..ฉุกคิด..เขาจะทำอะไรเพื่อเธอได้บ้าง...
การยอม...ใช้ได้แต่กับคนดีเท่านั้น แต่ไม่ใช่กับพวกคนพาล ใช่.. เถ้าแก่พูดถูก ถ้าเธอรู้ก่อนว่าแม่จะไปขอร้องหม่อมใหญ่ด้วยตัวเองเธอคงต้องห้าม เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าทางนั้นเขารอโอกาสเย้ยหยันแม่มานานแล้ว เห็นทีหนทางเดียว ทางสุดท้ายที่ตอนนี้จะคิดอ่านออก เธอคงต้องขอประทานพระกรุณาจากเสด็จฯเสนาบดีที่เป็นเจ้านายของพี่ใหญ่กระมัง เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้องรอจนถึงเมื่อไหร่เสด็จฯท่านถึงเสด็จกลับจากราชการที่เมืองฝรั่ง แต่แม่กลับร้อนใจ เกรงว่าหากรอนานไปหม่อมใหญ่กล้าทำลายพระอัฐิของเจ้าพี่ระหว่างนี้ คงเป็นเรื่องใหญ่แน่
ท่านชายสุรคมทรงมาแจ้งข่าวเรื่องการอนุมัติให้เขาย้ายไปรับราชการที่หัวเมือง หากเขาไม่คิดเลยว่า...มันจะเป็นที่ปากน้ำโพ เมืองนครสวรรค์ แล้วนี่จะมองหน้ากันติดกับท่านเจ้าคุณไกรได้อย่างไร แท้จริงแล้วเขายังไม่ทันได้ตอบตกลงปลงใจเสียด้วยซ้ำ แต่เขาจะทำอย่างไรได้เล่า ในเมื่อเป็นความต้องการของคุณพ่อ นับจากพี่ใหญ่เสีย อนลรู้ตัว... เขาคือความหวังเดียวของทุกคนในครอบครัว จะทำให้ใครผิดหวังอีกมิได้หรอก
ท่านชายนะหรืออิจฉากระหม่อมที่จะได้ออกหัวเมือง... เขาถามออกไป ก็เพราะเรื่องคาราคาซังที่ทำเอาพี่น้อง ๒ คนเขาผิดใจกันจนฉันอยากจะหลบไปไกลๆซักพักนะซี่อนล..เป็นนายก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องมายุ่งยากใจเรื่องความรักแบบนี้.. อนลได้แต่นึก แต่ไม่ได้ตอบท่านชายสุรคม..ไม่ดีหรอกฝ่าบาท ..เป็นกระหม่อม แค่คิดจะรักยังเป็นไปไม่ได้เลยต่างหาก
ข่าวร้ายของพี่ชายทำเอายายของเธอจากที่ป่วยกระเสาะกระแสะทรงๆทรุดๆ เลยกลายเป็นทรุดหนัก ยิ่งพอรู้ว่ายังไม่ได้พระอัฐิกลับมาทำบุญก็เหมือนว่าจะนอนตายตาไม่หลับซะอย่างนั้น.. ยายจ๋า..หญิงสัญญาว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพี่ชายกลับมาทำบุญให้ได้
เจ้าอุบายนัก! เธอจะต่อว่าเขา..ก็ทำได้ไม่เต็มปาก ในเมื่ออุบายของเขาที่จันกับแม่ผินช่วยเป็นลูกมือนั้น ทำให้หม่อมใหญ่ยอมคืนพระอัฐิของเจ้าพี่มาแต่โดยดี เธอเดินไปหาเขาที่เรือนชานของตา เห็นเขานั่งซ้อมจะเข้อยู่ พร้อมทักเธอหน้าระรื่น หึ..อนล.. ยังมีหน้ามาถามอีกว่า...มีอะไรจะใช้เขาอีก..ก็ขนาดไม่ได้ไหว้วาน...เขายังเดินเรื่องทำเองทั้งๆที่เธอยังไม่ได้สั่งการอะไรสักอย่างนะซี่ คิดได้อย่างไร..ถึงให้คนไปสร้างเรื่องหลอกผีบ่าววังใหญ่จนกลัวผียมบาลกันถ้วนหน้า เจ้าแผนการจริงเชียว..
สายตาคมดุๆของเธอจ้องเขาคาดโทษไม่วางตา จนทำเขาอดเกรงไม่ได้ ทรงทราบเรื่องที่เขาทำแล้วซินะ.. เป็นแม่ผินกับจันที่ช่วยกันพูดให้ว่า...ที่ทุกคนทำไปเพราะหวังดีกับเธอจริงๆ เพราะต่างก็รู้.. จะไปขอของคืนกันซึ่งๆหน้า ก็คงมิมีวันให้ ต้องใช้อุบายเล็กๆน้อยๆอย่างนี้กับคนกลัวบาปกรรมอย่างหม่อมใหญ่ต่างหากถึงจะได้ผล เธอถามเขาเสียงเข้มว่าทำอะไรไปบ้าง...เขาเลยยิ้มแหยๆ พลางเขาทูลตอบไปทุกอย่าง ให้เธอหายข้องพระทัย
พิเรนกันนัก!..ทั้งบ่าวของเธอ ทั้งเขา จะโกรธก็โกรธไม่ลง จะเห็นดีเห็นงามขอบคุณเขาก็ทำได้ไม่เต็มที่... หากพออนลพูดเสียงอ่อยๆว่า เขาเต็มใจที่ถวายรับใช้เธอ..เพราะครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกย้ายไปทำราชการที่หัวเมือง.. เธอจึงพยักหน้ารับรู้อย่างจนใจ
หลังจากถูกชำระความเรื่องอุบาย วันนี้เธอประทานของว่างให้เขาเป็นการตอบแทน...เป็นพระกรุณาจริงทีเดียวกระหม่อม ช่วยยืดเวลาให้เขาได้อยู่ใกล้เธอนานขึ้นอีกนิด..เธอตรัสขอบคุณเขา..อนลทำได้เพียง...มองท่านหญิงด้วยสายตาที่รักและเทิดทูนยิ่ง ราวกับจะบอกว่า... มิเป็นไรเลยฝ่าบาท ให้ทำอะไรมากกว่านี้ กระหม่อมก็พร้อมจะทำ หากเป็นพระประสงค์ กระหม่อมพร้อมเสมอ.. เพราะมันเทียบไม่ได้เลย...กับน้ำพระทัย พระกรุณาที่ฝ่าบาทประทานให้...
เธอกับเขา...อาจจะไม่ได้พบเจอกันอีกแล้วก็เป็นได้...หัวเมืองถึงจะไม่ได้ไกลนัก..แต่ก็คงมิได้มีเหตุให้พานพบมาเจอกันได้อีก ในเมื่อเธอกำลังจะย้ายไปอยู่นครปฐม และ เขากำลังจะย้ายไปที่อื่น ...ฉันขอบใจคุณมาก..สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา หากไม่มีคุณฉันคงผ่านอุปสรรคนานานี้ไม่ได้ เธอเอ่ยขอบคุณเขาจากใจจริง ถ้อยน้ำเสียงที่อ่อนลงของเธอ ราวกับจะบอกเขาว่า...หากต่อไป ฉันไม่มีเธออยู่ใกล้ๆแล้ว...จะเป็นอย่างไรกันนะ
ฝ่าบาท...กระหม่อมทำทุกอย่าง มิใช่เพียงเพราะอยากจะช่วยปัดเป่าความทุกข์เพียงเท่านั้น หากกระหม่อมยังอยากเอาตัวและหัวใจเข้ามาใกล้ชิด อนล...เธอเรียกชื่อเขา เสียงอ่อนลงไปถนัดใจ...แม้จะรู้ว่าตัวเองนั้นต้อยต่ำมิคู่ควร แต่จะให้โกหกตัวเองได้อย่างไร ว่ากระหม่อมมิได้รักฝ่าบาท.. เธอยิ้มน้อยๆตอบรับคำพูดเขา...พลางจิ้มของว่างมาถามว่า..ม้าฮ่อหมดแล้ว เหลือแต่ขนมจีบลองกินดูซิ...อนลมองตอบยิ้มพรายไปทั้งตา ... กระหม่อมไม่อยากรับขนมจีบจากฝ่าบาท กระหม่อมอยากขายขนมจีบให้ฝ่าบาทมากกว่า...
คุณเป็นอะไร ไม่กินรึ..เสียงเรียกชวนรับของว่างจากเธอต่างหาก..ที่ทำให้เขาหลุดจากภวังค์... อนลเอ๋ย...นี่แกถึงขั้นละเมอเพ้อพกกลางวันแสกๆได้อย่างนี้เชียวหรือ เขาเสไปจิ้มของว่างเข้าปากอย่างรวดเร็ว จนอดขันตัวเองไม่ได้ คิดไปได้อย่างไรว่าตัวเองจะกล้าสารภาพรัก คงเพราะมันไม่มีวันเป็นจริงได้กระมัง เขาไม่กล้าดึงเธอลงมาให้มัวหมองได้หรอก..
เรือนปั้นหยาไฟไหม้! แถมมีคนตายเสียด้วย โอ...นี่เขาไม่ได้หูฝาดใช่ไหม สิ้นพระสุรเสียงที่ร้อนรนของท่านชายสุรคมที่มาตามเขาให้ไปเป็นเพื่อนถึงบ้าน หัวใจอนลแทบหยุดเต้น...ท่านหญิง...ท่านหญิงจะเป็นอย่างไรกระหม่อม
ควันจากไฟที่เพิ่งดับคละคลุ้งไปหมด พลันเห็นซากมอดไหม้ดำเป็นตอตะโกของเรือนปั้นหยาที่เธอเคยประทับ เรือนชานที่เขาเพิ่งรับของว่างกับเธอวันก่อนไม่เหลือซากอะไรเลย ท่านชายสุรคมจึงรีบไต่ถามเอาความจากเจ้าหน้าที่นครบาลที่มาสอบสวน...คำตอบที่ได้...หัวใจอนลสลายไปแล้ว...๑ใน๓ ศพที่พบ น่าจะเป็นเธอ...ปากเขาสั่นจนทำอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก เหมือนลมหายใจจะขาดเสียให้ได้ เขายืนมองศพทั้ง ๓ ที่พบ ด้วยน้ำตานองหน้า หากไม่มีใครอื่นอยู่ตรงนี้เขาคงทรุดลงร่ำไห้กับพระศพของเธออย่างไม่อายผู้ใด แต่นี่...คิดอยากจะทำยังทำไม่ได้เลย...ตอนเขาถูกต้องโทษ จะเป็นหรือตายก็ยังไม่ทุกข์...เท่ากับตอนนี้ที่รู้ว่า...เธอจากไปแล้ว ลาลับไปแล้วจริงๆ
เธอรอดมาได้เพราะตา จากที่คิดจะเข้าไปช่วยแม่และคุณสร้อย เธอเกือบโดนเพดานเรือนถล่มใส่ หากตาไม่ดึงดันฉุดองค์ให้รีบกลับมาอยู่ที่เรือนไทยเสียก่อน เธอคงได้ตายสมใจหม่อมใหญ่ไปแล้ว หีบเหล็กใส่เครื่องเพชรที่เสด็จป้าประทานให้ยังอยู่ดี ถึงจะเสียใจที่แม่ตัวเองต้องมาตายในกองเพลิงแบบนี้ แต่จันก็ยังรีบไปแบกหนีออกมาให้ได้ก่อนที่ใครจะขโมยไป
เธอพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้ถามจันต่อ เพราะตอนนี้อยากรู้เรื่องศพมากกว่า คำตอบของจันที่ก็กลั้นสะอื้นตอบไม่ต่างกัน ไม่มีอะไรมากไปกว่า...ศพไหม้ดำเป็นตอตะโกจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แม่..หญิงน่าจะตายไปพร้อมแม่ให้รู้แล้วรู้รอด..เธอสูญเสียมากมายเกินไปแล้ว
แม่! เพียงประตูห้องนอนยายที่เธอหลบอยู่ถูกเปิดออก แม่ยังไม่ตาย เธอร้องไห้อย่างโล่งใจ โชคดีของแม่ที่ไม่ได้ค้างที่บ้าน...ตาคิดอ่านว่า ให้พวกนั้นเขารับรู้ไปว่าเธอกับแม่ตายเสียในกองเพลิงนั่นแหละดีที่สุด...
เสียงเถ้าแก่ทักผู้มาใหม่ ดังเข้ามาถึงในห้องให้พวกเธอรู้ตัว...อนล!... ตากับเถ้าแก่บุญทันออกไปรับหน้า เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอกับแม่รอดมาได้...แม้แต่เขา..คนยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ ก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
อนล...ฉันเห็นเธอเพียงผ่านช่องประตู ฉันอยากบอกเธอเหลือเกิน ว่าฉันยังอยู่ดี...แต่นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆที่เราจะได้เจอกันซินะ หม่อมเจ้าหญิงอุรวศีสิ้นชีพิตักษัยไปแล้วอนล...