เที่ยวคันไซให้สนุก แบบผู้หญิง 3 สไตล์ ในงบ 30000 บาท
ซากุระจ๋า พี่มาแล้วจร้าาาา ก่อนมาเช็คพยากรณ์ดอกซากุระบาน ดีใจมากสุ่มเลือก การเดินทางมาชมดอกซากุระบานได้ถูกต้องมาก เพราะการพยากรณ์บอกว่าดอกซากุระเริ่มบาน 22 มีนาคม
แต่หลายคนอาจจะคิดเข้าใจผิดหลายอย่าง ถ้าพยากรณ์บอกว่าซากุระบาน 22 มีนาคม แสดงว่าดอกซากุระเพิ่งแตกยอดออกมา แต่ความเข้าใจของแอดคือคิดว่า คือออกดอกบานสะพรั่งเลย แล้วแอดเดินทาง 23 มีนาคมไง คิดว่าออกไปต้องเจอซากุระบานสะพรั่งแน่นอน เอ่อ....
การเดินทางจากสนามบินคันไซ ไปเกียวโต ถือว่าสะดวกเรียบร้อยดี เพราะเลือกการเดินทางที่ไม่ต่อขบวน เพราะคงเป็นการเดินทางที่ ไม่สนุกแน่ถ้าจะลากกระเป๋าล้อลากใบใหญ่ ลากตุเลงๆ เปลี่ยนขบวนรถไฟ ต่างๆ
ยังไงเวลาเดินทางท่องเที่ยวที่มีรถไฟหลายสายแบบที่ญี่ปุ่น อย่าเสียดายเงิน แบบว่าต้องใช้พาสให้คุ้ม ถ้าการเดินทางจะง่ายกว่า แต่จ่ายมากกว่า ก็เลือกที่จะเดินทางสบายๆ ไม่เสียเวลาในการเดินทางจะดีกว่า
มารู้จักเมืองเกียวโตกันซะหน่อยดีกว่า เกียวโต เป็นเมืองที่ถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งวัฒนธรรม และ ประเพณีต่างๆ อาคารบ้านเรือนแบบดั้งเดิม ก็ยังคงมีให้เห็น เป็นเมืองที่ผสมผสาน ความสมัยใหม่ แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์ และ กลิ่นอายของประเพณีแบบดั้งเดิมให้เห็นอยู่
เกียวโตมีวัดจำนวน 17 แห่งที่ได้ขึ้นชื่อเป็นมรดกโลก นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงาม รอให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสและไปเยี่ยมชมความงาม
การเดินทางจากสนามบินคันไซ มาที่เกียวโต ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เดินทางมาถึง สถานีรถไฟเกียวโต หลังจากเดินออกมางงๆ ก็จะเห็นสัญลักษณ์ของเมืองเกียวโตตั้งตระหง่านให้เห็นเด่นชัด
เมื่อกองทัพ ต้องเดินด้วยท้อง จุดพักสำหรับสาว สาว อย่างเรา กาแฟซักแก้ว ก่อนที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่อไป ตรงข้ามสถานีรถไฟเกียวโต มีสตาร์บัค ให้เข้าไปดื่มกาแฟยามเช้า เพื่อสร้างพลังงานก่อนที่จะออกเดินทางท่องเที่ยว
เช้านี้เราตัดสินใจที่จะเอากระเป๋าไปเก็บที่เกสต์เฮ้าส์ ก่อน เดี๋ยวนี้การเดินทางเล็กลงมาก ก่อนเดินทางก็ดูเส้นทางในกูเกิล แมพ แบบเห็นวิว เสมือนว่าท่านเดินทางมาก่อนแล้ว การหาที่พักก็ง่ายขึ้นมาก พอเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก็ออกท่องเที่ยวเลย
การเที่ยววันที่สองนี้ เราจะท่องเที่ยวตามเส้นทาง รถไฟเจอาร์ เพราะเราจะใช้พาส ICOCA ในการไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
เริ่มต้นที่ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ศาลเจ้าจิ้งจอก เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง ของเมืองเกียวโต มีชื่อเสียงโด่งดังจากสัญลักษณ์ประตูโทริอิ หรือ เสาประตูสีแดง ที่เรียงตัวกันเป็นจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มาก ถูกสร้างขึ้นมาก่อนที่จะก่อสร้างเมืองเกียวโต เสียอีก โดยเทพเจ้าอินาริ ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวพืชผลต่างๆ และมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย เราจึงเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายด้วยเช่นกัน
จะเห็นนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ มาแต่งกายใส่ชุดกิโมโนเดินไปเดินมาทั่วเมืองให้บรรยากาศที่น่ารักจริงๆ
ลืมบอกไป ที่นี่เราได้เห็นซากุระที่ญี่ปุ่นเป็นที่แรกในการเดินทาง อุ้ยตื่นเต้น
แล้วก็ได้เวลาอาหารมื้อแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ร้านนี้อยู่บริเวณ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เลย หาไม่ยากเท่าไหร่ ขึ้นชื่อในเรื่องข้าวหน้าปลาไหลย่าง
แต่อาหารแอบคิดว่าแพงไปหน่อย แล้วต้องสั่งคนละอย่าง
ไม่สามารถสั่งมาสองอย่างได้ แต่ข้าวหน้าปลาไหลย่าง ก็ถือว่าอร่อยสมกับที่เขารีวิวไว้
การเดินทาง ไม่อยาก เริ่มต้น ที่ สถานีรถไฟเกียวโต ไป สถานี Inari พอลงสถานี ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ จะอยู่ทางออกพอดี หาไม่ยาก
จากนั้นไปเที่ยว Tofukuji Temple วัดเซนขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ในฤดูใบไม้ร่วงนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่น และชาวต่างชาติต่างก็มาที่วัดแห่งนี้เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี
วัดโทฟุคุจิ เป็นวัดที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1236 โดยตระกูลฟูจิวาระ จุดที่นิยมของวัดนี้อยู่ที่สะพานทสึเทนเคียว สะพานไม้ที่ทอดยาวถึง 100 เมตร ในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน ที่สะพานแห่งนี้จะเห็นใบเมเปิ้ลสีแดงส้ม ที่แข่งกันอวดโฉมความงามกันอย่างเนืองแน่น
แต่ช่วงที่เดินทางไป อาจจะเพราะไม่ใช่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ทำให้นักท่องเที่ยวอาจจะน้อยไปซักหน่อย แต่เท่าที่หาข้อมูล ที่นี่ก็มีต้นซากุระ และเป็นวัดใหญ่ของที่นี่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเส้นทางที่รถไฟผ่าน จึงเลือกที่จะเที่ยวที่วัดนี้ด้วย
แต่พอได้มาเที่ยวก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวในวัดที่น่าสนใจมากมาย นอกจากนั้นยังมีประตูซานม่อน ความสูง 22 เมตรสร้างแบบเซ็นโบราณ มีอาคารต่างๆของวัด เช่นห้องสวดมนต์ หอระฆังต่างๆ ช่วงที่เดินทางไปอย่างที่บอกอาจจะไม่ใช่ช่วงที่นักท่องเที่ยวพลุกพล่าน เลยเดินเที่ยวชมกันอย่างชิวๆเลยหล่ะ
ที่นี่ก็มีต้นซากุระด้วยนะ แต่ช่วงที่เดินทางไปอย่างที่บอกว่าเป็นช่วงซากุระเริ่มบาน เลยเห็นมาแค่นี้
การเดินทาง : วัดโทฟุคุจิ
ถ้าเดินทางจาก Kyoto Station ใช้รถไฟ JR Nara Line หรือ Keihan Main Line ลงที่ Tofukuji Station ใช้เวลา 2 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
ใช้เวลาเสพความสงบแบบสโลว์ไลฟ์ในวัดโทฟุคุจิ เดินออกมา ก็เริ่มหิวนิดๆ ลองมาดูน้าตาของราเมงมื้อแรกในญี่ปุ่นกันหน่อยดีกว่า
ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ เดินทางออกมาจากวัดโทฟุคุจิ เพื่อไป สถานีรถไฟ เห็นร้านนี้ ในสไตล์แบบญี่ปุ่นที่เห็นในละคร เลยอดไม่ได้ที่จะแวะเข้าไปเพื่อผ่อนคลายซักหน่อย แต่พอดูเวลา ตกใจอย่างแรง 3 โมงกว่าแล้ว จะไปทันป่าไผ่ไหมน๊ออออ
พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน แต่การเดินทางยังคงต้องดำเนินต่อไป จุดหมายต่อไป คือจะต้องไปนั่งรถไฟสายโรแมนติค Sagano Romantic Train
เพราะเคยเห็นภาพรถไฟ ที่พุ่งมาพร้อมกับซากุระที่บานสะพรั่งรอบตัว นั่นคือจุดหมายที่อยากจะต้องมานั่งรถไฟให้ได้
แต่วันนี้ซากุระที่ญี่ปุ่น บานแค่ 20 เปอร์เซนต์เท่านั้น อาจจะเห็นเล็กๆ ไปหน่อย
การเดินทาง : รถไฟสายโรแมนติค Sagano Romantic Train
ถ้าหากเริ่มต้นที่ Kyoto Station ไปลงที่สถานี UMAHORI เดินทางสถานี อุมาโฮริประมาณ 500 เมตร ถึงสถานี Torokko Kameoka
มาขึ้นรถไฟ Sagano Romantic Train จากสถานี Torokko Kameoka มาลงที่ Arashiyama Torokko Station
จะมีหลายวิธีที่เลือกที่จะเดินทาง บางคนอาจจะไปเที่ยวป่าไผ่ก่อน อาจจะขึ้นต้นสาย หรือ ท้ายสาย แล้วแต่การวางแผนการเดินทางเลยค่ะ แต่เส้นนี้แอดจะบอกแต่วิธีของแอดที่เดินทางละกันเนอะ
เนื่องจากเที่ยวแบบค่อยๆเที่ยว สโลไลฟ์ฟ์ฟ์ฟ์ มากกกกก ไปหน่อย อากาศหนาว ห้าโมงท้องฟ้าก้อสลัวไปหมด ทำให้ไม่ได้ถ่ายป่าไผ่เลย
ที่เสียใจคือ เรามาเร็วไปสองวัน ที่ป่าไผ่มีกำหนดจะเปิดไฟยามตอนกลางคืน เสียดายเลย แต่พอมาถึงที่ป่าไผ่อาราชิยาม่า เดินเที่ยวเล็กน้อย ก่อนที่จะได้ชิมสตอเบอร์รี่ลูกใหญ่ของญี่ปุ่นมาปลอบใจ ก่อนที่จะกลับที่พัก ด้วยอาการของเท้าบวม และง่วงแบบสุดขีด 555
ครั้งหน้าจะเป็นการเดินทางในเกียวโต ตามเส้นทางโดยใช้พาสรถบัส ที่สามารถไปนั่งกี่เที่ยวก็ได้ใน หนึ่งวัน ที่เกียวโต ดูซิว่าจะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ในหนึ่งวัน
EP 3 เกียวโต - Fushimi Inari Shrine - Tofukuji Temple - Romantic train - arashiyama
ซากุระจ๋า พี่มาแล้วจร้าาาา ก่อนมาเช็คพยากรณ์ดอกซากุระบาน ดีใจมากสุ่มเลือก การเดินทางมาชมดอกซากุระบานได้ถูกต้องมาก เพราะการพยากรณ์บอกว่าดอกซากุระเริ่มบาน 22 มีนาคม
แต่หลายคนอาจจะคิดเข้าใจผิดหลายอย่าง ถ้าพยากรณ์บอกว่าซากุระบาน 22 มีนาคม แสดงว่าดอกซากุระเพิ่งแตกยอดออกมา แต่ความเข้าใจของแอดคือคิดว่า คือออกดอกบานสะพรั่งเลย แล้วแอดเดินทาง 23 มีนาคมไง คิดว่าออกไปต้องเจอซากุระบานสะพรั่งแน่นอน เอ่อ....
การเดินทางจากสนามบินคันไซ ไปเกียวโต ถือว่าสะดวกเรียบร้อยดี เพราะเลือกการเดินทางที่ไม่ต่อขบวน เพราะคงเป็นการเดินทางที่ ไม่สนุกแน่ถ้าจะลากกระเป๋าล้อลากใบใหญ่ ลากตุเลงๆ เปลี่ยนขบวนรถไฟ ต่างๆ
ยังไงเวลาเดินทางท่องเที่ยวที่มีรถไฟหลายสายแบบที่ญี่ปุ่น อย่าเสียดายเงิน แบบว่าต้องใช้พาสให้คุ้ม ถ้าการเดินทางจะง่ายกว่า แต่จ่ายมากกว่า ก็เลือกที่จะเดินทางสบายๆ ไม่เสียเวลาในการเดินทางจะดีกว่า
มารู้จักเมืองเกียวโตกันซะหน่อยดีกว่า เกียวโต เป็นเมืองที่ถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งวัฒนธรรม และ ประเพณีต่างๆ อาคารบ้านเรือนแบบดั้งเดิม ก็ยังคงมีให้เห็น เป็นเมืองที่ผสมผสาน ความสมัยใหม่ แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์ และ กลิ่นอายของประเพณีแบบดั้งเดิมให้เห็นอยู่
เกียวโตมีวัดจำนวน 17 แห่งที่ได้ขึ้นชื่อเป็นมรดกโลก นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงาม รอให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปสัมผัสและไปเยี่ยมชมความงาม
การเดินทางจากสนามบินคันไซ มาที่เกียวโต ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เดินทางมาถึง สถานีรถไฟเกียวโต หลังจากเดินออกมางงๆ ก็จะเห็นสัญลักษณ์ของเมืองเกียวโตตั้งตระหง่านให้เห็นเด่นชัด
เมื่อกองทัพ ต้องเดินด้วยท้อง จุดพักสำหรับสาว สาว อย่างเรา กาแฟซักแก้ว ก่อนที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่อไป ตรงข้ามสถานีรถไฟเกียวโต มีสตาร์บัค ให้เข้าไปดื่มกาแฟยามเช้า เพื่อสร้างพลังงานก่อนที่จะออกเดินทางท่องเที่ยว
เช้านี้เราตัดสินใจที่จะเอากระเป๋าไปเก็บที่เกสต์เฮ้าส์ ก่อน เดี๋ยวนี้การเดินทางเล็กลงมาก ก่อนเดินทางก็ดูเส้นทางในกูเกิล แมพ แบบเห็นวิว เสมือนว่าท่านเดินทางมาก่อนแล้ว การหาที่พักก็ง่ายขึ้นมาก พอเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก็ออกท่องเที่ยวเลย
การเที่ยววันที่สองนี้ เราจะท่องเที่ยวตามเส้นทาง รถไฟเจอาร์ เพราะเราจะใช้พาส ICOCA ในการไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
เริ่มต้นที่ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ศาลเจ้าจิ้งจอก เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง ของเมืองเกียวโต มีชื่อเสียงโด่งดังจากสัญลักษณ์ประตูโทริอิ หรือ เสาประตูสีแดง ที่เรียงตัวกันเป็นจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ศาลเจ้าแห่งนี้มีความเก่าแก่มาก ถูกสร้างขึ้นมาก่อนที่จะก่อสร้างเมืองเกียวโต เสียอีก โดยเทพเจ้าอินาริ ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวพืชผลต่างๆ และมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย เราจึงเห็นรูปปั้นจิ้งจอกมากมายด้วยเช่นกัน
จะเห็นนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ มาแต่งกายใส่ชุดกิโมโนเดินไปเดินมาทั่วเมืองให้บรรยากาศที่น่ารักจริงๆ
ลืมบอกไป ที่นี่เราได้เห็นซากุระที่ญี่ปุ่นเป็นที่แรกในการเดินทาง อุ้ยตื่นเต้น
แล้วก็ได้เวลาอาหารมื้อแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ร้านนี้อยู่บริเวณ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เลย หาไม่ยากเท่าไหร่ ขึ้นชื่อในเรื่องข้าวหน้าปลาไหลย่าง
แต่อาหารแอบคิดว่าแพงไปหน่อย แล้วต้องสั่งคนละอย่าง
ไม่สามารถสั่งมาสองอย่างได้ แต่ข้าวหน้าปลาไหลย่าง ก็ถือว่าอร่อยสมกับที่เขารีวิวไว้
การเดินทาง ไม่อยาก เริ่มต้น ที่ สถานีรถไฟเกียวโต ไป สถานี Inari พอลงสถานี ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ จะอยู่ทางออกพอดี หาไม่ยาก
จากนั้นไปเที่ยว Tofukuji Temple วัดเซนขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ในฤดูใบไม้ร่วงนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่น และชาวต่างชาติต่างก็มาที่วัดแห่งนี้เพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี
วัดโทฟุคุจิ เป็นวัดที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1236 โดยตระกูลฟูจิวาระ จุดที่นิยมของวัดนี้อยู่ที่สะพานทสึเทนเคียว สะพานไม้ที่ทอดยาวถึง 100 เมตร ในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน ที่สะพานแห่งนี้จะเห็นใบเมเปิ้ลสีแดงส้ม ที่แข่งกันอวดโฉมความงามกันอย่างเนืองแน่น
แต่ช่วงที่เดินทางไป อาจจะเพราะไม่ใช่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ทำให้นักท่องเที่ยวอาจจะน้อยไปซักหน่อย แต่เท่าที่หาข้อมูล ที่นี่ก็มีต้นซากุระ และเป็นวัดใหญ่ของที่นี่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวในเส้นทางที่รถไฟผ่าน จึงเลือกที่จะเที่ยวที่วัดนี้ด้วย
แต่พอได้มาเที่ยวก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวในวัดที่น่าสนใจมากมาย นอกจากนั้นยังมีประตูซานม่อน ความสูง 22 เมตรสร้างแบบเซ็นโบราณ มีอาคารต่างๆของวัด เช่นห้องสวดมนต์ หอระฆังต่างๆ ช่วงที่เดินทางไปอย่างที่บอกอาจจะไม่ใช่ช่วงที่นักท่องเที่ยวพลุกพล่าน เลยเดินเที่ยวชมกันอย่างชิวๆเลยหล่ะ
ที่นี่ก็มีต้นซากุระด้วยนะ แต่ช่วงที่เดินทางไปอย่างที่บอกว่าเป็นช่วงซากุระเริ่มบาน เลยเห็นมาแค่นี้
การเดินทาง : วัดโทฟุคุจิ
ถ้าเดินทางจาก Kyoto Station ใช้รถไฟ JR Nara Line หรือ Keihan Main Line ลงที่ Tofukuji Station ใช้เวลา 2 นาที จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
ใช้เวลาเสพความสงบแบบสโลว์ไลฟ์ในวัดโทฟุคุจิ เดินออกมา ก็เริ่มหิวนิดๆ ลองมาดูน้าตาของราเมงมื้อแรกในญี่ปุ่นกันหน่อยดีกว่า
ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ เดินทางออกมาจากวัดโทฟุคุจิ เพื่อไป สถานีรถไฟ เห็นร้านนี้ ในสไตล์แบบญี่ปุ่นที่เห็นในละคร เลยอดไม่ได้ที่จะแวะเข้าไปเพื่อผ่อนคลายซักหน่อย แต่พอดูเวลา ตกใจอย่างแรง 3 โมงกว่าแล้ว จะไปทันป่าไผ่ไหมน๊ออออ
พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน แต่การเดินทางยังคงต้องดำเนินต่อไป จุดหมายต่อไป คือจะต้องไปนั่งรถไฟสายโรแมนติค Sagano Romantic Train
เพราะเคยเห็นภาพรถไฟ ที่พุ่งมาพร้อมกับซากุระที่บานสะพรั่งรอบตัว นั่นคือจุดหมายที่อยากจะต้องมานั่งรถไฟให้ได้
แต่วันนี้ซากุระที่ญี่ปุ่น บานแค่ 20 เปอร์เซนต์เท่านั้น อาจจะเห็นเล็กๆ ไปหน่อย
การเดินทาง : รถไฟสายโรแมนติค Sagano Romantic Train
ถ้าหากเริ่มต้นที่ Kyoto Station ไปลงที่สถานี UMAHORI เดินทางสถานี อุมาโฮริประมาณ 500 เมตร ถึงสถานี Torokko Kameoka
มาขึ้นรถไฟ Sagano Romantic Train จากสถานี Torokko Kameoka มาลงที่ Arashiyama Torokko Station
จะมีหลายวิธีที่เลือกที่จะเดินทาง บางคนอาจจะไปเที่ยวป่าไผ่ก่อน อาจจะขึ้นต้นสาย หรือ ท้ายสาย แล้วแต่การวางแผนการเดินทางเลยค่ะ แต่เส้นนี้แอดจะบอกแต่วิธีของแอดที่เดินทางละกันเนอะ
เนื่องจากเที่ยวแบบค่อยๆเที่ยว สโลไลฟ์ฟ์ฟ์ฟ์ มากกกกก ไปหน่อย อากาศหนาว ห้าโมงท้องฟ้าก้อสลัวไปหมด ทำให้ไม่ได้ถ่ายป่าไผ่เลย
ที่เสียใจคือ เรามาเร็วไปสองวัน ที่ป่าไผ่มีกำหนดจะเปิดไฟยามตอนกลางคืน เสียดายเลย แต่พอมาถึงที่ป่าไผ่อาราชิยาม่า เดินเที่ยวเล็กน้อย ก่อนที่จะได้ชิมสตอเบอร์รี่ลูกใหญ่ของญี่ปุ่นมาปลอบใจ ก่อนที่จะกลับที่พัก ด้วยอาการของเท้าบวม และง่วงแบบสุดขีด 555
ครั้งหน้าจะเป็นการเดินทางในเกียวโต ตามเส้นทางโดยใช้พาสรถบัส ที่สามารถไปนั่งกี่เที่ยวก็ได้ใน หนึ่งวัน ที่เกียวโต ดูซิว่าจะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ในหนึ่งวัน