1...
สวัสดีบ่ายวันอาทิตย์...
บ่ายวันอาทิตย์หลังกลับจากเที่ยวเดินทาง "ป่าปรงพันปี"...
ป่าปรง หรือ ป่าดึกดำบรรพ์ ที่เราหมายมั่นมุ่งขึ้นไปค้างแรมด้วยจักรยาน...
จักรยานทัวร์ริ่งที่เรานิยม...
เที่ยวเดินทางครานี้มีพี่อ้วน พี่โต้ง ร่วมเดินทางไปด้วยกัน...
เราออกกันราวแปดโมงเช้าปั่นกันชิลล์ๆตามประสาที่ค่อยผ่าน ไฟป่า ห้วยหมากแดง กระทั่งถึงจุดแวะกินข้าวเช้าก่อนถึงทางแยก มอหินขาว...
กับข้าวอร่อย...แต่ที่อร่อยกว่าคือบรรยากาศรอบกาย
เราตื่นใจกับ "หมอก" ที่โผล่มาในช่วงเวลาราวสิบโมงเช้า...
เรามองไปยังมอหินขาวที่ยามนี้สายหมอกปกคลุมขาวโพลนและพอดีกับที่พ่อโรจน์ที่เพิ่งควบหมอบฝ่าความชื้นมายืนยันว่า "มองไม่เห็นทางขึ้นผาหัวนาคเลย...
หมอกที่มาพร้อมกับความหนาวเย็น...
และนั่นช่วยให้สิ่งที่เรากังวลถึงสภาพอากาศอันร้อนอบอ้าวคลี่คลาย...
2...
เราออกเดินทางกันต่อท่ามสายหมอกผ่านบ้านซับสีทอง บ้านลาดผักหนาม บ้านท่ามะไฟหวาน ตัดเข้าทางดินซอกซอนผ่านสะพานแขวนข้ามน้ำลำปะทาว เลาะมาตามรั้ววัดป่าสุคะโต เข้าบ้านวังเฆ่ ออกไปสู่บ้านท่าทางเกวียน ก่อนมุ่งสู่บ้านท่าเวอหมู่บ้านสุดท้ายของเส้นทาง...
จากบ้านท่าเว่อทางยังเป็นคอนกรีตที่เริ่ม "ไต่ขึ้นเขา"...
เราผ่านกันมาได้เนินแล้วเนินเล่ากระทั่งมาสุดเอาที่ป้าย "ป่าปรงพันปี"...
เราแวะถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเผชิญหน้ากับทางดิน หิน ทราย เรียกว่าครบทุกรูปแบบ...
เราผ่านสวนและที่ทำดินทำกินมาโดยตลอด ทั้งป่ายางพารา ป่ามันสำปะหลัง มีบ้างที่เป็นสวนกาแฟ สภาพสองข้างทางเป็นเช่นนี้ไปตลอด...
เนินแล้วเนินเล่าที่เราผ่าน...
ความลำบากของเส้นทางนั้นไม่ต้องพูดถึง...
ยิ่งใกล้ถึงทางยิ่งสูงชัน...
เกียร์ที่มีเราใช้จนหมด ผมไม่ปฏิเสธการลงจูง...
ช่วงกิโลเมตรสุดท้ายผมจูงไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง กระทั่งดั้นด้นมาจนถึงจุดที่คล้ายจะเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว...
เหนื่อย หิว คือสิ่งที่เรากำลังเผชิญ...
3...
อาคารเบื้องหน้า ห้องน้ำเรียงเป็นแถว...
แต่นั่นหาใช่เป้าหมายที่ตั้งใจ...
ด้วยจากนี้เรายังต้องเดินทางต่อไปยังจุดที่จะพบกับพื้นที่ของป่าปรงซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกราวสองกิโลเมตร...
สองกิโลเมตรที่เราปั่นกันท่ามเถ้าดำของไฟป่าที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน...
ไฟป่าที่เผาผลาญทุกสิ่งบนแถบเทือกนี้จนสามารถมองเห็นภูเขาไกลๆเป็นปื้นดำ...
พี่ทั้งสองล่วงหน้าไปไกล...
ผมหยุดบันทึกภาพสิ่งที่หลงเหลือจากการเผาไหม้เอาไว้...
สิ่งหลงเหลือที่มันเป็นเพียงความทรงจำว่าครั้งหนึ่งที่นี่ "เคยมีชีวิตดำรงอยู่"...
4...
จากชัยภูมิราวแปดโมงเช้า...
เรามาถึงยังป่าปรงพันปีราวบ่ายสามใกล้ๆจะสี่โมงเย็น...
สิ่งแรกที่เราสัมผัสได้คืออากาศที่เย็นลง...
เราจัดแจงกางเต๊นท์และหาแหล่งน้ำใช้สอย...
พี่อ้วนกับพี่โต้งพบปลายท่อที่ปิดเอาไว้จึงช่วยกันหาวิธีนำน้ำออกมากระทั่งเรามีน้ำอาบกันครบทั้งสามคน...
หลังอาบน้ำอากาศเย็นลงจน "หนาว"...
เราหุงข้าวเตรียมอาหารที่ก็มี ปลากระป๋อง มาม่า ผักกาดดอง น้ำพริกกระป๋อง...
ใช่...อาหารเพียงเท่านี้แต่นับเป็นมื้ออร่อยเหลือล้ำ
เรากินกันข้าวเกลี้ยงหม้อ...
หลังอิ่มหนำเราย้ายที่ไปนังพูดคุยกันริมหน้าผา...
ริมหน้าผาที่เราหมายเฝ้ามองแสงสุดท้ายของวัน...
แสงสุดท้ายที่เราจะได้เฝ้ามองจากจุดที่สูงถึง 900 กว่าเมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง...
ความสูงกว่า 900 เมตรที่เราเห็นแผ่นดินเบื้องล่างเป็นตารางสี่เหลี่ยมของนาข้าวที่วางต่อกันเป็นผืนใหญ่มาจรดกับแนวป่าทึบอันเป็นเขตของอุทยานแห่งชาติ...
โต้งชี้ชวนให้ดูตำแหน่งต่างๆก่อนนำแผนที่จาก google earth มาเทียบเคียง...
แผนที่ในจอกับภาพด้วยตาเบื้องล่างแทบไม่ต่างกัน...
ตะวันคล้อยต่ำ...
ดาว ทั้งบนฟ้าและบนผืนดินเริ่มปรากฏตัว...
ห้วงเวลาเช่นนี้งดงามยิ่งนัก...
ความงดงามทำให้เราลืมเลือนความเหน็ดเหนื่อย ความลำบากตลอดบ่ายที่เราเผชิญ...
ความลำบากที่เมื่อผ่านมาแล้วมันก็กลายเป็นเพียงเรื่องชวนหัวเท่านั้น...
ค่ำนี้เราหลับไหลในความอบอุ่นท่ามอากาศหนาวของป่าดึกดำบรรพ์...
5...
เราหลับสนิทยาวราว แปด ถึง เก้า ชั่วโมง...
เรียกได้ว่าเต็มอิ่มเต็มตื่น...
อากาศยังหนาวเย็นไม่ลดละ...
เราเตรียมเตา กาแฟ และมาม่า โจ้ก ไปยังหน้าผา...
ด้วยหมายใจจิบกาแฟและกินอาหารเช้าริมหน้าผา...
กาแฟอุ่นๆพร้อมกับวิวอันอลังการเบื้องหน้า...
หมอกบางคลี่คลุมยอดเขาไกลๆ...
เสียงนกนานาชนิดส่งเสียงโต้ตอบกันไปมา...
นับเป็นอีกเช้าที่งดงามและมีความหมายสำหรับผม...
ด้วยไม่รู้ในชีวิตที่เหลือเราจะได้มีโอกาสมีบ้านในป่า ที่มีโต๊ะกาแฟและอาหารเช้าส่วนตัวที่มาพร้อมกับบรรยากาศอันงดงามเช่นนี้หรือไม่...
เรากินมาม่า โจ้ก เติมตุนก่อนที่จะกลับไปเก็บข้าวของเพื่อออกเดินทางกลับคืนสู่เมืองที่เราจากมา...
ระหว่างเก็บของชิ้นสุดท้ายจากหน้าผา...
ผมยืนนิ่งเพื่อหมายเก็บเอาสิ่งต่างๆที่เราผ่านพบ...
ทั้งความยากลำบากของการได้เดินทางร่วมกับพี่ทั้งสอง...
ทั้งเถ้าถ่านของไฟป่าที่เราผ่าน...
ทั้งวิวทิวทัศน์อันงดงามของพื้นที่ป่าแห่งนี้...
ความงดงามที่จะอยู่ในใจเราตลอดไป...
แล้วพบกันใหม่กับเที่ยวเดินทางครั้งต่อไปครับ...
ขอบคุณพี่อ้วน พี่โต้ง ที่ร่วมดั้นด้นเดินทางไปด้วยกันในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่งครับ...
ปั่นขึ้นเขา นอนแนบเนาว์ในป่าดึกดำบรรพ์
สวัสดีบ่ายวันอาทิตย์...
บ่ายวันอาทิตย์หลังกลับจากเที่ยวเดินทาง "ป่าปรงพันปี"...
ป่าปรง หรือ ป่าดึกดำบรรพ์ ที่เราหมายมั่นมุ่งขึ้นไปค้างแรมด้วยจักรยาน...
จักรยานทัวร์ริ่งที่เรานิยม...
เที่ยวเดินทางครานี้มีพี่อ้วน พี่โต้ง ร่วมเดินทางไปด้วยกัน...
เราออกกันราวแปดโมงเช้าปั่นกันชิลล์ๆตามประสาที่ค่อยผ่าน ไฟป่า ห้วยหมากแดง กระทั่งถึงจุดแวะกินข้าวเช้าก่อนถึงทางแยก มอหินขาว...
กับข้าวอร่อย...แต่ที่อร่อยกว่าคือบรรยากาศรอบกาย
เราตื่นใจกับ "หมอก" ที่โผล่มาในช่วงเวลาราวสิบโมงเช้า...
เรามองไปยังมอหินขาวที่ยามนี้สายหมอกปกคลุมขาวโพลนและพอดีกับที่พ่อโรจน์ที่เพิ่งควบหมอบฝ่าความชื้นมายืนยันว่า "มองไม่เห็นทางขึ้นผาหัวนาคเลย...
หมอกที่มาพร้อมกับความหนาวเย็น...
และนั่นช่วยให้สิ่งที่เรากังวลถึงสภาพอากาศอันร้อนอบอ้าวคลี่คลาย...
2...
เราออกเดินทางกันต่อท่ามสายหมอกผ่านบ้านซับสีทอง บ้านลาดผักหนาม บ้านท่ามะไฟหวาน ตัดเข้าทางดินซอกซอนผ่านสะพานแขวนข้ามน้ำลำปะทาว เลาะมาตามรั้ววัดป่าสุคะโต เข้าบ้านวังเฆ่ ออกไปสู่บ้านท่าทางเกวียน ก่อนมุ่งสู่บ้านท่าเวอหมู่บ้านสุดท้ายของเส้นทาง...
จากบ้านท่าเว่อทางยังเป็นคอนกรีตที่เริ่ม "ไต่ขึ้นเขา"...
เราผ่านกันมาได้เนินแล้วเนินเล่ากระทั่งมาสุดเอาที่ป้าย "ป่าปรงพันปี"...
เราแวะถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเผชิญหน้ากับทางดิน หิน ทราย เรียกว่าครบทุกรูปแบบ...
เราผ่านสวนและที่ทำดินทำกินมาโดยตลอด ทั้งป่ายางพารา ป่ามันสำปะหลัง มีบ้างที่เป็นสวนกาแฟ สภาพสองข้างทางเป็นเช่นนี้ไปตลอด...
เนินแล้วเนินเล่าที่เราผ่าน...
ความลำบากของเส้นทางนั้นไม่ต้องพูดถึง...
ยิ่งใกล้ถึงทางยิ่งสูงชัน...
เกียร์ที่มีเราใช้จนหมด ผมไม่ปฏิเสธการลงจูง...
ช่วงกิโลเมตรสุดท้ายผมจูงไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง กระทั่งดั้นด้นมาจนถึงจุดที่คล้ายจะเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว...
เหนื่อย หิว คือสิ่งที่เรากำลังเผชิญ...
3...
อาคารเบื้องหน้า ห้องน้ำเรียงเป็นแถว...
แต่นั่นหาใช่เป้าหมายที่ตั้งใจ...
ด้วยจากนี้เรายังต้องเดินทางต่อไปยังจุดที่จะพบกับพื้นที่ของป่าปรงซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกราวสองกิโลเมตร...
สองกิโลเมตรที่เราปั่นกันท่ามเถ้าดำของไฟป่าที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน...
ไฟป่าที่เผาผลาญทุกสิ่งบนแถบเทือกนี้จนสามารถมองเห็นภูเขาไกลๆเป็นปื้นดำ...
พี่ทั้งสองล่วงหน้าไปไกล...
ผมหยุดบันทึกภาพสิ่งที่หลงเหลือจากการเผาไหม้เอาไว้...
สิ่งหลงเหลือที่มันเป็นเพียงความทรงจำว่าครั้งหนึ่งที่นี่ "เคยมีชีวิตดำรงอยู่"...
4...
จากชัยภูมิราวแปดโมงเช้า...
เรามาถึงยังป่าปรงพันปีราวบ่ายสามใกล้ๆจะสี่โมงเย็น...
สิ่งแรกที่เราสัมผัสได้คืออากาศที่เย็นลง...
เราจัดแจงกางเต๊นท์และหาแหล่งน้ำใช้สอย...
พี่อ้วนกับพี่โต้งพบปลายท่อที่ปิดเอาไว้จึงช่วยกันหาวิธีนำน้ำออกมากระทั่งเรามีน้ำอาบกันครบทั้งสามคน...
หลังอาบน้ำอากาศเย็นลงจน "หนาว"...
เราหุงข้าวเตรียมอาหารที่ก็มี ปลากระป๋อง มาม่า ผักกาดดอง น้ำพริกกระป๋อง...
ใช่...อาหารเพียงเท่านี้แต่นับเป็นมื้ออร่อยเหลือล้ำ
เรากินกันข้าวเกลี้ยงหม้อ...
หลังอิ่มหนำเราย้ายที่ไปนังพูดคุยกันริมหน้าผา...
ริมหน้าผาที่เราหมายเฝ้ามองแสงสุดท้ายของวัน...
แสงสุดท้ายที่เราจะได้เฝ้ามองจากจุดที่สูงถึง 900 กว่าเมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง...
ความสูงกว่า 900 เมตรที่เราเห็นแผ่นดินเบื้องล่างเป็นตารางสี่เหลี่ยมของนาข้าวที่วางต่อกันเป็นผืนใหญ่มาจรดกับแนวป่าทึบอันเป็นเขตของอุทยานแห่งชาติ...
โต้งชี้ชวนให้ดูตำแหน่งต่างๆก่อนนำแผนที่จาก google earth มาเทียบเคียง...
แผนที่ในจอกับภาพด้วยตาเบื้องล่างแทบไม่ต่างกัน...
ตะวันคล้อยต่ำ...
ดาว ทั้งบนฟ้าและบนผืนดินเริ่มปรากฏตัว...
ห้วงเวลาเช่นนี้งดงามยิ่งนัก...
ความงดงามทำให้เราลืมเลือนความเหน็ดเหนื่อย ความลำบากตลอดบ่ายที่เราเผชิญ...
ความลำบากที่เมื่อผ่านมาแล้วมันก็กลายเป็นเพียงเรื่องชวนหัวเท่านั้น...
ค่ำนี้เราหลับไหลในความอบอุ่นท่ามอากาศหนาวของป่าดึกดำบรรพ์...
5...
เราหลับสนิทยาวราว แปด ถึง เก้า ชั่วโมง...
เรียกได้ว่าเต็มอิ่มเต็มตื่น...
อากาศยังหนาวเย็นไม่ลดละ...
เราเตรียมเตา กาแฟ และมาม่า โจ้ก ไปยังหน้าผา...
ด้วยหมายใจจิบกาแฟและกินอาหารเช้าริมหน้าผา...
กาแฟอุ่นๆพร้อมกับวิวอันอลังการเบื้องหน้า...
หมอกบางคลี่คลุมยอดเขาไกลๆ...
เสียงนกนานาชนิดส่งเสียงโต้ตอบกันไปมา...
นับเป็นอีกเช้าที่งดงามและมีความหมายสำหรับผม...
ด้วยไม่รู้ในชีวิตที่เหลือเราจะได้มีโอกาสมีบ้านในป่า ที่มีโต๊ะกาแฟและอาหารเช้าส่วนตัวที่มาพร้อมกับบรรยากาศอันงดงามเช่นนี้หรือไม่...
เรากินมาม่า โจ้ก เติมตุนก่อนที่จะกลับไปเก็บข้าวของเพื่อออกเดินทางกลับคืนสู่เมืองที่เราจากมา...
ระหว่างเก็บของชิ้นสุดท้ายจากหน้าผา...
ผมยืนนิ่งเพื่อหมายเก็บเอาสิ่งต่างๆที่เราผ่านพบ...
ทั้งความยากลำบากของการได้เดินทางร่วมกับพี่ทั้งสอง...
ทั้งเถ้าถ่านของไฟป่าที่เราผ่าน...
ทั้งวิวทิวทัศน์อันงดงามของพื้นที่ป่าแห่งนี้...
ความงดงามที่จะอยู่ในใจเราตลอดไป...
แล้วพบกันใหม่กับเที่ยวเดินทางครั้งต่อไปครับ...
ขอบคุณพี่อ้วน พี่โต้ง ที่ร่วมดั้นด้นเดินทางไปด้วยกันในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่งครับ...