โพสต์เดือด ชี้ธรรมกายบิดเบือนคำสอนพระพุทธศาสนา ลั่นพร้อมดีเบตกับลูกศิษย์ อื้อหื้ออออ.เดือดบุ๊ดๆๆเจ้าคะ (นพนครพิงค์)

กระทู้คำถาม
แร็ปเปอร์หนุ่ม โพสต์เดือด ชี้ธรรมกายบิดเบือนคำสอนพระพุทธศาสนา ลั่นพร้อมดีเบตกับลูกศิษย์ ชี้โกนหัวห่มผ้าเหลืองก็ใช่ว่าจะเป็นพระทุกคน
“นที เอกวิจิตร” หรือ “อุ๋ย บุดดาเบลส” ศิลปินหนุ่ม โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วัดพระธรรมกายนั้นบิดเบือนคำสอนของพระพุทธศาสนาชัดเจนอย่างยาวนาน ขณะที่พระธัมมชโย เจ้าอาวาสของวัดก็ถูกสมเด็จพระสังฆราช มีพระลิขิตให้อาบัติปราชิกพ้นจากความเป็นพระเเล้วนอกจากนั้นยังมีการกระทำความผิดตามกฎหมายทางโลกอีกหลายอย่าง นอกจากนี้ศิลปินหนุ่มยังระบุด้วยว่า หากใครสงสัยหรืออยากโต้เเย้งในสิ่งที่ตนพูด ก็ยินดีร่วมเเลกเปลี่ยนความคิดเห็น...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เอาหละ อิฉั๊นก็ไม่ได้เคร่งศาสนาอะไรมากมายนักและก็ไม่ได้เป็นศิษย์ญานุศิษย์ของวัดจานบิน แต่อิฉั๊นนนนก็เป็นพุทธศาสนิกชนที่ปฎิบัติตนตามธรรมเนียมพุทธ เข้าวัดบ้างไม่เข้าวัดบ้างตามโอกาส อิฉั๊นนนนอยากทราบว่าคุณอุ๋ยยยหนะเคร่งศาสนามากเพียงใด เข้าใจ พุทธศาสนามากเพียงใด พุทธแท้พุทธเทียมต่างกันเยี่ยงไร  ตามที่อิฉั๊นเข้าใจนะเจ้าคะ ถ้าจะปฎิบัติตามพุทธจริงๆเข้าใจในแก่นแท้ของพุทธจริงที่พวกที่ไว้พระพุทธรูปอยู่ประหงกๆก็ไม่ใช่พุทธจริงๆนะเจ้าคะ  ศาสนาพุทธจริงๆเขาไม่นับถือปูนปั้นพระพุทธรูปถือว่าเป็นปูนปั้น ถ้าพุทธจริงๆเขาให้อ่านท่องพระไตรปิฎกเจ้าคะ แล้วปฎิบัติตัวให้เคร่งครัด
นอนนี้ห้ามนอนเตียงนะเจ้าคะ ใครนอนเตียงถือว่าไม่ใช่พุทธแท้เจ้าคะ  ปฎิบัติตัวตามศิลแปดด้วยนะเจ้าคะ ขอถามว่าใครปฎิบัติตัวได้ตามนี้บ้างเจ้าคะแล้วที่บอกว่าไล่ล่าพวกที่ไม่ใช่พุทธแท้หนะ คนพูดหนะก็ไม่ใช่พุทธแล้วเจ้าคะ ศาสนาพุทธเขาให้เดินสายกลางให้ยอมรับฟังความเห็นของคนอื่นเขาให้ละทิ้งอัตตาตัวตนของเราเจ้าคะ ซึ้งอิฉันก็ยังทำไม่ได้เล๊ยยยยเจ้าคะ ยังมีอัตตาในตัวเองอยู่นะเจ้าคะกิกิ
อิฉั๊นอ่านของคุณที่โพสแล้วอิฉั๊นนนก็อัตตาพอดี๊พอดีเลยเจ้าคะ กิกิ
แก้ใขจัดข้อความให้สวยงามเจ้าคะ
หัวเราะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ช่วงนี้มีแต่ข่าวการใช้ ม.44 กับวัดธรรมกาย เพื่อค้นหาธัมมชโย อย่างในห้องศาสนา รวมทั้งห้องการเมือง มีการถกกันถึงความเหมาะสมกับการใช้กฎหมายมาตรานี้ ก็ไม่ออกความเห็นล่ะ ว่า เหมาะสมหรือไม่? รวมทั้งยังไม่พูดถึงธัมมชโยว่าผิดถูกอย่างไร? แต่มีอย่างนึงที่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก ที่บางคนแสดงความสะใจ ยุให้ตัดน้ำตัดไฟ คนที่อยู่ในวัดหรือใครเข้าออก จับให้หมด ทั้งที่พระหรือคนที่เกี่ยวข้องกับวัดนี้ เป็นคนพุทธ(แค่ต่างลัทธิ) เป็นประชาชนคนไทย เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับตน เป็นแค่คนที่ตนเองไม่ชอบ โดยอ้างเพื่อปกป้องพุทธศาสนา ลักษณะนี้ในทางพุทธศาสนาเรียกว่า "การอนุโมทนาบาป" ปัจจุบันชาวพุทธยึดถือแต่กระพี้ ไม่ได้ศึกษาถึงแก่นแท้ของธรรมะ แล้วมาอ้างตนเป็น "พุทธ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน"
การอนุโมทนาบาป คือ ดีใจหรือยินดีด้วย กับการที่คนอื่นทำความชั่วหรือทำบาป พอเห็นใครทำความชั่วก็พลอยยินดีกับเขา ถ้าหากไปอนุโมทนาต่อบาป หรืออกุศลกรรมนั้น เราก็จะพลอยได้บาปไปด้วย เพราะทันทีที่เห็นดีเห็นงามต่อการทำบาป ใจของเราก็จะขุ่นมัว ซึ่งเมื่อใจขุ่นมัว ไม่ผ่องใส ย่อมมีทุคติเป็นที่ตั้ง "จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติปาฏิกังขา" เมื่อจิตเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ทุคติย่อมเป็นที่หวังได้
ตัวของเรายังได้เพาะเชื้อ แห่งการขาดความเมตตากรุณา เพราะคนที่ทำบาปหรืออกุศลกรรม เขามีเชื้อแห่งการขาดความเมตตากรุณา ต่อเพื่อนร่วมโลกอยู่ในตัว จึงทำบาป แล้วเราก็ดีใจ โดยหารู้ไม่ว่าเราก็กำลัง เพาะเชื้อแห่งการขาดความเมตตากรุณาต่อสัตวโลกเช่นกัน
ผู้มีอุเบกขามหากุศล กับผู้มีจิตคิดสาปแช่งให้ศัตรูมีอันเป็นไป เมื่อทราบข่าวว่าศัตรู หรือผู้ที่ตนเองไม่ชอบ ถูกทำร้ายร่างกายหรือได้รับทุกข์ แล้วมีความสะใจ ก็แปลว่าผู้นั้นมีมูลรากของความเป็น นักเพ่งโทษ นักสาปแช่งแล้ว เพราะไม่มีทางลดความโกรธ ความเกลียดชังลงได้ด้วยความสะใจ กับการรู้ว่าผู้ที่เกลียด ต้องเจอชะตากรรมเลวร้าย จิตที่สะใจแบบนั้นชี้ชัดว่า ท่านต้องมีความคิดอันเป็นอกุศล เมื่อคิดเป็นอกุศลย่อมปรุงแต่งจิตให้อยู่ในสภาพที่มืด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประกอบด้วยโสมนัส(กรณีสะใจ) ก็ยิ่งขยายผลให้ร้ายแรงเข้าไปใหญ่ เมื่อคิดเป็นอกุศล ย่อมได้รับผลในทางไม่ดีเช่นกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งคิดไม่ดีกับคนไม่ดี
การอนุโมทนาบาป อกุศลจิตที่เกิดขึ้น สะใจต่ออกุศลกรรมที่คนอื่นกระทำ ย่อมเป็นอกุศลวิบากเสมอกับผู้กระทำอกุศลกรรมนั้น กรณีที่มีการตายหมู่เกิดขึ้น คนที่ไปตายหมู่ร่วมกับเขา คือ พวกที่เคยฆ่าคนอื่นเอาไว้ หรือเคยสนับสนุนให้เกิดการฆ่า เคยพลอยยินดีเมื่อคนอื่นถูกฆ่า ถึงเวลาเลยต้องมาตายด้วยกัน เมื่อจะทำความดีเรื่องอะไรก็ตาม มักจะมีคนขัดขวางเรื่อยไป แต่พอเริ่มแค่คิดจะทำความชั่ว ก็จะมีคนชั่วมาเป็นแนวร่วม
เพราะฉะนั้น อย่าได้ไปอนุโมทนาบาปกับใคร ถ้าได้ข่าวว่าใครประสบชะตากรรมเลวร้าย ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกตัดสินประหารชีวิต อย่างมากก็ทำใจเพียงแค่รับรู้ว่า เป็นกรรมของสัตว์โลก ใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ทำใจให้เป็น"อุเบกขา" รู้เท่าทันความจริงแต่นิ่งเฉย เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อบาปเกิดขึ้นกับเรา ในทางตรงกันข้าม ถ้าทราบว่าใครทำบุญ ให้รีบอนุโมทนาบุญกับเขา เพราะ ปัตตานุโมทนามัย อนุโมทนากับคนที่ทำบุญ เราก็ได้บุญด้วย
ความคิดเห็นที่ 5
ไม่เคยจดจำบทเรียนในอดีต

ครั้งหนึ่งเราเคยเห็นภาพที่คนไทยถูกเก้าอี้ฟาดแล้วมีคนยืนยิ้ม
นั่นก็เพราะมีคนปลุกปั่นสร้างความเกลียดชัง ทำซะจนมีคนคิดว่า อีกฝ่ายเป็นศัตรู จะใช้วิธีไหนกำจัดฟาดฟันก็ได้

ต่อมาเราเห็นภาพฝูงชนที่พร้อมจะเฮโล ปิดนั่นปิดนี่ เหมือนตัวเองเป็นเจ้าของประเทศผู้รักชาติอยู่ฝ่ายเดียว
จะไล่คนเห็นต่างออกนอกประเทศ สะใจที่คนไทยด้วยกันถูกทำร้าย ประเทศจะเสียหายแค่ไหนไม่สน ฯลฯ
หลงเชื่อหัวหน้าม๊อบ คิดว่าตัวเองรักชาติ ทำเพื่อชาติ จะปฏิรูปประเทศ แล้ววันนี้เป็นยังไง  

ระวังกันเถอะค่ะ พวกที่มักคิดว่าตัวเองเป็นคนเก่ง คนดี ผูกขาดการรักสถาบันต่างๆ ไว้ฝ่ายเดียว
ที่ผ่านๆ มา ต้องตกเป็นเครื่องมือทำให้คนไทยแตกแยก สูญเสียไปเท่าไหร่แล้ว

ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สื่อต่างๆ ก็เหมือนกัน อย่างไหนไม่รู้จริง หรือลงข่าวผิด บิดเบือน
ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำลายพระพุทธศาสนา ไม่ต้องไปดูคนอื่น ทำตัวเองให้ดีก่อน

เรื่องทางสงฆ์ ตรงไหนผิดถูกก็ให้ทางสงฆ์จัดการ เรื่องทางกฎหมายก็บังคับใช้อย่างยุติธรรมกันทุกฝ่าย

พวกโหนกระแส ใช้ความเกลียดชัง คิดแต่ว่าไม่ถูกใจเรา ก็จะใช้วิธีไหนกำจัดก็ได้เพื่อความสะใจ
นอกจากจะเป็นเครื่องมือเขาแล้ว ระวังวันหนึ่งข้างหน้า สิ่งที่ทำจะย้อนกลับหาตน
ความคิดเห็นที่ 10
ไอ้นพ  เอ็งเล่นเฟซบุคไหมฟร่ะ  ส่วนหล่ออย่างข้า  เล่นไม่เป็น

จากข้อความนี้  ที่แรปเปอร์หนุ่มโพสต์  



เอาข้อความที่คนหล่ออย่างข้าโพสต์ข้างล่างนี่  ไปแปะใส่หน้าผากเฟซบุคแรปเปอร์หน่อยดิ


พระลิขิต นั้น   ไม่มีผลใด ๆ  เป็นแค่ "ความเห็น" ของสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน
จะปาราชิกหรือไม่  ขึ้นกับมติของมหาเถรสมาคม  ไม่ใช่พระลิขิต

มหาเถรสมาคม  มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน   มีกรรมการมหาเถรอีก 20 รูป
การพิจารณาเรื่องใด ๆ จะใช้มติของมหาเถรสมาคมเป็นที่สิ้นสุด

ฉะนั้น  อย่าเข้าใจผิดคิดว่า  เมื่อมีพระลิชิตแล้ว  ก็แปลว่าจะมีผลตามนั้น

พระลิขิต  เป็นแค่ความเห็น   ไม่ใช่พระบัญชา

พระบัญชาคือคำสั่ง  ซึ่งมีผลต่อผู้ถูกสั่ง  ไม่ปฏิบัติตามมีความผิด
แต่พระบัญชาจะใช้ในทางการแต่งตั้ง  ตำแหน่ง  เลื่อนยศ  หรือปลด  ลด  
หรือเป็นพระบัญชาในเรื่องกิจการของสงฆ์โดยทั่วไป  ซึ่งต้องเป็นไปตาม มาตรา 8  พ.ร.บ.สงฆ์

เรื่องปาราชิก  เป็นเรื่องพระวินัย  หากจะมีพระบัญชาว่าพระรูปใดปาราชิกพ้นจากความเป็นพระ
ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย  มีมติของมหาเถรสมาคมรองรับ

ส่วนพระลิขิต  ถือเป็นความเห็น  คำแนะนำ  คำสอน  ไม่มีผลทางกฎหมาย

การบอกว่า  พระลิขิตว่าธัมมชโยปาราชิกแล้วนั้น  ย่อมมีผล  เป็นความเข้าใจผิด

และเข้าใจผิดกันมาตลอด  ตีกินมาตลอด



ไม่ใช่ปกป้องธัมมชโย  แต่เพื่อความถูกต้อง  อย่าชี้ผิดชี้ถูกกันด้วยความไม่รู้
อย่าให้อวิชชาเป็นเครื่องกำหนด
OK
ความคิดเห็นที่ 6
นึกว่าใครที่แท้ก็หลวงพี่เสิรชในหนังหลวงพี่เท่งนี่เอง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ครั้งหนึ่งคนพุทธเคยประณามคนมุสลิมว่าโหดร้ายกับไทยพุทธที่สาม จว ภาคใต้  แต่คนไทยพุทธในพื้นที่สงบกับมาปลุกปั่นความเกลียดชังระหว่างไทยพุทธด้วยกันเอง  ไม่เคยชอบธรรมกายเลย ไม่เคยเสียเงินทำบุญให้วัดนี้และสาขาแม้แต่บาทเดียว  ตอนผมบวชเงินแม้แต่บาทเดียวก็แตะไม่ได้เพราะนำมาด้วยกิเลส เศษหนังสือพิมพ์ที่ห่อมากับพวกดอกไม้เครื่องใช้ที่ญาติโยมเอามาถวาย หยิบมาอ่านยังโดนหลวงพ่อตำหนิเพราะนำมาซึ่งกิเลส แต่ ณ เวลานี้ผมกลับมองว่าธรรมกายถูกสร้างขึ้นมาเป็นจำเลยทางสังคมเพียงเพื่อความต้องการบางอย่างของคนบางกลุ่ม สนองความไม่ชอบใจบางอย่างจากพระที่มีแนวคิดและผลประโยชน์ตรงข้ามกันเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบและความแตกแยกทางสังคมที่จะตามมา

ชาวพุทธโปรดตั้งสติให้มั่น พระพุทธเจ้าสอนมาอย่างไรจงนำคำสอนนั้นมาใช้  อย่าได้ไปหลงเชื่อว่าใครจะรักพุทธศาสนามากกว่าใคร หากอ้างเพื่อไปทำลายใครมันคือไม่ใช่  เหตุผลมันมีคานกันได้ทั้งสองฝ่าย  แต่ทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าพยายามสอนให้เดินกลับไม่คิดจะเดินกัน และอย่าได้หลงตกไปเป็นเบี้ยหมากให้ผู้ที่ไม่หวังดีกับพระพุทธศาสนาด้วยการจับความขัดแย้งของชาวพุทธไปเป็นตัวประกัน

ปล. ชอบผลงานเพลงของอุ๋ยนะครับ แต่ครั้งนี้บอกเลยไม่เห็นด้วย อยากมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์การสร้างความแตกแยกของชาติ ศาสนา ก็เชิญครับ ผมไม่สดชื่นด้วย
ความคิดเห็นที่ 14
อยากจะดีเบต....ติดต่อได้ที่ไหนนี่

กำลังจะเข้ามาบอกอย่างที่ "หล่อขวัญ" เลย

ปุถุชนอย่างเราๆ ท่านๆ ยังไม่กระจ่างแจ้งเรื่องพระพุทธศาสนา  บางทีก็มักจะเอาคติแบบทางโลกไปวางทาบในทางธรรม  แล้วด่วนตัดสิน   อย่างเรื่องพระลิขิตของสังฆราช......การพ้นจากความเป็นพระไม่ได้อยู่ที่ลิขิตของใครครับ   จะใหญ่ขนาดไหน?  ก็มีสามารถชี้นิ้วได้ว่าพระรูปนั้นขาดจากความเป็นพระถ้าหลักฐานไม่กระจ่างชัด  

แม้องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงบัญญัติพระวินัยด้วยพระองค์เอง   ไม่เคยเข้าไปยุ่งหรือตัดสินพระรูปใด   อย่างเช่นกรณีพระวินัยธรทะเลาะกันกับพระธรรมกถึกแค่เรื่องน้ำ "ครึ่งขัน" ที่ทิ้งไว้ในส้วม   กล่าวหากันว่าต้องอาบัติซึ่งเป็นอาบัติที่เล็กน้อยมาก (ภาษาพระกล่าวว่า น้อยชนิดที่แค่จามนิดหน่อยก็หลุดพ้นจากอาบัติแล้ว)   พระพุทธเจ้าทรงปล่อยให้พระวินัยธรกับพระธรรมกถึกเถียงกัน   โดยพระองค์ทรงปลีกวิเวกออกไปจำพรรษาในป่าโดยลำพัง   และนั่นเป็นเหตุการณ์ที่ช้างป่า "เลย์ไลก์" และ "ลิง" ถวายและปรนนิบัติพระพุทธเจ้าตลอดพรรษานั้น


เห็นไหมครับ?  การถูกกล่าวหาว่า "อาบัติ"  ซึ่งเป็นอาบัติเพียงเล็กน้อย  แม้พระพุทธเจ้าเองก็ยังไม่ทรงด่วนตัดสินว่าใครถูกใครผิด  พระทั้งสองที่ทะเลาะกันก็ไม่ได้เป็นอรหันต์อะไรด้วย    แล้วปุถุชนอย่างเราๆ ท่านๆ ล่ะ?    ถ้าไม่กระจ่างแจ้งตรงนี้    แล้วด่วนไปตัดสินว่าพระรูปนั้นรูปนี้ขาดจากความเป็นพระเสียแล้ว........บาปหนักเลยนะนั่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่