จั่วหัวก่อนครับส่วนตัวเรียนมหาวิทยาลัย
เก็บข้อมูลจากการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆวัยเดียวกัน
เพราะงั้นรายละเอียดดังต่อไปนี้อาจใช้ไม่ได้ในสังคมอื่นนะครับ
วาเลนไทน์ที่ผ่านมาผมเห็นผู้หญิงหลายๆคนเลยนะครับชอบบ่นทำนองว่า
ทำไมไม่มีใครจริงจังกับเราเลย? ทำไมเราถึงชอบโดนเท? ทำไมคุยๆกับเราอยู่แล้วเขาก็ไปชอบคนอื่น?
คุณผู้หญิงเคยสงสัยไหมครับ.... ว่าทำไมคนที่เราคุยด้วย จู่ๆก็หายไป
รู้ตัวอีกทีบางทีอาจกลายเป็นคนที่ไม่ทักกันอีกเลย(หัวข้อที่ถ้าว่างๆอาจจะมาเสริม)
คำตอบง่ายๆครับ...ผู้ชายที่จีบคุณไม่ได้ชอบคุณขนาดนั้น
ยอมรับกันเถอะครับ เมื่อครั้งที่คุณเด็กๆ คุณอาจจะได้ดูภาพยนต์ การ์ตูน มามากมาย
(การ์ตูนเจ้าหญิงดีสนีย์นี้แหละตัวดี) สื่อเหล่านี้เรามักจะเห็น ผู้หญิง ผู้ชาย มากมาย
ที่หลงรักกันจากการได้เจอกันแค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เรื่องราวกำเนินต่อโดยที่ฝ่ายชาย
ทุ่มเททุกอย่างเพื่อผู้หญิงที่ตนรัก และ สุดท้ายทั้งคู่แต่งงานกัน ครับ...
แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น...
ความรัก (Love) ประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลายๆ ได้แก่
ความสนิทสนม (Intimacy) พันธะบางอย่างต่อกัน (Commitment) และความหลง (Passion)
ซึ่งการที่เห็นหน้าใครซักคนแล้วชอบมันคือความหลง (Passion) ครับ
แน่นอนว่า 95% ของผู้ชายที่มาจีบคุณ เขาไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน
เขาไม่ได้รักคุณครับ.... เขาหลงคุณเฉยๆ
ซึ่งโดยธรรมชาติความหลงเป็นสิ่งที่ไม่ยืนยาวครับ
https://people.uvawise.edu/pww8y/Reviews/IS/ISRevOnLn/LoveTriTime.jpg
สิ่งที่ยืนยาวคือ ความสนิทสนม และ พันธะบางอย่างต่อกันครับ
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ความหลง มันเกิดขึ้นเองได้
แต่ความสนิทสนม และ พันธะบางอย่างต่อกัน มันต้องร่วมกันสร้างทั้งสองฝ่ายครับ...
คุณผู้หญิงลองตอบคำถามนี้ดูนะครับ
ถ้ามีผู้ชายคนนึงมาจีบคุณ คุณรู้สึกดีต่อเขาแต่คุณยังไม่มั่นใจว่าคุณชอบเขาไหม
ทุกครั้งที่เขาชวนคุณไปทำกิจจกรรมร่วมกัน (อย่าเพิ่งตีความไปทางลามกนะครับ) คุณจะ
ก.สงวนท่าที ไม่แสดงออกว่าคุณมีใจให้เขา รอให้เขาชัดเจนกันคุณก่อน
ข.เปิดใจต่อเขา แสดงออกว่าคุณก็มีใจให้เขาแต่พองาม
ค.จีบเขากลับ...
หลายคนที่คนที่เคยคุยหายไปดื้อๆ (ภาษาวัยรุ่นเเรียน โดนเท/นก) มักตอบข้อ 1/2 ครับ
ก่อนจะพูดถึงอย่างอื่นต่อ มารับรู้ facts กันครับ ข้อมูลไม่ได้เก็บแบบเป็นทางการเท่าไหร่อาจจะไม่ตรง
fact ข้อที่ 1
ถ้าคุณเป็นเด็กมหาลัย ผู้ชายที่เข้ามาจีบคุณ 90% เคยอกหักครับ ในเด็กมอ.ปลาย น่าจะประมาณ 60%(วัยที่หลายๆจีบสาวครั้งแรก)
fact ข้อที่ 2
คนเรามักจะทุ่มเทให้กับการจีบแบบเต็มที่แค่คนที่จีบครั้งแรกครับ ถ้าอกหัก ชอบมาก...ทุ่มเทมาก...ก็เจ็บมากครับ...
ในการจีบคนต่อๆไปคนส่วนใหญ่มักเผื่อใจโดยการไม่จีบแบบทุ่มเทมากครับ
(แต่ก็มีประชากรส่วนน้อยมากที่ทั้งชีวิตเลือกจีบเฉพาะคนที่สนใจจริงๆไม่กี่คนคนกลุ่มนี้ไม่ว่าจะจีบใครจะทึทุ่มเทเต็มที่ครับ)
มาดูผลของการตอบแต่ละข้อกันครับ โดยส่วนใหญ่แล้ว
ด้วย facts 2 ข้อนี้คุณทำใจไว้เลยครับ 90% ในเด็กมหาลัย และ 60% ในเด็กมอปลาย ที่มาจีบคุณ
เขาจะไม่จีบคุณแบบทุ่มเทเต็มที่ครับ เพราะฉะนั้นถ้าคุณตอบ ก. โดยหวังว่าเขาจะทุ่มเทให้คุณ
มากขึ้นเรื่อยๆโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องแสดงออกเลยมาสนใจเขาบ้าง คุณมักจะโดนเทครับ...
ผู้ชายส่วนมากยุคนี้จะไม่ยุ่งกับผู้หญิงที่ไม่สนใจตัวเองเลยนานๆครับ เสียทรัพยากร
จีบผู้หญิงต้องทุ่มเททั้ง เวลา เงิน ความรู้สึก นะครับ การผู้ลงทุนมองว่าการลงทุนนี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เขาจะหยุดครับ
มาดูข้อ ข. กันบ้าง คุณผู้หญิงส่วนใหญ่อาจจะเลือกข้อนี้ ข้อนี้ผลที่ออกมาจะแล้วแต่คนครับ
ถ้า ความหลง ที่เขามีต่อคุณสูงพอ เขาจะพยายามต่อครับ แต่ถ้า ความหลง ที่เขามีต่อคุณไม่ได้สูงขนาดนั้น เขาอาจจะถอยไป..
ถ้าคุณคิดจะเลือกข้อนี้ โดยที่ลึกๆคุณที่อยากให้เขาสานสัมพันธ์คุณต่อ คุณลองประเมินตัวเองดูนะครับ
ว่าลักษณะภายนอกของคุณ ทำให้เขาหลงถึงขั้นนั้นรึยัง
ถ้าคุณประเมินตัวเองสูงเกินไป คุณก็จะโดนเทครับ...
ข้อ ค. มันอาจฟังดูแปลกประหลาด ไม่เป็นกุลสตรีในสายตาของผู้หญิงนะครับ
แต่ในสายตาของผู้ชายส่วนใหญ่แล้ว การที่ผู้หญิงที่เราจีบ จีบเรากับ มันไม่ได้ทำให้ความเป็นกุลสตรีลดลงเลย...
(ผู้ชายสมัยนี้ส่วนน้อยครับที่คิดว่า ผู้หญิงจีบก่อนคือ ไม่มีความเป็นกุลสตรี
และส่วนน้อยมากๆๆๆที่จะคิดว่า ผู้หญิงที่เราจีบ จีบเรากลับ ไม่มีความเป็นกุลสตรี)
เพราะงั้น ถึงคุณอาจจะไม่ได้ชอบเขามากเท่าไหร่ แต่คุณลองจีบเขา กลับไปเถอะครับ
มันเป็นการสร้าง ความสนิทสนม ต่อกันซึ่งมันจะทำให้ เขารักคุณมากขึ้น และคุณก็จะรักเขามากขึ้น เช่นกัน
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเถียงครับ
ดูผู้ชายต้องดูนานๆ อย่าแสดงออกมาก มันดูไม่งาม โดยส่วนตัวคิดว่าแนวคิดนี้ใช้ได้ใน Gen X ครับ
Gen Y เป็นต้นไปวิธีคิดของคนเปลี่ยนไปมาก ถ้ายังติดแนวคิดนี้อยู่คุณจะโดนเทเรื่อยๆได้
บางคู่ของเมืองนอกเริ่มต้นที่ one night stand แต่ก็จบที่การแต่งงานอย่างมีความสุขได้ครับ
สิ่งที่สำคัญสำหรับรักใน GenY เป็นต้นไปคือ
"คุณต้องรู้จักเลิกรักเมื่อถึงเวลาครับ"
ผมคิดว่ามันเป็นไม่ได้ที่คุณจะประเมินผู้ชายคนนึงจากช่วงเวลาสั้นๆที่เขาจีบคุณครับ
ผมคิดว่าคุณควรจะลองคบกับเขาไปเลยครับถึงจะประเมินลักษณะที่แท้จริงได้
ถ้าถึงจุดๆนึงที่คุณเริ่มเห็นบางอย่างในตัวเขาที่คุณไม่โอเคมากๆ คุณค่อยเลิกครับ
ปัญหามันจะเกิดถ้าคุณ "เลิกรัก" ไม่เป็นและยังดันทุรังให้ตัวเองเจ็บต่อไปเรื่อยๆ...
ต่อมาเรามาดูกรณีหายากมั้งครับคือประมาณ 10% ที่เหลือในมหาลัยและ 40% ในมอปลาย
นั้นคือกรณีที่คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาจีบ / คุณเป็นคนที่ตรงสเปคเขาราวๆ100%
ผู้ชายเหล่านี้เขาจะทุ่มเทให้คุณมากๆ ครับ ตราบใดที่คุณยังไม่ปฏิเสธเขาหรือเทเขาซะเอง
ยังไงเขาก็ไม่หนีคุณไปไหนครับ ปัญหา คุณคนที่จีบผู้หญิงคนแรกมักมีเทคนิคในการจีบที่ไม่ดีเท่าไหร่
สุดท้ายแล้ว คุณมีโอกาสสูงมากที่คุณนั้นแหละจะเป็นฝ่ายเทคนเหล่านี้ซะเอง
แต่ถ้าเขาเป็นคนที่คุณถูกใจ.... คุณคือคนที่โชคดีครับ
==========================================================
ใครไม่เห็นด้วยยังไงแสดงความคิดเห็นมาได้ครับ รอฟังอยู่
ส่วนตัวอยากรู้วิธีคิดของคนหลายๆประเภทอยู่ครับ
เอาจริงๆผมอยากรู้สภาพของสังคมวัยทำงานด้วยนะครับว่าเขาจีบกันด้วย mindset ยังไง
เคยเข้าใจว่าวัยนี้จะมีความจริงจังต่อกันมากกว่าวัยมัธยม-มหาลัย เพราะเป็นวัยสร้างครอบครัวแล้ว
ท่านใดพอจะแบ่งปันได้จะเป็นพระคุณมากครับ ^^
คุณผู้หญิงทราบหรือไม่ครับ.. ว่าผู้ชายที่จีบคุณไม่ได้ชอบคุณขนาดนั้น
เก็บข้อมูลจากการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆวัยเดียวกัน
เพราะงั้นรายละเอียดดังต่อไปนี้อาจใช้ไม่ได้ในสังคมอื่นนะครับ
วาเลนไทน์ที่ผ่านมาผมเห็นผู้หญิงหลายๆคนเลยนะครับชอบบ่นทำนองว่า
ทำไมไม่มีใครจริงจังกับเราเลย? ทำไมเราถึงชอบโดนเท? ทำไมคุยๆกับเราอยู่แล้วเขาก็ไปชอบคนอื่น?
คุณผู้หญิงเคยสงสัยไหมครับ.... ว่าทำไมคนที่เราคุยด้วย จู่ๆก็หายไป
รู้ตัวอีกทีบางทีอาจกลายเป็นคนที่ไม่ทักกันอีกเลย(หัวข้อที่ถ้าว่างๆอาจจะมาเสริม)
คำตอบง่ายๆครับ...ผู้ชายที่จีบคุณไม่ได้ชอบคุณขนาดนั้น
ยอมรับกันเถอะครับ เมื่อครั้งที่คุณเด็กๆ คุณอาจจะได้ดูภาพยนต์ การ์ตูน มามากมาย
(การ์ตูนเจ้าหญิงดีสนีย์นี้แหละตัวดี) สื่อเหล่านี้เรามักจะเห็น ผู้หญิง ผู้ชาย มากมาย
ที่หลงรักกันจากการได้เจอกันแค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เรื่องราวกำเนินต่อโดยที่ฝ่ายชาย
ทุ่มเททุกอย่างเพื่อผู้หญิงที่ตนรัก และ สุดท้ายทั้งคู่แต่งงานกัน ครับ...
แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น...
ความรัก (Love) ประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลายๆ ได้แก่
ความสนิทสนม (Intimacy) พันธะบางอย่างต่อกัน (Commitment) และความหลง (Passion)
ซึ่งการที่เห็นหน้าใครซักคนแล้วชอบมันคือความหลง (Passion) ครับ
แน่นอนว่า 95% ของผู้ชายที่มาจีบคุณ เขาไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน
เขาไม่ได้รักคุณครับ.... เขาหลงคุณเฉยๆ
ซึ่งโดยธรรมชาติความหลงเป็นสิ่งที่ไม่ยืนยาวครับ
https://people.uvawise.edu/pww8y/Reviews/IS/ISRevOnLn/LoveTriTime.jpg
สิ่งที่ยืนยาวคือ ความสนิทสนม และ พันธะบางอย่างต่อกันครับ
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ความหลง มันเกิดขึ้นเองได้
แต่ความสนิทสนม และ พันธะบางอย่างต่อกัน มันต้องร่วมกันสร้างทั้งสองฝ่ายครับ...
คุณผู้หญิงลองตอบคำถามนี้ดูนะครับ
ถ้ามีผู้ชายคนนึงมาจีบคุณ คุณรู้สึกดีต่อเขาแต่คุณยังไม่มั่นใจว่าคุณชอบเขาไหม
ทุกครั้งที่เขาชวนคุณไปทำกิจจกรรมร่วมกัน (อย่าเพิ่งตีความไปทางลามกนะครับ) คุณจะ
ก.สงวนท่าที ไม่แสดงออกว่าคุณมีใจให้เขา รอให้เขาชัดเจนกันคุณก่อน
ข.เปิดใจต่อเขา แสดงออกว่าคุณก็มีใจให้เขาแต่พองาม
ค.จีบเขากลับ...
หลายคนที่คนที่เคยคุยหายไปดื้อๆ (ภาษาวัยรุ่นเเรียน โดนเท/นก) มักตอบข้อ 1/2 ครับ
ก่อนจะพูดถึงอย่างอื่นต่อ มารับรู้ facts กันครับ ข้อมูลไม่ได้เก็บแบบเป็นทางการเท่าไหร่อาจจะไม่ตรง
fact ข้อที่ 1
ถ้าคุณเป็นเด็กมหาลัย ผู้ชายที่เข้ามาจีบคุณ 90% เคยอกหักครับ ในเด็กมอ.ปลาย น่าจะประมาณ 60%(วัยที่หลายๆจีบสาวครั้งแรก)
fact ข้อที่ 2
คนเรามักจะทุ่มเทให้กับการจีบแบบเต็มที่แค่คนที่จีบครั้งแรกครับ ถ้าอกหัก ชอบมาก...ทุ่มเทมาก...ก็เจ็บมากครับ...
ในการจีบคนต่อๆไปคนส่วนใหญ่มักเผื่อใจโดยการไม่จีบแบบทุ่มเทมากครับ
(แต่ก็มีประชากรส่วนน้อยมากที่ทั้งชีวิตเลือกจีบเฉพาะคนที่สนใจจริงๆไม่กี่คนคนกลุ่มนี้ไม่ว่าจะจีบใครจะทึทุ่มเทเต็มที่ครับ)
มาดูผลของการตอบแต่ละข้อกันครับ โดยส่วนใหญ่แล้ว
ด้วย facts 2 ข้อนี้คุณทำใจไว้เลยครับ 90% ในเด็กมหาลัย และ 60% ในเด็กมอปลาย ที่มาจีบคุณ
เขาจะไม่จีบคุณแบบทุ่มเทเต็มที่ครับ เพราะฉะนั้นถ้าคุณตอบ ก. โดยหวังว่าเขาจะทุ่มเทให้คุณ
มากขึ้นเรื่อยๆโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องแสดงออกเลยมาสนใจเขาบ้าง คุณมักจะโดนเทครับ...
ผู้ชายส่วนมากยุคนี้จะไม่ยุ่งกับผู้หญิงที่ไม่สนใจตัวเองเลยนานๆครับ เสียทรัพยากร
จีบผู้หญิงต้องทุ่มเททั้ง เวลา เงิน ความรู้สึก นะครับ การผู้ลงทุนมองว่าการลงทุนนี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เขาจะหยุดครับ
มาดูข้อ ข. กันบ้าง คุณผู้หญิงส่วนใหญ่อาจจะเลือกข้อนี้ ข้อนี้ผลที่ออกมาจะแล้วแต่คนครับ
ถ้า ความหลง ที่เขามีต่อคุณสูงพอ เขาจะพยายามต่อครับ แต่ถ้า ความหลง ที่เขามีต่อคุณไม่ได้สูงขนาดนั้น เขาอาจจะถอยไป..
ถ้าคุณคิดจะเลือกข้อนี้ โดยที่ลึกๆคุณที่อยากให้เขาสานสัมพันธ์คุณต่อ คุณลองประเมินตัวเองดูนะครับ
ว่าลักษณะภายนอกของคุณ ทำให้เขาหลงถึงขั้นนั้นรึยัง
ถ้าคุณประเมินตัวเองสูงเกินไป คุณก็จะโดนเทครับ...
ข้อ ค. มันอาจฟังดูแปลกประหลาด ไม่เป็นกุลสตรีในสายตาของผู้หญิงนะครับ
แต่ในสายตาของผู้ชายส่วนใหญ่แล้ว การที่ผู้หญิงที่เราจีบ จีบเรากับ มันไม่ได้ทำให้ความเป็นกุลสตรีลดลงเลย...
(ผู้ชายสมัยนี้ส่วนน้อยครับที่คิดว่า ผู้หญิงจีบก่อนคือ ไม่มีความเป็นกุลสตรี
และส่วนน้อยมากๆๆๆที่จะคิดว่า ผู้หญิงที่เราจีบ จีบเรากลับ ไม่มีความเป็นกุลสตรี)
เพราะงั้น ถึงคุณอาจจะไม่ได้ชอบเขามากเท่าไหร่ แต่คุณลองจีบเขา กลับไปเถอะครับ
มันเป็นการสร้าง ความสนิทสนม ต่อกันซึ่งมันจะทำให้ เขารักคุณมากขึ้น และคุณก็จะรักเขามากขึ้น เช่นกัน
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเถียงครับ
ดูผู้ชายต้องดูนานๆ อย่าแสดงออกมาก มันดูไม่งาม โดยส่วนตัวคิดว่าแนวคิดนี้ใช้ได้ใน Gen X ครับ
Gen Y เป็นต้นไปวิธีคิดของคนเปลี่ยนไปมาก ถ้ายังติดแนวคิดนี้อยู่คุณจะโดนเทเรื่อยๆได้
บางคู่ของเมืองนอกเริ่มต้นที่ one night stand แต่ก็จบที่การแต่งงานอย่างมีความสุขได้ครับ
สิ่งที่สำคัญสำหรับรักใน GenY เป็นต้นไปคือ
"คุณต้องรู้จักเลิกรักเมื่อถึงเวลาครับ"
ผมคิดว่ามันเป็นไม่ได้ที่คุณจะประเมินผู้ชายคนนึงจากช่วงเวลาสั้นๆที่เขาจีบคุณครับ
ผมคิดว่าคุณควรจะลองคบกับเขาไปเลยครับถึงจะประเมินลักษณะที่แท้จริงได้
ถ้าถึงจุดๆนึงที่คุณเริ่มเห็นบางอย่างในตัวเขาที่คุณไม่โอเคมากๆ คุณค่อยเลิกครับ
ปัญหามันจะเกิดถ้าคุณ "เลิกรัก" ไม่เป็นและยังดันทุรังให้ตัวเองเจ็บต่อไปเรื่อยๆ...
ต่อมาเรามาดูกรณีหายากมั้งครับคือประมาณ 10% ที่เหลือในมหาลัยและ 40% ในมอปลาย
นั้นคือกรณีที่คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาจีบ / คุณเป็นคนที่ตรงสเปคเขาราวๆ100%
ผู้ชายเหล่านี้เขาจะทุ่มเทให้คุณมากๆ ครับ ตราบใดที่คุณยังไม่ปฏิเสธเขาหรือเทเขาซะเอง
ยังไงเขาก็ไม่หนีคุณไปไหนครับ ปัญหา คุณคนที่จีบผู้หญิงคนแรกมักมีเทคนิคในการจีบที่ไม่ดีเท่าไหร่
สุดท้ายแล้ว คุณมีโอกาสสูงมากที่คุณนั้นแหละจะเป็นฝ่ายเทคนเหล่านี้ซะเอง
แต่ถ้าเขาเป็นคนที่คุณถูกใจ.... คุณคือคนที่โชคดีครับ
==========================================================
ใครไม่เห็นด้วยยังไงแสดงความคิดเห็นมาได้ครับ รอฟังอยู่
ส่วนตัวอยากรู้วิธีคิดของคนหลายๆประเภทอยู่ครับ
เอาจริงๆผมอยากรู้สภาพของสังคมวัยทำงานด้วยนะครับว่าเขาจีบกันด้วย mindset ยังไง
เคยเข้าใจว่าวัยนี้จะมีความจริงจังต่อกันมากกว่าวัยมัธยม-มหาลัย เพราะเป็นวัยสร้างครอบครัวแล้ว
ท่านใดพอจะแบ่งปันได้จะเป็นพระคุณมากครับ ^^