คติบทที่จะตั้งถามนั้น ว่าจะกล่าวไปข้อบทข้อมูลที่หมวด ๘ แต่!ให้หามาไม่พบ จึงจะได้ขอแค่สาธยายไว้เท่านั้น.
เรื่องที่ทราบกันว่า ชื่อพระพุทธชิโนรส ชื่อพระนามที่ ๗ ชื่อ ราหุล นั้น มีมาในชื่อของพุทธบุตรเมื่อพระพุทธเจ้าโคตมะตรัสเล่าไปถึงความเปรียบแห่งสิเนหา ว่าที่มีต่อบุตรกว่า ๑ พันนี้ มีมากแล้วเพียงไหน ... ตรัสถึงชื่อของพระโอรสของพระพุทธเจ้าพระองค์ที่แล้วๆ มาในตามลำดับนั้นแล้วว่า ได้แก่
๑. สมวัตตักขันธะ พระโอรส พระพุทธเจ้าวิปัสสี
๒. อตุละ พระโอรส พระพุทธเจ้าสิกขี
๓. สุปปพุทธะ พระโอรส พระพุทธเจ้าเวสภู
๔. อุตตระ พระโอรส พระพุทธเจ้ากุกสันธ
๕. สัตถวาหะ พระโอรส พระพุทธเจ้าโกนาคมน
๖. วิชิตเสนะ พระโอรส พระพุทธเจ้ากัสสป
๗. และพระนามราหุล พระโอรสในปัจจุบัน
ข้อนี้จะให้ได้กล่าวว่าได้ซะ ๘ อย่างก็เลยไม่อาจกล่าวชี้แจงให้ได้ เพราะไม่รู้จะหาทราบได้อย่างไรว่า พระพุทธชิโนรส ในพระพุทธเจ้าเมตไตรย จะมีพระนามชื่อที่ตั้งไว้แล้วว่าชื่ออะไร?
ฉะนั้นก็เลยจะหาปสันนาการ ว่ามีข้อให้คิดถึงชื่อพระพุทธบุตรในพระองค์ที่สุดของภัทรกัปนี้อยู่ จะปสันนาการเลยตามเลยเอง เอาตามหลักฐานบางประการนี้ ดังที่ข้อมูลชักนำไปพบ ในบทชื่อว่า อนุปปันนะ ซึ่งเป็นอธิบายในพระปิฎก ดังนี้
ชื่อว่า อนุปฺปนฺนํ (ยังไม่เกิดขึ้น) วิบากของกรรมที่ยังไม่
เกิดขึ้นนั้น จงเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิต หรือในก้าวล่วงไปอีกแสนกัปก็ตาม
ชื่อว่า ไม่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่มี เพราะอรรถว่าเป็นภาวะแห่งปัจจัยที่แน่นอน
ธรรมเหล่านี้แหละชื่อว่าจะเกิดขึ้น เหมือนอย่างมรรค ของพระเมตไตรยโพธิสัตว์
ชื่อว่า อนุปปันนะ (ยังไม่เกิดขึ้น) และผลจึงชื่อว่า ธรรมทั้งหลายจะเกิด
แน่นอน.
ก็จากบทศัพท์ ชื่อว่าพุทธบุตร และอนุปฺปนฺนศัพท์ ค้นหาด้วยกลวิธีทางคำศัพท์อยู่หลายอย่าง คือนำไปแปลดูบาลีอังกฤษ-อังกฤษบ้าง มาแปลจากความหมายนั้น มาแปลเป็นไทยบ้าง และในบทที่มีคำใกล้กันแล้วมาพิเคราะห์ดูการแปลเป็นบาลี-ไทยคืนเดิมบ้าง (ว่าพุทธบุตรที่ ๘ นั้น) ว่าชื่อตามแต่จะปสันนาการของตัวศัพท์ที่ตั้งตามไปจะได้ชื่อว่าอะไร แล้วได้ตามปรากฏในวาระสุดท้ายนั้นว่า steam boat : (f.) dhūmayātrā. ซึ่งประกอบดูตามบริบทหลายๆประการแล้ว น่าจะให้ได้ชื่อศัพท์ที่รู้จักว่า ธุม , ธูม ซึ่งเมื่อจะประกอบไว้ในอีกชื่อหนึ่งให้เรียกตามศัพท์นั้น จึงให้เรียกว่า ธุมะยาต ,ธุมะยัตระ ซึ่งอาจจะแปลเข้าเฉพาะคุณศัพท์ให้หมายความไว้ว่าคือ ควันน้ำ,หมอกน้ำ,หรือพรายน้ำ นั้นเป็นที่ ๘ ซึ่งเป็นเหตุ-ผลเกี่ยวกับอักขระจำเพาะสาธิตไว้ให้เป็นชื่อเรียกเฉพาะกำหนด ในปสันนาการที่เลื่อมใสดีแล้ว ฉะนั้น
ข้อสาธกบรรยายมานี้แล้ว อย่างนี้กระทำจากข้อมูลที่ตั้งสืบไว้ตามหน้าที่เช่นนั้นๆ เป็นปฐวีศัพท์เป็นพื้น ซึ่งนัยสมมติที่ ๘ นั้นให้เป็นสมมุติในที่แห่งโวหารเป็นที่สุด
ด้วยสามารถแห่งบุตรเป็นต้น.
เรื่องที่ทราบกันว่า ชื่อพระพุทธชิโนรส ชื่อพระนามที่ ๗ ชื่อ ราหุล นั้น มีมาในชื่อของพุทธบุตรเมื่อพระพุทธเจ้าโคตมะตรัสเล่าไปถึงความเปรียบแห่งสิเนหา ว่าที่มีต่อบุตรกว่า ๑ พันนี้ มีมากแล้วเพียงไหน ... ตรัสถึงชื่อของพระโอรสของพระพุทธเจ้าพระองค์ที่แล้วๆ มาในตามลำดับนั้นแล้วว่า ได้แก่
๑. สมวัตตักขันธะ พระโอรส พระพุทธเจ้าวิปัสสี
๒. อตุละ พระโอรส พระพุทธเจ้าสิกขี
๓. สุปปพุทธะ พระโอรส พระพุทธเจ้าเวสภู
๔. อุตตระ พระโอรส พระพุทธเจ้ากุกสันธ
๕. สัตถวาหะ พระโอรส พระพุทธเจ้าโกนาคมน
๖. วิชิตเสนะ พระโอรส พระพุทธเจ้ากัสสป
๗. และพระนามราหุล พระโอรสในปัจจุบัน
ข้อนี้จะให้ได้กล่าวว่าได้ซะ ๘ อย่างก็เลยไม่อาจกล่าวชี้แจงให้ได้ เพราะไม่รู้จะหาทราบได้อย่างไรว่า พระพุทธชิโนรส ในพระพุทธเจ้าเมตไตรย จะมีพระนามชื่อที่ตั้งไว้แล้วว่าชื่ออะไร?
ฉะนั้นก็เลยจะหาปสันนาการ ว่ามีข้อให้คิดถึงชื่อพระพุทธบุตรในพระองค์ที่สุดของภัทรกัปนี้อยู่ จะปสันนาการเลยตามเลยเอง เอาตามหลักฐานบางประการนี้ ดังที่ข้อมูลชักนำไปพบ ในบทชื่อว่า อนุปปันนะ ซึ่งเป็นอธิบายในพระปิฎก ดังนี้
ชื่อว่า อนุปฺปนฺนํ (ยังไม่เกิดขึ้น) วิบากของกรรมที่ยังไม่
เกิดขึ้นนั้น จงเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิต หรือในก้าวล่วงไปอีกแสนกัปก็ตาม
ชื่อว่า ไม่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่มี เพราะอรรถว่าเป็นภาวะแห่งปัจจัยที่แน่นอน
ธรรมเหล่านี้แหละชื่อว่าจะเกิดขึ้น เหมือนอย่างมรรค ของพระเมตไตรยโพธิสัตว์
ชื่อว่า อนุปปันนะ (ยังไม่เกิดขึ้น) และผลจึงชื่อว่า ธรรมทั้งหลายจะเกิด
แน่นอน.
ก็จากบทศัพท์ ชื่อว่าพุทธบุตร และอนุปฺปนฺนศัพท์ ค้นหาด้วยกลวิธีทางคำศัพท์อยู่หลายอย่าง คือนำไปแปลดูบาลีอังกฤษ-อังกฤษบ้าง มาแปลจากความหมายนั้น มาแปลเป็นไทยบ้าง และในบทที่มีคำใกล้กันแล้วมาพิเคราะห์ดูการแปลเป็นบาลี-ไทยคืนเดิมบ้าง (ว่าพุทธบุตรที่ ๘ นั้น) ว่าชื่อตามแต่จะปสันนาการของตัวศัพท์ที่ตั้งตามไปจะได้ชื่อว่าอะไร แล้วได้ตามปรากฏในวาระสุดท้ายนั้นว่า steam boat : (f.) dhūmayātrā. ซึ่งประกอบดูตามบริบทหลายๆประการแล้ว น่าจะให้ได้ชื่อศัพท์ที่รู้จักว่า ธุม , ธูม ซึ่งเมื่อจะประกอบไว้ในอีกชื่อหนึ่งให้เรียกตามศัพท์นั้น จึงให้เรียกว่า ธุมะยาต ,ธุมะยัตระ ซึ่งอาจจะแปลเข้าเฉพาะคุณศัพท์ให้หมายความไว้ว่าคือ ควันน้ำ,หมอกน้ำ,หรือพรายน้ำ นั้นเป็นที่ ๘ ซึ่งเป็นเหตุ-ผลเกี่ยวกับอักขระจำเพาะสาธิตไว้ให้เป็นชื่อเรียกเฉพาะกำหนด ในปสันนาการที่เลื่อมใสดีแล้ว ฉะนั้น
ข้อสาธกบรรยายมานี้แล้ว อย่างนี้กระทำจากข้อมูลที่ตั้งสืบไว้ตามหน้าที่เช่นนั้นๆ เป็นปฐวีศัพท์เป็นพื้น ซึ่งนัยสมมติที่ ๘ นั้นให้เป็นสมมุติในที่แห่งโวหารเป็นที่สุด