สืบเนื่องมากจากสัปดาห์ก่อนๆพยายามเซิร์ทหา
ข้อมูลการยื่นวีซ่า VFS อิตาลี สำหรับคนที่เป็นเจ้าของกิจการ แต่ไม่มีใครให้ข้อมูลได้ละเอียดและชัดเจนเลยค่ะ เซิร์ทเจอแต่การยื่นแบบเป็นพนักงานบริษัท และเป็นฟรีแลนซ์ ไม่ก็พวกที่มีสปอนเซอร์ออกค่าใช้จ่ายให้ แต่เกี่ยวกับเจ้าของกิจการเล็กๆมีข้อมูลน้อยมากๆ แถมไม่ค่อยอัพเดทด้วย
วันนี้เราได้วีซ่ามาเรียบร้อย (รวมใช้ระยะเวลา 4 วันได้เล่มคืนทางไปรษณีย์ค่ะ) เลยขอแบ่งปันข้อมูลไว้เผื่อว่าใครหลายๆคนที่อาจจะต้องการนะคะ
สำหรับรายละเอียดเอกสารที่จะยื่น VFS อิตาลี
ต้องแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษค่ะ มีรายการอะไรบ้าง? เราคิดว่าเพื่อนคงหาข้อมูลได้จากเว็ป VFS โดยตรง หรือจากกระทู้รีวิวของท่านอื่นๆในคลังได้นะคะ ขอข้ามส่วนนี้แล้วกันค่ะ
เรื่องแปลทะเบียนบ้าน คงไม่ใช่ปัญหาหลักใหญ่ใจความนัก เพราะว่าเซิร์ทหาแพทเทิร์นมาแปลตาม แก้ไขข้อมูลนิดๆหน่อยๆได้ง่าย
แต่สำหรับ
หนังสือรับรองบริษัทฯ ทั้งฉบับ ไม่ใช่เฉพาะหน้าแรกนะคะ
เค้าต้องการหน้าที่มีวัตถุประสงค์ยี่สิบกว่าข้อนั่นด้วยค่ะ ตอนแรกแฟนเราก็กังวลว่าภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ก็กลัวว่าถ้าแปลเองจะยิ่งไปกันใหญ่ เลยว่าจะจ้างเค้าแปล เจอเสนอราคาค่าแปลมาแต่ละที่ 1500-2500 บาท แล้วบังเอิญว่าเรากับแฟนเปิดกันคนละบริษัท (เป็นกรรมการลงนามผู้เดียว แยกกันคนละบริษัท) ก็จะโดนค่าแปลเอกสาร 2 บริษัทไปทีเกือบครึ่งหมื่น โอ้ววว...ไม่ไหวๆๆๆ ตัดสินใจ วัดดวงนั่งแปลกันเองค่ะ
***หมายเหตุ : ภาษาเราไม่ได้แข็งแรงนะคะ แกรมม่าก็ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ค่ะ แต่อาศัยว่าแปลผสมกับกูลเกิ้ลบ้าง ตอนยื่นก็แอบกลัวๆ เพราะว่าเห็นเจ้าหน้าที่ให้คนที่ยื่นก่อนหน้าแก้คำผิดที่แปลตรงทะเบียนบ้านหลายจุด แล้วต้องวิ่งไปหาที่พิมพ์ที่ปริ้นท์ใบใหม่มายื่นวุ่นวาย แล้วของเรามีหนังสือรับรองบริษัทอีก4-5หน้า นี่เรียกว่าเครียดเลยค่ะ แต่พอตอนเรายื่นก็ไม่ได้มีต้องแก้ไขจุดไหน เลยคิดว่าการแปลของเราน่าจะพอใช้ได้(มั๊งคะ) เลยเอามาให้เป็นข้อมูลแก่เพื่อนๆที่ต้องการแล้วกันค่ะ ถ้าผิดตกอย่างไรก็ต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ***
วันนี้ เราเอาข้อมูลของเรามาให้เป็นตัวอย่าง เทียบภาษาไทย กับภาษาอังกฤษที่แปลเอง ก็ลองเอาไปปรับแก้ไข หรือลอกตาม (ถ้าข้อมูลเหมือนกัน) ได้เลยนะคะ
หน้า 1


หน้า2


หน้า 3 (ตอนแปลภาษาอังกฤษ มันยาว เกินหน้าไปหน่อยน่ะค่ะ เลยมี 2แผ่น)



หน้า 4 (ถ้ามี เป็นวัตถุประสงค์เพิ่มเติมของบริษัทค่ะ)


หมายเหตุ : การแปล ต้องแปลแบบจุดต่อจุดเลยนะคะ ตรงไหนมีเจ้าหน้าที่เซ็นต์แก้ไข กำกับ ก็ต้องแปลลงไปด้วยนะคะ ที่สำคัญ อย่าลืมกำกับชื่อผู้แปล ลงไปด้านล่างของเอกสารทุกแผ่นด้วยนะคะ
และยิ่งเราเป็น
เจ้าของกิจการ ก็ควรมีจดหมายแนะนำตัวเองด้วยนะคะ เพราะว่าคนที่เป็นพนักงานบริษัท ก็ยังต้องมีหนังสือรับรองเงินเดือน หรือรับรองตำแหน่ง หน้าที่การทำงานของบริษัท มาแสดงเลยค่ะ ในจดหมายของเราก็บรรยายไปคร่าวๆ
ประมาณว่าเราเป็นใคร เปิดกิจการชื่ออะไร ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วจะไปเมืองเค้าที่ไหนบ้าง จะกลับวันไหน ประมาณนั้น
แผนการเดินทางแบบวันต่อวัน เราทำเป็น Excel ไปค่ะ ทำใบเดียวใส่ชื่อเรากับแฟน พยายามสื่อให้เห็นว่าเดินทางไปด้วยกันทั้งคู่ค่ะ เราก็ใส่สีสันเว้นเป็นแต่ละเมือง ระบุข้อมูลการเดินทางคร่าวๆ (เราไม่ได้จองอะไรจริงๆเลยนะคะ ที่พักก็จอง booking.com แบบที่ยกเลิกฟรี ส่วนตารางรถก็เซิร์ทจากแอป ชื่อ GoEURO ค่ะ ก็ Copy ตารางรถ หรือราคารถเที่ยวที่เล็งๆไว้เวลาข้ามเมืองมาใส่ในแผนการเดินทางเอาน่ะค่ะ ใส่ราคาไปหน่อย ถ้ามี..จะได้ดูสมจริงสมจังมากขึ้น)

เพิ่มเติม :
เจ้าของกิจการ ต้องเอา Statement ออมทรัพย์ส่วนตัว (ภาษาอังกฤษ) อายุไม่เกิน 15 วัน + Book bank เล่มจริงอัพเดทล่าสุด และหนังสือรับรองบัญชี จากธนาคารภาษาอังกฤษ (สำคัญเลย) ไปด้วยนะคะ
ตอนแรก เราเห็นว่ามี 2 รายการแล้ว เลยไม่ไปขอหนังสือรับรองบัญชีจากธนาคาร คิดว่าเพียงพอ สรุปต้องวิ่งลงไปขอที่ธนาคารที่อยู่ชั้นล่างของตึกแบบเร่งด่วนเลยค่ะ เสียไปอีก 100 บาท สบายตัว..
คิดว่าหลักๆมีเท่านี้นะคะ ถ้าใครสงสัยอะไร สอบถามหลังไมค์มาได้นะคะ เราจะพยายามช่วยเท่าที่จะสามารถช่วยได้นะคะ
ขอให้โชคดีทุกคนค่ะ
แบ่งปันข้อมูลแปลเอกสารสำคัญบริษัท-เจ้าของกิจการ เล็กๆ ที่จะยื่นขอวีซ่าเชงเก้น(อิตาลี)
วันนี้เราได้วีซ่ามาเรียบร้อย (รวมใช้ระยะเวลา 4 วันได้เล่มคืนทางไปรษณีย์ค่ะ) เลยขอแบ่งปันข้อมูลไว้เผื่อว่าใครหลายๆคนที่อาจจะต้องการนะคะ
สำหรับรายละเอียดเอกสารที่จะยื่น VFS อิตาลี ต้องแปลเอกสารเป็นภาษาอังกฤษค่ะ มีรายการอะไรบ้าง? เราคิดว่าเพื่อนคงหาข้อมูลได้จากเว็ป VFS โดยตรง หรือจากกระทู้รีวิวของท่านอื่นๆในคลังได้นะคะ ขอข้ามส่วนนี้แล้วกันค่ะ
เรื่องแปลทะเบียนบ้าน คงไม่ใช่ปัญหาหลักใหญ่ใจความนัก เพราะว่าเซิร์ทหาแพทเทิร์นมาแปลตาม แก้ไขข้อมูลนิดๆหน่อยๆได้ง่าย
แต่สำหรับหนังสือรับรองบริษัทฯ ทั้งฉบับ ไม่ใช่เฉพาะหน้าแรกนะคะ เค้าต้องการหน้าที่มีวัตถุประสงค์ยี่สิบกว่าข้อนั่นด้วยค่ะ ตอนแรกแฟนเราก็กังวลว่าภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ก็กลัวว่าถ้าแปลเองจะยิ่งไปกันใหญ่ เลยว่าจะจ้างเค้าแปล เจอเสนอราคาค่าแปลมาแต่ละที่ 1500-2500 บาท แล้วบังเอิญว่าเรากับแฟนเปิดกันคนละบริษัท (เป็นกรรมการลงนามผู้เดียว แยกกันคนละบริษัท) ก็จะโดนค่าแปลเอกสาร 2 บริษัทไปทีเกือบครึ่งหมื่น โอ้ววว...ไม่ไหวๆๆๆ ตัดสินใจ วัดดวงนั่งแปลกันเองค่ะ
***หมายเหตุ : ภาษาเราไม่ได้แข็งแรงนะคะ แกรมม่าก็ไม่ค่อยได้เท่าไหร่ค่ะ แต่อาศัยว่าแปลผสมกับกูลเกิ้ลบ้าง ตอนยื่นก็แอบกลัวๆ เพราะว่าเห็นเจ้าหน้าที่ให้คนที่ยื่นก่อนหน้าแก้คำผิดที่แปลตรงทะเบียนบ้านหลายจุด แล้วต้องวิ่งไปหาที่พิมพ์ที่ปริ้นท์ใบใหม่มายื่นวุ่นวาย แล้วของเรามีหนังสือรับรองบริษัทอีก4-5หน้า นี่เรียกว่าเครียดเลยค่ะ แต่พอตอนเรายื่นก็ไม่ได้มีต้องแก้ไขจุดไหน เลยคิดว่าการแปลของเราน่าจะพอใช้ได้(มั๊งคะ) เลยเอามาให้เป็นข้อมูลแก่เพื่อนๆที่ต้องการแล้วกันค่ะ ถ้าผิดตกอย่างไรก็ต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ***
วันนี้ เราเอาข้อมูลของเรามาให้เป็นตัวอย่าง เทียบภาษาไทย กับภาษาอังกฤษที่แปลเอง ก็ลองเอาไปปรับแก้ไข หรือลอกตาม (ถ้าข้อมูลเหมือนกัน) ได้เลยนะคะ
หน้า 1
หน้า2
หน้า 3 (ตอนแปลภาษาอังกฤษ มันยาว เกินหน้าไปหน่อยน่ะค่ะ เลยมี 2แผ่น)
หน้า 4 (ถ้ามี เป็นวัตถุประสงค์เพิ่มเติมของบริษัทค่ะ)
หมายเหตุ : การแปล ต้องแปลแบบจุดต่อจุดเลยนะคะ ตรงไหนมีเจ้าหน้าที่เซ็นต์แก้ไข กำกับ ก็ต้องแปลลงไปด้วยนะคะ ที่สำคัญ อย่าลืมกำกับชื่อผู้แปล ลงไปด้านล่างของเอกสารทุกแผ่นด้วยนะคะ
และยิ่งเราเป็น เจ้าของกิจการ ก็ควรมีจดหมายแนะนำตัวเองด้วยนะคะ เพราะว่าคนที่เป็นพนักงานบริษัท ก็ยังต้องมีหนังสือรับรองเงินเดือน หรือรับรองตำแหน่ง หน้าที่การทำงานของบริษัท มาแสดงเลยค่ะ ในจดหมายของเราก็บรรยายไปคร่าวๆ ประมาณว่าเราเป็นใคร เปิดกิจการชื่ออะไร ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วจะไปเมืองเค้าที่ไหนบ้าง จะกลับวันไหน ประมาณนั้น
แผนการเดินทางแบบวันต่อวัน เราทำเป็น Excel ไปค่ะ ทำใบเดียวใส่ชื่อเรากับแฟน พยายามสื่อให้เห็นว่าเดินทางไปด้วยกันทั้งคู่ค่ะ เราก็ใส่สีสันเว้นเป็นแต่ละเมือง ระบุข้อมูลการเดินทางคร่าวๆ (เราไม่ได้จองอะไรจริงๆเลยนะคะ ที่พักก็จอง booking.com แบบที่ยกเลิกฟรี ส่วนตารางรถก็เซิร์ทจากแอป ชื่อ GoEURO ค่ะ ก็ Copy ตารางรถ หรือราคารถเที่ยวที่เล็งๆไว้เวลาข้ามเมืองมาใส่ในแผนการเดินทางเอาน่ะค่ะ ใส่ราคาไปหน่อย ถ้ามี..จะได้ดูสมจริงสมจังมากขึ้น)
เพิ่มเติม :
เจ้าของกิจการ ต้องเอา Statement ออมทรัพย์ส่วนตัว (ภาษาอังกฤษ) อายุไม่เกิน 15 วัน + Book bank เล่มจริงอัพเดทล่าสุด และหนังสือรับรองบัญชี จากธนาคารภาษาอังกฤษ (สำคัญเลย) ไปด้วยนะคะ
ตอนแรก เราเห็นว่ามี 2 รายการแล้ว เลยไม่ไปขอหนังสือรับรองบัญชีจากธนาคาร คิดว่าเพียงพอ สรุปต้องวิ่งลงไปขอที่ธนาคารที่อยู่ชั้นล่างของตึกแบบเร่งด่วนเลยค่ะ เสียไปอีก 100 บาท สบายตัว..
คิดว่าหลักๆมีเท่านี้นะคะ ถ้าใครสงสัยอะไร สอบถามหลังไมค์มาได้นะคะ เราจะพยายามช่วยเท่าที่จะสามารถช่วยได้นะคะ
ขอให้โชคดีทุกคนค่ะ