UPDATE จันทร์ 6 มีนาคม 2560 : การบินไทยรับข้อเสนอของผม และผมก็ได้ตอบกลับไปแล้วครับ ...ขอแสดงความยินดีกับ ผู้โดยสารทุกท่าน ที่หากมีกรณีเท้าเหม็นหรือผู้โดยสารท่านอื่นมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทางพนักงานจะต้องแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดครับ
จดหมายจากการบินไทย
จดหมายตอบกลับจากทางผมเพื่อยืนยันที่ไม่รับไมล์คืน รวมไปถึงการตอบแทนทุกกรณี
..............................................................................
เพิ่มเติม (4 มีนาคม 2560): ก่อนที่จะอ่านเรื่องราว ผมขอคัดหัวข้อหนึ่งขึ้นมากล่าวก่อนครับ
"7.) ทางพนักงานลูกค้าสัมพันธ์ได้ถามผมว่า จะให้ชดเชยความรู้สึกอย่างไร ผมก็ตอบไปว่า ถ้าจะโอนมาให้ 10,000ไมล์อย่าโอนเลยเพราะมันน้อยมาก สู้ทางการบินไทยออกกฎว่า หากมีผู้โดยสารที่ประพฤติจนไม่เหมาะสมอย่างเช่นกรณีนี้ ขอให้พนักงานบนเครื่องสามารถตักเตือนได้ และทางบริษัทการบินไทยจะต้องรับรองความปลอดภัยของพนักงานท่านนั้น เรื่องแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก และเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ...แต่แล้วทางพนักงานลูกค้าสัมพันธ์ก็ไม่สามารถรับเงื่อนไขของผมได้"
...ผมขอประกาศอย่างชัดเจนเลยว่า ตัวของผมจะไม่รับไมล์คืน รวมไปถึงตั๋วเดินทางทุกเที่ยวบิน ทุกชั้นที่นั่ง ในเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ผมขอให้การบินไทยประกาศออกมาตรการณ์อย่างเป็นทางการว่า ลูกเรือการบินไทยมีสิทธิ์และอำนาจในการตักเตือนผู้โดยสารที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม อย่างเช่นกรณีที่มีการถอดรองเท้าแล้วส่งกลิ่นรบกวนผู้โดยสารท่านอื่น โดยหากพนักงานท่านที่ไปกล่าวตักเตือนหรือทำตามหน้าที่ ถูกผู้โดยสารที่ไม่พอใจร้องเรียน ทางการบินไทยต้องมีการคุ้มครองพนักงานท่านนั้นๆ ครับ ประโยชน์ในเงื่อนไขนี้ ทั้งนี้เพื่อการทำงานของเจ้าหน้าที่รวมไปชื่อเสียงของการบินไทยเองด้วยครับ
กลับเข้าสู่หัวข้อหลักครับ
มาดูกันครับ ว่า สายการบินแห่งชาติ เค้าปฏิบัติต่อผมอย่างไร ขอให้กรณีของผมป็นกรณีศึกษา และเป็นกรณีสุดท้ายที่ผู้โดยสารสายการบินไทยจะได้พบได้เจอครับ
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 14 กุมพาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา เที่ยวบินที่ TG673 จาก Osaka ไป กรุงเทพฯ ผมนั่งที่เก้าอี้ 70C ติดทางเดิน ได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่า จะมีผู้โดยสารบางท่านที่นั่งถัดไปจากผมด้านขวา (น่าจะแถว D) มีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจเกินกว่าบรรทัดฐานทางสังคมจะรับได้ คือ ถอดรองเท้านั่งไขว่ห้างส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ พร้อมเกาเท้าและแคะขี้มูก ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นมลพิษทางสายตาและทางระบบทางเดินหายใจของผมที่นั่งอยู่ในระยะประชิด เมื่อเครื่องบิน Take Off และไต่ระดับการบินไปที่ความสูงที่สามารถลูกและเดินได้ ผมได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ประจำเครื่อง (สจ้วต) ว่าให้เค้าช่วยแจ้งให้ผู้โดยสารท่านนั้นใส่รองเท้าและหยุดพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมและน่ารังเกียจ
สิ่งที่พนักงานแก่ไขคือ การเลี่ยงที่จะไม่บอกผู้โดยสารท่านนั้น แต่กลับเลือกที่จะย้ายผมและผู้ติดตามอีก 2 ท่าน ไปนั่งที่แถว 73 A/B/C ที่อยู่หลังสุด และติดกับห้องน้ำ ที่มีผู้โดยสารเดินเข้าออกแทบตลอดเวลา และ มีกลิ่นที่ไม่พึกประสงค์จากห้องน้ำลอยมาประทบทางเดินหายใจของผมเป็นระยะ ตลอดการเดินทาง ซึ่งทางผมก็ได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ว่า ไม่พอใจที่นั่งดังกล่าวและขอย้ายกลับไปที่เดินโดยให้พนักงานท่านใดก็ได้ไปแจ้งแก่ผู่โดยสารท่านนั้นให้หยุดพฤติกรรมอันน่ารังเกียจ แต่แล้วก็ไม่ได้มีพนักงานท่านใดแก่ไขข้อร้องเรียนของผม แต่กลับมีแอร์ท่านหนึ่งเดินมาบอกข้อมูลและถามผมว่า “เที่ยวบินนี้มีแขกผู้ใหญ่เดินางปลายท่าน และท่านๆ เหล่านั้นก็มีผู้ติดตาม ไม่ทราบว่าผมและเพื่อนอีกสองคน เป็นคณะผู้ติดตามของผู้ใหญ่หรือไม่” ผมก็ตอบไปตรงๆ ว่า ไม่ใช่ผู้ติดตามของผู้ใหญ่ จากนั้นแอร์ท่านนั้นก็เดินหายไปไม่สนใจข้อร้องเรียนของผมครับ
ตลอดการเดินทางที่ผมต้องทนทุกข์กับเสียงชัดโครกตลอดทั้งเที่ยวบินพร้อมสูดกลิ่นไม่พึงประสงค์นั้น ผมต้องมานั่งฟังแอร์ 3ท่านจับกลุ่มนินทาเสียงดังและใช้คำพูดที่ไม่สำรวม ซึ่งฟังแล้วไม่ได้รื่นหูนัก ตลอดการเดินทางในช่วงที่ไม่มีการบริการอาหาร ผมจึงคิดตัดปัญหาเสียงรบกวนด้วยการดูหนังฟังเพลงแทน แต่เสียงแอร์เหล่านั้นก็ไม่ได้ลดลงเลย แต่กลับแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ จนพอที่จะสามารถจับใจความว่ากำลังนินทากลุ่มสังคมของแอร์เหล่านั้น คือตลอดทั้งเที่ยวบินเหมือนหนีเสือปะฝูงจรเข้ครับ ผมต้องทนทุกร์กับเสียงรบกวน กลิ่นไม่พึงประสงค์ และกริยาการใช้คำพูดที่รบกวนการพักผ่อนตลอดการเดินทาง เมื่อเครื่องใกล้ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พนักงานก็มีการบริการไอศกรีมตามหน้าที่ ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร แต่แล้วเรื่องไอษกรีมก็กลายเป็นปัญหาที่ผมไม่คาดคิดครับ
เมื่อเครื่องลงจอดเทียบสนามบินเรียบร้อย ได้มีพนักงานผู้หญิงในเครื่องแบบการบินไทย เข้ามาประชิดตัวผมแล้วพยายามที่จะเล่าสาเหตุของการลงจอดล่าช้า ซึ่งสร้างความสงสัยให้แก่ผม ผมจึงสอบถามพนักงานท่านนั้นว่า จะมาบอกอะไรผม พนักงานท่านนั้นก็แจ้งว่า เค้าได้รับแจ้งมาจากพนักงานบนเครื่องว่า “ผมและเพื่อนของผมไม่พอใจเรื่องเสิร์ฟไอศกรีมล่าช้า” ผมฟังแล้วตกใจมากครับ ว่าจากที่ไม่พอใจเครื่องผู้โดยสารที่ประพฤติตนน่ารังเกียจ และการที่ผมไม่พอใจเรื่องที่นั่ง ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องไอศกรีมไปได้
เมื่อพนักงานที่เข้ามาพบผมได้ทราบว่าไม่ใช่เรื่องไอศกรีม ก็พยายามที่จะสอบถามว่าผมไม่พอใจเรื่องอะไร ผมก็ถามต่อว่าคุณไปฟังเรื่องมาว่าอะไรบ้าง ทางเจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็ไม่ยอมบอก แต่กลับถามผมว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น ผมจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้แก่พนักงานท่านนั้นฟัง พนักงานท่านนั้นก็ทำหน้าตกใจและตอบผมไม่ถูก จากนั้นผมถามพนักงานท่านนันว่า เค้าตำแหน่งอะไร เค้าตอบผมว่า เป็ฯเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ และไม่ได้ทำงานประจำเครื่องในเที่ยวที่ผมมา (ซึ่งจริงๆ แล้วผมมาทราบที่หลังว่าเค้าเป็นเพอร์เซอร์ของเที่ยวบินที่ผมเดินทางมา)
เมื่อพนักงานท่านนั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหา ณ ช่วงที่เกิดเหตุ และไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องแต่ได้รับข้อมูลที่บิดเบือนมาจึงไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ พนักงานท่านนั้นจึงแนะนำให้ผมไปพบกับ Inflight manager และกัปตัน ผมจึงถามว่าจะให้ผมไปพบทำไม พนักงานท่านนั้นก็ตอบว่าอยากแนะนำให้ผมรู้จัก ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าทำไมผมต้องไปรู้จักคนเหล่านั้น เพราะพวกเค้าไม่ได้เข้ามาแก้ไขสถานะการณ์หรือมาชี้แจงสาเหตุ ผมจึงเดินออกจากเครื่องไปอย่างเสียความรู้สึก
จากนั้นผมมาทราบจากญาติของผมที่เป็นอดีตพนักงานการบินไทยว่า พนักงานที่เค้ามาชี้แจงเรื่องกับผมนั้นเป็นเพื่อนเค้าและญาติผมขอร้องให้ผมอย่าเขียนรายงานถึงฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์เพราะจะกระทบต่อหน้าที่การงานของเพื่อนเค้า ซึ่งผมยิ่งไม่พอใจที่ทำไมต้องมาช่วยกันปกปิดความผิดเหล่านี้ ผู้เสียหายคือผมและเพื่อนผมทำไมพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่จึงไม่ให้เกียรติผู้โดยสาร
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผมเขียน email ถึงฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ดังต่อไปนี้ครับ
[CR] การบินไทย ขอให้กรณีแบบผมเป็นกรณีสุดท้าย
UPDATE จันทร์ 6 มีนาคม 2560 : การบินไทยรับข้อเสนอของผม และผมก็ได้ตอบกลับไปแล้วครับ ...ขอแสดงความยินดีกับ ผู้โดยสารทุกท่าน ที่หากมีกรณีเท้าเหม็นหรือผู้โดยสารท่านอื่นมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทางพนักงานจะต้องแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดครับ
จดหมายจากการบินไทย
จดหมายตอบกลับจากทางผมเพื่อยืนยันที่ไม่รับไมล์คืน รวมไปถึงการตอบแทนทุกกรณี
..............................................................................
เพิ่มเติม (4 มีนาคม 2560): ก่อนที่จะอ่านเรื่องราว ผมขอคัดหัวข้อหนึ่งขึ้นมากล่าวก่อนครับ
"7.) ทางพนักงานลูกค้าสัมพันธ์ได้ถามผมว่า จะให้ชดเชยความรู้สึกอย่างไร ผมก็ตอบไปว่า ถ้าจะโอนมาให้ 10,000ไมล์อย่าโอนเลยเพราะมันน้อยมาก สู้ทางการบินไทยออกกฎว่า หากมีผู้โดยสารที่ประพฤติจนไม่เหมาะสมอย่างเช่นกรณีนี้ ขอให้พนักงานบนเครื่องสามารถตักเตือนได้ และทางบริษัทการบินไทยจะต้องรับรองความปลอดภัยของพนักงานท่านนั้น เรื่องแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก และเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ...แต่แล้วทางพนักงานลูกค้าสัมพันธ์ก็ไม่สามารถรับเงื่อนไขของผมได้"
...ผมขอประกาศอย่างชัดเจนเลยว่า ตัวของผมจะไม่รับไมล์คืน รวมไปถึงตั๋วเดินทางทุกเที่ยวบิน ทุกชั้นที่นั่ง ในเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ผมขอให้การบินไทยประกาศออกมาตรการณ์อย่างเป็นทางการว่า ลูกเรือการบินไทยมีสิทธิ์และอำนาจในการตักเตือนผู้โดยสารที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม อย่างเช่นกรณีที่มีการถอดรองเท้าแล้วส่งกลิ่นรบกวนผู้โดยสารท่านอื่น โดยหากพนักงานท่านที่ไปกล่าวตักเตือนหรือทำตามหน้าที่ ถูกผู้โดยสารที่ไม่พอใจร้องเรียน ทางการบินไทยต้องมีการคุ้มครองพนักงานท่านนั้นๆ ครับ ประโยชน์ในเงื่อนไขนี้ ทั้งนี้เพื่อการทำงานของเจ้าหน้าที่รวมไปชื่อเสียงของการบินไทยเองด้วยครับ
กลับเข้าสู่หัวข้อหลักครับ
มาดูกันครับ ว่า สายการบินแห่งชาติ เค้าปฏิบัติต่อผมอย่างไร ขอให้กรณีของผมป็นกรณีศึกษา และเป็นกรณีสุดท้ายที่ผู้โดยสารสายการบินไทยจะได้พบได้เจอครับ
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 14 กุมพาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา เที่ยวบินที่ TG673 จาก Osaka ไป กรุงเทพฯ ผมนั่งที่เก้าอี้ 70C ติดทางเดิน ได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่า จะมีผู้โดยสารบางท่านที่นั่งถัดไปจากผมด้านขวา (น่าจะแถว D) มีพฤติกรรมที่น่ารังเกียจเกินกว่าบรรทัดฐานทางสังคมจะรับได้ คือ ถอดรองเท้านั่งไขว่ห้างส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ พร้อมเกาเท้าและแคะขี้มูก ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นมลพิษทางสายตาและทางระบบทางเดินหายใจของผมที่นั่งอยู่ในระยะประชิด เมื่อเครื่องบิน Take Off และไต่ระดับการบินไปที่ความสูงที่สามารถลูกและเดินได้ ผมได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ประจำเครื่อง (สจ้วต) ว่าให้เค้าช่วยแจ้งให้ผู้โดยสารท่านนั้นใส่รองเท้าและหยุดพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมและน่ารังเกียจ
สิ่งที่พนักงานแก่ไขคือ การเลี่ยงที่จะไม่บอกผู้โดยสารท่านนั้น แต่กลับเลือกที่จะย้ายผมและผู้ติดตามอีก 2 ท่าน ไปนั่งที่แถว 73 A/B/C ที่อยู่หลังสุด และติดกับห้องน้ำ ที่มีผู้โดยสารเดินเข้าออกแทบตลอดเวลา และ มีกลิ่นที่ไม่พึกประสงค์จากห้องน้ำลอยมาประทบทางเดินหายใจของผมเป็นระยะ ตลอดการเดินทาง ซึ่งทางผมก็ได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ว่า ไม่พอใจที่นั่งดังกล่าวและขอย้ายกลับไปที่เดินโดยให้พนักงานท่านใดก็ได้ไปแจ้งแก่ผู่โดยสารท่านนั้นให้หยุดพฤติกรรมอันน่ารังเกียจ แต่แล้วก็ไม่ได้มีพนักงานท่านใดแก่ไขข้อร้องเรียนของผม แต่กลับมีแอร์ท่านหนึ่งเดินมาบอกข้อมูลและถามผมว่า “เที่ยวบินนี้มีแขกผู้ใหญ่เดินางปลายท่าน และท่านๆ เหล่านั้นก็มีผู้ติดตาม ไม่ทราบว่าผมและเพื่อนอีกสองคน เป็นคณะผู้ติดตามของผู้ใหญ่หรือไม่” ผมก็ตอบไปตรงๆ ว่า ไม่ใช่ผู้ติดตามของผู้ใหญ่ จากนั้นแอร์ท่านนั้นก็เดินหายไปไม่สนใจข้อร้องเรียนของผมครับ
ตลอดการเดินทางที่ผมต้องทนทุกข์กับเสียงชัดโครกตลอดทั้งเที่ยวบินพร้อมสูดกลิ่นไม่พึงประสงค์นั้น ผมต้องมานั่งฟังแอร์ 3ท่านจับกลุ่มนินทาเสียงดังและใช้คำพูดที่ไม่สำรวม ซึ่งฟังแล้วไม่ได้รื่นหูนัก ตลอดการเดินทางในช่วงที่ไม่มีการบริการอาหาร ผมจึงคิดตัดปัญหาเสียงรบกวนด้วยการดูหนังฟังเพลงแทน แต่เสียงแอร์เหล่านั้นก็ไม่ได้ลดลงเลย แต่กลับแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ จนพอที่จะสามารถจับใจความว่ากำลังนินทากลุ่มสังคมของแอร์เหล่านั้น คือตลอดทั้งเที่ยวบินเหมือนหนีเสือปะฝูงจรเข้ครับ ผมต้องทนทุกร์กับเสียงรบกวน กลิ่นไม่พึงประสงค์ และกริยาการใช้คำพูดที่รบกวนการพักผ่อนตลอดการเดินทาง เมื่อเครื่องใกล้ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พนักงานก็มีการบริการไอศกรีมตามหน้าที่ ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร แต่แล้วเรื่องไอษกรีมก็กลายเป็นปัญหาที่ผมไม่คาดคิดครับ
เมื่อเครื่องลงจอดเทียบสนามบินเรียบร้อย ได้มีพนักงานผู้หญิงในเครื่องแบบการบินไทย เข้ามาประชิดตัวผมแล้วพยายามที่จะเล่าสาเหตุของการลงจอดล่าช้า ซึ่งสร้างความสงสัยให้แก่ผม ผมจึงสอบถามพนักงานท่านนั้นว่า จะมาบอกอะไรผม พนักงานท่านนั้นก็แจ้งว่า เค้าได้รับแจ้งมาจากพนักงานบนเครื่องว่า “ผมและเพื่อนของผมไม่พอใจเรื่องเสิร์ฟไอศกรีมล่าช้า” ผมฟังแล้วตกใจมากครับ ว่าจากที่ไม่พอใจเครื่องผู้โดยสารที่ประพฤติตนน่ารังเกียจ และการที่ผมไม่พอใจเรื่องที่นั่ง ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องไอศกรีมไปได้
เมื่อพนักงานที่เข้ามาพบผมได้ทราบว่าไม่ใช่เรื่องไอศกรีม ก็พยายามที่จะสอบถามว่าผมไม่พอใจเรื่องอะไร ผมก็ถามต่อว่าคุณไปฟังเรื่องมาว่าอะไรบ้าง ทางเจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็ไม่ยอมบอก แต่กลับถามผมว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น ผมจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้แก่พนักงานท่านนั้นฟัง พนักงานท่านนั้นก็ทำหน้าตกใจและตอบผมไม่ถูก จากนั้นผมถามพนักงานท่านนันว่า เค้าตำแหน่งอะไร เค้าตอบผมว่า เป็ฯเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ และไม่ได้ทำงานประจำเครื่องในเที่ยวที่ผมมา (ซึ่งจริงๆ แล้วผมมาทราบที่หลังว่าเค้าเป็นเพอร์เซอร์ของเที่ยวบินที่ผมเดินทางมา)
เมื่อพนักงานท่านนั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหา ณ ช่วงที่เกิดเหตุ และไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องแต่ได้รับข้อมูลที่บิดเบือนมาจึงไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ พนักงานท่านนั้นจึงแนะนำให้ผมไปพบกับ Inflight manager และกัปตัน ผมจึงถามว่าจะให้ผมไปพบทำไม พนักงานท่านนั้นก็ตอบว่าอยากแนะนำให้ผมรู้จัก ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าทำไมผมต้องไปรู้จักคนเหล่านั้น เพราะพวกเค้าไม่ได้เข้ามาแก้ไขสถานะการณ์หรือมาชี้แจงสาเหตุ ผมจึงเดินออกจากเครื่องไปอย่างเสียความรู้สึก
จากนั้นผมมาทราบจากญาติของผมที่เป็นอดีตพนักงานการบินไทยว่า พนักงานที่เค้ามาชี้แจงเรื่องกับผมนั้นเป็นเพื่อนเค้าและญาติผมขอร้องให้ผมอย่าเขียนรายงานถึงฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์เพราะจะกระทบต่อหน้าที่การงานของเพื่อนเค้า ซึ่งผมยิ่งไม่พอใจที่ทำไมต้องมาช่วยกันปกปิดความผิดเหล่านี้ ผู้เสียหายคือผมและเพื่อนผมทำไมพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่จึงไม่ให้เกียรติผู้โดยสาร
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผมเขียน email ถึงฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ดังต่อไปนี้ครับ