ตอนนี้เราพยายามคิดหาวิธีการต่างๆ เพื่อจะทำให้ตัวเองสามารถลาออกจากงานได้ เพราะเราเครียดกับงานและเพื่อนร่วมงานมาก พ่อแม่เราก็พอเข้าใจ แต่ท่านไม่อยากให้เราลาออกมาโดยที่ยังไม่ได้งานใหม่ (แต่ถ้าเราจะออกจริงๆ ท่านก็ห้ามเราไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ขอเงินท่านใช้ ยังไงเราก็ต้องออกอยู่ดี ไม่ช้าก็เร็ว) แต่เราไม่อยากรอให้ได้งานใหม่แล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าเราต้องทนอยู่ที่เดิมทั้งๆที่ใจเราไม่อยู่แล้วไปอีกนานแค่ไหน และการที่ต้องหาเวลาไปสัมภาษณ์งานที่อื่นในขณะที่ยังทำงานอยู่ที่เดิม มันค่อนข้างยุ่งยากและวุ่นวายสำหรับเรา (เพราะเราเป็นคนขี้เกรงใจคนอื่นด้วย ลางานบ่อยๆก็ดูมีพิรุธและกระทบกับงาน)
เราคิดไว้ว่า ถ้าเราลาออก เรายังมีเงินเก็บอยู่พอสมควร ช่วงเวลาที่เราตกงาน เราจะไปลงเรียนภาษาต่างประเทศ เพราะถ้าเรามีทักษะด้านนี้บ้าง เราจะได้สามารถสมัครงานในบริษัทที่ต้องใช้ทักษะภาษาต่างประเทศได้ จะได้สามารถอัพเงินเดือนได้ ตอนทำงานเราไม่ได้ศึกษาเรื่องพวกนี้หรอก เพราะเราเหนื่อย เบื่อ และเครียดกับงานจนไม่มีกระจิตกระใจจะไปทำอะไรอย่างอื่นแล้ว (ขนาดออกไปเที่ยวยังไม่อยากไปเลย) และทักษะภาษาของเราก็ไม่พัฒนาขึ้นเลย
ดังนั้นเราก็ต้องคิดหาเหตุผลดีๆ ไปบอกเจ้านาย ว่าทำไมเราถึงจะลาออก เท่าที่เรารู้ๆมา ปกติเวลามีพนักงานจะลาออก เจ้านายและ HR มักจะเรียกไปคุยกันยาว และพยายามพูดเกลี้ยกล่อม รั้งให้พนักงานอยู่ต่อ ซึ่งเราไม่อยากถูกรั้งแบบนั้น (ถึงเราจะคิดว่าตัวเองไม่ได้เก่งพอที่จะถูกเขารั้งไว้ก็ตาม แต่เราก็ต้องคิดเผื่อไว้ก่อน)
แน่นอนเราจะไม่ตอบว่าเรามีปัญหาไม่ถูกจริตกับกับเพื่อนร่วมงาน ต้องอยู่ทำงานเกินเวลาโดยไม่ได้รับเงินค่าโอที ขาดอิสระ หรือเหตุผลอื่นๆเกี่ยวกับบริษัทที่เราไม่ชอบเป็นการส่วนตัว เพราะถ้าตอบแบบนั้น เจ้านายก็จะมองเราไม่ดี มองว่าเราไม่ปรับตัว หรือมองว่าเราไม่พัฒนาตัวเอง
และถ้าให้เหตุผลไปว่าเราไม่ถนัดงานที่ทำอยู่ และการต้องกลับบบ้านดึกๆคนเดียวก็ทำให้คนที่บ้านเริ่มเป็นห่วง(พ่อแม่เราอยู่ต่างจังหวัด ส่วนเราอยู่ กทม.) ก็เกรงว่าเดี๋ยวเจ้านายจะพยายามรั้งให้เราอยู่ต่อ อาจจะเสนอโน่นนี่ให้เรา พยายามทำให้เราใจอ่อน (แต่จริงๆเราคิดว่าเจ้านายคงช่วยอะไรเราได้ไม่มากหรอก เพราะลักษณะงานมันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ตามธรรมชาติของมัน อย่างเก่งที่สุดเจ้านายอาจช่วยหาแผนกอื่นให้เราทำแทน แต่ตอนนี้ยังไม่มีแผนกไหนที่เราจะสามารถย้ายไปทำแทนได้ และเราคงรอไม่ไหว)
ถ้าเราจะโกหกที่ทำงานว่า ลาออกเพราะได้งานใหม่ เจ้านายคงไม่รั้งเราให้อยู่ แต่มาคิดๆดูอีกที คนที่บริษัทมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นกันมาก (จากการที่เราอยู่กับพวกเขามาหลายเดือน) ถ้าเราใช้เหตุผลนี้ เดี๋ยวเจ้านายกับเพื่อนร่วมงานก็จะเที่ยวถามว่าเราได้งานที่ไหน บริษัทอะไร และเราก็กลัวว่าเดี๋ยว HR บริษัทเราจะโทรไปสืบกับบริษัทนั้นเรื่องเรา แล้วจะจับได้ว่าเราโกหก
เราเปลี่ยนงานมาหลายที่ และเราก็ลาออกกก่อนจะได้งานใหม่ตลอด ตอนลาออกเรามักจะใช้เหตุผลว่า จะกลับไปช่วยงานที่บ้าน, จะไปเรียนต่อ ป.โท, ย้ายที่อยู่, ได้งานใหม่(เราบอกชื่อบริษัทที่ไม่ดัง ไม่ค่อยมีคนรู้จัก และโชคดีที่เจ้านายเราคนนั้นไม่ได้รู้จักเรามาก ไม่ค่อยสอดรู้สอดเห็น เขาจึงไม่ถามอะไรเรามาก) แต่สำหรับบริษัทนี้ เราจะใช้เหตุผลว่าอะไรดี เพื่อที่จะได้ไม่โดนถามมาก
จะลาออกจากงาน ช่วยบอกเหตุผลกับเจ้านายว่ายังไงดี
เราคิดไว้ว่า ถ้าเราลาออก เรายังมีเงินเก็บอยู่พอสมควร ช่วงเวลาที่เราตกงาน เราจะไปลงเรียนภาษาต่างประเทศ เพราะถ้าเรามีทักษะด้านนี้บ้าง เราจะได้สามารถสมัครงานในบริษัทที่ต้องใช้ทักษะภาษาต่างประเทศได้ จะได้สามารถอัพเงินเดือนได้ ตอนทำงานเราไม่ได้ศึกษาเรื่องพวกนี้หรอก เพราะเราเหนื่อย เบื่อ และเครียดกับงานจนไม่มีกระจิตกระใจจะไปทำอะไรอย่างอื่นแล้ว (ขนาดออกไปเที่ยวยังไม่อยากไปเลย) และทักษะภาษาของเราก็ไม่พัฒนาขึ้นเลย
ดังนั้นเราก็ต้องคิดหาเหตุผลดีๆ ไปบอกเจ้านาย ว่าทำไมเราถึงจะลาออก เท่าที่เรารู้ๆมา ปกติเวลามีพนักงานจะลาออก เจ้านายและ HR มักจะเรียกไปคุยกันยาว และพยายามพูดเกลี้ยกล่อม รั้งให้พนักงานอยู่ต่อ ซึ่งเราไม่อยากถูกรั้งแบบนั้น (ถึงเราจะคิดว่าตัวเองไม่ได้เก่งพอที่จะถูกเขารั้งไว้ก็ตาม แต่เราก็ต้องคิดเผื่อไว้ก่อน)
แน่นอนเราจะไม่ตอบว่าเรามีปัญหาไม่ถูกจริตกับกับเพื่อนร่วมงาน ต้องอยู่ทำงานเกินเวลาโดยไม่ได้รับเงินค่าโอที ขาดอิสระ หรือเหตุผลอื่นๆเกี่ยวกับบริษัทที่เราไม่ชอบเป็นการส่วนตัว เพราะถ้าตอบแบบนั้น เจ้านายก็จะมองเราไม่ดี มองว่าเราไม่ปรับตัว หรือมองว่าเราไม่พัฒนาตัวเอง
และถ้าให้เหตุผลไปว่าเราไม่ถนัดงานที่ทำอยู่ และการต้องกลับบบ้านดึกๆคนเดียวก็ทำให้คนที่บ้านเริ่มเป็นห่วง(พ่อแม่เราอยู่ต่างจังหวัด ส่วนเราอยู่ กทม.) ก็เกรงว่าเดี๋ยวเจ้านายจะพยายามรั้งให้เราอยู่ต่อ อาจจะเสนอโน่นนี่ให้เรา พยายามทำให้เราใจอ่อน (แต่จริงๆเราคิดว่าเจ้านายคงช่วยอะไรเราได้ไม่มากหรอก เพราะลักษณะงานมันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ตามธรรมชาติของมัน อย่างเก่งที่สุดเจ้านายอาจช่วยหาแผนกอื่นให้เราทำแทน แต่ตอนนี้ยังไม่มีแผนกไหนที่เราจะสามารถย้ายไปทำแทนได้ และเราคงรอไม่ไหว)
ถ้าเราจะโกหกที่ทำงานว่า ลาออกเพราะได้งานใหม่ เจ้านายคงไม่รั้งเราให้อยู่ แต่มาคิดๆดูอีกที คนที่บริษัทมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นกันมาก (จากการที่เราอยู่กับพวกเขามาหลายเดือน) ถ้าเราใช้เหตุผลนี้ เดี๋ยวเจ้านายกับเพื่อนร่วมงานก็จะเที่ยวถามว่าเราได้งานที่ไหน บริษัทอะไร และเราก็กลัวว่าเดี๋ยว HR บริษัทเราจะโทรไปสืบกับบริษัทนั้นเรื่องเรา แล้วจะจับได้ว่าเราโกหก
เราเปลี่ยนงานมาหลายที่ และเราก็ลาออกกก่อนจะได้งานใหม่ตลอด ตอนลาออกเรามักจะใช้เหตุผลว่า จะกลับไปช่วยงานที่บ้าน, จะไปเรียนต่อ ป.โท, ย้ายที่อยู่, ได้งานใหม่(เราบอกชื่อบริษัทที่ไม่ดัง ไม่ค่อยมีคนรู้จัก และโชคดีที่เจ้านายเราคนนั้นไม่ได้รู้จักเรามาก ไม่ค่อยสอดรู้สอดเห็น เขาจึงไม่ถามอะไรเรามาก) แต่สำหรับบริษัทนี้ เราจะใช้เหตุผลว่าอะไรดี เพื่อที่จะได้ไม่โดนถามมาก