ถ้าธรรมกายมีปัญหาเรื่องการพูดถึงความรวย มีปัญหาเรื่องโฆษณาชวนเชื่อให้คนอยากได้อานิสงส์จากการทำทาน อรรถกถาแห่งพระไตรปิฎกก็มีปัญหาหลายทีเหมือนกันแหล่ะ อันนี้พยายามจะพูดแบบเป็นกลางที่สุด คือถ้าเรากล้าตั้งคำถามกับธรรมกาย เราก็ต้องกล้าตั้งคำถามกับอรรถกถาแห่งพระไตรปิฎก เหมือนอย่างที่หลวงพ่อพุทธทาสท่านทำ มีหลายที่เลยที่หลวงพ่อพุทธทาสท่านไม่เอาด้วยกับพระอรรถกถาจารย์
➤ สวรรค์ ที่สวยงามเกินจินตนาการของมนุษย์
ถ้าใครเคยอ่านอรรถกถาโดยเฉพาะก็ธรรมบทที่เป็นเรื่องราวของคนในสมัยพุทธกาลต่าง ๆ จะเห็นเลยว่า ท่านพรรณาผลของการให้ทานไว้อย่างวิจิตรพิศดารมาก จนบางทีก็เวอร์วังอลังการ จนเราไม่อยากจะเชื่อ มีเรื่องหนึ่งพูดถึงขนาดว่า คนศรัทธาสร้างพระคันธกุฎีให้พระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนแล้วปูลาดบริเวณโดยรอบด้วยรัตนะแก้วมณี มีอันหนึ่งขนาดใหญ่เท่ากับผลแตงโม นี่อลังการใหมล่ะ มีการพูดถึงเรื่องของปราสาททิพย์และนางเทพอัปสร ที่ผุดขึ้นไว้รอรับบนสวรรค์ ตั้งแต่คนที่ทำทานในโลกนี้อย่างนายนันทิยะยังไม่ทันตายด้วยซ้ำ
แล้วเรื่องการให้จนหมดตัวนี่ ไม่ใช่เพิ่งมีนะ อนาถบิณฑิกะเศรษฐี เป็นต้นแบบของคนที่ถวายทานจนหมดตัวเลยล่ะ แต่ท่านไม่ได้ถวายเงินนะ อันนี้ต้องพูดให้ชัดก่อน คือถวายปัจจัย ๔ บำรุงพระภิกษุสามเณร นี่แหล่ะ จนหมดตัว ถึงขนาดว่า ตอนหลังต้องเอาน้ำผักกาดดอง มาทำเป็นกับข้าวถวายพระ นึกขำขำนะว่า ถ้าอนาถปิณฑิกะเศรษฐี ดันมาเกิดในยุคนี้ คงโดนด่าว่า หน้าโง่ แน่แน่เชียว
➤ พิธีบูชาข้าวพระ ณ วัดพระธรรมกาย
เรื่องการให้ทานแบบโอเวอร์ในสมัยพุทธกาลมีเยอะ ถ้าเทียบกันแล้ว เอาเป็นว่า การบูชาข้าวพระของวัดธรรมกายนี่ ไม่ได้ครึ่งด้วยซ้ำ อย่างเรื่องการถวายอสทิสทานของพระราชา ซึ่งใช้ช้าง 500 เชือก เรือทองคำ 10 ลำ ให้ทานวันเดียวหมดไป 14 โกฎิ จนอำมาตย์คนหนึ่งถึงกับเอาไปนินทาว่า สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
พูดถึงอานิสงส์ของการให้ทาน จริงจริงที่ถูกพรรณาไว้โดยพระอรรถกถาจารย์ หนีเรื่องความรวยไปไม่พ้นสักเรื่อง นี่พูดแบบไม่โลกสวยนะ ไปดูบุพพกรรมของเศรษฐีในสมัยพุทธกาลแต่ละคนเถอะ ที่ถวายทานในพุทธศาสนา บางคนนี่ถึงกับมีภูเขาทองคำผุดขึ้นหลังบ้านเลยทีเดียว บ้างก็ดินในนาเปลี่ยนเป็นทองคำแท่งทั้งไร่ก็มี เดือดร้อนไปถึงพระราชาต้องรับสั่งให้เอาเกวียนมาขนกันไป เรื่องลักษณะนี้มีเยอะมากในอรรถกถา
ที่เอาเรื่องนี้มาเขียน ไม่ใช่ว่าจะให้เห็นด้วยกับธรรมกาย หรือบอกว่าสิ่งที่ธรรมกายสอนถูก แค่อยากจะชวนคิดให้มากขึ้น มองให้กว้างขึ้น ชนิดที่ว่าทำลายความอคติที่มีเฉพาะแค่วัดพระธรรมกายให้ได้เท่านั้นเอง อยากให้คนพุทธหันมาศึกษาคัมภีร์ในทางพุทธศาสนาให้มากขึ้น ให้กล้าที่จะตั้งคำถามไปถึงต้นตอจริงจริง อย่าลืมว่า พุทธเจ้าท่านตรัสไว้ชัดเลยว่า อย่าเชื่อเพราะอ้างว่า เป็นคัมภีร์
ที่สำคัญ เราต้องยอมรับว่า ปัญหาเรื่องวิธีการสอนของธรรมกายจริงจริง ส่วนหนึ่งมันก็มาจากเนื้อหาในพระไตรปิฎกนั่นแหละ ไอ้ที่อย่างนักร้องคนหนึ่งออกมาพูดว่า ถ้าพุทธแท้ ต้องสอนให้ละ สอนให้บริจาคเพื่อไปนิพพานเท่านั้น ไม่ใช่สอนให้ทำทานเพื่อให้ไปสวรรค์ อันนี้ไม่จริงนะ คือมันมีหลายที่ ที่ไม่ได้สอนเพื่อมุ่งให้คนไปนิพพาน
➤ พระไตรปิฎก คือ คัมภีร์ของพระพุทธศาสนา
อย่างเวลาพระพุทธเจ้าท่าจะแสดงธรรม จะโน้มน้าวคนที่ไม่มีศรัทธา ท่านยังต้องสอนเรื่อง อนุบุพพิกถา ก่อนเลย ต้องค่อยค่อยไล่ไปตั้งแต่เรื่องของ ทาน ศีล สวรรค์ แล้วค่อยไปเนกขัมมะ คือกับบางคนก็สอนเรื่องนิพพานเรื่องการออกบวชไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ อย่างอนาถบิณฑิกะเศรษฐี พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนเรื่องนิพพานให้ฟังเลย มีแต่สอนเรื่องทิฎฐธมมิกประโยชน์ คือประโยชน์ที่จะได้รับในโลกนี้ทั้งนั้น เช่น สอนเรื่องการใช้เงินว่า ต้องทำยังไงบ้าง สอนการประกอบอาชีพโดยสุจริต เป็นต้น เพราะอนาถปิณฑิกะเศรษฐีแกเป็นพ่อค้าไง จะให้มาฟังธรรมในระดับคนออกบวช มันก็ไม่ได้ แกฟังไม่รู้เรื่อง
สรุปก็คือจะบอกว่า ที่ธรรมกายเอามาสอน เอามามอมเมาอย่างที่เราเข้าใจกันน่ะ แท้ที่จริงแล้วมันก็มีซุกซ่อนอยู่ในคัมภีร์ของพุทธศาสนาเหมือนกัน ไม่ใช่ไม่มีที่มาที่ไปซะทีเดียวหรอก
- พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ -
พระมหาไพรวัลย์ปธ.9มองคำสอนวัดพระธรรมกายอย่างไร?
➤ สวรรค์ ที่สวยงามเกินจินตนาการของมนุษย์
ถ้าใครเคยอ่านอรรถกถาโดยเฉพาะก็ธรรมบทที่เป็นเรื่องราวของคนในสมัยพุทธกาลต่าง ๆ จะเห็นเลยว่า ท่านพรรณาผลของการให้ทานไว้อย่างวิจิตรพิศดารมาก จนบางทีก็เวอร์วังอลังการ จนเราไม่อยากจะเชื่อ มีเรื่องหนึ่งพูดถึงขนาดว่า คนศรัทธาสร้างพระคันธกุฎีให้พระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนแล้วปูลาดบริเวณโดยรอบด้วยรัตนะแก้วมณี มีอันหนึ่งขนาดใหญ่เท่ากับผลแตงโม นี่อลังการใหมล่ะ มีการพูดถึงเรื่องของปราสาททิพย์และนางเทพอัปสร ที่ผุดขึ้นไว้รอรับบนสวรรค์ ตั้งแต่คนที่ทำทานในโลกนี้อย่างนายนันทิยะยังไม่ทันตายด้วยซ้ำ
แล้วเรื่องการให้จนหมดตัวนี่ ไม่ใช่เพิ่งมีนะ อนาถบิณฑิกะเศรษฐี เป็นต้นแบบของคนที่ถวายทานจนหมดตัวเลยล่ะ แต่ท่านไม่ได้ถวายเงินนะ อันนี้ต้องพูดให้ชัดก่อน คือถวายปัจจัย ๔ บำรุงพระภิกษุสามเณร นี่แหล่ะ จนหมดตัว ถึงขนาดว่า ตอนหลังต้องเอาน้ำผักกาดดอง มาทำเป็นกับข้าวถวายพระ นึกขำขำนะว่า ถ้าอนาถปิณฑิกะเศรษฐี ดันมาเกิดในยุคนี้ คงโดนด่าว่า หน้าโง่ แน่แน่เชียว
➤ พิธีบูชาข้าวพระ ณ วัดพระธรรมกาย
เรื่องการให้ทานแบบโอเวอร์ในสมัยพุทธกาลมีเยอะ ถ้าเทียบกันแล้ว เอาเป็นว่า การบูชาข้าวพระของวัดธรรมกายนี่ ไม่ได้ครึ่งด้วยซ้ำ อย่างเรื่องการถวายอสทิสทานของพระราชา ซึ่งใช้ช้าง 500 เชือก เรือทองคำ 10 ลำ ให้ทานวันเดียวหมดไป 14 โกฎิ จนอำมาตย์คนหนึ่งถึงกับเอาไปนินทาว่า สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
พูดถึงอานิสงส์ของการให้ทาน จริงจริงที่ถูกพรรณาไว้โดยพระอรรถกถาจารย์ หนีเรื่องความรวยไปไม่พ้นสักเรื่อง นี่พูดแบบไม่โลกสวยนะ ไปดูบุพพกรรมของเศรษฐีในสมัยพุทธกาลแต่ละคนเถอะ ที่ถวายทานในพุทธศาสนา บางคนนี่ถึงกับมีภูเขาทองคำผุดขึ้นหลังบ้านเลยทีเดียว บ้างก็ดินในนาเปลี่ยนเป็นทองคำแท่งทั้งไร่ก็มี เดือดร้อนไปถึงพระราชาต้องรับสั่งให้เอาเกวียนมาขนกันไป เรื่องลักษณะนี้มีเยอะมากในอรรถกถา
ที่เอาเรื่องนี้มาเขียน ไม่ใช่ว่าจะให้เห็นด้วยกับธรรมกาย หรือบอกว่าสิ่งที่ธรรมกายสอนถูก แค่อยากจะชวนคิดให้มากขึ้น มองให้กว้างขึ้น ชนิดที่ว่าทำลายความอคติที่มีเฉพาะแค่วัดพระธรรมกายให้ได้เท่านั้นเอง อยากให้คนพุทธหันมาศึกษาคัมภีร์ในทางพุทธศาสนาให้มากขึ้น ให้กล้าที่จะตั้งคำถามไปถึงต้นตอจริงจริง อย่าลืมว่า พุทธเจ้าท่านตรัสไว้ชัดเลยว่า อย่าเชื่อเพราะอ้างว่า เป็นคัมภีร์
ที่สำคัญ เราต้องยอมรับว่า ปัญหาเรื่องวิธีการสอนของธรรมกายจริงจริง ส่วนหนึ่งมันก็มาจากเนื้อหาในพระไตรปิฎกนั่นแหละ ไอ้ที่อย่างนักร้องคนหนึ่งออกมาพูดว่า ถ้าพุทธแท้ ต้องสอนให้ละ สอนให้บริจาคเพื่อไปนิพพานเท่านั้น ไม่ใช่สอนให้ทำทานเพื่อให้ไปสวรรค์ อันนี้ไม่จริงนะ คือมันมีหลายที่ ที่ไม่ได้สอนเพื่อมุ่งให้คนไปนิพพาน
➤ พระไตรปิฎก คือ คัมภีร์ของพระพุทธศาสนา
อย่างเวลาพระพุทธเจ้าท่าจะแสดงธรรม จะโน้มน้าวคนที่ไม่มีศรัทธา ท่านยังต้องสอนเรื่อง อนุบุพพิกถา ก่อนเลย ต้องค่อยค่อยไล่ไปตั้งแต่เรื่องของ ทาน ศีล สวรรค์ แล้วค่อยไปเนกขัมมะ คือกับบางคนก็สอนเรื่องนิพพานเรื่องการออกบวชไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ อย่างอนาถบิณฑิกะเศรษฐี พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนเรื่องนิพพานให้ฟังเลย มีแต่สอนเรื่องทิฎฐธมมิกประโยชน์ คือประโยชน์ที่จะได้รับในโลกนี้ทั้งนั้น เช่น สอนเรื่องการใช้เงินว่า ต้องทำยังไงบ้าง สอนการประกอบอาชีพโดยสุจริต เป็นต้น เพราะอนาถปิณฑิกะเศรษฐีแกเป็นพ่อค้าไง จะให้มาฟังธรรมในระดับคนออกบวช มันก็ไม่ได้ แกฟังไม่รู้เรื่อง
สรุปก็คือจะบอกว่า ที่ธรรมกายเอามาสอน เอามามอมเมาอย่างที่เราเข้าใจกันน่ะ แท้ที่จริงแล้วมันก็มีซุกซ่อนอยู่ในคัมภีร์ของพุทธศาสนาเหมือนกัน ไม่ใช่ไม่มีที่มาที่ไปซะทีเดียวหรอก
- พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ -