Review - John Wick : Chapter 2 (วิคส์ วาโปรัป)
ผู้กำกับ : Chad Stahelski (John Wick)
ติดตามรีวิว+พูดคุยเกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับ
https://www.facebook.com/Old-Geeks-1275369035829195/
John Wick ภาคแรกนั้นจากเดิมที่เป็นหนังทุนค่อนข้างต่ำแต่ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ความดังแบบม้ามืดด้วยฉากแอคชั่นที่ทั้งสวยงามและมันส์สะใจ และการสร้างโลกของนักฆ่าอันแสนมีเสน่ห์ เมื่อมีการประกาศสร้าง John Wick : Chapter 2 (ต่อไปจะเรียก John Wick 2 นะครับ) มันก็ได้กลายเป็นหนึ่งในหนังภาคต่อที่มีคนเฝ้ารอมากที่สุดไปโดยปริยาย มาดูกันครับว่า John Wick 2 นั้นสามารถสืบทอดความดีงามของภาคแรกได้หรือไม่
John Wick 2 ยังคงสานต่อเรื่องราวของ John Wick (Keanu Reeves) ที่หลังจากตามล้างแค้นแก๊งรัสเซียที่ฆ่าสุนัขสุดที่รักของเขาได้แล้ว John ก็คิดจะถอนตัวจากวงการจริงๆซะที แต่เหมือนสวรรค์แกล้ง John ได้รับการติดต่อจาก Santino (Riccardo Scamarcio) บุคคลระดับสูงในวงการนักฆ่า ให้ John ทำงานชิ้นสุดท้ายให้เขา ซึ่ง John ปฏิเสธไม่ได้เสียด้วย เพราะ John ได้ทำสัญญาเลือดกับ Santino ไว้ในอดีต ซึ่งตามกฎของวงการนักฆ่า สัญญาเลือดจะต้องชดใช้ มิฉะนั้นจะถูกตามล่าจากองค์กร แล้วแบบนี้ John จะได้ถอนตัวจากวงการเมื่อไหร่กัน เอาใจช่วยเขาได้ใน John Wick : Chapter 2 ครับ
ในขณะที่ John Wick ภาคแรก เลือกที่จะสร้างความประทับใจโดยการนำเสนอฉากแอคชั่นเท่ห์ๆ มันส์ๆ และมีความแปลกใหม่ในการโชว์ Gunplay ที่สวยงาม และยังมีการสร้างโลกของเหล่านักฆ่าที่ออกแบบมาได้อย่าง Unique มีสไตล์แถมเป็นน้ำจิ้ม แต่ในภาคสองนี้ ได้มีการต่อยอดโลกของนักฆ่าให้กว้างยิ่งขึ้น ดูมีเรื่องราวเนื้อหนัง และมีสไตล์ที่จัดจ้านมากยิ่งขึ้น (ผมว่าแค่ฉาก “เตรียมอุปกรณ์” ก็ทำได้เก๋ไก๋ดูสนุกมากเลย) ในส่วนนี้เป็นอภิสิทธิ์ของหนัง John Wick ด้วยเพราะปูทางตรงนี้มาตั้งแต่ภาคแรก ถ้ามันไปโผล่ในหนังเรื่องอื่นๆนี่คงโอเวอร์จนดูตลกครับ ซึ่งใครที่ชอบในส่วนนี้จากภาคแรกก็คงฟินกันไป ส่วนผมก้รู้สึกว่ามันเท่ดี แต่ก็แอบคิดว่าบางส่วนมันดูเยอะเกินความจำเป็นไปนิด ส่วนสิ่งที่ทุกคนหวังจากเรื่องนี้คือฉากบู๊นั้น แรกๆใจแป้วครับ เพราะฉากบู๊ในช่วงแรกรู้สึกว่ายังสู้ภาคแรกไม่ได้ แต่ในช่วงครึ่งหลังก็กลับมาทอปฟอร์มครับ มันส์มากๆ แถม Gunplay ยังสวยมากๆล้ำหน้าภาคแรกขึ้นไปอีกครับ ใครที่ชอบการเล่นปืน, อาวุธต่างๆนี้น่าจะชอบกัน สมกับที่เคยมีคลิปออกมาว่า Keanu Reeves นั้นเชี่ยวชาญการใช้ปืนของจริงเลย ส่วนการสู้มือเปล่า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้เท่าดาราเอเชียหลายท่าน แถมอายุก็มากแล้ว แต่คิวบู๊ก็ออกมาก็ดูหนักแน่นรุนแรงมาก หมัดแต่ละหมัดที่กระทบกันรู้สึกได้ถึงความรุนแรงเลยทีเดียว มันส์สะใจดีครับ (ยกเว้นฉากสู้บอสใหญ่ที่ผมว่าง่ายไปหน่อยนะ) และในตอนท้ายสุด หนังก็จบลงอย่างระเบิดระเบ้อมาก และเป็นการปูทางไปสู่ภาคต่อที่สเกลใหญ่มากขึ้นอีก เป็นการพาซีรี่ส์ไปสู่แนวทางใหม่ๆได้ดีทีเดียวครับ
ส่วนของงานภาพนั้นใช้สไตล์จัดจ้านคล้ายภาคที่แล้ว แต่ก็รู้สึกว่าทำได้สวยงามขึ้น มีชอทเจ๋งๆหลายฉากเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่าสีมันจะออกโทนเดียวไปหน่อยครับ ส่วนการแสดง บทของ John Wick นั้นพูดน้อยต่อยหนักอยู่แล้ว แต่ Keanu Reeves ถึงแม้จะพูดน้อยแต่ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านน้ำเสียงได้เป็นอย่างดี และเรื่องการเล่นฉากบู๊ก็คงเป็นที่รู้กันว่าคีนูทุ่มเทให้ส่วนนี้ขนาดไหน ทำให้คิวบู๊ที่ออกมาทั้งเท่ห์ สวยงามและมันส์สมความพยายามครับ
สรุป : ผมยังชอบภาคแรกมากกว่าเล็กน้อย รู้สึกว่าภาคนี้ “เยอะ” ไปนิดในบางจุด แต่ก็เป็นหนังภาคต่อที่ทำได้ดีครับ สนุกและมันส์มาก แถมยังปูทางอนาคตของซีรี่ส์แบบอัพเสกลไว้ได้ดี น่าติดตามครับ
คะแนน : ให้ 7.9/10 (B+), ชอบครับ
[CR] Review - John Wick : Chapter 2 (วิคส์ วาโปรัป)
ผู้กำกับ : Chad Stahelski (John Wick)
ติดตามรีวิว+พูดคุยเกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับhttps://www.facebook.com/Old-Geeks-1275369035829195/
John Wick ภาคแรกนั้นจากเดิมที่เป็นหนังทุนค่อนข้างต่ำแต่ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ความดังแบบม้ามืดด้วยฉากแอคชั่นที่ทั้งสวยงามและมันส์สะใจ และการสร้างโลกของนักฆ่าอันแสนมีเสน่ห์ เมื่อมีการประกาศสร้าง John Wick : Chapter 2 (ต่อไปจะเรียก John Wick 2 นะครับ) มันก็ได้กลายเป็นหนึ่งในหนังภาคต่อที่มีคนเฝ้ารอมากที่สุดไปโดยปริยาย มาดูกันครับว่า John Wick 2 นั้นสามารถสืบทอดความดีงามของภาคแรกได้หรือไม่
John Wick 2 ยังคงสานต่อเรื่องราวของ John Wick (Keanu Reeves) ที่หลังจากตามล้างแค้นแก๊งรัสเซียที่ฆ่าสุนัขสุดที่รักของเขาได้แล้ว John ก็คิดจะถอนตัวจากวงการจริงๆซะที แต่เหมือนสวรรค์แกล้ง John ได้รับการติดต่อจาก Santino (Riccardo Scamarcio) บุคคลระดับสูงในวงการนักฆ่า ให้ John ทำงานชิ้นสุดท้ายให้เขา ซึ่ง John ปฏิเสธไม่ได้เสียด้วย เพราะ John ได้ทำสัญญาเลือดกับ Santino ไว้ในอดีต ซึ่งตามกฎของวงการนักฆ่า สัญญาเลือดจะต้องชดใช้ มิฉะนั้นจะถูกตามล่าจากองค์กร แล้วแบบนี้ John จะได้ถอนตัวจากวงการเมื่อไหร่กัน เอาใจช่วยเขาได้ใน John Wick : Chapter 2 ครับ
ในขณะที่ John Wick ภาคแรก เลือกที่จะสร้างความประทับใจโดยการนำเสนอฉากแอคชั่นเท่ห์ๆ มันส์ๆ และมีความแปลกใหม่ในการโชว์ Gunplay ที่สวยงาม และยังมีการสร้างโลกของเหล่านักฆ่าที่ออกแบบมาได้อย่าง Unique มีสไตล์แถมเป็นน้ำจิ้ม แต่ในภาคสองนี้ ได้มีการต่อยอดโลกของนักฆ่าให้กว้างยิ่งขึ้น ดูมีเรื่องราวเนื้อหนัง และมีสไตล์ที่จัดจ้านมากยิ่งขึ้น (ผมว่าแค่ฉาก “เตรียมอุปกรณ์” ก็ทำได้เก๋ไก๋ดูสนุกมากเลย) ในส่วนนี้เป็นอภิสิทธิ์ของหนัง John Wick ด้วยเพราะปูทางตรงนี้มาตั้งแต่ภาคแรก ถ้ามันไปโผล่ในหนังเรื่องอื่นๆนี่คงโอเวอร์จนดูตลกครับ ซึ่งใครที่ชอบในส่วนนี้จากภาคแรกก็คงฟินกันไป ส่วนผมก้รู้สึกว่ามันเท่ดี แต่ก็แอบคิดว่าบางส่วนมันดูเยอะเกินความจำเป็นไปนิด ส่วนสิ่งที่ทุกคนหวังจากเรื่องนี้คือฉากบู๊นั้น แรกๆใจแป้วครับ เพราะฉากบู๊ในช่วงแรกรู้สึกว่ายังสู้ภาคแรกไม่ได้ แต่ในช่วงครึ่งหลังก็กลับมาทอปฟอร์มครับ มันส์มากๆ แถม Gunplay ยังสวยมากๆล้ำหน้าภาคแรกขึ้นไปอีกครับ ใครที่ชอบการเล่นปืน, อาวุธต่างๆนี้น่าจะชอบกัน สมกับที่เคยมีคลิปออกมาว่า Keanu Reeves นั้นเชี่ยวชาญการใช้ปืนของจริงเลย ส่วนการสู้มือเปล่า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้เท่าดาราเอเชียหลายท่าน แถมอายุก็มากแล้ว แต่คิวบู๊ก็ออกมาก็ดูหนักแน่นรุนแรงมาก หมัดแต่ละหมัดที่กระทบกันรู้สึกได้ถึงความรุนแรงเลยทีเดียว มันส์สะใจดีครับ (ยกเว้นฉากสู้บอสใหญ่ที่ผมว่าง่ายไปหน่อยนะ) และในตอนท้ายสุด หนังก็จบลงอย่างระเบิดระเบ้อมาก และเป็นการปูทางไปสู่ภาคต่อที่สเกลใหญ่มากขึ้นอีก เป็นการพาซีรี่ส์ไปสู่แนวทางใหม่ๆได้ดีทีเดียวครับ
ส่วนของงานภาพนั้นใช้สไตล์จัดจ้านคล้ายภาคที่แล้ว แต่ก็รู้สึกว่าทำได้สวยงามขึ้น มีชอทเจ๋งๆหลายฉากเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะรู้สึกว่าสีมันจะออกโทนเดียวไปหน่อยครับ ส่วนการแสดง บทของ John Wick นั้นพูดน้อยต่อยหนักอยู่แล้ว แต่ Keanu Reeves ถึงแม้จะพูดน้อยแต่ก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านน้ำเสียงได้เป็นอย่างดี และเรื่องการเล่นฉากบู๊ก็คงเป็นที่รู้กันว่าคีนูทุ่มเทให้ส่วนนี้ขนาดไหน ทำให้คิวบู๊ที่ออกมาทั้งเท่ห์ สวยงามและมันส์สมความพยายามครับ
สรุป : ผมยังชอบภาคแรกมากกว่าเล็กน้อย รู้สึกว่าภาคนี้ “เยอะ” ไปนิดในบางจุด แต่ก็เป็นหนังภาคต่อที่ทำได้ดีครับ สนุกและมันส์มาก แถมยังปูทางอนาคตของซีรี่ส์แบบอัพเสกลไว้ได้ดี น่าติดตามครับ
คะแนน : ให้ 7.9/10 (B+), ชอบครับ