ขอเล่ารายละเอียดเหตุการณ์ที่เราโดนรถคู่กรณีมาชน ทำให้รถเราเสียหายก่อนนะ เมื่อวันเสาร์ที่11 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.50 น.
เราเลิกงานแล้วขับรถBMW(E36)มาทางเลียบมอร์เตอร์เวย์จากชลบุรี กำลังไปร่มเกล้าคะ ขณะที่เราขับก่อนถึงแยก เราก็ชลอรถ ขับตามรถตู้ซึ่งอยู่หน้าเราคะ เราเห็นรถคู่กรณี VIOS(ใส่โครงเหล็กด้านในและเปลี่ยนเครื่องยนต์) จอดรอรับแฟนอยู่ข้างทางซึ่งมาจากร่มเกล้า เพื่อจะมุ่งสู่ลาดกระบัง ข้ามทางรถไฟคะ ซึ่งแยกจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้สถานีรถไฟ้าลาดกระบังคะ
ขณะที่เรากำลังขับรถจะถึงแยก เราก็เห็นแฟนผู้หญิงคู่กรณีวิ่งตัดหน้ารถตู้ฝั่งที่จอดรถสองแถว เพื่อไปหารถคู่กรณีที่จอดรออยู่ข้างทางฝั่งตรงข้าม และมีรถคันอื่นจอดรออยู่ยาวเลย เราเห็นรถคู่กรณีจอดรับแฟน อยู่ข้างทางเราก็ขับผ่านแยกมา แต่ทันใดนั้นรถของคู่กรณีได้พุ่งมาชนเราของเราด้วยความเร็วสูง ลักษณะการออกตัวของรถ คือออกตัวมาด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่สมรรถะภาพรถจะทำได้คะ(เหมือนออกตัวมาด้วยความตั้งใจชนเราด้วยมุมซ้ายของตัวรถคู่กรณี) หลังจากรถคู่กรณีชนรถรถที่ประตูหน้าด้านขวาอย่างแรงและเขาได้เหยียบคันเร่งส่งมายังรถเรา รถคู่กรณีครู๊ดตัวถังรถของเราจั้งแต่ประตูหน้าขวาไปยังประตูหลังขวาและกันชนท้ายคะ รถของคู่กรณีหลุดไปอยู่ด้านหลังรถเรา และเขาก็ขับกระชากรถโดยการอ้อมมาทางด้านซ้ายรถของเราและรถคู่กรณีมาหยุดฝั่งมุมซ้ายหน้ารถของเรา ตอนนั้นเราเองก็ตกใจคิดว่าเขาจะหนี เราพยายามเปิดประตูรถแต่เปิดไม่ออกคะ เราเลยลงกระจกเรียกวินมอร์ไซด์ที่เขาเห็นเหตุการณ์ วินมอร์ไซด์บอกว่าเขาจอดแล้วให้เราลงไปเครียร์กับคู่กรณีคะ ด้วยความที่เราตกใจเลยตั้งสติ และมองไปที่รถคู่กรณีคะ มีผู้หญิง แฟนเขาออกมา และผู้ชายคนขับรถ ลงมากำลังจะตบตีทำร้ายร่างกายผู้หญิงแฟนเขาคะ และเขามีปากเสียงกัน มันยิ่งทำใหเราตกใจไม่กล้าลงไป หลังจากที่ฝ่ายชายแยกไปโทรหาประกันและสงบ สติอารมณ์ เราก็เลยลงจากรถของเราคะโดยประตูหน้าด้านซ้าย เนื่องจากประตูฝั่งคนขับเปิดไม่ได้คะ เราลงไปก็ไปถามผู้หญิงคะว่าเขากับแฟนคนขับเป็นอะไรมั้ย เจ็บตรงไหนรึป่าว ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน ให้เรียกประกันมาเครียร์ ถามว่าแฟนเขาเมารึเปล่า และเราก็เดินกลับมาที่รถ เชื่อมั้ยคะว่าคู่กรณีไม่ขอโทษเราสักคำ และไม่พูดอะไรกับเราเลย จากนั้นเราเห็นว่าการจราจรเริ่มติดขัด เพราะรถเราจอดขวางอยู่ เราเลยขอแรงอาสาคนขับรถสองแถวให้ช่วยหยุดรถให้เรา เพื่อที่เราจะได้ขับรถมาจอดข้างทาง ต่อท้ายจากคู่กรณีคะ
หลังจากรอประกันมาเครียร์ และเขาเหมือนจะไม่ยอมรับคะเนื่องจากว่าเขามาทางเอก เรามาทางโทคะ เราก็เล่าเหตุการณ์อย่างที่เล่าด้านบนให้ประกันฟังคะ สรุปจากประกันคือเราเป็นฝ่ายถูกคะ เนื่องจากรถคู่กรณีจอดอยู่ข้างทางแล้วยังไงก็ผิด สักพักฝ่ายแม่ของคู่กรณีมาคะ เราก็งงว่าจะมาทำไม? และประกันแนะนำให้เราไปลงบันทึกประจำวันที่โรงพักคะ เพราะเราเจ็บ ตอนแรกเราก็คิดว่าไม่เป็นอะไรเดี่ยวเราไปหาหมอเอง ทางประกันคู่กรณีบอกว่ายังไงต้องไปลงบันทึกประจำวันที่สน.ลาดกระบัง เราก็ไปลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยคะ ระหว่างที่ตำรวจไต่สวนฯ เราเองไม่ได้เล่ารายละเอียด เราขอให้คู่กรณีเป็นคนยอมรับผิดเองคะ เราหวังว่าเขาจะสำนึกฯได้ เขาตอบตำรวจว่า เขาผิดที่จอดรถรอแฟนอยู่ แล้วรถมันพุ่งมาชนเราคะ เราฟังแล้วก็คิดว่าเขายอมรับผิดแล้วก็ให้จบๆกันคะ ไม่ได้คิดเรื่องจะวุ่นวายคะ หลังจากที่ลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยแล้ว คู่กรณี ทั้งคนขับ แม่ และแฟน ไม่คุยกับเรา ไม่ขอโทษเราสักคำคะ ตลอดระยะเวลาที่นั่งรอร้อยเวรที่ สน เขาก็ไม่พูดกับเราสักคำ เขานิ่ง เงียบอย่างเดียว เราก็เข้าใจว่าเขาคงยอมรับผิดแล้ว และที่สำคัญเรากลัวเขาคะ เราเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ขับรถคนเดียว และตอนนั้นก็อยู่คนเดียว เราเองไม่กล้าโวยวาย หรือพูดสิ่งที่ควรจะพูดคะ เพราะเรากลัวเหตุการณืต่างๆที่เกิดบนท้องถนน ถ้าเกิดคู่กรณีโมโห แล้วทำร้ายเรา เราคิดว่าไม่คุ้มที่จะไปเสี่ยงกับคนพวกนี้คะ เราจึงเลือกที่จะสงบสติอารมย์ของเราไม่ให้เดือดพล่านโดยการไม่โวยวายและดูท่าทีของคู่กรณีคะ คู่กรณีผู้ชาย อายุ 24 ปีคะ
ความเสียหายที่เกิดกับรถเราBMW/ ประกัน3 มิตรแท้ : ตัวถังรถและประตูขวาหน้าหลัง ฉีกขาดและยุบตัว เห็นถึงโครงสร้างเหล็กด้านในคะ และมีคนบาดเจ็บคะ
สำหรับรถคู่กรณีVIOS /ประกันชั้น1 มิตรแท้ : กันชนหน้ามุมซ้ายยุบคะ กระจังหน้ามุมซ้ายขาด ฝากระโปรงยุบตัว หมอน้ำไม่แตกคะ และไม่มีคนบาดเจ็บ
หลังจากที่คู่กรณีขับรถออกไปจาก สน ด้วยลักษณะการขับเหมือนที่ชนเราคะ ออกตัวเหยียบคันเร่งมิดไมล์
จากนั้นประกันมาหาเราคะ และมาถามเราว่าทำไมเราไม่พูดสิ่งที่เล่าให้เขาฟัง เพราะถ้าเราสงสัยว่าเขาเมา จะได้ตรวจแอลกอฮอล์ และด้วยความที่เราเองก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์คะ เราคิดว่าเราเล่าให้ประกันฟังหมดแล้ว และทางประกันจะเล่าให้ตำรวจคะ แต่ทางประกันคู่กรณีเขาแจ้งว่าเขาจะเล่าไม่ได้ เพราะคุ่กรณีเป็นลูกค้า เราเองก็ทำไงได้ละคะ เขาไปแล้ว เราเองก็บาดเจ็บจากการโดนชน เราอยากรีบไปหาหมอเพื่อตรวจรักษาสะโพกขวา
หลังจากที่เราไปโรงบาล และหมอนัดตรวจติดตามอาการ ทาง พรบ.เราก็มา แล้วแจ้งให้เรารักษาให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับไป สน อีกครั้ง เพื่อจ่ายค่าปรับ ช่วงระหว่างนั้นเราเองก็มีความจำเป็นต้องใช้รถ เลยโทรถามพนักงานประกันที่มาเคลม ว่าเราสามารถเช่ารถใช้ระหว่างซ่อม หรือเบิกสินไหมที่ขาดประโยชน์จากการใช้รถได้มั้ย ทางพนักงานบอกเราว่าได้ ให้โทรไปคุยรายละเอียดกับสำนังงานใหญ่มิตรแท้ ประกันภัย เราโทรไปพนักงานที่สำนักงานใหญ่แจ้งว่าไม่ได้ เราเองก็งง แล้วพนักงานเคลมฯบอกว่าได้ แบบนี้เราจะทำไง เขาบอกถ้าคิดว่ารู้ดีหว่าเขาก็ให้ไปถามฝ่ายกฎหมายเอา เราก็โทรมาหาพนักงานเคลมคนเดิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้บอกว่าผมไม่ได้พูด! เราก็งงเลยสิ ก่อนหน้าพูดอีกอย่าง วันหลังพูดอีกอย่าง แบบนี้เราจะทำไงดีคะ? เราคิดว่ารอให้รถซ่อมเสร็จแล้วค่อยไปเรียกค่าขาดประโยชน์ฯภายหลัง อ้างอิงจากกระทู้อื่นๆในพันทิป
มาต่อกันด้วยเรื่องการนำรถไปซ่อมและคุมราคาคะ
หลังจากนั้นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา เรานำรถไปซ่อมที่อู่ฯ และทางอู่ได้ประเมินราคาซ่อมและไปส่งใบเสนอราคาซ่อมและคุมราคา วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 เมื่อวานที่ผ่านมา ผลประกฎว่า ทางบริษัทประกันไม่คุมราคาค่าซ่อมให้เรา เขาต้องการรวมบิลค่าซ่อม และค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถภายในบิลเดียว ซึ่งสำหรับค่าชดเชยการขาดประโยชน์ระหว่างรถเข้าซ่อมเขาเสนอให้เรามา 3000 บาท และเซ็นสัญญาประนีประนอม ซึ่งถ้าเราไม่ยอมเขาก็จะไม่อนุมัติคุมราคาและซ่อมรถ ซึ่งทั้งหมดทางอู่เป็นคนจัดการ เราไม่รู้ว่าทางอู่เรียกค่าชดเชยไปคะ
เพราะเราเข้าใจว่าทางอู่เสนอราคาค่าซ่อมรถ และให้เราไปเรียกเองภายหลังจากที่รถซ่อมเสร็จ แต่ทางประกันต้องการบีบให้เรายอมรับข้อเสนอคะ สุดท้ายเราไม่ยอม เพราะหลังจากที่รถเราโดนชน เราต้องนั่งแทกซี่ ไปทำงาน ไปหาลูกค้า ซึ่งค่าแทกซี่ วันละ 1000 บาทแล้ว เราโดนคนอื่นมาสร้างความเสียหายให้ แล้วทำไมเราต้องมาแบกรับภาระค่าเช่ารถ หรือค่าแทกซี่ ค่าทางด่วนด้วยคะ และตอนนี้รถก็ไม่ได้ซ่อมคะ เราอยากได้รับความเป็นธรรมในเรื่องสิทธิฯที่เราควรจะได้คะ
ดังนั้น เราอยากจะขอความช่วยเหลือหรือคนที่มีประสบการณ์แนะนำเราหน่อยคะ ว่าเราควรทำยังไง?
เราสามารถเรียกร้องให้ประกันรับผิดชอบได้ยังไง?
- ค่าซ่อมรถ (คู่กรณี)
- ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม เช่น ค่าเช่ารถ ค่าแทกซี ทางด่วน และอื่นๆ
- สำหรับค่าขาดประโยชน์ สามารถเรียกร้องได้ตั้งแต่วันที่นำรถเข้าอู่ หรือหลังจากวันที่โดนชน หรือวันที่อู่ประเมินเริ่มทำการซ่อมรถ
- ค่าเสื่อมราคารถ
- ค่ารักษาพยาบาล
- ค่าเสียเวลา
และอื่นๆที่น่าจะเป็นประโยชน์ สำหรับคนอื่นๆ
ขอบคุณคะ
ใครเคยโดนรถชนและเป็นฝ่ายถูก แต่ไปขอคุมราคาซ่อมรถจากประกันคู่กรณีไม่ได้บ้างคะ
เราเลิกงานแล้วขับรถBMW(E36)มาทางเลียบมอร์เตอร์เวย์จากชลบุรี กำลังไปร่มเกล้าคะ ขณะที่เราขับก่อนถึงแยก เราก็ชลอรถ ขับตามรถตู้ซึ่งอยู่หน้าเราคะ เราเห็นรถคู่กรณี VIOS(ใส่โครงเหล็กด้านในและเปลี่ยนเครื่องยนต์) จอดรอรับแฟนอยู่ข้างทางซึ่งมาจากร่มเกล้า เพื่อจะมุ่งสู่ลาดกระบัง ข้ามทางรถไฟคะ ซึ่งแยกจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้สถานีรถไฟ้าลาดกระบังคะ
ขณะที่เรากำลังขับรถจะถึงแยก เราก็เห็นแฟนผู้หญิงคู่กรณีวิ่งตัดหน้ารถตู้ฝั่งที่จอดรถสองแถว เพื่อไปหารถคู่กรณีที่จอดรออยู่ข้างทางฝั่งตรงข้าม และมีรถคันอื่นจอดรออยู่ยาวเลย เราเห็นรถคู่กรณีจอดรับแฟน อยู่ข้างทางเราก็ขับผ่านแยกมา แต่ทันใดนั้นรถของคู่กรณีได้พุ่งมาชนเราของเราด้วยความเร็วสูง ลักษณะการออกตัวของรถ คือออกตัวมาด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่สมรรถะภาพรถจะทำได้คะ(เหมือนออกตัวมาด้วยความตั้งใจชนเราด้วยมุมซ้ายของตัวรถคู่กรณี) หลังจากรถคู่กรณีชนรถรถที่ประตูหน้าด้านขวาอย่างแรงและเขาได้เหยียบคันเร่งส่งมายังรถเรา รถคู่กรณีครู๊ดตัวถังรถของเราจั้งแต่ประตูหน้าขวาไปยังประตูหลังขวาและกันชนท้ายคะ รถของคู่กรณีหลุดไปอยู่ด้านหลังรถเรา และเขาก็ขับกระชากรถโดยการอ้อมมาทางด้านซ้ายรถของเราและรถคู่กรณีมาหยุดฝั่งมุมซ้ายหน้ารถของเรา ตอนนั้นเราเองก็ตกใจคิดว่าเขาจะหนี เราพยายามเปิดประตูรถแต่เปิดไม่ออกคะ เราเลยลงกระจกเรียกวินมอร์ไซด์ที่เขาเห็นเหตุการณ์ วินมอร์ไซด์บอกว่าเขาจอดแล้วให้เราลงไปเครียร์กับคู่กรณีคะ ด้วยความที่เราตกใจเลยตั้งสติ และมองไปที่รถคู่กรณีคะ มีผู้หญิง แฟนเขาออกมา และผู้ชายคนขับรถ ลงมากำลังจะตบตีทำร้ายร่างกายผู้หญิงแฟนเขาคะ และเขามีปากเสียงกัน มันยิ่งทำใหเราตกใจไม่กล้าลงไป หลังจากที่ฝ่ายชายแยกไปโทรหาประกันและสงบ สติอารมณ์ เราก็เลยลงจากรถของเราคะโดยประตูหน้าด้านซ้าย เนื่องจากประตูฝั่งคนขับเปิดไม่ได้คะ เราลงไปก็ไปถามผู้หญิงคะว่าเขากับแฟนคนขับเป็นอะไรมั้ย เจ็บตรงไหนรึป่าว ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน ให้เรียกประกันมาเครียร์ ถามว่าแฟนเขาเมารึเปล่า และเราก็เดินกลับมาที่รถ เชื่อมั้ยคะว่าคู่กรณีไม่ขอโทษเราสักคำ และไม่พูดอะไรกับเราเลย จากนั้นเราเห็นว่าการจราจรเริ่มติดขัด เพราะรถเราจอดขวางอยู่ เราเลยขอแรงอาสาคนขับรถสองแถวให้ช่วยหยุดรถให้เรา เพื่อที่เราจะได้ขับรถมาจอดข้างทาง ต่อท้ายจากคู่กรณีคะ
หลังจากรอประกันมาเครียร์ และเขาเหมือนจะไม่ยอมรับคะเนื่องจากว่าเขามาทางเอก เรามาทางโทคะ เราก็เล่าเหตุการณ์อย่างที่เล่าด้านบนให้ประกันฟังคะ สรุปจากประกันคือเราเป็นฝ่ายถูกคะ เนื่องจากรถคู่กรณีจอดอยู่ข้างทางแล้วยังไงก็ผิด สักพักฝ่ายแม่ของคู่กรณีมาคะ เราก็งงว่าจะมาทำไม? และประกันแนะนำให้เราไปลงบันทึกประจำวันที่โรงพักคะ เพราะเราเจ็บ ตอนแรกเราก็คิดว่าไม่เป็นอะไรเดี่ยวเราไปหาหมอเอง ทางประกันคู่กรณีบอกว่ายังไงต้องไปลงบันทึกประจำวันที่สน.ลาดกระบัง เราก็ไปลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยคะ ระหว่างที่ตำรวจไต่สวนฯ เราเองไม่ได้เล่ารายละเอียด เราขอให้คู่กรณีเป็นคนยอมรับผิดเองคะ เราหวังว่าเขาจะสำนึกฯได้ เขาตอบตำรวจว่า เขาผิดที่จอดรถรอแฟนอยู่ แล้วรถมันพุ่งมาชนเราคะ เราฟังแล้วก็คิดว่าเขายอมรับผิดแล้วก็ให้จบๆกันคะ ไม่ได้คิดเรื่องจะวุ่นวายคะ หลังจากที่ลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยแล้ว คู่กรณี ทั้งคนขับ แม่ และแฟน ไม่คุยกับเรา ไม่ขอโทษเราสักคำคะ ตลอดระยะเวลาที่นั่งรอร้อยเวรที่ สน เขาก็ไม่พูดกับเราสักคำ เขานิ่ง เงียบอย่างเดียว เราก็เข้าใจว่าเขาคงยอมรับผิดแล้ว และที่สำคัญเรากลัวเขาคะ เราเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ขับรถคนเดียว และตอนนั้นก็อยู่คนเดียว เราเองไม่กล้าโวยวาย หรือพูดสิ่งที่ควรจะพูดคะ เพราะเรากลัวเหตุการณืต่างๆที่เกิดบนท้องถนน ถ้าเกิดคู่กรณีโมโห แล้วทำร้ายเรา เราคิดว่าไม่คุ้มที่จะไปเสี่ยงกับคนพวกนี้คะ เราจึงเลือกที่จะสงบสติอารมย์ของเราไม่ให้เดือดพล่านโดยการไม่โวยวายและดูท่าทีของคู่กรณีคะ คู่กรณีผู้ชาย อายุ 24 ปีคะ
ความเสียหายที่เกิดกับรถเราBMW/ ประกัน3 มิตรแท้ : ตัวถังรถและประตูขวาหน้าหลัง ฉีกขาดและยุบตัว เห็นถึงโครงสร้างเหล็กด้านในคะ และมีคนบาดเจ็บคะ
สำหรับรถคู่กรณีVIOS /ประกันชั้น1 มิตรแท้ : กันชนหน้ามุมซ้ายยุบคะ กระจังหน้ามุมซ้ายขาด ฝากระโปรงยุบตัว หมอน้ำไม่แตกคะ และไม่มีคนบาดเจ็บ
หลังจากที่คู่กรณีขับรถออกไปจาก สน ด้วยลักษณะการขับเหมือนที่ชนเราคะ ออกตัวเหยียบคันเร่งมิดไมล์
จากนั้นประกันมาหาเราคะ และมาถามเราว่าทำไมเราไม่พูดสิ่งที่เล่าให้เขาฟัง เพราะถ้าเราสงสัยว่าเขาเมา จะได้ตรวจแอลกอฮอล์ และด้วยความที่เราเองก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์คะ เราคิดว่าเราเล่าให้ประกันฟังหมดแล้ว และทางประกันจะเล่าให้ตำรวจคะ แต่ทางประกันคู่กรณีเขาแจ้งว่าเขาจะเล่าไม่ได้ เพราะคุ่กรณีเป็นลูกค้า เราเองก็ทำไงได้ละคะ เขาไปแล้ว เราเองก็บาดเจ็บจากการโดนชน เราอยากรีบไปหาหมอเพื่อตรวจรักษาสะโพกขวา
หลังจากที่เราไปโรงบาล และหมอนัดตรวจติดตามอาการ ทาง พรบ.เราก็มา แล้วแจ้งให้เรารักษาให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับไป สน อีกครั้ง เพื่อจ่ายค่าปรับ ช่วงระหว่างนั้นเราเองก็มีความจำเป็นต้องใช้รถ เลยโทรถามพนักงานประกันที่มาเคลม ว่าเราสามารถเช่ารถใช้ระหว่างซ่อม หรือเบิกสินไหมที่ขาดประโยชน์จากการใช้รถได้มั้ย ทางพนักงานบอกเราว่าได้ ให้โทรไปคุยรายละเอียดกับสำนังงานใหญ่มิตรแท้ ประกันภัย เราโทรไปพนักงานที่สำนักงานใหญ่แจ้งว่าไม่ได้ เราเองก็งง แล้วพนักงานเคลมฯบอกว่าได้ แบบนี้เราจะทำไง เขาบอกถ้าคิดว่ารู้ดีหว่าเขาก็ให้ไปถามฝ่ายกฎหมายเอา เราก็โทรมาหาพนักงานเคลมคนเดิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้บอกว่าผมไม่ได้พูด! เราก็งงเลยสิ ก่อนหน้าพูดอีกอย่าง วันหลังพูดอีกอย่าง แบบนี้เราจะทำไงดีคะ? เราคิดว่ารอให้รถซ่อมเสร็จแล้วค่อยไปเรียกค่าขาดประโยชน์ฯภายหลัง อ้างอิงจากกระทู้อื่นๆในพันทิป
มาต่อกันด้วยเรื่องการนำรถไปซ่อมและคุมราคาคะ
หลังจากนั้นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา เรานำรถไปซ่อมที่อู่ฯ และทางอู่ได้ประเมินราคาซ่อมและไปส่งใบเสนอราคาซ่อมและคุมราคา วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 เมื่อวานที่ผ่านมา ผลประกฎว่า ทางบริษัทประกันไม่คุมราคาค่าซ่อมให้เรา เขาต้องการรวมบิลค่าซ่อม และค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถภายในบิลเดียว ซึ่งสำหรับค่าชดเชยการขาดประโยชน์ระหว่างรถเข้าซ่อมเขาเสนอให้เรามา 3000 บาท และเซ็นสัญญาประนีประนอม ซึ่งถ้าเราไม่ยอมเขาก็จะไม่อนุมัติคุมราคาและซ่อมรถ ซึ่งทั้งหมดทางอู่เป็นคนจัดการ เราไม่รู้ว่าทางอู่เรียกค่าชดเชยไปคะ
เพราะเราเข้าใจว่าทางอู่เสนอราคาค่าซ่อมรถ และให้เราไปเรียกเองภายหลังจากที่รถซ่อมเสร็จ แต่ทางประกันต้องการบีบให้เรายอมรับข้อเสนอคะ สุดท้ายเราไม่ยอม เพราะหลังจากที่รถเราโดนชน เราต้องนั่งแทกซี่ ไปทำงาน ไปหาลูกค้า ซึ่งค่าแทกซี่ วันละ 1000 บาทแล้ว เราโดนคนอื่นมาสร้างความเสียหายให้ แล้วทำไมเราต้องมาแบกรับภาระค่าเช่ารถ หรือค่าแทกซี่ ค่าทางด่วนด้วยคะ และตอนนี้รถก็ไม่ได้ซ่อมคะ เราอยากได้รับความเป็นธรรมในเรื่องสิทธิฯที่เราควรจะได้คะ
ดังนั้น เราอยากจะขอความช่วยเหลือหรือคนที่มีประสบการณ์แนะนำเราหน่อยคะ ว่าเราควรทำยังไง?
เราสามารถเรียกร้องให้ประกันรับผิดชอบได้ยังไง?
- ค่าซ่อมรถ (คู่กรณี)
- ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม เช่น ค่าเช่ารถ ค่าแทกซี ทางด่วน และอื่นๆ
- สำหรับค่าขาดประโยชน์ สามารถเรียกร้องได้ตั้งแต่วันที่นำรถเข้าอู่ หรือหลังจากวันที่โดนชน หรือวันที่อู่ประเมินเริ่มทำการซ่อมรถ
- ค่าเสื่อมราคารถ
- ค่ารักษาพยาบาล
- ค่าเสียเวลา
และอื่นๆที่น่าจะเป็นประโยชน์ สำหรับคนอื่นๆ
ขอบคุณคะ