คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
ขอพูดในฐานะคนสัมภาษณ์หน่อยนะครับ
คำถามพวกนี้ผมก็ถามครับ
เหตุผลสำคัญเลยที่ถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้คือจะได้ประเมิณได้ส่วนหนึ่ง ว่าคุณจะไม่มีปัจจัยภายนอกมาทำให้ลาออกเร็วเกินไปหรือไม่ เช่น แฟนไม่โอเค พ่อให้กลับไปช่วยที่บ้าน หรือเหตุผลใดๆที่เป็นส่วนตัวเอามาอ้างที่จะลาออก
รับคนหนึ่งคนเข้ามาในบริษัท นั่นคือการลงทุนครับ ไม่มีใครทำงานได้เลย ในวันแรก นั่นหมายความว่า เค้าต้องจ่ายเงินเดือนเพื่อให้คุณเรียนรู้งานจนกว่าคุณจะทำงานให้ได้เต็มที่ ไหนจะค่าอุปกรณ์การทำงานต่างๆของคุณ
คุณรู้มั้ยครับ ว่ารับคนหนึ่งคน กว่าที่คนคนนั้นจะทำงานได้ค่าใช้จ่ายที่บริษัทต้องจ่าย อาจถึงระดับแสนบาทต่อคน
คำถามพวกนี้แหละครับ จะดูว่าคุ้มมั้ยถ้าจะรับคุณเข้าทำงาน
สำหรับปัจจัยอื่นที่จะทำให้คุณทำงานไม่ได้ อันนั้น มันประเมิณได้ยาก เอาเป็นว่าเค้าอยากแน่ใจระดับหนึ่งว่า มันจะไม่เกิดปัญหาพวกนั้นขึ้นครับ
คนที่สัมภาษณ์คุณนั่น ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวคุณครับ แต่หมายความว่าเค้ามีประสบการณ์พอสมควรที่จะรู้ถึงปัญหาพวกนี้ครับ ถ้าคุณมีประสบการณ์อย่างเค้า คุณจะไม่สงสัยอะไรประเภทนี้ครับ
อย่าเอาบริษัทไปเทียบกันนะครับ บริษัทฝรั่งกับบริษัทคนไทย ที่บริษัทฝรั่งเค้าไม่ค่อยถาม เพราะฝรั่งเค้ารับผิดชอบในงานมากพอที่จะเอาเหตุผลพวกนี้มาตัดสินใจในการลาออกครับ แต่ที่บริษัทคนไทยเค้าถามเพราะ เหตุผลพวกนี้ครับที่คนไทยจะลาออกกัน ไม่ว่าเหตุผลตอนลาออกนั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือแค่ใส่เข้าไปแบบไม่รับผิดชอบก็ตาม
คำถามพวกนี้ผมก็ถามครับ
เหตุผลสำคัญเลยที่ถามเรื่องส่วนตัวแบบนี้คือจะได้ประเมิณได้ส่วนหนึ่ง ว่าคุณจะไม่มีปัจจัยภายนอกมาทำให้ลาออกเร็วเกินไปหรือไม่ เช่น แฟนไม่โอเค พ่อให้กลับไปช่วยที่บ้าน หรือเหตุผลใดๆที่เป็นส่วนตัวเอามาอ้างที่จะลาออก
รับคนหนึ่งคนเข้ามาในบริษัท นั่นคือการลงทุนครับ ไม่มีใครทำงานได้เลย ในวันแรก นั่นหมายความว่า เค้าต้องจ่ายเงินเดือนเพื่อให้คุณเรียนรู้งานจนกว่าคุณจะทำงานให้ได้เต็มที่ ไหนจะค่าอุปกรณ์การทำงานต่างๆของคุณ
คุณรู้มั้ยครับ ว่ารับคนหนึ่งคน กว่าที่คนคนนั้นจะทำงานได้ค่าใช้จ่ายที่บริษัทต้องจ่าย อาจถึงระดับแสนบาทต่อคน
คำถามพวกนี้แหละครับ จะดูว่าคุ้มมั้ยถ้าจะรับคุณเข้าทำงาน
สำหรับปัจจัยอื่นที่จะทำให้คุณทำงานไม่ได้ อันนั้น มันประเมิณได้ยาก เอาเป็นว่าเค้าอยากแน่ใจระดับหนึ่งว่า มันจะไม่เกิดปัญหาพวกนั้นขึ้นครับ
คนที่สัมภาษณ์คุณนั่น ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวคุณครับ แต่หมายความว่าเค้ามีประสบการณ์พอสมควรที่จะรู้ถึงปัญหาพวกนี้ครับ ถ้าคุณมีประสบการณ์อย่างเค้า คุณจะไม่สงสัยอะไรประเภทนี้ครับ
อย่าเอาบริษัทไปเทียบกันนะครับ บริษัทฝรั่งกับบริษัทคนไทย ที่บริษัทฝรั่งเค้าไม่ค่อยถาม เพราะฝรั่งเค้ารับผิดชอบในงานมากพอที่จะเอาเหตุผลพวกนี้มาตัดสินใจในการลาออกครับ แต่ที่บริษัทคนไทยเค้าถามเพราะ เหตุผลพวกนี้ครับที่คนไทยจะลาออกกัน ไม่ว่าเหตุผลตอนลาออกนั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือแค่ใส่เข้าไปแบบไม่รับผิดชอบก็ตาม
ความคิดเห็นที่ 9
อันนี้ความคิดผมนะครับ ตามที่เคยได้ทำมา
- พ่อแม่ทำงานอะไร มีพี่น้องกี่คน แต่ละคนทำอะไรบ้าง แล้วก็ซักอีกบลาๆ เช่น ถ้าเป็นลูกคนเดียว ก็จะถามต่อว่า พ่อแม่ตามใจละสิ
++++ เขาดูบุคลิก ความคิด นิสัยใจคอครับ การอยู่ร่วมกับคนอื่น นิสัยลูกคนเดียวกับมีพี่น้องมักต่างกัน
- ถ้าที่บ้านมีธุรกิจ ก็จะถาม ทำไมถึงไม่ช่วยที่บ้าน
++++ ก็ไม่แปลก ถ้าจะถาม ธุรกิจของครอบครัวตัวเอง ทำไมไม่สานต่อ มีเหตุผลอะไร
- แต่งงานหรือยัง ถ้าโสด ก็จะต่ออีกว่า มีแฟน หรือ แพลนที่จะแต่งงานมั้ย ถ้าบอกไม่มีแฟน ก็จะถาม ทำไมอีก อะไรทำนองนี้
++++ชีวิตความเป็นอยู่ การเข้าสังคม การไปแฮงก์เอ้าท์กับเพื่อนร่วมงาน
- ได้เงินเดือนเท่าไร(คำถามนี่โอเค) แต่ ....จัดสรรยังไง ให้พ่อแม่ต่อเดือนเท่าไร
++++ความรับผิดชอบต่อตนเองและบุคคลรอบข้าง ความดูแลเอาใจใส่พ่อแม่
- ที่รับไม่ได้ คือ ก็มองบุคลิกเราแบบเหยียดๆ และพูดในทำนองที่ไม่ดี คือ เราเป็นคนตัวเล็ก ก็จะถามทำไมถึงตัวเล็ก จะทำงานไหวเหรอ (ตอนสัมภาษณ์ก็คิดในใจ มาสมัครงานออฟฟิส ไม่ได้มาสมัครงานกรรมกร)
++++ทดสอบการโต้ตอบ อีคิวครับ
- พ่อแม่ทำงานอะไร มีพี่น้องกี่คน แต่ละคนทำอะไรบ้าง แล้วก็ซักอีกบลาๆ เช่น ถ้าเป็นลูกคนเดียว ก็จะถามต่อว่า พ่อแม่ตามใจละสิ
++++ เขาดูบุคลิก ความคิด นิสัยใจคอครับ การอยู่ร่วมกับคนอื่น นิสัยลูกคนเดียวกับมีพี่น้องมักต่างกัน
- ถ้าที่บ้านมีธุรกิจ ก็จะถาม ทำไมถึงไม่ช่วยที่บ้าน
++++ ก็ไม่แปลก ถ้าจะถาม ธุรกิจของครอบครัวตัวเอง ทำไมไม่สานต่อ มีเหตุผลอะไร
- แต่งงานหรือยัง ถ้าโสด ก็จะต่ออีกว่า มีแฟน หรือ แพลนที่จะแต่งงานมั้ย ถ้าบอกไม่มีแฟน ก็จะถาม ทำไมอีก อะไรทำนองนี้
++++ชีวิตความเป็นอยู่ การเข้าสังคม การไปแฮงก์เอ้าท์กับเพื่อนร่วมงาน
- ได้เงินเดือนเท่าไร(คำถามนี่โอเค) แต่ ....จัดสรรยังไง ให้พ่อแม่ต่อเดือนเท่าไร
++++ความรับผิดชอบต่อตนเองและบุคคลรอบข้าง ความดูแลเอาใจใส่พ่อแม่
- ที่รับไม่ได้ คือ ก็มองบุคลิกเราแบบเหยียดๆ และพูดในทำนองที่ไม่ดี คือ เราเป็นคนตัวเล็ก ก็จะถามทำไมถึงตัวเล็ก จะทำงานไหวเหรอ (ตอนสัมภาษณ์ก็คิดในใจ มาสมัครงานออฟฟิส ไม่ได้มาสมัครงานกรรมกร)
++++ทดสอบการโต้ตอบ อีคิวครับ
ความคิดเห็นที่ 10
เพราะอะไรนะหรือ
เพราะคนไทย มักมีขัออ้างแปลกๆ ในการลางานแปลกๆ
เช่น ผมมาสาย (ทุกวัน) เพราะต้องไปส่งลูกไปโรงเรียนครับพี่
หนูมาสายเพราะลูกยังเล็ก ไม่มีคนดูคะ
ผมกลับก่อน (ทุกวัน) เพราะต้องไปรับแฟนครับ
คือข้ออ้างของคนไทยเวลาหลบเลี่ยงระเบียบที่ทำงานมักหลากหลาย และไม่เคารพกฎร่วมกันโดยไม่ฟังเหตุผล และยกเหตุผลตัวเองเป็นประเด็นสำคัญ
เพราะคนไทย มักมีขัออ้างแปลกๆ ในการลางานแปลกๆ
เช่น ผมมาสาย (ทุกวัน) เพราะต้องไปส่งลูกไปโรงเรียนครับพี่
หนูมาสายเพราะลูกยังเล็ก ไม่มีคนดูคะ
ผมกลับก่อน (ทุกวัน) เพราะต้องไปรับแฟนครับ
คือข้ออ้างของคนไทยเวลาหลบเลี่ยงระเบียบที่ทำงานมักหลากหลาย และไม่เคารพกฎร่วมกันโดยไม่ฟังเหตุผล และยกเหตุผลตัวเองเป็นประเด็นสำคัญ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมสัมภาษณ์งานกับคนไทย มักจะมีคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน
....แต่บางคำถามนี่ก็นะ เจาะลึกข้อมูลส่วนตัวจนเกินไป ทำให้รู้สึกอึดอัดที่อยากจะตอบ
เช่น
- พ่อแม่ทำงานอะไร มีพี่น้องกี่คน แต่ละคนทำอะไรบ้าง แล้วก็ซักอีกบลาๆ เช่น ถ้าเป็นลูกคนเดียว ก็จะถามต่อว่า พ่อแม่ตามใจละสิ
- ถ้าที่บ้านมีธุรกิจ ก็จะถาม ทำไมถึงไม่ช่วยที่บ้าน
- แต่งงานหรือยัง ถ้าโสด ก็จะต่ออีกว่า มีแฟน หรือ แพลนที่จะแต่งงานมั้ย ถ้าบอกไม่มีแฟน ก็จะถาม ทำไมอีก อะไรทำนองนี้
- ได้เงินเดือนเท่าไร(คำถามนี่โอเค) แต่ ....จัดสรรยังไง ให้พ่อแม่ต่อเดือนเท่าไร
- ที่รับไม่ได้ คือ ก็มองบุคลิกเราแบบเหยียดๆ และพูดในทำนองที่ไม่ดี คือ เราเป็นคนตัวเล็ก ก็จะถามทำไมถึงตัวเล็ก จะทำงานไหวเหรอ (ตอนสัมภาษณ์ก็คิดในใจ มาสมัครงานออฟฟิส ไม่ได้มาสมัครงานกรรมกร)
เราไม่ค่อยเข้าใจ เพราะก็เคยทำงานด้านนี้เหมือนกัน ก็จะถามประเด็นที่เกี่ยวกับงาน กับคำถามวัดทัศนคติทั่วๆไป ไม่เคยถามคำถามที่เจาะลึกข้อมูลส่วนตัวขนาดนี้ เพราะ เราคิดว่า นั่นเป็นคำถามสำหรับคนที่รู้จักกันหรือมีความสนิทสนม