ลาออกจากงานแล้วมาโหนรถไฟ จากไทยไปตุรกี : Trans-Siberian Express EP.5 UlanUde - Irkutsk
1 กุลี, 32 วัน, 4 ประเทศ, 7 เมือง กับทางรถไฟที่ยาวที่สุดในจักรวาล!!
ใครเพิ่งเข้ามา หรืออยากวนกลับไปจุดตั้งต้นก็ตามลิ้งนี้เลยครับ EP.1 China
https://ppantip.com/topic/36121854
EP.2 China
https://ppantip.com/topic/36124116/comment1-1
EP.3 China - Mongolia
https://ppantip.com/topic/36128374/comment6-1
EP.4 Mongolia
https://ppantip.com/topic/36135624
------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกๆ comment เลยนะครับ
นั่งอ่านหมดเลย แต่ไม่ได้ตอบ 555 (เล่นตัว)
เดี๋ยวจะโดนหาว่า เอาเวลาตอบเม้นไปรีบเขียนรีวิวให้เสร็จๆไปจะดีกว่ามั้ย! !
จริงๆแล้วผมกันรูปส่วนหนึ่ง เอาไว้ทำ Photo album ใน facebook เลยไม่ได้เอามาลงให้เห็นกันในนี้
(นิสัยไม่ดี น่าตี น่าหยิกจริงๆเลยนะผมเนี่ย >< )
ไว้เดี๋ยวขึ้นแล้วจะมาบอกนะ จะได้เข้าเบิ่ง ทับถม สรรเสริญกัน 555
---------------------------------------------------------------
รถไฟจากมองโกลจะดีดตัวจากสถานีในเวลา 2 ทุ่ม
จุดหมายต่อไปของผมคือเมือง Irkutsk ในดินแดนรัสเซีย
เมื่อยังไม่ถึงเวลา ป้า Provodnista ประจำตู้ก็ไม่ยอมเปิดประตูให้
ถึงแม้จะมีอาคารสถานีจะอบอุ่น แต่ผมก็นั่งเฝ้าเจ้าม้าเหล็กสัญชาติมองโกล เหมือนกับเด็กนั่งเฝ้าของเล่นที่กลัวว่าใครจะมาขโมยมันไป
เมื่อใกล้ถึงเวลา เหล่าผู้โดยสารก็เริ่มทยอยเข้ามาให้เห็นหน้าตา
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เหล่าเด็กรัสเซียตัวกระจ้อยที่เหมือนกับว่ามาทัศนะศึกษากันเป็นแก๊ง
ยังไม่ทันขึ้นรถไฟก็ส่งเสียงหยอกล้อเล่นกันสนุกเหมือนกับว่าในโลกนี้มีแค่พวกเขา
อยากรู้ว่าเสียงดังแค่ไหนลองนึกย้อนไปในวันแรกที่คุณกำลังไปออกค่ายลูกเสือ
ได้รู้ว่าต้องนอนร่วมห้องกับเพื่อนสนิท ได้เล่น ได้คุย เสียงของความสุขมันดังแบบนั้น
และแล้วสิ่งที่ผมหวาดกลัวก็เป็นจริง แก๊งเด็กหัวทองดันมาพักตู้โดยสารเดียวกับผม
จบกันฝันสลาย ความตั้งใจที่จะได้นั่งรถไฟสายประวัติศาสตร์ ได้พูดคุยกับตัวเองในความเงียบ
อยากนั่งเรียบๆ โดยมีแค่เสียงล้อเหล็กบดรางให้จังหวะ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว
เด็กพวกนี้วิ่งไปมาเอาหมอนตีกันทั้งๆที่ยังเดินไม่ถึง compartment ของตัวเองด้วยซ้ำ
มีเรื่องวุ่นเกิดขึ้นนิดหน่อยเมื่อเด็กทุกคนนอนเตียงมั่วกันไปหมด
ผมเลยถูกระหกไปนอนอยู่ห้องสุดท้ายติดห้องน้ำ แต่ในเรื่องวุ่นๆก็ยังเจอเรื่องดีอยู่บ้าง
เมื่อได้พบกับพี่หมวย หญิงไทยที่มาเรียนภาษาที่รัสเซีย และกำลังออกเดินทางในสายรถไฟเดียวกัน
พี่หมวยช่วยจัดการจนผมได้ที่ซุกหัวนอน พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ รถก็เริ่มออกจากท่า
"สวัสดี ผมชื่อ วาเรียร่า คุณพูดภาษาอังกฤษได้หรอ" - VR
"หวัดดี ชื่อป้อง พวกนายมาทำอะไรกันเยอะแยะ" - ก้าง
"เรา เป็นนักฟุตบอลชั้นประถม มาแข่งชิงถ้วย ได้ที่ 3 น่ะ" - VR
"โอเค พวกนายไปลงที่สถานีไหนล่ะ" - ก้าง
"Irkutsk, ผมขอคุยภาษาอังกฤษกับคุณได้มั้ย ผมอยากเก่งอังกฤษ เพื่อนๆผมไม่มีใครพูดอังกฤษกับผม"
"ได้แน่นอน นายอยากเก่งอังกฤษไปทำไม"
"ผมจะได้ไปเล่นฟุตบอลอาชีพที่อังกฤษ ผมเลยต้องพูดอังกฤษให้ได้"
เราทั้งคู่แลกเปลี่ยนพูดคุยกันอย่างสนุก วาเรียร่าเป็นเด็กประถมที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีมากๆ ผมสอนเขาถ่ายรูป
แล้วโชว์รูปการเดินทางที่ผ่านมาตั้งแต่ปักกิ่งในกล้องให้เขาดู
"คุณเป็นนักเดินทาง เดี๋ยวผมจะสอนภาษารัสเซียพื้นฐานให้คุณ คุณว่าคุณมาจากไหนนะ"
"มาจาก Bangkok Thailand"
"Bangkok หรอ ชื่อตลกจัง ผมไม่เคยได้ยินเลย คุณครูไม่เคยสอน"
"จริงดิ ไม่ต้องห่วง เดี่ยวนายโตขึ้นนายก็จะกระเหี้ยนกระหือรืออยากมาเมืองไทยจนตัวสั่นเลยล่ะ 555"
คืนนั้นเราพูดกันจนสนิท พูดกันจนคนอื่นกลับเข้าห้องนอน พูดกันจนเจ้าหนูวาเรียร่าตาปรือ แล้วขอตัวเข้านอน
"สวัสดี ฉันเจค USA"
"หวัดดี ผมชื่อป้อง Thailand"
จบจากการสนทนากับเด็ก ก็มีผู้ใหญ่เข้ามาชวนคุยต่อ ในตู้รถไฟตู้นี้นอกจากจะมีทีมฟุตบอลยุวชนรัสเซียนี้
ก็เห็นจะมีนักเดินทางอีกแค่สองคน - Luke (AUS) และ Jake (USA)
"ฉันอายุ 27 ออกจาก USA มาเรียนต่อ ป.โท ที่ Cambodia แต่อาจารย์มันห่วยไม่ยอมสอน ก็เลยลาออกมาเดินทาง ไม่มีโอกาสไปประเทศไทยสักที"
เราสองคนอายุไล่เลี่ยกัน เลยคุยกันถูกคอ ยิ่งเจคอยู่ Asean มาหลายปีจนรู้จักวัฒนธรรมและการเมืองแถบบ้านเราเป็นอย่างดี
มันมีอยู่ไม่กี่เรื่องที่คนเพิ่งรู้จักกันห้ามเอามาคุย และเรื่องการเมืองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่สำหรับเราทั้งคู่ หลังจากถามชื่อแซ่แล้ว
เราก็ไปจี้กันเรื่องการบ้านการเมืองทันที เจคพูดถึงการคอรัปชั่นในไทย โครงการจำนำข้าวอันแสนจะโด่งดัง
พูดถึงข้าราชการช้าวชามเย็นชาม แล้วลามปามไปถึงสถาบันกษัตริย์ ด้ายยยย เจค ด้ายยย มาตรา 112 ไม่มีผลกับนายเลยใช่มั้ย
(มันรู้สึกหวิวๆนะเวลาเคยเรื่องเบื้องสูง ถึงแม้หูตาของลุงตู่จะไม่ยาวไกลมาถึงบนรถไฟนี้ก็ตาม 555)
ผมเองก็ชอบศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองเมกาอยู่เหมือนกัน เราก็เลยคุยกันอย่างสนุก แลกหมัดแลกคำถามล่อแหลมกันตลอด
เช้าวันต่อมา รถไฟยังไม่ออกจากแผ่นดินมองโกล
วาเรียร่าเดินเข้ามาทักทายทุกคนในห้อง และปลุกผมตื่น เพื่อจะมาคุยกันอีก
เชื่อมั้ยจากคนที่เกลียดเด็ก ผมกลายเป็นคนรักเด็กเลย เราคุยกันตลอดทาง จนรถไฟมาจอดที่ Naushki พรหมแดน มองโกล-รัสเซีย
พิธีตรวจคนเข้าเมืองก็เริ่มขึ้น โดยพี่ๆทหารรัสเซียสะพายปืนอาก้า จูงหมาอัลเซเชียน ขึ้นมาวนเวียน แหกพาสปอร์ตเทียบกับหนังหน้ากันจะๆเป็นรายคนไป
หลังเสร็จพิธีกรรมข้างต้น ก็ต้องรอนานกว่า 4 ชั่วโมง รถไฟถึงจะออกควบอีกครั้ง
พี่หมวยชวนออกไปเดินซื้อขนมปังมาให้หมากิน ฟังไม่ผิดครับ ไม่ใช่แต่สยามเมืองยิ้มนะที่มีหมาจรจัด
รัสเซียเมืองหนาวเองก็มี เยอะด้วย หมาพวกนี้จะมารวมตัวกันหน้าประตูเวลารถไฟเข้ามาจอด
เพราะเจ้าตูบจะได้กินเศษอาหารที่ Provodnista ใจเมตตาโยนให้
มันเป็นการชวนที่ค่อนข้างจะกระทันหันสักหน่อย เลยปล่อยให้ตัวเองคีบเท้าแตะลงไป
วันนี้เองที่รู้ว่า การถูกมองตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นอย่างไร 555
เราเดินไปถึงร้านขายของชำเล็กๆ เข้าไปพี่หมวยก็ยกมือสั่งซื้อไส้กรอก บอกว่าเอาไปให้หมา
คนรัสเซียที่ยืนซื้อของอยู่ข้างๆพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งพี่เขาแปลให้ฟังทีหลังว่า 'คนยังไม่มีจะกินเลย ดันซื้อไปให้หมา'
มันก็นะ บ้านเมืองเรามันอู่ข้าวอู่น้ำอุดมสมบูรณ์ กินเหลือก็เอาให้น้องหมาน้องแมวเป็นธรรมดา
ก็เข้าใจแหละว่ารัสเซียผ่านมาหลายสงคราม สภาพอากาศก็ไม่ดี ปลูกอะไรไม่ค่อยได้ เลยค่อนข้างซีเรียสเรื่องอาหารอย่างมาก
งี้แหละที่เขาเรียกว่าเข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม ว่ายน้ำไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็อาจจะไปขวางทางน้ำจนโดนเหน็บแบบนี้ก็ได้
แหม่ เรื่องแบบนี้ใครจะไปนึกได้เนอะ ถ้าจะให้หลิ่วตาขนาดนี้ ตะคริวก็คงกินลูกตาพอดี
ตู้รถไฟของเราถูกถอดตากลมเอาไว้ตู้เดียว รอเวลาที่หัวรถจักรจะมาพ่วง แล้วลากไปต่อ
สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นก็แค่เดิน ขึ้นๆลงๆ เปลี่ยนบรรยากาศ
รถไฟกระชากตัวออกวิ่งอีกครั้งก็ตอนเย็นเลย ยิ่งหน้าหนาวแบบนี้พระอาทิตย์จะตกเร็วกว่าฤดูอื่นๆ
ประมาณ 4-5 โมงก็หายหัวจมดินไปแล้ว
และนี่คือภาพถ่ายของเหล่ายุวชนทีมฟุตบอลรัสเซีย ได้ฟังเรื่องราวความใฝ่ฝันในอนาคตของแต่ละคนแล้ว
คิดแง่ลบหน่อยก็ต้องขอบอกเลยว่ามัน 'ฝันเฟื่อง' ถ้ามองแง่บวกก็ต้องบอกว่า ฝันพวกนายนี่เยี่ยมจริงๆ
ผมก็เป็นพวกเพ้อฝันนะ เพ้อฝันเยอะไปหน่อยจนมันกลายเป็นเฟ้อฝัน มันเยอะไปหมดและก็ไม่ได้ลงมือทำสักอย่าง
มันไม่มีความสุขหรอกนะเวลาที่เรามีฝัน แล้วไม่ได้ทำให้มันสำเร็จ
ได้แต่มองอิจฉาคนอื่นที่เขาไปถึงฝั่งฝันกันแล้ว แต่เรายังไม่ออกจากฝั่งเลย แต่คนที่ยังมีฝันก็คงมีความสุขกว่าคนที่ไม่มีล่ะมั้ง
แต่สุดท้ายแล้วคนที่มีความสุขที่สุดอาจจะไม่ใช่พวก 'ช่างฝัน' แต่น่าจะเป็นพวก 'ช่างมัน' มากกว่า
พวกเด็กๆไม่ได้เสียงดังอย่างที่ผมคิดนะ ส่วนใหญ่ก็เล่นกันอยู่ในห้อง
ไม่ได้โหวกเหวกโวยวายอะไรมากนัก
ถ้าถามถึงพวกโค้ชที่คุมพวกเด็กนี่น่ะหรอ เห็นเมื่อคืนถือแก้ว 3 ใบ กับวอดก้าขวดใส 1 ขวด
แล้วก็หายเข้าห้อง ล็อคปิดตาย - นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่ผมเห็นพวกเขา
รถไฟว่ายอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลาจนคล้อยเย็น
ผ่านแนวเขาริบๆ สลับกับหมู่บ้านชนบทที่ตั้งอยู่อย่างสงบนิ่งในที่ของมัน
พระอาทิตย์ตอกบัตรเลิกงาน เตรียมลากลับ
ทุกปากหยุดพูดส่งเสียง แล้วหันมาใช้สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกัน
และการดูแสงสุดท้ายของวัน ก็เป็นกิจกรรมสุดท้ายที่ทุกคนในตู้ได้ทำร่วมกัน
แสงอาทิตย์ยามเย็นสีส้มอมม่วง ฉาบเข้ามาทาบตู้รถไฟ
ย้อมบรรยากาศการเดินทางบนรถไฟให้ดูอบอุ่น
ถึงแม้พระอาทิตย์จะตกในทิศตะวันตกตลอด 365 วันซ้ำๆกัน
แต่ความสวยงามในการมองดูมันนั้นกลับสวยงามไม่ซ้ำวันกันเลย
เห็นไอคนหัวโล้นตัวใหญ่ๆนั่นมั้ย นั่น Luke
ส่วนไอเสื้อขาว นั่น Jake
การเดินทางคนเดียวมันก็โอเคอยู่ แต่การได้แชร์ moment ดีๆ ร่วมกับมิตรภาพใหม่รายทางแบบนี้มันก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ
ถ้าถามถึงวันดีๆบนรถไฟที่ผมมี วันๆนี้ก็ใกล้เคียง
ตกดึกเจคก็เดินมาหาผมที่ห้อง ถามถึงแผนการเดินทางของผมว่าจะไปไหนยังไงต่อ
"นายจะไป Irkutsk ใช่มั้ย เหมือนกัน แต่รถไฟขบวนนี้จะผ่านทะเลสาบไบคาลตอนกลางคืน" - เจค
"จริงดิ เรานั่งรถไฟไป Irkustk เพื่อจะเห็นวิวทะเลสาบไบคาลสวยๆ งั้นแสดงว่าเราจะไม่เห็นอะไรนอกหน้าต่างนี่นอกจากสีดำ" - ก้าง
"ถูกต้อง ฉันเลยคิดแผนใหม่ คืนนี้ฉันจะโดดลงที่เมือง Ulan Ude แล้วต่อรถไฟตอนเช้าไป Irkustk จะได้เห็นวิวทะเลสาบตอนเช้า คงสวย" - เจค
"เจ๋งดีนี่" - ก้าง
"ใช่ เรานั่งรถไฟ Trans-Siberain นี่เพราะจะได้เห็นทะเลสาบตอนกลางวันนี่ ใช่มั้ย ไม่ได้นั่งรถไฟเลียบทะเลสาบก็เหมือนไม่ได้นั่ง นายว่าจริงมั้ย" - เจค
แหม่ เจคเอ้ย พูดมาซะขนาดนี้แล้ว ก็บอกมาเลยว่าจะชวนไปด้วยกัน หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์
เอาก็เอา! ไหนๆผมก็ไม่มีแผนอะไรตายตัวอยู่แล้ว adventure ดีเหมือนกัน
"cool plan! I'm in!" - ก้าง
อีก 30 นาทีรถไฟจะจอดที่สถานี UlanUde และเราก็มีเวลา 10 นาทีที่จะโดดลง
"คุณจะลงเมืองหน้าหรอ ไม่ไป Irkutsk แล้วหรอ" - วาเรียร่าทำหน้าเศร้า
"ใช่แล้วขอโทษที เราคงต้องจากกันแล้ว" ผมรีบเก็บข้าวของเตรียมกระเป๋า
"ไม่ ไม่ ไม่ ผมไม่ให้คุณไป" เจ้าหนูล็อคประตูห้องไม่ให้ผมออก ฉุดดึงกอดรัดผมเอาไว้
ผมจัดของเข้ากระเป๋า เจ้าหนูก็รื้อมันออกมา
กลุ่มแสงไฟสีส้มของหลอดไฟประดิษฐ์จากเมือง UlanUde เริ่มเผยให้เห็นจากไกลๆ
"เอานี่ไป แบงค์ 20 ไทย เป็นที่ระลึกนะ"
"Me in your memory and you in my memory forever, goodbye my brother!" เจ้าหนูน้ำตาซึมเข้ามากอด
[CR] ลาออกจากงานแล้วมาโหนรถไฟ จากไทยไปตุรกี : Trans-Siberian Express EP.5 UlanUde - Irkutsk
1 กุลี, 32 วัน, 4 ประเทศ, 7 เมือง กับทางรถไฟที่ยาวที่สุดในจักรวาล!!
ใครเพิ่งเข้ามา หรืออยากวนกลับไปจุดตั้งต้นก็ตามลิ้งนี้เลยครับ EP.1 China
https://ppantip.com/topic/36121854
EP.2 China
https://ppantip.com/topic/36124116/comment1-1
EP.3 China - Mongolia
https://ppantip.com/topic/36128374/comment6-1
EP.4 Mongolia
https://ppantip.com/topic/36135624
------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกๆ comment เลยนะครับ
นั่งอ่านหมดเลย แต่ไม่ได้ตอบ 555 (เล่นตัว)
เดี๋ยวจะโดนหาว่า เอาเวลาตอบเม้นไปรีบเขียนรีวิวให้เสร็จๆไปจะดีกว่ามั้ย! !
จริงๆแล้วผมกันรูปส่วนหนึ่ง เอาไว้ทำ Photo album ใน facebook เลยไม่ได้เอามาลงให้เห็นกันในนี้
(นิสัยไม่ดี น่าตี น่าหยิกจริงๆเลยนะผมเนี่ย >< )
ไว้เดี๋ยวขึ้นแล้วจะมาบอกนะ จะได้เข้าเบิ่ง ทับถม สรรเสริญกัน 555
---------------------------------------------------------------
รถไฟจากมองโกลจะดีดตัวจากสถานีในเวลา 2 ทุ่ม
จุดหมายต่อไปของผมคือเมือง Irkutsk ในดินแดนรัสเซีย
เมื่อยังไม่ถึงเวลา ป้า Provodnista ประจำตู้ก็ไม่ยอมเปิดประตูให้
ถึงแม้จะมีอาคารสถานีจะอบอุ่น แต่ผมก็นั่งเฝ้าเจ้าม้าเหล็กสัญชาติมองโกล เหมือนกับเด็กนั่งเฝ้าของเล่นที่กลัวว่าใครจะมาขโมยมันไป
เมื่อใกล้ถึงเวลา เหล่าผู้โดยสารก็เริ่มทยอยเข้ามาให้เห็นหน้าตา
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เหล่าเด็กรัสเซียตัวกระจ้อยที่เหมือนกับว่ามาทัศนะศึกษากันเป็นแก๊ง
ยังไม่ทันขึ้นรถไฟก็ส่งเสียงหยอกล้อเล่นกันสนุกเหมือนกับว่าในโลกนี้มีแค่พวกเขา
อยากรู้ว่าเสียงดังแค่ไหนลองนึกย้อนไปในวันแรกที่คุณกำลังไปออกค่ายลูกเสือ
ได้รู้ว่าต้องนอนร่วมห้องกับเพื่อนสนิท ได้เล่น ได้คุย เสียงของความสุขมันดังแบบนั้น
และแล้วสิ่งที่ผมหวาดกลัวก็เป็นจริง แก๊งเด็กหัวทองดันมาพักตู้โดยสารเดียวกับผม
จบกันฝันสลาย ความตั้งใจที่จะได้นั่งรถไฟสายประวัติศาสตร์ ได้พูดคุยกับตัวเองในความเงียบ
อยากนั่งเรียบๆ โดยมีแค่เสียงล้อเหล็กบดรางให้จังหวะ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว
เด็กพวกนี้วิ่งไปมาเอาหมอนตีกันทั้งๆที่ยังเดินไม่ถึง compartment ของตัวเองด้วยซ้ำ
มีเรื่องวุ่นเกิดขึ้นนิดหน่อยเมื่อเด็กทุกคนนอนเตียงมั่วกันไปหมด
ผมเลยถูกระหกไปนอนอยู่ห้องสุดท้ายติดห้องน้ำ แต่ในเรื่องวุ่นๆก็ยังเจอเรื่องดีอยู่บ้าง
เมื่อได้พบกับพี่หมวย หญิงไทยที่มาเรียนภาษาที่รัสเซีย และกำลังออกเดินทางในสายรถไฟเดียวกัน
พี่หมวยช่วยจัดการจนผมได้ที่ซุกหัวนอน พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ รถก็เริ่มออกจากท่า
"สวัสดี ผมชื่อ วาเรียร่า คุณพูดภาษาอังกฤษได้หรอ" - VR
"หวัดดี ชื่อป้อง พวกนายมาทำอะไรกันเยอะแยะ" - ก้าง
"เรา เป็นนักฟุตบอลชั้นประถม มาแข่งชิงถ้วย ได้ที่ 3 น่ะ" - VR
"โอเค พวกนายไปลงที่สถานีไหนล่ะ" - ก้าง
"Irkutsk, ผมขอคุยภาษาอังกฤษกับคุณได้มั้ย ผมอยากเก่งอังกฤษ เพื่อนๆผมไม่มีใครพูดอังกฤษกับผม"
"ได้แน่นอน นายอยากเก่งอังกฤษไปทำไม"
"ผมจะได้ไปเล่นฟุตบอลอาชีพที่อังกฤษ ผมเลยต้องพูดอังกฤษให้ได้"
เราทั้งคู่แลกเปลี่ยนพูดคุยกันอย่างสนุก วาเรียร่าเป็นเด็กประถมที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีมากๆ ผมสอนเขาถ่ายรูป
แล้วโชว์รูปการเดินทางที่ผ่านมาตั้งแต่ปักกิ่งในกล้องให้เขาดู
"คุณเป็นนักเดินทาง เดี๋ยวผมจะสอนภาษารัสเซียพื้นฐานให้คุณ คุณว่าคุณมาจากไหนนะ"
"มาจาก Bangkok Thailand"
"Bangkok หรอ ชื่อตลกจัง ผมไม่เคยได้ยินเลย คุณครูไม่เคยสอน"
"จริงดิ ไม่ต้องห่วง เดี่ยวนายโตขึ้นนายก็จะกระเหี้ยนกระหือรืออยากมาเมืองไทยจนตัวสั่นเลยล่ะ 555"
คืนนั้นเราพูดกันจนสนิท พูดกันจนคนอื่นกลับเข้าห้องนอน พูดกันจนเจ้าหนูวาเรียร่าตาปรือ แล้วขอตัวเข้านอน
"สวัสดี ฉันเจค USA"
"หวัดดี ผมชื่อป้อง Thailand"
จบจากการสนทนากับเด็ก ก็มีผู้ใหญ่เข้ามาชวนคุยต่อ ในตู้รถไฟตู้นี้นอกจากจะมีทีมฟุตบอลยุวชนรัสเซียนี้
ก็เห็นจะมีนักเดินทางอีกแค่สองคน - Luke (AUS) และ Jake (USA)
"ฉันอายุ 27 ออกจาก USA มาเรียนต่อ ป.โท ที่ Cambodia แต่อาจารย์มันห่วยไม่ยอมสอน ก็เลยลาออกมาเดินทาง ไม่มีโอกาสไปประเทศไทยสักที"
เราสองคนอายุไล่เลี่ยกัน เลยคุยกันถูกคอ ยิ่งเจคอยู่ Asean มาหลายปีจนรู้จักวัฒนธรรมและการเมืองแถบบ้านเราเป็นอย่างดี
มันมีอยู่ไม่กี่เรื่องที่คนเพิ่งรู้จักกันห้ามเอามาคุย และเรื่องการเมืองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่สำหรับเราทั้งคู่ หลังจากถามชื่อแซ่แล้ว
เราก็ไปจี้กันเรื่องการบ้านการเมืองทันที เจคพูดถึงการคอรัปชั่นในไทย โครงการจำนำข้าวอันแสนจะโด่งดัง
พูดถึงข้าราชการช้าวชามเย็นชาม แล้วลามปามไปถึงสถาบันกษัตริย์ ด้ายยยย เจค ด้ายยย มาตรา 112 ไม่มีผลกับนายเลยใช่มั้ย
(มันรู้สึกหวิวๆนะเวลาเคยเรื่องเบื้องสูง ถึงแม้หูตาของลุงตู่จะไม่ยาวไกลมาถึงบนรถไฟนี้ก็ตาม 555)
ผมเองก็ชอบศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองเมกาอยู่เหมือนกัน เราก็เลยคุยกันอย่างสนุก แลกหมัดแลกคำถามล่อแหลมกันตลอด
เช้าวันต่อมา รถไฟยังไม่ออกจากแผ่นดินมองโกล
วาเรียร่าเดินเข้ามาทักทายทุกคนในห้อง และปลุกผมตื่น เพื่อจะมาคุยกันอีก
เชื่อมั้ยจากคนที่เกลียดเด็ก ผมกลายเป็นคนรักเด็กเลย เราคุยกันตลอดทาง จนรถไฟมาจอดที่ Naushki พรหมแดน มองโกล-รัสเซีย
พิธีตรวจคนเข้าเมืองก็เริ่มขึ้น โดยพี่ๆทหารรัสเซียสะพายปืนอาก้า จูงหมาอัลเซเชียน ขึ้นมาวนเวียน แหกพาสปอร์ตเทียบกับหนังหน้ากันจะๆเป็นรายคนไป
หลังเสร็จพิธีกรรมข้างต้น ก็ต้องรอนานกว่า 4 ชั่วโมง รถไฟถึงจะออกควบอีกครั้ง
พี่หมวยชวนออกไปเดินซื้อขนมปังมาให้หมากิน ฟังไม่ผิดครับ ไม่ใช่แต่สยามเมืองยิ้มนะที่มีหมาจรจัด
รัสเซียเมืองหนาวเองก็มี เยอะด้วย หมาพวกนี้จะมารวมตัวกันหน้าประตูเวลารถไฟเข้ามาจอด
เพราะเจ้าตูบจะได้กินเศษอาหารที่ Provodnista ใจเมตตาโยนให้
มันเป็นการชวนที่ค่อนข้างจะกระทันหันสักหน่อย เลยปล่อยให้ตัวเองคีบเท้าแตะลงไป
วันนี้เองที่รู้ว่า การถูกมองตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นอย่างไร 555
เราเดินไปถึงร้านขายของชำเล็กๆ เข้าไปพี่หมวยก็ยกมือสั่งซื้อไส้กรอก บอกว่าเอาไปให้หมา
คนรัสเซียที่ยืนซื้อของอยู่ข้างๆพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งพี่เขาแปลให้ฟังทีหลังว่า 'คนยังไม่มีจะกินเลย ดันซื้อไปให้หมา'
มันก็นะ บ้านเมืองเรามันอู่ข้าวอู่น้ำอุดมสมบูรณ์ กินเหลือก็เอาให้น้องหมาน้องแมวเป็นธรรมดา
ก็เข้าใจแหละว่ารัสเซียผ่านมาหลายสงคราม สภาพอากาศก็ไม่ดี ปลูกอะไรไม่ค่อยได้ เลยค่อนข้างซีเรียสเรื่องอาหารอย่างมาก
งี้แหละที่เขาเรียกว่าเข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม ว่ายน้ำไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็อาจจะไปขวางทางน้ำจนโดนเหน็บแบบนี้ก็ได้
แหม่ เรื่องแบบนี้ใครจะไปนึกได้เนอะ ถ้าจะให้หลิ่วตาขนาดนี้ ตะคริวก็คงกินลูกตาพอดี
ตู้รถไฟของเราถูกถอดตากลมเอาไว้ตู้เดียว รอเวลาที่หัวรถจักรจะมาพ่วง แล้วลากไปต่อ
สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นก็แค่เดิน ขึ้นๆลงๆ เปลี่ยนบรรยากาศ
รถไฟกระชากตัวออกวิ่งอีกครั้งก็ตอนเย็นเลย ยิ่งหน้าหนาวแบบนี้พระอาทิตย์จะตกเร็วกว่าฤดูอื่นๆ
ประมาณ 4-5 โมงก็หายหัวจมดินไปแล้ว
และนี่คือภาพถ่ายของเหล่ายุวชนทีมฟุตบอลรัสเซีย ได้ฟังเรื่องราวความใฝ่ฝันในอนาคตของแต่ละคนแล้ว
คิดแง่ลบหน่อยก็ต้องขอบอกเลยว่ามัน 'ฝันเฟื่อง' ถ้ามองแง่บวกก็ต้องบอกว่า ฝันพวกนายนี่เยี่ยมจริงๆ
ผมก็เป็นพวกเพ้อฝันนะ เพ้อฝันเยอะไปหน่อยจนมันกลายเป็นเฟ้อฝัน มันเยอะไปหมดและก็ไม่ได้ลงมือทำสักอย่าง
มันไม่มีความสุขหรอกนะเวลาที่เรามีฝัน แล้วไม่ได้ทำให้มันสำเร็จ
ได้แต่มองอิจฉาคนอื่นที่เขาไปถึงฝั่งฝันกันแล้ว แต่เรายังไม่ออกจากฝั่งเลย แต่คนที่ยังมีฝันก็คงมีความสุขกว่าคนที่ไม่มีล่ะมั้ง
แต่สุดท้ายแล้วคนที่มีความสุขที่สุดอาจจะไม่ใช่พวก 'ช่างฝัน' แต่น่าจะเป็นพวก 'ช่างมัน' มากกว่า
พวกเด็กๆไม่ได้เสียงดังอย่างที่ผมคิดนะ ส่วนใหญ่ก็เล่นกันอยู่ในห้อง
ไม่ได้โหวกเหวกโวยวายอะไรมากนัก
ถ้าถามถึงพวกโค้ชที่คุมพวกเด็กนี่น่ะหรอ เห็นเมื่อคืนถือแก้ว 3 ใบ กับวอดก้าขวดใส 1 ขวด
แล้วก็หายเข้าห้อง ล็อคปิดตาย - นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่ผมเห็นพวกเขา
รถไฟว่ายอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลาจนคล้อยเย็น
ผ่านแนวเขาริบๆ สลับกับหมู่บ้านชนบทที่ตั้งอยู่อย่างสงบนิ่งในที่ของมัน
พระอาทิตย์ตอกบัตรเลิกงาน เตรียมลากลับ
ทุกปากหยุดพูดส่งเสียง แล้วหันมาใช้สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกัน
และการดูแสงสุดท้ายของวัน ก็เป็นกิจกรรมสุดท้ายที่ทุกคนในตู้ได้ทำร่วมกัน
แสงอาทิตย์ยามเย็นสีส้มอมม่วง ฉาบเข้ามาทาบตู้รถไฟ
ย้อมบรรยากาศการเดินทางบนรถไฟให้ดูอบอุ่น
ถึงแม้พระอาทิตย์จะตกในทิศตะวันตกตลอด 365 วันซ้ำๆกัน
แต่ความสวยงามในการมองดูมันนั้นกลับสวยงามไม่ซ้ำวันกันเลย
เห็นไอคนหัวโล้นตัวใหญ่ๆนั่นมั้ย นั่น Luke
ส่วนไอเสื้อขาว นั่น Jake
การเดินทางคนเดียวมันก็โอเคอยู่ แต่การได้แชร์ moment ดีๆ ร่วมกับมิตรภาพใหม่รายทางแบบนี้มันก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ
ถ้าถามถึงวันดีๆบนรถไฟที่ผมมี วันๆนี้ก็ใกล้เคียง
ตกดึกเจคก็เดินมาหาผมที่ห้อง ถามถึงแผนการเดินทางของผมว่าจะไปไหนยังไงต่อ
"นายจะไป Irkutsk ใช่มั้ย เหมือนกัน แต่รถไฟขบวนนี้จะผ่านทะเลสาบไบคาลตอนกลางคืน" - เจค
"จริงดิ เรานั่งรถไฟไป Irkustk เพื่อจะเห็นวิวทะเลสาบไบคาลสวยๆ งั้นแสดงว่าเราจะไม่เห็นอะไรนอกหน้าต่างนี่นอกจากสีดำ" - ก้าง
"ถูกต้อง ฉันเลยคิดแผนใหม่ คืนนี้ฉันจะโดดลงที่เมือง Ulan Ude แล้วต่อรถไฟตอนเช้าไป Irkustk จะได้เห็นวิวทะเลสาบตอนเช้า คงสวย" - เจค
"เจ๋งดีนี่" - ก้าง
"ใช่ เรานั่งรถไฟ Trans-Siberain นี่เพราะจะได้เห็นทะเลสาบตอนกลางวันนี่ ใช่มั้ย ไม่ได้นั่งรถไฟเลียบทะเลสาบก็เหมือนไม่ได้นั่ง นายว่าจริงมั้ย" - เจค
แหม่ เจคเอ้ย พูดมาซะขนาดนี้แล้ว ก็บอกมาเลยว่าจะชวนไปด้วยกัน หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์
เอาก็เอา! ไหนๆผมก็ไม่มีแผนอะไรตายตัวอยู่แล้ว adventure ดีเหมือนกัน
"cool plan! I'm in!" - ก้าง
อีก 30 นาทีรถไฟจะจอดที่สถานี UlanUde และเราก็มีเวลา 10 นาทีที่จะโดดลง
"คุณจะลงเมืองหน้าหรอ ไม่ไป Irkutsk แล้วหรอ" - วาเรียร่าทำหน้าเศร้า
"ใช่แล้วขอโทษที เราคงต้องจากกันแล้ว" ผมรีบเก็บข้าวของเตรียมกระเป๋า
"ไม่ ไม่ ไม่ ผมไม่ให้คุณไป" เจ้าหนูล็อคประตูห้องไม่ให้ผมออก ฉุดดึงกอดรัดผมเอาไว้
ผมจัดของเข้ากระเป๋า เจ้าหนูก็รื้อมันออกมา
กลุ่มแสงไฟสีส้มของหลอดไฟประดิษฐ์จากเมือง UlanUde เริ่มเผยให้เห็นจากไกลๆ
"เอานี่ไป แบงค์ 20 ไทย เป็นที่ระลึกนะ"
"Me in your memory and you in my memory forever, goodbye my brother!" เจ้าหนูน้ำตาซึมเข้ามากอด