ในที่สุดก็มาถึงบทสรุปของมหากาพย์ไตรภาคของซีรี่ส์ FLIGHT LOG แล้วนะคะ
Trailer ก็ปล่อยมาแล้ว ด้วยความสงสัย เรามาเดากันดีกว่าค่ะว่าตอนจบจะออกมาแนวไหน
มาลองปะติดปะต่อเรื่องราวดูดีกว่า เพื่อความลุ้นระทึก ถูกบ้างผิดบ้างย่อมไม่เป็นไร 55555
มาย้อนดูกันตั้งแต่แรกดีกว่าค่ะ เพราะทั้ง 3 อัลบั้มมีความเชื่อมโยงกัน เราจะไขปมไปด้วยกัน
เริ่มจาก Schedule Announcement และ Track List มีการบอกบอกใบ้อะไรบ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วต่อด้วย Trailer/ Teaser/ MV/ Album Spoiler
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1 FLIGHT LOG: DEPARTURE [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
TRAILER
TEASER
MV
ALBUM SPOILER
2 FLIGHT LOG: TURBULENCE [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้TRAILER
TEASER
MV
ALBUM SPOILER
3 FLIGHT LOG: ARRIVAL [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
TRAILER http://www.vlive.tv/video/23885?channelCode=ECDF
TEASER/ ALBUM SPOILER กำลังจะตามมาเร็วๆ นี้
ขอชมก่อนค่ะ ทีมคิดคอนเซ็ปต์ละเอียดและลึกซึ้งนะ ดูเหมือนไม่มีสตอรี่แต่จริงๆ เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ให้ต้องขบคิด
พูดถึงโครงเรื่องก่อนค่ะ จะเห็นได้ว่าซีรี่ส์ FLIGHT LOG หรือบันทึกการบินนี้มีคีย์เวิร์ดสำคัญ คือ FLIGHT FLY BIRD
มีการใช้ศัพท์เกี่ยวกับการบินและนกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอากาเซ (아가새 a.k.a IGOT7) แฟนด้อมที่รักของของ GOT7
การบินนอกจากจะหมายถึงอิสรภาพบนท้องฟ้าแล้วยังหมายถึงความฝันด้วย เพราะมนุษย์มักจะฝันให้บินได้ แต่ในความจริงทำไม่ได้
การบินเป็นการเดินทางที่มีเสน่ห์ น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ก็เสี่ยง อาจเกิดสภาวะฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ ที่หากเกิดแล้วมีอัตราผู้รอดชีวิตน้อยมาก
ทั้งซีรี่ส์นี้ภาพรวมคือ การเปรียบเทียบมิตรภาพและความรักความสัมพันธ์ กับการเดินทาง ซึ่งย่อมราบรื่นหรือมีอุปสรรคให้ฝ่าฟันกันไป
มาดูถึงเรื่องราวในซีรี่ส์นะคะ ถ้าดูทั้งเทรเลอร์ ทีเซอร์ เอ็มวีของทั้งสองภาคก่อนมีลักษณะกึ่งจริงกึ่งฝันสลับๆ ปนๆ กัน
เรื่องที่น่าจะจริงก็คือ การได้เดินทางไปกับเพื่อนรัก จะเห็นว่าภาคแรกเทรเลอร์ในรถสนุกสนานเฮฮามาก ครบแก๊ง 7 คน
จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ อันนี้ชัดเจนจากทีเซอร์ภาคสอง มีฉากการช่วยชีวิตชัดมากทั้งฮาร์ดแคร์รี่และเอ็มวีที่กำลังจะมาถึง
ขอตีความอย่างนี้ค่ะ เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำแล้ว จินยองก็คงรอดชีวิตคนเดียว (ในฮาร์ดแคร์รี่มีจินยองอยู่ในรถคนเดียว)
แล้วจินยองก็ต้องสับสน หลงทาง ทรมานคนเดียว ต้องต่อสู้กับ SURVIVAL GUILT หรือความรู้สึกผิดของผู้รอดชีวิต
survival guilt เป็นลักษณะสภาพทางจิตวิทยาของคนที่ได้ผ่านวิกฤติโศกนาฏกรรมและเป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้น
ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด หดหู่ ไม่อยากมีชีวิตต่อเพราะรู้สึกผิด คิดว่าตัวเองไม่น่ามีชีวิตรอด น่าจะตายไปเหมือนคนอื่น
ส่วนใหญ่มีความเสี่ยงสูงมากที่จะซึมเศร้าจนคิดฆ่าตัวตายในที่สุด เพราะสาเหตุสำคัญคือได้สูญเสียทั้งคนรักหรือคนรอบตัวไป
เห็นได้จากจินยองที่ขึ้นไปบนตึกเพื่อจะกระโดดลงมา จินยองเห็นเพื่อนๆ บินได้ใน FLY ก็เพราะเพื่อนตายหมดแล้ว
ถ้าไม่เป็นวิญญาณก็ต้องเป็นความฝัน อาการกึ่งจริงกึ่งฝันนี้มักจะเกิดในสภาวะโคม่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แบบตอนสภาพหมดสติ จิตจะหลุดจากร่างแล้วท่องเที่ยวไปเรื่อย ไม่ยอมเข้าร่าง มักจะมีหนังเกี่ยวกับคนที่อยู่ในอาการโคม่า
แบบที่รอดตายแล้วตื่นขึ้นมาคิดว่าได้ท่องเที่ยวไปไหนต่อไหน บางคนก็ได้ไปเห็นสวรรค์ เห็นนรก อะไรก็ว่ากันไป
อย่างเรื่องนี้จินยองก็ได้เดินทางโดยเครื่องบิน แล้วเครื่องบินก็ตกลงทะเล แถมคลื่นซัดไปติดเกาะ
จินยองอยากจะบินได้บ้าง พูดง่ายๆ คืออยากตายตาม พอกระโดดตึกลงไปก็สำนึกได้ว่าตัวเองบินไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในที่สุด
ต่อมาในฮาร์ดแคร์รี่ก็ยังอยากบิน "Let's fly again fly again fly again I got this right" คืออยากจะตายอีก แต่เพื่อนๆ ก็มาช่วยไว้
พอจะลอยขึ้นทั้งหกคนก็มาดึงตัวเองไว้ พอรู้สึกว่าถูกขังในแท็งก์ยองเจก็มาช่วยปล่อย พอจมน้ำอีกห้าคนที่เหลือก็มาช่วยเอาไว้อีก
พอมาถึงภาคสาม เราเดาว่าไตเติ้ลแทร็กน่าจะชื่อ NEVER EVER ซึ่งในเทรเลอร์จินยองก็ยังอยากจะบินอีก แต่หมอก็ปั๊มช่วยชีวิตไว้
ฉากสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมามีทุกภาค ต้องเป็นองค์ประกอบสำคัญที่รอการเฉลยอยู่ว่าสรุปฟื้นหรือไม่ฟื้น และ/หรือฟื้นแล้วเป็นยังไงต่อ
นอกจากนั้นเราจะเห็นว่า 6 คนที่เหลือสนุกสนานกันมาก ทั้งในหอพัก ทั้งบินใน FLY ทั้งบนเครื่องบิน ทั้งบนภูเขา สนุกกันอยู่แค่ 6 คน
จินยองมองเพื่อนๆ ด้วยสายตาที่แบบรักมาก อยากสนุกด้วย แต่เหมือนจะทำไม่ได้ คือยังไม่สามารถไปอยู่ในโลกเดียวกับเพื่อนได้
โลกของเพื่อนๆ ในมุมมองที่จินยองปรารถนาจะไปอยู่ด้วยคือ "สรวงสวรรค์" หรือความสุข การหลุดพ้นความทุกข์ ดูได้จาก
1. Fly - การบินบนท้องฟ้าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยที่คนจะบินได้หรือใช้ชีวิตอยู่บนท้องฟ้าได้ ถ้าไม่ฝันก็เป็นสวรรค์
2. Hard Carry - สังเกตจากฉากของเจบีและยองเจ ต้นสนมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเฉาเป็นสีแดงเพราะมันชื่อ Evergreen
แถมต้นสนยังลอยอยู่เหนือพื้นอีก เป็นฉากเหนือจริง ดังนั้นถ้าไม่เป็นความฝันก็ต้องเป็นสวรรค์
3. ทะเลและภูเขาที่งดงามอลังการเหมือน paradise หรือสวรรค์บนดิน จะเห็นว่าไม่มีบ้านคนอยู่เลย มีแต่เพื่อนๆ อีกแล้ว
มิหนำซ้ำจินยองยังเดินเท้าเปล่าบนหิมะ ตามหลักความจริงมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ทุกๆ ฉากในเอ็มวีที่ผ่านมา นอกจากฉากรถคว่ำแล้ว ก็ล้วนเป็นฉากที่อยู่ในความคิด/ความฝันของจินยองทั้งหมด
กึ่งจริงคือรู้สึกเจ็บปวด โดดเดี่ยว อ้างว้างจริงๆ กึ่งฝันก็อย่างที่บอกว่าแต่ละฉากมัน surreal มาก ไม่มีทางเป็นจริงได้
คงต้องเดาว่าสุดท้ายแล้วจินยองจะสามารถไปอยู่รวมกับเพื่อนๆ ได้หรือไม่ หรือจะรอดชีวิตมาแล้วอยู่ต่อไปได้ไหม
เราเคยเดาในแง่ดีไว้ว่าทุกคนต่างก็โคม่าเหมือนกัน คือจิตใจล่องลอยไปเหมือนกัน แล้วสุดท้ายก็จะฟื้นมาเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ก็เลยขอแบ่งรับแบ่งสู้ระหว่าง
รอดทุกคน...
รอดคนเดียว หรือ...
ตายทุกคน ต้องออกแรงภาวนา!
อันนี้คงจะต้องเดาใจเจวายพีแล้วล่ะค่ะ แต่จริงๆ ก็ทำใจเศร้ามาตั้งแต่ภาคแรกแล้วค่ะ ไม่แน่ว่าอาจเป็นปลายเปิดอีกก็ได้
แต่ดูทรงแล้วน่าจะจบสวยอยู่นะคะ เพราะจินยองบอกจะไฟต์ จะไม่ยอมแพ้ ดังนั้นปลายทางมันน่าจะมีสิ่งดีๆ รออยู่
นอกจากนั้น เรื่องราวที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ การบิน = นกน้อย (อากาเซ) ซึ่งนกน้อยนี้ปรากฎตัวทุกภาค
ฉากที่บอกได้ชัดเจนว่าเพื่อนๆ ทั้ง 6 คนเป็นอากาเซก็คือ...ฉากยองเจปล่อยนกในกรง ซึ่งนกตัวนั้นก็คือ เจบี!
นกน้อยสีฟ้าอมเขียวตัวนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด หมายความว่ากัซและอากาเซกำลังเดินทางไปด้วยกัน
การได้ติดปีกบินคือการมีอิสระ ความเร็ว และการประสบความสำเร็จอยู่บนที่สูง ได้เห็นภาพแบบ bird-eye view
นี่คงสื่อถึงความฝันและการต่อสู้เพื่อความฝันของกัซที่มีอากาเซคอยสนับสนุน ทุกคนต่างมีเป้าหมายเพื่อการบิน
บินจากจุดเริ่มต้น บินไปเจออุปสรรค บินไปจนถึงจุดหมายปลายทาง แต่ก็ยังไม่จบสิ้น จะยังคงบินต่อไปเรื่อยๆ
นี่เป็นสัญลักษณ์ที่แฝงอยู่ในเรื่องมาโดยตลอด เด็กๆ พูดเสมอว่า เราจะเดินทางไปด้วยกัน แม้จะช้าๆ แต่ก็มั่นคง
โดยเฉพาะภาคสุดท้าย เมื่อเห็นเพื่อนๆ แล้วบอกว่า "I'm not afraid of anything" แล้วจินยองก็ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ
ในผังคัมแบ็กจะเห็นว่าชื่อจินยองหลงทางไป เมมเบอร์ซึ่งเป็นนก น่าจะมีบทบาทในการช่วยจินยองกลับมาสู่เส้นทางในที่สุด
จากที่เด็กๆ เพิ่งปล่อยคำศัพท์ของแฟนด้อมมามีศัพท์ย่อว่า
"อิน-มู-อา" (인무아) หมายถึง แม้ชีวิตจะพังก็ยังมีอากาเซ (IGOT7)
"เซ-ทอ-กัซ" (세터갓) หมายถึง แม้โลกจะระเบิดก็ยังมี GOT7 สำหรับฉัน
คือทั้งกัซและอากาเซต่างเป็นที่พึ่งพาทางใจของกันและกัน ให้กำลังใจ พยายามใหม่ และต่อสู้ไปด้วยกัน
สำหรับกัซแล้วแค่มีอากาเซพวกเขาก็ไม่กลัวอะไร พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมาย (เป้าธนู) ยากแค่ไหนก็จะพยายาม
ในเทรเลอร์ตัวสุดท้ายนี้ เราสังเกตเสียงหวูดด้วยค่ะ เดาว่าน่าจะเป็นหวูดเรือ คือเครื่องบินตกลงทะเลแล้วมีเรือมากู้ชีพ
สัญลักษณ์ที่ปล่อยมามีความเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งเรดาร์ และตำแหน่งในแผนที่ด้วย
นอกจากชาร์ตสี SPRING PANTONE 2017 ในเอ็มวีจะทำเพื่อความอินเทรนด์แล้ว (สีสวยมาก)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
องค์ประกอบในอัลบั้มเท่าที่ปล่อยออกมาใช้แทบทุกสีในชาร์ตเลย ทั้งเขียว ฟ้า น้ำเงิน น้ำตาล เหลือง
อาจมีชมพูและส้มในเอ็มวี คือ เราเดาว่าน่าจะมีฉากพระอาทิตย์ขึ้น/ตก สีของท้องฟ้าเป็นสีชมพู ส้ม เหลือง อะไรแบบนี้ด้วย
อาจจะหมายถึงสิ่งดีๆ จุดจบของอะไรบางอย่าง และการเริ่มต้นของอะไรใหม่ๆ Departure - Arrival มีความหมายแบบนั้น
ดูความหมายของแต่ละสีซึ่งตรงเอ็มวีเป๊ะ ได้ที่ https://www.pantone.com/fashion-color-report-spring-2017
สีเขียว (Greenery) และสีเฮเซลนัท (Hazelnut) ทางภูมิศาสตร์คือ ฝั่ง/บก ก็คือน่าจะแลนดิ้ง รอดจากจมทะเล (เครื่องบินตก)
ส่วนนี้ขออวยความอลังการงานสร้าง ภาพสวยมาก สดชื่นมาก รู้สึกมีพลังสร้างสรรค์
เราวิเคราะห์และประมวลจากอัลบั้มก่อนหน้า MV และเพลงไตเติ้ล ล้วนแต่เป็นเพลงที่สื่อสารพลังและให้กำลังใจ
เพลงที่กำลังจะมาถึงก็คงจะเป็นแนวปลอบโยนจิตใจ ให้ต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคและเอาชนะความทุกข์ ความโดดเดี่ยวให้ได้
ไม่ว่าจะดีร้ายอย่างไรก็ยังมีเพื่อน มีมิตรภาพ รวมถึงแฟนๆ คอยเป็นกำลังใจให้ (แม้ว่าจะเป็นเพียงจินตนาการก็ตาม)
คาดว่าเพลงน่าจะ feel good พอสมควร แต่เรื่องราวในเอ็มวีจะเป็นยังไงก็คงต้องลุ้น ลุ้น...ว่าจะหน้าแตกหรือไม่ 5555
ทั้งนี้ทั้งนั้น รอแทร็กลิสต์และทีเซอร์ต่อไปค่ะ อีกไม่นานก็คงจะได้รู้พร้อมๆ กัน ตื่นเต้นมากจริงๆ มาลุ้นไปด้วยกันนะคะ
เป็นกำลังใจให้เด็กๆ ทุกคน และขอปรบมือให้ทีมงานด้วยค่ะ เราชอบคอนเซ็ปต์ของซีรี่ส์นี้มาก ขนลุกมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว
รักทุกเพลงในอัลบั้ม คือดีงามมากจริงๆ สมแล้วที่ได้รางวัล ชอบทั้งเนื้อหาเอ็มวีและองค์ประกอบที่เชื่อมโยง มีอะไรให้คิดตาม
เราเชื่อมั่นเสมอค่ะว่ากัซจะไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะกัซไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย ขอให้คัมแบ็กครั้งนี้ประสบความสำเร็จขึ้นไปอีก
GOT7 Fighting! IGOT7 Fighting!
-----------------------------------
สำหรับเรื่องเพลงในอัลบั้ม ถ้าปล่อยอัลบั้มแล้วเจอกันค่ะ
[GOT7] FLIGHT LOG: ARRIVAL ตีความเรื่องราว ชวนเดาก่อนดู
Trailer ก็ปล่อยมาแล้ว ด้วยความสงสัย เรามาเดากันดีกว่าค่ะว่าตอนจบจะออกมาแนวไหน
มาลองปะติดปะต่อเรื่องราวดูดีกว่า เพื่อความลุ้นระทึก ถูกบ้างผิดบ้างย่อมไม่เป็นไร 55555
มาย้อนดูกันตั้งแต่แรกดีกว่าค่ะ เพราะทั้ง 3 อัลบั้มมีความเชื่อมโยงกัน เราจะไขปมไปด้วยกัน
เริ่มจาก Schedule Announcement และ Track List มีการบอกบอกใบ้อะไรบ้าง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วต่อด้วย Trailer/ Teaser/ MV/ Album Spoiler [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอชมก่อนค่ะ ทีมคิดคอนเซ็ปต์ละเอียดและลึกซึ้งนะ ดูเหมือนไม่มีสตอรี่แต่จริงๆ เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ให้ต้องขบคิด
พูดถึงโครงเรื่องก่อนค่ะ จะเห็นได้ว่าซีรี่ส์ FLIGHT LOG หรือบันทึกการบินนี้มีคีย์เวิร์ดสำคัญ คือ FLIGHT FLY BIRD
มีการใช้ศัพท์เกี่ยวกับการบินและนกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอากาเซ (아가새 a.k.a IGOT7) แฟนด้อมที่รักของของ GOT7
การบินนอกจากจะหมายถึงอิสรภาพบนท้องฟ้าแล้วยังหมายถึงความฝันด้วย เพราะมนุษย์มักจะฝันให้บินได้ แต่ในความจริงทำไม่ได้
การบินเป็นการเดินทางที่มีเสน่ห์ น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ก็เสี่ยง อาจเกิดสภาวะฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ ที่หากเกิดแล้วมีอัตราผู้รอดชีวิตน้อยมาก
ทั้งซีรี่ส์นี้ภาพรวมคือ การเปรียบเทียบมิตรภาพและความรักความสัมพันธ์ กับการเดินทาง ซึ่งย่อมราบรื่นหรือมีอุปสรรคให้ฝ่าฟันกันไป
มาดูถึงเรื่องราวในซีรี่ส์นะคะ ถ้าดูทั้งเทรเลอร์ ทีเซอร์ เอ็มวีของทั้งสองภาคก่อนมีลักษณะกึ่งจริงกึ่งฝันสลับๆ ปนๆ กัน
เรื่องที่น่าจะจริงก็คือ การได้เดินทางไปกับเพื่อนรัก จะเห็นว่าภาคแรกเทรเลอร์ในรถสนุกสนานเฮฮามาก ครบแก๊ง 7 คน
จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ อันนี้ชัดเจนจากทีเซอร์ภาคสอง มีฉากการช่วยชีวิตชัดมากทั้งฮาร์ดแคร์รี่และเอ็มวีที่กำลังจะมาถึง
ขอตีความอย่างนี้ค่ะ เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำแล้ว จินยองก็คงรอดชีวิตคนเดียว (ในฮาร์ดแคร์รี่มีจินยองอยู่ในรถคนเดียว)
แล้วจินยองก็ต้องสับสน หลงทาง ทรมานคนเดียว ต้องต่อสู้กับ SURVIVAL GUILT หรือความรู้สึกผิดของผู้รอดชีวิต
survival guilt เป็นลักษณะสภาพทางจิตวิทยาของคนที่ได้ผ่านวิกฤติโศกนาฏกรรมและเป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้น
ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด หดหู่ ไม่อยากมีชีวิตต่อเพราะรู้สึกผิด คิดว่าตัวเองไม่น่ามีชีวิตรอด น่าจะตายไปเหมือนคนอื่น
ส่วนใหญ่มีความเสี่ยงสูงมากที่จะซึมเศร้าจนคิดฆ่าตัวตายในที่สุด เพราะสาเหตุสำคัญคือได้สูญเสียทั้งคนรักหรือคนรอบตัวไป
เห็นได้จากจินยองที่ขึ้นไปบนตึกเพื่อจะกระโดดลงมา จินยองเห็นเพื่อนๆ บินได้ใน FLY ก็เพราะเพื่อนตายหมดแล้ว
ถ้าไม่เป็นวิญญาณก็ต้องเป็นความฝัน อาการกึ่งจริงกึ่งฝันนี้มักจะเกิดในสภาวะโคม่า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จินยองอยากจะบินได้บ้าง พูดง่ายๆ คืออยากตายตาม พอกระโดดตึกลงไปก็สำนึกได้ว่าตัวเองบินไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในที่สุด
ต่อมาในฮาร์ดแคร์รี่ก็ยังอยากบิน "Let's fly again fly again fly again I got this right" คืออยากจะตายอีก แต่เพื่อนๆ ก็มาช่วยไว้
พอจะลอยขึ้นทั้งหกคนก็มาดึงตัวเองไว้ พอรู้สึกว่าถูกขังในแท็งก์ยองเจก็มาช่วยปล่อย พอจมน้ำอีกห้าคนที่เหลือก็มาช่วยเอาไว้อีก
พอมาถึงภาคสาม เราเดาว่าไตเติ้ลแทร็กน่าจะชื่อ NEVER EVER ซึ่งในเทรเลอร์จินยองก็ยังอยากจะบินอีก แต่หมอก็ปั๊มช่วยชีวิตไว้
ฉากสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมามีทุกภาค ต้องเป็นองค์ประกอบสำคัญที่รอการเฉลยอยู่ว่าสรุปฟื้นหรือไม่ฟื้น และ/หรือฟื้นแล้วเป็นยังไงต่อ
นอกจากนั้นเราจะเห็นว่า 6 คนที่เหลือสนุกสนานกันมาก ทั้งในหอพัก ทั้งบินใน FLY ทั้งบนเครื่องบิน ทั้งบนภูเขา สนุกกันอยู่แค่ 6 คน
จินยองมองเพื่อนๆ ด้วยสายตาที่แบบรักมาก อยากสนุกด้วย แต่เหมือนจะทำไม่ได้ คือยังไม่สามารถไปอยู่ในโลกเดียวกับเพื่อนได้
โลกของเพื่อนๆ ในมุมมองที่จินยองปรารถนาจะไปอยู่ด้วยคือ "สรวงสวรรค์" หรือความสุข การหลุดพ้นความทุกข์ ดูได้จาก
1. Fly - การบินบนท้องฟ้าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยที่คนจะบินได้หรือใช้ชีวิตอยู่บนท้องฟ้าได้ ถ้าไม่ฝันก็เป็นสวรรค์
2. Hard Carry - สังเกตจากฉากของเจบีและยองเจ ต้นสนมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเฉาเป็นสีแดงเพราะมันชื่อ Evergreen
แถมต้นสนยังลอยอยู่เหนือพื้นอีก เป็นฉากเหนือจริง ดังนั้นถ้าไม่เป็นความฝันก็ต้องเป็นสวรรค์
3. ทะเลและภูเขาที่งดงามอลังการเหมือน paradise หรือสวรรค์บนดิน จะเห็นว่าไม่มีบ้านคนอยู่เลย มีแต่เพื่อนๆ อีกแล้ว
มิหนำซ้ำจินยองยังเดินเท้าเปล่าบนหิมะ ตามหลักความจริงมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ทุกๆ ฉากในเอ็มวีที่ผ่านมา นอกจากฉากรถคว่ำแล้ว ก็ล้วนเป็นฉากที่อยู่ในความคิด/ความฝันของจินยองทั้งหมด
กึ่งจริงคือรู้สึกเจ็บปวด โดดเดี่ยว อ้างว้างจริงๆ กึ่งฝันก็อย่างที่บอกว่าแต่ละฉากมัน surreal มาก ไม่มีทางเป็นจริงได้
คงต้องเดาว่าสุดท้ายแล้วจินยองจะสามารถไปอยู่รวมกับเพื่อนๆ ได้หรือไม่ หรือจะรอดชีวิตมาแล้วอยู่ต่อไปได้ไหม
เราเคยเดาในแง่ดีไว้ว่าทุกคนต่างก็โคม่าเหมือนกัน คือจิตใจล่องลอยไปเหมือนกัน แล้วสุดท้ายก็จะฟื้นมาเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ก็เลยขอแบ่งรับแบ่งสู้ระหว่าง รอดทุกคน...รอดคนเดียว หรือ...ตายทุกคน ต้องออกแรงภาวนา!
อันนี้คงจะต้องเดาใจเจวายพีแล้วล่ะค่ะ แต่จริงๆ ก็ทำใจเศร้ามาตั้งแต่ภาคแรกแล้วค่ะ ไม่แน่ว่าอาจเป็นปลายเปิดอีกก็ได้
แต่ดูทรงแล้วน่าจะจบสวยอยู่นะคะ เพราะจินยองบอกจะไฟต์ จะไม่ยอมแพ้ ดังนั้นปลายทางมันน่าจะมีสิ่งดีๆ รออยู่
นอกจากนั้น เรื่องราวที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ การบิน = นกน้อย (อากาเซ) ซึ่งนกน้อยนี้ปรากฎตัวทุกภาค
ฉากที่บอกได้ชัดเจนว่าเพื่อนๆ ทั้ง 6 คนเป็นอากาเซก็คือ...ฉากยองเจปล่อยนกในกรง ซึ่งนกตัวนั้นก็คือ เจบี!
นกน้อยสีฟ้าอมเขียวตัวนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด หมายความว่ากัซและอากาเซกำลังเดินทางไปด้วยกัน
การได้ติดปีกบินคือการมีอิสระ ความเร็ว และการประสบความสำเร็จอยู่บนที่สูง ได้เห็นภาพแบบ bird-eye view
นี่คงสื่อถึงความฝันและการต่อสู้เพื่อความฝันของกัซที่มีอากาเซคอยสนับสนุน ทุกคนต่างมีเป้าหมายเพื่อการบิน
บินจากจุดเริ่มต้น บินไปเจออุปสรรค บินไปจนถึงจุดหมายปลายทาง แต่ก็ยังไม่จบสิ้น จะยังคงบินต่อไปเรื่อยๆ
นี่เป็นสัญลักษณ์ที่แฝงอยู่ในเรื่องมาโดยตลอด เด็กๆ พูดเสมอว่า เราจะเดินทางไปด้วยกัน แม้จะช้าๆ แต่ก็มั่นคง
โดยเฉพาะภาคสุดท้าย เมื่อเห็นเพื่อนๆ แล้วบอกว่า "I'm not afraid of anything" แล้วจินยองก็ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ
ในผังคัมแบ็กจะเห็นว่าชื่อจินยองหลงทางไป เมมเบอร์ซึ่งเป็นนก น่าจะมีบทบาทในการช่วยจินยองกลับมาสู่เส้นทางในที่สุด
จากที่เด็กๆ เพิ่งปล่อยคำศัพท์ของแฟนด้อมมามีศัพท์ย่อว่า
"อิน-มู-อา" (인무아) หมายถึง แม้ชีวิตจะพังก็ยังมีอากาเซ (IGOT7)
"เซ-ทอ-กัซ" (세터갓) หมายถึง แม้โลกจะระเบิดก็ยังมี GOT7 สำหรับฉัน
คือทั้งกัซและอากาเซต่างเป็นที่พึ่งพาทางใจของกันและกัน ให้กำลังใจ พยายามใหม่ และต่อสู้ไปด้วยกัน
สำหรับกัซแล้วแค่มีอากาเซพวกเขาก็ไม่กลัวอะไร พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมาย (เป้าธนู) ยากแค่ไหนก็จะพยายาม
ในเทรเลอร์ตัวสุดท้ายนี้ เราสังเกตเสียงหวูดด้วยค่ะ เดาว่าน่าจะเป็นหวูดเรือ คือเครื่องบินตกลงทะเลแล้วมีเรือมากู้ชีพ
สัญลักษณ์ที่ปล่อยมามีความเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งเรดาร์ และตำแหน่งในแผนที่ด้วย
นอกจากชาร์ตสี SPRING PANTONE 2017 ในเอ็มวีจะทำเพื่อความอินเทรนด์แล้ว (สีสวยมาก) [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สีเขียว (Greenery) และสีเฮเซลนัท (Hazelnut) ทางภูมิศาสตร์คือ ฝั่ง/บก ก็คือน่าจะแลนดิ้ง รอดจากจมทะเล (เครื่องบินตก)
ส่วนนี้ขออวยความอลังการงานสร้าง ภาพสวยมาก สดชื่นมาก รู้สึกมีพลังสร้างสรรค์
เราวิเคราะห์และประมวลจากอัลบั้มก่อนหน้า MV และเพลงไตเติ้ล ล้วนแต่เป็นเพลงที่สื่อสารพลังและให้กำลังใจ
เพลงที่กำลังจะมาถึงก็คงจะเป็นแนวปลอบโยนจิตใจ ให้ต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคและเอาชนะความทุกข์ ความโดดเดี่ยวให้ได้
ไม่ว่าจะดีร้ายอย่างไรก็ยังมีเพื่อน มีมิตรภาพ รวมถึงแฟนๆ คอยเป็นกำลังใจให้ (แม้ว่าจะเป็นเพียงจินตนาการก็ตาม)
คาดว่าเพลงน่าจะ feel good พอสมควร แต่เรื่องราวในเอ็มวีจะเป็นยังไงก็คงต้องลุ้น ลุ้น...ว่าจะหน้าแตกหรือไม่ 5555
ทั้งนี้ทั้งนั้น รอแทร็กลิสต์และทีเซอร์ต่อไปค่ะ อีกไม่นานก็คงจะได้รู้พร้อมๆ กัน ตื่นเต้นมากจริงๆ มาลุ้นไปด้วยกันนะคะ
เป็นกำลังใจให้เด็กๆ ทุกคน และขอปรบมือให้ทีมงานด้วยค่ะ เราชอบคอนเซ็ปต์ของซีรี่ส์นี้มาก ขนลุกมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว
รักทุกเพลงในอัลบั้ม คือดีงามมากจริงๆ สมแล้วที่ได้รางวัล ชอบทั้งเนื้อหาเอ็มวีและองค์ประกอบที่เชื่อมโยง มีอะไรให้คิดตาม
เราเชื่อมั่นเสมอค่ะว่ากัซจะไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะกัซไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย ขอให้คัมแบ็กครั้งนี้ประสบความสำเร็จขึ้นไปอีก
GOT7 Fighting! IGOT7 Fighting!
-----------------------------------
สำหรับเรื่องเพลงในอัลบั้ม ถ้าปล่อยอัลบั้มแล้วเจอกันค่ะ