สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับ Review เที่ยวญี่ปุ่น ตะลุยหิมะ จากโอซาก้าถึงฮอกไกโด สำหรับความเดิมตอนที่แล้วผมพักอยู่ที่เมืองเกียวโต เมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่น นครแห่งนี้เป็นเมืองหลวงและที่ประทับของจักรพรรดิญี่ปุ่นมาเกือบ 1,100 ปี จำลองแบบจากนครฉางอันเป็นเมืองหลวงของจีนในสมัยราชวงศ์ถัง ปัจจุบันคือเมืองซีอานนั่นเองครับ เอาละครับสำหรับโปรแกรมของผมวันนี้คือจะอยู่เที่ยวเกียวโตเพียงแค่ที่เดียว นั่นก็คือวัดเสาแดงหมื่นต้น หรือเราอาจเรียกอีกชื่อว่าศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ Fushimi Inari Shrine นี่เอง หลังจากนั้นผมจะเดินทางไกลร่วม 1,445 กิโลเมตร จากเมืองเกียวโต สู่เมืองซัปโปโรแห่งเกาะฮอกไกโด เพื่อร่วมงานเทศกาลหิมะครับ พร้อมแล้วเชิญติดตามการเดินทางครั้งนี้ได้เลยครับ
กระทู้หลัก >> Link :
https://ppantip.com/topic/36125638
กระทู้วันที่ 6 กพ 60 >> Link :
https://ppantip.com/topic/36126060
---------------------
7 กุมภาพันธ์ 2560 : เนื่องจากเมื่อคืนมัวเสียเวลาอยู่กับการท่องเที่ยวเมืองโอซาก้า กว่าจะได้นอนก็ดึกมากครับ วันนี้จึงตื่นสายเป็นพิเศษ กะว่าจะมีเวลาเดินเที่ยวรอบๆสถานีเกียวโตก่อน แต่เนื่องจากเวลาเหลือน้อยมาก กว่าจะออกจากที่พักก็ 9โมงกว่าแล้วครับ จึงตัดสินใจรีบตรงไปยังวัดเสาแดงหมื่นต้นเลย ก่อนออกเดินทางถ่ายรูปที่พักเป็นที่ระลึกครับ
อาหารเช้านี้ครับ ซื้อที่ Minimart เป็นข้าวหน้าไก่ครับ ราคาไม่ธรรมดา 460 เยน รสชาติพอใช้ได้ครับ
เนื่องจากที่พักอยู่ค่อนข้างใกล้สถานีเกียวโตครับ เดินออกจากซอยเลี้ยวทีนึง ก็เจอสถานีเกียวโตอยู่ไกลๆแล้วครับ ใช้เวลาเพียงแค่ไม่เกิน 10นาทีเท่านั้นเอง
เนื่องด้วยสมาชิกมีสัมภาระเพียบเลยครับ และตามโปรแกรมจะต้องไปเที่ยววัดเสาแดงหมื่นต้นก่อน จึงจำเป็นต้องหาที่ฝากของครับ ที่สถานีเกียวโตมีโซนล็อกเกอร์ที่ไว้ฝากของได้เพียบเลย ซึ่งหากต้องการหาตู้ใหญ่ๆแนะนำว่าควรไปเช้านิดนึงครับ ราคาคือตู้กลาง 500เยน ตู้ใหญ่ 700เยน ครับ เครื่องจะรับเฉพาะเหรียญ 100เยน มีเครื่องแลกเหรียญให้ข้างๆครับ (จขกท ไม่ทันสังเกตุเครื่องแลกเหรียญ มัวไปหาแลกเหรียญ 100เยน ให้วุ่นเลยครับตอนนั้น)
จากนั้นก็นั่งรถไฟ JR สายนารา จากสถานีเกียวโตไปลงสถานีอินนาริ ครับ ใช้เวลาเพียงแค่ 5นาทีเท่านั้น ใกล้นิดเดียว
เดินออกจากสถานี JR Inari มาปุ๊ปก็จะเจอทางเข้าวัดเลยครับ ใกล้นิดเดียว
สำหรับประวัติของศาลเจ้าแห่งนี้นั้น มีชื่อเรียกว่า ศาลเจ้าเทพอินาริ (伏見稲荷大社, Fushimi Inari Shrine) หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่าศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอกเป็นศาลเจ้าชินโต(Shinto)ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต(Kyoto) มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักสิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย(บ้างก็ว่าท่านชอบแปลงร่างเป็นจิ้งจอก) จึงสามารถพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายด้วยเช่นกัน ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มากถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสร้างเมืองเกียวโตซะอีก คาดกันว่าจะเป็นช่วงประมาณปีค.ศ. 794 หรือกว่าพันปีมาแล้ว (ที่มา :
http://www.talonjapan.com)
เดินมาถึงทางเข้า ตามธรรมเนียมครับ เราต้องทำการวักน้ำล้างมือ ล้างหน้า บ้วนปาก เพื่อชำระล้างร่างกายเสียก่อน (ส่วนผมไม่ได้ทำครับ อากาศหนาวมากๆๆ มือไม่อยากโดนน้ำเลยครับ)
จากนั้นก็เดินไปตามทางครับ ลักษณะเป็นทางขึ้นเขา ครั้งนี้ผมมาเป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกเดินไปไกลมากก็ยังไม่สุดซักที คือเราสามารถเห็นเสาแดงวางคู่กันเป็นทางยาวๆสุดลูกหูลูกตาครับ เดินไม่สุดซักที
เข้ามาบริเวณด้านในแล้วครับ จะเจอเสาโทริอิขนาดใหญ่เป็นแลนด์มาร์กของที่นี่
เนื่องด้วยผมมีเวลาเพียงแค่ 45 นาทีที่วัดเท่านั้น เนื่องจากจะต้องรีบไปขึ้นรถไฟชิงคันเซ็นไปโตเกียวครับ จึงต้องโบกมือบ๊ายบายวัดเสาแดงนี้ซะแล้ว
ขากลับครับ สถานีอินนารินี่จะอยู่ติดมินิมาร์ทเลยครับ ใครอยากจะหาซื้ออะไรที่สถานีนี้ก็สะดวกมากๆ
ว่าด้วยเรื่องแผนการเดินทางวันนี้ครับ ผมมีกำหนดการจะขึ้นรถไฟชิงคันเซ็นจากเกียวโต รอบ 10.56น. เพื่อไปลงที่สถานีโตเกียว หลังจากนั้นจะเปลี่ยนขบวนชิงคันเซ็น เพื่อไปนั่งรถไฟชิงคันเซ็นสายฮายาบูสะ รอบเวลา 14.20 เพื่อไปลงที่ชินฮาโกดาเตะในเวลาประมาณ 1ทุ่มครับ จากนั้นนั่งรถด่วน SUPER HOKUTO ต่ออีกสามชั่วโมง จะไปลงที่สถานี JR Sapporo ในเวลาประมาณเกือบ 5ทุ่มครับ คือสรุปว่าวันนี้ผมต้องติดอยู่บนรถไฟเกือบ ๆ 12 ชั่วโมง เลยครับ นั่งจนเบื่อกันไปเลยทีเดียว
กว่าจะได้ออกจากสถานีอินนาริเกือบๆ 10.30 แล้วครับ ต้องไปรีบขึ้นชิงคันเซ็นรอบ 10.56 ลุ้นระทึกมาก สุดท้ายก็ทันหวุดหวิดครับ
บนรถไฟชิงคันเซ็นรอบนี้ผมได้ Reserve ไว้ ผมชอบที่นั่งตรงที่สามารถหมุนหันหน้ามาชนกันได้ เหมาะสำหรับคนที่เดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ๆครับ สามารถนั่งชนกันได้ ส่วนด้านหลังก็วางพวกสัมภาระได้ด้วยครับ สะดวกมากเลย
กดกรอเร็วครับ --> 3ชั่วโมงผ่านไป ถึงโตเกียวแร้วว มหานครอันยิ่งใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นอันดับต้นๆของโลก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางทั้งด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม รวมทั้งมีประวัติศาสตร์ ประเพณีต่างๆ สืบมาอย่างยาวนาน ตอนนี้ผมได้แค่มาเหยียบครับ เดี๊ยวจะกลับมาเที่ยวอีกทีอีกวันที่ 11-12 กพ ครับ ตอนนี้กำลังยืนรอรถไฟชิงคันเซ็นฮายาบูสะอยู่ครับ เพื่อนั่งไปลงสถานีชินฮาโกะดาเตะ
เนื่องด้วยเวลากระชั้นชิด และนั่งรถไฟทั้งวัน ข้าวกล่องจึงจำเป็นอย่างยิ่งครับ สำหรับอาหารกลางวันนี้ Chicken Bento ราคา 850 เยนครับ แพงมากกก แต่ก็สะดวกดีครับ
สมาชิกในคณะ ซื้อเค้กจากโอซาก้ามาด้วยครับ หน้าตาน่าทานมากๆๆ เห็นว่ามีรีวิวร้านนี้ในเน็ตด้วย เอาไว้ถ้าเจอจะหา Link ลายแทงมาแจกครับ
นี่คือบรรยากาศในรถไฟครับ โชคดีที่โบกี้ที่ไม่ค่อยมีคน เลยรื่นเริงเฮฮาได้เต็มที่ตามฉบับคนไทยครับ
คราวนี้นั่งยาว 4 ชั่วโมงกว่า ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว กิจกรรมก็หมดไปเรื่อยๆ (โชคดีมากที่รถไฟสามารถชาร์ตแบตโทรศัพท์ได้ ไม่งั้นขาดใจแน่ๆครับ แรกๆก็นั่งเม้าท์กัน หลังๆไม่มีอะไรทำ นั่งกดโทรศัพท์จนเบื่อเลยทีเดียว)
กดปุ่มกรอเร็วอีกครั้ง ถึงแล้วจ้าสถานีชินฮาโกดาเตะ ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะฮอกไกโดครับ ส่วนสภาพอากาศ ไม่ต้องพูดถึงครับ หนาวเหน็บติดลบเลย มีหิมะปกคลุมเรียงราย ดีที่ไม่มีหิมะตกมาเพิ่มครับ
ตอนนี้ก็ต้องมาเปลี่ยนรถ เป็นรถไฟสายซุปเปอร์โฮกูโตะครับ ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีก 3ชั่วโมงกว่า ถึงจะถึงสถานีซัปโปโรที่หมายในวันนี้
ได้ขึ้นมาแล้วครับ นี่บรรยากาศรถไฟด่วน Supper Hokuto รถวิ่งไวใช้ได้ครับ ถึงจะไม่เท่าชิงคันเซ็นก็ตาม ส่วนตอนนี้คณะเดินทางหลับกันเป็นแถวครับ เพลียมากจากการเดินทาง
กดปุ่มกรอเร็วอีกครั้ง --> และแล้วก็ถึงจนได้ครับ เมืองซัปโปโรหรือซัปโปะโระ (Sapporo) เป็นเมืองหลวงของเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) และนับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศญี่ปุ่น มีชื่อเสียงทั้งด้านเป็นเมืองการค้าศูนย์กลางเศรษฐกิจหลักและเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศ ซัปโปโรถือเป็นเมืองค่อนข้างใหม่เพราะเพิ่งมีการบุกเบิกและวางผังเมืองแบบตะวันตกในราวปีค.ศ. 1857 นี้เอง ด้วยเหตุนี้ผังเมืองของซัปโปโรจึงมีทั้งความสวยงามและสะดวกสบายสำหรับการคมนาคมและการจัดแบ่งเขตใช้สอยของเมือง นอกจากนั้นยังเป็นบ้านเกิดของอาหารญี่ปุ่นขึ้นชื่อ “ราเม็ง” และซัปโปโรก็ยังโด่งดังเรื่องความหลากหลายและสดใหม่ของอาหารทะเลประเภทต่าง ๆ อีกด้วย (ที่มา :
https://www.skyscanner.co.th)
ตอนผมไปถึง หิมะตกพอดีเลยครับ เพื่อนๆในคณะทัวร์กรี๊ดกร๊าดดีใจกันยกใหญ่ (หารู้ไม่ หลังๆ เจอหิมะเกือบทุกวันจนเบื่อเลยล่ะครับ)
หลังจากเข้าไปฝากของกับที่พัก ซึ่งผมได้จองผ่านเวป Airbnb เป็นคอนโดนอนได้ 8คน ครับ ตอนนี้ก็ได้เวลาออกมาหาอะไรกิน น้องๆในแก๊งเลือกร้านนี้ครับ เป็นร้านซูชิได ขั้นเทพ (ผมมโนเองนะครับว่าเทพ)
แท๊นแท๊นนน มาแล้วครับ ซูชิเซ็ตใหญ่ เรื่องเงินไว้ทีหลัง ตอนนี้กินก่อน
กินเล่นอยู่นานเลยครับ ซัปโปโรตอนดึกนี่ยังคักคึกอยู่เลยครับ ตอนนี้ร่วมๆตี 2 แล้วก่อนกลับที่พักก็มาแชะโพสท่ากลางหิมะซะหน่อย
แอคชั่นสุดท้ายก่อนกลับห้องนอนครับ ช๊อตโรแมนติก นอนท่ามกลางหิมะครับ อิอิ
เอาละครับ ตอนนี้ผมก็เข้ามาอยู่ที่เกาะฮอกไกโดแล้ว และในวันพรุ่งนี้ผมก็จะเริ่มต้นภารกิจท่องเที่ยวตามรอยภาพยนต์เรื่องแฟนเดย์ซะที สำหรับโปรแกรมวันพรุ่งนี้ของผมได้แก่ เที่ยวหุบเขานรกจิงโกกุดานิ ต่อด้วยเที่ยวเมืองโอตารุ หอนาฬิกาไอน้ำ พิพิทธภัณฑ์กล่องดนตรี คลองโอตารุ และปิดท้ายที่เมืองซัปโปโร เพื่อชมงานเทศกาลหิมะที่สวนโอโดริกลางเมืองครับ เชิญรับชมได้เลยจ้า Click >>>
https://ppantip.com/topic/36131183
[CR] Review วันที่ 3 เที่ยวศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ พร้อมเดินทางไกลกว่า 1,445 กิโลเมตร จากเมืองเกียวโตสู่ซัปโปโร !!
กระทู้หลัก >> Link : https://ppantip.com/topic/36125638
กระทู้วันที่ 6 กพ 60 >> Link : https://ppantip.com/topic/36126060
---------------------
7 กุมภาพันธ์ 2560 : เนื่องจากเมื่อคืนมัวเสียเวลาอยู่กับการท่องเที่ยวเมืองโอซาก้า กว่าจะได้นอนก็ดึกมากครับ วันนี้จึงตื่นสายเป็นพิเศษ กะว่าจะมีเวลาเดินเที่ยวรอบๆสถานีเกียวโตก่อน แต่เนื่องจากเวลาเหลือน้อยมาก กว่าจะออกจากที่พักก็ 9โมงกว่าแล้วครับ จึงตัดสินใจรีบตรงไปยังวัดเสาแดงหมื่นต้นเลย ก่อนออกเดินทางถ่ายรูปที่พักเป็นที่ระลึกครับ
อาหารเช้านี้ครับ ซื้อที่ Minimart เป็นข้าวหน้าไก่ครับ ราคาไม่ธรรมดา 460 เยน รสชาติพอใช้ได้ครับ
เนื่องจากที่พักอยู่ค่อนข้างใกล้สถานีเกียวโตครับ เดินออกจากซอยเลี้ยวทีนึง ก็เจอสถานีเกียวโตอยู่ไกลๆแล้วครับ ใช้เวลาเพียงแค่ไม่เกิน 10นาทีเท่านั้นเอง
เนื่องด้วยสมาชิกมีสัมภาระเพียบเลยครับ และตามโปรแกรมจะต้องไปเที่ยววัดเสาแดงหมื่นต้นก่อน จึงจำเป็นต้องหาที่ฝากของครับ ที่สถานีเกียวโตมีโซนล็อกเกอร์ที่ไว้ฝากของได้เพียบเลย ซึ่งหากต้องการหาตู้ใหญ่ๆแนะนำว่าควรไปเช้านิดนึงครับ ราคาคือตู้กลาง 500เยน ตู้ใหญ่ 700เยน ครับ เครื่องจะรับเฉพาะเหรียญ 100เยน มีเครื่องแลกเหรียญให้ข้างๆครับ (จขกท ไม่ทันสังเกตุเครื่องแลกเหรียญ มัวไปหาแลกเหรียญ 100เยน ให้วุ่นเลยครับตอนนั้น)
จากนั้นก็นั่งรถไฟ JR สายนารา จากสถานีเกียวโตไปลงสถานีอินนาริ ครับ ใช้เวลาเพียงแค่ 5นาทีเท่านั้น ใกล้นิดเดียว
เดินออกจากสถานี JR Inari มาปุ๊ปก็จะเจอทางเข้าวัดเลยครับ ใกล้นิดเดียว
สำหรับประวัติของศาลเจ้าแห่งนี้นั้น มีชื่อเรียกว่า ศาลเจ้าเทพอินาริ (伏見稲荷大社, Fushimi Inari Shrine) หรือที่คนไทยชอบเรียกกันว่าศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอกเป็นศาลเจ้าชินโต(Shinto)ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต(Kyoto) มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ (Torii Gate) หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักสิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย(บ้างก็ว่าท่านชอบแปลงร่างเป็นจิ้งจอก) จึงสามารถพบเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายด้วยเช่นกัน ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มากถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสร้างเมืองเกียวโตซะอีก คาดกันว่าจะเป็นช่วงประมาณปีค.ศ. 794 หรือกว่าพันปีมาแล้ว (ที่มา : http://www.talonjapan.com)
เดินมาถึงทางเข้า ตามธรรมเนียมครับ เราต้องทำการวักน้ำล้างมือ ล้างหน้า บ้วนปาก เพื่อชำระล้างร่างกายเสียก่อน (ส่วนผมไม่ได้ทำครับ อากาศหนาวมากๆๆ มือไม่อยากโดนน้ำเลยครับ)
จากนั้นก็เดินไปตามทางครับ ลักษณะเป็นทางขึ้นเขา ครั้งนี้ผมมาเป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกเดินไปไกลมากก็ยังไม่สุดซักที คือเราสามารถเห็นเสาแดงวางคู่กันเป็นทางยาวๆสุดลูกหูลูกตาครับ เดินไม่สุดซักที
เข้ามาบริเวณด้านในแล้วครับ จะเจอเสาโทริอิขนาดใหญ่เป็นแลนด์มาร์กของที่นี่
เนื่องด้วยผมมีเวลาเพียงแค่ 45 นาทีที่วัดเท่านั้น เนื่องจากจะต้องรีบไปขึ้นรถไฟชิงคันเซ็นไปโตเกียวครับ จึงต้องโบกมือบ๊ายบายวัดเสาแดงนี้ซะแล้ว
ขากลับครับ สถานีอินนารินี่จะอยู่ติดมินิมาร์ทเลยครับ ใครอยากจะหาซื้ออะไรที่สถานีนี้ก็สะดวกมากๆ
ว่าด้วยเรื่องแผนการเดินทางวันนี้ครับ ผมมีกำหนดการจะขึ้นรถไฟชิงคันเซ็นจากเกียวโต รอบ 10.56น. เพื่อไปลงที่สถานีโตเกียว หลังจากนั้นจะเปลี่ยนขบวนชิงคันเซ็น เพื่อไปนั่งรถไฟชิงคันเซ็นสายฮายาบูสะ รอบเวลา 14.20 เพื่อไปลงที่ชินฮาโกดาเตะในเวลาประมาณ 1ทุ่มครับ จากนั้นนั่งรถด่วน SUPER HOKUTO ต่ออีกสามชั่วโมง จะไปลงที่สถานี JR Sapporo ในเวลาประมาณเกือบ 5ทุ่มครับ คือสรุปว่าวันนี้ผมต้องติดอยู่บนรถไฟเกือบ ๆ 12 ชั่วโมง เลยครับ นั่งจนเบื่อกันไปเลยทีเดียว
กว่าจะได้ออกจากสถานีอินนาริเกือบๆ 10.30 แล้วครับ ต้องไปรีบขึ้นชิงคันเซ็นรอบ 10.56 ลุ้นระทึกมาก สุดท้ายก็ทันหวุดหวิดครับ
บนรถไฟชิงคันเซ็นรอบนี้ผมได้ Reserve ไว้ ผมชอบที่นั่งตรงที่สามารถหมุนหันหน้ามาชนกันได้ เหมาะสำหรับคนที่เดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ๆครับ สามารถนั่งชนกันได้ ส่วนด้านหลังก็วางพวกสัมภาระได้ด้วยครับ สะดวกมากเลย
กดกรอเร็วครับ --> 3ชั่วโมงผ่านไป ถึงโตเกียวแร้วว มหานครอันยิ่งใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นอันดับต้นๆของโลก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางทั้งด้านเศรษฐกิจ การคมนาคม รวมทั้งมีประวัติศาสตร์ ประเพณีต่างๆ สืบมาอย่างยาวนาน ตอนนี้ผมได้แค่มาเหยียบครับ เดี๊ยวจะกลับมาเที่ยวอีกทีอีกวันที่ 11-12 กพ ครับ ตอนนี้กำลังยืนรอรถไฟชิงคันเซ็นฮายาบูสะอยู่ครับ เพื่อนั่งไปลงสถานีชินฮาโกะดาเตะ
เนื่องด้วยเวลากระชั้นชิด และนั่งรถไฟทั้งวัน ข้าวกล่องจึงจำเป็นอย่างยิ่งครับ สำหรับอาหารกลางวันนี้ Chicken Bento ราคา 850 เยนครับ แพงมากกก แต่ก็สะดวกดีครับ
สมาชิกในคณะ ซื้อเค้กจากโอซาก้ามาด้วยครับ หน้าตาน่าทานมากๆๆ เห็นว่ามีรีวิวร้านนี้ในเน็ตด้วย เอาไว้ถ้าเจอจะหา Link ลายแทงมาแจกครับ
นี่คือบรรยากาศในรถไฟครับ โชคดีที่โบกี้ที่ไม่ค่อยมีคน เลยรื่นเริงเฮฮาได้เต็มที่ตามฉบับคนไทยครับ
คราวนี้นั่งยาว 4 ชั่วโมงกว่า ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว กิจกรรมก็หมดไปเรื่อยๆ (โชคดีมากที่รถไฟสามารถชาร์ตแบตโทรศัพท์ได้ ไม่งั้นขาดใจแน่ๆครับ แรกๆก็นั่งเม้าท์กัน หลังๆไม่มีอะไรทำ นั่งกดโทรศัพท์จนเบื่อเลยทีเดียว)
กดปุ่มกรอเร็วอีกครั้ง ถึงแล้วจ้าสถานีชินฮาโกดาเตะ ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะฮอกไกโดครับ ส่วนสภาพอากาศ ไม่ต้องพูดถึงครับ หนาวเหน็บติดลบเลย มีหิมะปกคลุมเรียงราย ดีที่ไม่มีหิมะตกมาเพิ่มครับ
ตอนนี้ก็ต้องมาเปลี่ยนรถ เป็นรถไฟสายซุปเปอร์โฮกูโตะครับ ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีก 3ชั่วโมงกว่า ถึงจะถึงสถานีซัปโปโรที่หมายในวันนี้
ได้ขึ้นมาแล้วครับ นี่บรรยากาศรถไฟด่วน Supper Hokuto รถวิ่งไวใช้ได้ครับ ถึงจะไม่เท่าชิงคันเซ็นก็ตาม ส่วนตอนนี้คณะเดินทางหลับกันเป็นแถวครับ เพลียมากจากการเดินทาง
กดปุ่มกรอเร็วอีกครั้ง --> และแล้วก็ถึงจนได้ครับ เมืองซัปโปโรหรือซัปโปะโระ (Sapporo) เป็นเมืองหลวงของเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) และนับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศญี่ปุ่น มีชื่อเสียงทั้งด้านเป็นเมืองการค้าศูนย์กลางเศรษฐกิจหลักและเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศ ซัปโปโรถือเป็นเมืองค่อนข้างใหม่เพราะเพิ่งมีการบุกเบิกและวางผังเมืองแบบตะวันตกในราวปีค.ศ. 1857 นี้เอง ด้วยเหตุนี้ผังเมืองของซัปโปโรจึงมีทั้งความสวยงามและสะดวกสบายสำหรับการคมนาคมและการจัดแบ่งเขตใช้สอยของเมือง นอกจากนั้นยังเป็นบ้านเกิดของอาหารญี่ปุ่นขึ้นชื่อ “ราเม็ง” และซัปโปโรก็ยังโด่งดังเรื่องความหลากหลายและสดใหม่ของอาหารทะเลประเภทต่าง ๆ อีกด้วย (ที่มา : https://www.skyscanner.co.th)
ตอนผมไปถึง หิมะตกพอดีเลยครับ เพื่อนๆในคณะทัวร์กรี๊ดกร๊าดดีใจกันยกใหญ่ (หารู้ไม่ หลังๆ เจอหิมะเกือบทุกวันจนเบื่อเลยล่ะครับ)
หลังจากเข้าไปฝากของกับที่พัก ซึ่งผมได้จองผ่านเวป Airbnb เป็นคอนโดนอนได้ 8คน ครับ ตอนนี้ก็ได้เวลาออกมาหาอะไรกิน น้องๆในแก๊งเลือกร้านนี้ครับ เป็นร้านซูชิได ขั้นเทพ (ผมมโนเองนะครับว่าเทพ)
แท๊นแท๊นนน มาแล้วครับ ซูชิเซ็ตใหญ่ เรื่องเงินไว้ทีหลัง ตอนนี้กินก่อน
กินเล่นอยู่นานเลยครับ ซัปโปโรตอนดึกนี่ยังคักคึกอยู่เลยครับ ตอนนี้ร่วมๆตี 2 แล้วก่อนกลับที่พักก็มาแชะโพสท่ากลางหิมะซะหน่อย
แอคชั่นสุดท้ายก่อนกลับห้องนอนครับ ช๊อตโรแมนติก นอนท่ามกลางหิมะครับ อิอิ
เอาละครับ ตอนนี้ผมก็เข้ามาอยู่ที่เกาะฮอกไกโดแล้ว และในวันพรุ่งนี้ผมก็จะเริ่มต้นภารกิจท่องเที่ยวตามรอยภาพยนต์เรื่องแฟนเดย์ซะที สำหรับโปรแกรมวันพรุ่งนี้ของผมได้แก่ เที่ยวหุบเขานรกจิงโกกุดานิ ต่อด้วยเที่ยวเมืองโอตารุ หอนาฬิกาไอน้ำ พิพิทธภัณฑ์กล่องดนตรี คลองโอตารุ และปิดท้ายที่เมืองซัปโปโร เพื่อชมงานเทศกาลหิมะที่สวนโอโดริกลางเมืองครับ เชิญรับชมได้เลยจ้า Click >>> https://ppantip.com/topic/36131183