คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
ก็เข้าเงื่อนไขศาสนาทุกประการนะ
มีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา
จุดมุ่งหมายสอนให้ไปนิพพาน
มีพิธีกรรมต่างๆปกติ เช่น กราบพระ สวดมนต์ ตักบาตร เวียนเทียน
มีพระภิกษุลงปาติโมกข์ที่โบสถ์ทุกวันพระ
ฯลฯ
คุณหมูเข้าใจรึยังว่าลัทธิต่างกับศาสนายังงัย ดูจากคำพูดเหมือนไม่แม่นนิยาม
แต่ก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอก แค่หาความรู้เพิ่มเติม
รู้ช้าดีกว่าไม่รู้ แล้วมีโอกาสก็ไปขอขมาพระที่ได้ล่วงเกินไว้ก็ดี
มีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดา
จุดมุ่งหมายสอนให้ไปนิพพาน
มีพิธีกรรมต่างๆปกติ เช่น กราบพระ สวดมนต์ ตักบาตร เวียนเทียน
มีพระภิกษุลงปาติโมกข์ที่โบสถ์ทุกวันพระ
ฯลฯ
คุณหมูเข้าใจรึยังว่าลัทธิต่างกับศาสนายังงัย ดูจากคำพูดเหมือนไม่แม่นนิยาม
แต่ก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอก แค่หาความรู้เพิ่มเติม
รู้ช้าดีกว่าไม่รู้ แล้วมีโอกาสก็ไปขอขมาพระที่ได้ล่วงเกินไว้ก็ดี
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
----- ขอใช้คำอธิบาย ที่ได้อธิบายแก่มิตรท่านหนึ่งไว้ มาแสดง
หากต้องการสอบถาม หรือสนทนาเพิ่มเติมก็ยินดี ครับ
https://ppantip.com/topic/36149346/comment38
ความคิดเห็นที่ 38
---- ได้อ่านที่ท่านเจ้าของแล้วครับ
เข้าใจที่ท่านเจ้าของกระทู้รู้สึก ครับ
เมื่อก่อนผมก็อยากไปที่วัด ทื่มีรถฟรีพาไป แต่ไม่มีโอกาสได้ไป แต่ก็ได้เคยไปนั่งสมาธิที่วัดสระเกศ ที่สอนทำสมาธิแบบนั้น
เมื่อเวลาผ่านไป ได้ศึกษาธรรมะ และได้ทราบความเป็นไปของ วัดธรรมกายและสิ่งที่ผู้นำวัดได้กระทำ และรายละเอียดการสอน การนำพา
ด้วยเห็นความบริสุทธิ์ใจและจริงใจ จึงจะขอใช้เวลาเพื่ออธิบายเรื่องราวของวัดตามที่ได้ทราบและติดตามมาหลายปี เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความเข้าใจ กัน
จากการติดตามข่าว การกระทำ และความเป็นไปของวัดมาหลายปี จึงได้ทราบชัดเจนว่า ผู้นำวัดไม่ได้ต้องการบรรลุธรรมเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า แต่ต้องการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเอง โดยมีสาระที่สำคัญดังนี้
1. เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายในวัฏฏสงสาร
แต่มีพระธรรมแสดงไว้แล้วบ่าเบื้องต้นเบื้องปลายของวัฏฏะสงสารไม่ปรากฏ
2. บอกว่าให้สาวกอธิษฐาน ตาม(แต่บอกว่าใครต้องการบรรลุก็ได้ แต่คำสอนเป็นไปแบบสมมติสัจจะที่เห็นเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา
(ไม่ใช่เพื่อให้เห็นปรมัตถ์สัจจะว่า กายและจิตนี้เกิดดับเปลี่ยนแปลงภปตลอดเวลา ไม่คงที่ ไม่คงทน แม้เพียงขณะ ไม่อาจจะถือได้ว่าเป็นใคร เป็นเพียงกายและจิตที่เกิดดับไป ยึดถทอเป็นตนไม่ได้ เห็นไตรลักษณ์ มีคคสมังคีในจิต ตัดกิเลส )
สอนในทิศทางเดียวแบบสมมติสัจจะให้คนสะสมบุญเพื่อติดตามไปไม่มีกำหนดเวลา(เบื้องปลายแห่งวัฏฏะ ไม่ปรากฏ)
3. ความเชื่อของผู้นำ เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีแบบ
ฝ่ายโปรด(ได้แต่สอน สู้มารไม่ได้ ถูกมารบังคับให้ปรินิพพานได้)
ฝ่ายปราบ(ปราบมารได้)
ถึงกับผู้นำกล่าวคำปรามาสพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ก็แค่ตรัสรู้อ่ะนะ แต่ไม่รู้จักมาร ตอบคำถามมารไม่ได้
ซึ่งความเชื่อของผู้นำวัดนี้เป็นความเชื่อที่ผิด เป็นการเข้าใจผิดตามแนวการปฏิบัติการสอนแบบนี้ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน
เพราะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรู้จักมารตั้งแต่ก่อนทรงตรัสรู้ และทรงปรามารมาก่อนที่ทรงตรัสรู้ด้วยซ้ำไป
ในคืนวันที่ทรงตรัสรู้ มารมาปรากฏตัว พระองค์ทรงรู้จักมารและปราบผยศมารที่แสดงฤทธิ์ ตั้งแต่ตอนพลบค่ำ ก่อนจะได้ พระญาณ 3 ในเวลายาม1 ถึง ยาม3
ในการปรินิพพาน มารไม่ได้มีความสามารถมาบังคับพระผู้มีพระภาคเจ้าได้
มารต้องการให้ปรินิพพานตั้งแต่ทรงตรัสรู้(เพราะมารต้องการเป็นพระพุทธเจ้าเช่นกัน แต่มีความเห็นผิด ไม่ต้องการให้ผู้อื่นตรัสรู้และสอนผู้อื่น เมื่อใช้ฤทธิ์ไม่ได้ ก็เปลี่ยนเป็นทูลอารธนาให้ทรงปรินิพพาน) แต่พระพุทธองค์ทรงแสดงความจริงให้มาทราบว่าจะไม่ทรงปรินิพพาน ตราบใดที่พระสาวกยังไม่รู้ธรรมทั่วถึง ยังไม่สามารถอธิบายพระธรรมปราบผู้เห็นผิดได้ และพระศาสนายังไม่มั่นคง
และมีพระธรรมแสดงไว้ชัดเจนว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ทรงปรินิพพานด้วยความพยายามของผู้อื่น
จึงทำให้เห็นว่าการเข้าใจว่ามีพระพุทธเจ้าภาคโปรด ภาคปราบ เป็นความเข้าใจผิดๆ ไปเองของความเชื่อแบบธรรมกาย
4. การบรรลุธรรมของความเชื่อแบบธรรมกาย คือการทำสมาธิ แบบให้เห็นภาพ แล้วเห็นภาพซ้อนๆผุดขึ้นมา แล้วในที่สุดก็เห็นภาพขนาดต่างๆ เป็นการบรรลุธรรม ทั้ง4ขั้น ซึ่งไม่ใช่การบรรลุธรรมของพระพุทธศาสนา
การบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนา บรรลุด้วยการปฏิบัติสติปัฏฐาน(ดูกาย จิต คือขันธ์5 ส่วนใดส่วนหนึ่ง จนเห็นธรรมชาติของการเกิดดับของการและจิต เห็นการเกิดดับนั้นตลอดเวลา จนรู้ว่าสิ่งทั้งหลายไม่คงที่ ทนอยู่ไม่ได้ ไม่อาจนับเป็นตัวตน(รู้ไตรลักษณ์) รู้ว่าสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา มัคคสมังคีในจิต ตัดกิเลส บรรลุธรรมแต่ละขั้นไป 4ขั้น จนถึงอรหัตตผล
5. เชื่อว่าผู้นำความเชื่อของตน คือผู้บงการความเป็นไปของบุคคลต่างๆ ส่งคนมาเกิดเป็นนั่นเป็นนี่ ส่งมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าได้ ที่เรียกว่าต้นธาตุต้นธรรม ซึ่งแต่ก่อนเชื่อว่าท่านผู้เป็นต้นความรู้เป็น แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็นผู้นำในปัจจุบันเป็น
เห็นได้ว่าเป็นความเชื่อที่ผิดหลักพระศาสนา ซึ่งไม่มีใครเป็นผู้เป็นใหญ่ที่บงการให้ใครมาเกิด หรือส่งใครมาเกิดเป็นอะไรได้
มีแต่กรรมของการกระทำของกายและจิตชุดนั้นๆเท่านั้นที่ทำให้เป็นไป ไม่มีใครส่งใครไปเกิดที่ใดได้
6. การกระทำฝ่าฝืนกฏหมายต่างๆ และปัจจุบันถึงกับใช้วิธีการทางพุทธศาสนามาใช้เป็นวิธีการต่อสู้แบบใช้มวลชน ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ แทนที่จะใช้พิธีการทางศาสนา เพื่อให้เกิดความสงบระงับสันติ เป็นการแสดงให้เห็นว่าวัดและผู้นำวัด -ม่ได้มีความเคารพพระศาสนาเลย ถึงกับใช้พิธีการทางศาสนามาใช้เป็นการต่อสู้ทางโลก สร้างความเสื่อมเสียแก่พระศาสนา
และอื่นๆ พร้มรายละเอียดอีกมากมาย
จึงเห็นได้ว่า วัดและผู้นำ ได้แต่เพียงได้เข้าร่วมพระศาสนาในตอนเริ่มต้น แต่ต่อมาความเชื่อและการปฏิบัติได้หลุดออกจากหลักการแห่งพระพุทธศาสนา ทั้งสอนให้ผู้อื่นเห็นผิดไปตามมากมาย ทำให้คนจำนวนมากเชื่อในสิ่งที่ไม่ใช่พระศาสนา ผู้นำถึงกับปรามาสพระบรมศาสดาผู้ทรงตั้งพระศาสนาที่ตนมาบวช ทำให้คนจำนวนมากเข้าใจผิดๆ ออกจากหลักการ ความเชื่อและการปฏิบัติของพระศาสนา
ขอแลกเปลี่ยนขัอมูลความเห็นเท่านี้ก่อน
เข้าใจความรู้สึกดีๆที่ท่านเจ้าของกระทู้ได้รับเมื่อกาลก่อน และขออภัยที่อาจจะทำให้กระทบความรู้สึกดีๆทั้งหลายเหล่านั้น หรือเกิดความขุ่นข้องหมองใจมา ณ ที่นี้ด้วย
ด้วยความเป็นมิตร
วงกลม
หากต้องการสอบถาม หรือสนทนาเพิ่มเติมก็ยินดี ครับ
https://ppantip.com/topic/36149346/comment38
ความคิดเห็นที่ 38
---- ได้อ่านที่ท่านเจ้าของแล้วครับ
เข้าใจที่ท่านเจ้าของกระทู้รู้สึก ครับ
เมื่อก่อนผมก็อยากไปที่วัด ทื่มีรถฟรีพาไป แต่ไม่มีโอกาสได้ไป แต่ก็ได้เคยไปนั่งสมาธิที่วัดสระเกศ ที่สอนทำสมาธิแบบนั้น
เมื่อเวลาผ่านไป ได้ศึกษาธรรมะ และได้ทราบความเป็นไปของ วัดธรรมกายและสิ่งที่ผู้นำวัดได้กระทำ และรายละเอียดการสอน การนำพา
ด้วยเห็นความบริสุทธิ์ใจและจริงใจ จึงจะขอใช้เวลาเพื่ออธิบายเรื่องราวของวัดตามที่ได้ทราบและติดตามมาหลายปี เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความเข้าใจ กัน
จากการติดตามข่าว การกระทำ และความเป็นไปของวัดมาหลายปี จึงได้ทราบชัดเจนว่า ผู้นำวัดไม่ได้ต้องการบรรลุธรรมเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า แต่ต้องการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเอง โดยมีสาระที่สำคัญดังนี้
1. เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายในวัฏฏสงสาร
แต่มีพระธรรมแสดงไว้แล้วบ่าเบื้องต้นเบื้องปลายของวัฏฏะสงสารไม่ปรากฏ
2. บอกว่าให้สาวกอธิษฐาน ตาม(แต่บอกว่าใครต้องการบรรลุก็ได้ แต่คำสอนเป็นไปแบบสมมติสัจจะที่เห็นเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา
(ไม่ใช่เพื่อให้เห็นปรมัตถ์สัจจะว่า กายและจิตนี้เกิดดับเปลี่ยนแปลงภปตลอดเวลา ไม่คงที่ ไม่คงทน แม้เพียงขณะ ไม่อาจจะถือได้ว่าเป็นใคร เป็นเพียงกายและจิตที่เกิดดับไป ยึดถทอเป็นตนไม่ได้ เห็นไตรลักษณ์ มีคคสมังคีในจิต ตัดกิเลส )
สอนในทิศทางเดียวแบบสมมติสัจจะให้คนสะสมบุญเพื่อติดตามไปไม่มีกำหนดเวลา(เบื้องปลายแห่งวัฏฏะ ไม่ปรากฏ)
3. ความเชื่อของผู้นำ เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีแบบ
ฝ่ายโปรด(ได้แต่สอน สู้มารไม่ได้ ถูกมารบังคับให้ปรินิพพานได้)
ฝ่ายปราบ(ปราบมารได้)
ถึงกับผู้นำกล่าวคำปรามาสพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ก็แค่ตรัสรู้อ่ะนะ แต่ไม่รู้จักมาร ตอบคำถามมารไม่ได้
ซึ่งความเชื่อของผู้นำวัดนี้เป็นความเชื่อที่ผิด เป็นการเข้าใจผิดตามแนวการปฏิบัติการสอนแบบนี้ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน
เพราะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรู้จักมารตั้งแต่ก่อนทรงตรัสรู้ และทรงปรามารมาก่อนที่ทรงตรัสรู้ด้วยซ้ำไป
ในคืนวันที่ทรงตรัสรู้ มารมาปรากฏตัว พระองค์ทรงรู้จักมารและปราบผยศมารที่แสดงฤทธิ์ ตั้งแต่ตอนพลบค่ำ ก่อนจะได้ พระญาณ 3 ในเวลายาม1 ถึง ยาม3
ในการปรินิพพาน มารไม่ได้มีความสามารถมาบังคับพระผู้มีพระภาคเจ้าได้
มารต้องการให้ปรินิพพานตั้งแต่ทรงตรัสรู้(เพราะมารต้องการเป็นพระพุทธเจ้าเช่นกัน แต่มีความเห็นผิด ไม่ต้องการให้ผู้อื่นตรัสรู้และสอนผู้อื่น เมื่อใช้ฤทธิ์ไม่ได้ ก็เปลี่ยนเป็นทูลอารธนาให้ทรงปรินิพพาน) แต่พระพุทธองค์ทรงแสดงความจริงให้มาทราบว่าจะไม่ทรงปรินิพพาน ตราบใดที่พระสาวกยังไม่รู้ธรรมทั่วถึง ยังไม่สามารถอธิบายพระธรรมปราบผู้เห็นผิดได้ และพระศาสนายังไม่มั่นคง
และมีพระธรรมแสดงไว้ชัดเจนว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ทรงปรินิพพานด้วยความพยายามของผู้อื่น
จึงทำให้เห็นว่าการเข้าใจว่ามีพระพุทธเจ้าภาคโปรด ภาคปราบ เป็นความเข้าใจผิดๆ ไปเองของความเชื่อแบบธรรมกาย
4. การบรรลุธรรมของความเชื่อแบบธรรมกาย คือการทำสมาธิ แบบให้เห็นภาพ แล้วเห็นภาพซ้อนๆผุดขึ้นมา แล้วในที่สุดก็เห็นภาพขนาดต่างๆ เป็นการบรรลุธรรม ทั้ง4ขั้น ซึ่งไม่ใช่การบรรลุธรรมของพระพุทธศาสนา
การบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนา บรรลุด้วยการปฏิบัติสติปัฏฐาน(ดูกาย จิต คือขันธ์5 ส่วนใดส่วนหนึ่ง จนเห็นธรรมชาติของการเกิดดับของการและจิต เห็นการเกิดดับนั้นตลอดเวลา จนรู้ว่าสิ่งทั้งหลายไม่คงที่ ทนอยู่ไม่ได้ ไม่อาจนับเป็นตัวตน(รู้ไตรลักษณ์) รู้ว่าสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา มัคคสมังคีในจิต ตัดกิเลส บรรลุธรรมแต่ละขั้นไป 4ขั้น จนถึงอรหัตตผล
5. เชื่อว่าผู้นำความเชื่อของตน คือผู้บงการความเป็นไปของบุคคลต่างๆ ส่งคนมาเกิดเป็นนั่นเป็นนี่ ส่งมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าได้ ที่เรียกว่าต้นธาตุต้นธรรม ซึ่งแต่ก่อนเชื่อว่าท่านผู้เป็นต้นความรู้เป็น แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็นผู้นำในปัจจุบันเป็น
เห็นได้ว่าเป็นความเชื่อที่ผิดหลักพระศาสนา ซึ่งไม่มีใครเป็นผู้เป็นใหญ่ที่บงการให้ใครมาเกิด หรือส่งใครมาเกิดเป็นอะไรได้
มีแต่กรรมของการกระทำของกายและจิตชุดนั้นๆเท่านั้นที่ทำให้เป็นไป ไม่มีใครส่งใครไปเกิดที่ใดได้
6. การกระทำฝ่าฝืนกฏหมายต่างๆ และปัจจุบันถึงกับใช้วิธีการทางพุทธศาสนามาใช้เป็นวิธีการต่อสู้แบบใช้มวลชน ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ แทนที่จะใช้พิธีการทางศาสนา เพื่อให้เกิดความสงบระงับสันติ เป็นการแสดงให้เห็นว่าวัดและผู้นำวัด -ม่ได้มีความเคารพพระศาสนาเลย ถึงกับใช้พิธีการทางศาสนามาใช้เป็นการต่อสู้ทางโลก สร้างความเสื่อมเสียแก่พระศาสนา
และอื่นๆ พร้มรายละเอียดอีกมากมาย
จึงเห็นได้ว่า วัดและผู้นำ ได้แต่เพียงได้เข้าร่วมพระศาสนาในตอนเริ่มต้น แต่ต่อมาความเชื่อและการปฏิบัติได้หลุดออกจากหลักการแห่งพระพุทธศาสนา ทั้งสอนให้ผู้อื่นเห็นผิดไปตามมากมาย ทำให้คนจำนวนมากเชื่อในสิ่งที่ไม่ใช่พระศาสนา ผู้นำถึงกับปรามาสพระบรมศาสดาผู้ทรงตั้งพระศาสนาที่ตนมาบวช ทำให้คนจำนวนมากเข้าใจผิดๆ ออกจากหลักการ ความเชื่อและการปฏิบัติของพระศาสนา
ขอแลกเปลี่ยนขัอมูลความเห็นเท่านี้ก่อน
เข้าใจความรู้สึกดีๆที่ท่านเจ้าของกระทู้ได้รับเมื่อกาลก่อน และขออภัยที่อาจจะทำให้กระทบความรู้สึกดีๆทั้งหลายเหล่านั้น หรือเกิดความขุ่นข้องหมองใจมา ณ ที่นี้ด้วย
ด้วยความเป็นมิตร
วงกลม
แสดงความคิดเห็น
ถามถึงหลายคนที่บอกว่าวัดพระธรรมกายเป็นลัทธิไม่ใช่ศาสนา???ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ
“หมู-พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ” ได้โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นกรณีของวัดพระธรรมกายที่กำลังเป็นข่าวโดนเจ้าหน้าที่ใช้มาตรา 44 ควบคุมวัด ว่า “ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ธรรมกาย นั้นเป็นแค่ลัทธิ ไม่ใช่วัด ไม่ใช่พุทธศาสนา.. คงไม่มีปัญหาใดใด..หากลัทธินี้ไม่ห่มผ้าเหลืองมาแอบอ้างพุทธศาสนา หลอกล่อให้ประชาชนหลงเชื่อ บิดเบือนคำสอนของชาวพุทธ ให้ทำบุญบริจาคเงินอย่างงมงายแบบนี้
ขอถามหน่อยนะคะ ว่าเมื่อศาสนามีองค์อย่างที่เห็นในภาพ คือ มีหลักจริยธรรม มีพิธีกรรม มีเป้าหมายสูงสุดคือ การไปนิพพาน ฯลฯ มันจะเป็นเพียงแค่ลัทธิได้อย่างไร
ไม่ได้อยากจะอะไรนะคะ แต่เพียงมีความปราถนาดีไม่อยากให้ใครต้องมีเพียงต้องติดบาปติดตัวด้วยความไม่รู้ ด้วยความปราถนาดีค่ะ