เซฮายยยยทุกคน...กลับมาพบกันอีกครั้งกับรีวิวการเดินป่าครั้งแรกในชีวิตของผู้หญิงคนนึงที่การขึ้นเขา-เดินป่าไม่เคยอยู่ในหัวเลยแม้แต่นิดเดียว5555 #ทีมทะเลมาโดยตลอด เอาหล่ะ เริ่ม!! จุดเริ่มต้นเลยคือ เพจ Palapilii Thailand (เพจรีวิวท่องเที่ยว) เป็นเพจที่ติดตามมานานพอสมควร ได้มีสเตตัสขึ้นมาว่า“อยากได้คนร่วมทริป’ม่อนจอง’ 20 คน ใครสนใจร่วมทริปให้ส่งแนะนำตัวเองพร้อมเหตุผลที่อยากไปมาที่เมล์...” ประมาณนี้ ซึ่งเอาจริงก็ไม่รู้ว่าม่อนจองคืออะไร มันคือสถานที่แบบไหน คิดว่ามันคล้ายๆกับม่อนแจ่มที่รถสามารถขึ้นไปถึงข้างบนนั้นได้เลย 555 ความไม่รู้ -….- ก็จัดแจงส่งเมล์ไป แล้วก็ลืมไปว่าส่ง.. จนวันนึงมีอีเมล์ตอบกลับมาว่า

คือในตอนนั้นคือกรี๊ดลั่น คือมันดีใจนะแบบจะได้ไปเที่ยวกับเพจท่องเที่ยวพร้อมกับคนที่ไม่รู้จักอีก 18 ชีวิต หนึ่งชีวิตที่รู้จักก่อนคือน้องที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน พรหมลิขิตสุดๆ555 แต่ก็ยังไม่รู้ว่าคนอื่นคือใครอะไรยังไงแบบไหน จะเข้ากันได้มั้ย ก็ไม่มีใครตอบให้ได้ ก็มีการตั้งกรุ๊ปไลน์คุยกันจัดแจงนัดแนะรายละเอียดต่างๆ โดยวันที่เราจะไปคือ 19-21 พฤศจิกายน 2559
ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2559 จุดนัดพบของเราคือบิ๊กซีสะพานควาย เวลา 21.00 น. เราเดินทางโดยรถตู้ 2 คัน ระหว่างเดินทางก็ทำความรู้จักกันตามประสาคนเจอกันครั้งแรก ถามชื่อ บลาๆ จุดหมายปลายทางของเราคือจังหวัดเชียงใหม่
-สถานที่แรกของทริปนี้คือ อุทยานแห่งชาติออบหลวง คือจะเป็นช่องแคบเขาขาดที่มีหน้าผาหิน ขนาบลำน้ำ มีสะพานเชื่อมช่องเขาขาด ไว้เพื่อชมทัศนียภาพของออบหลวง คือมันสูงนะ ขึ้นไปยืนถ่ายรูปแค่2-3นาที ก็ลงแล้ว สู้ไม่ไหว55555 ละก็ยังมีเส้นทางศึกษาประวัติศาสตร์โบราณคดีอีกด้วย ปล.ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน ถ่ายรูป รับอากาศเย็นๆแล้วก็เดินทางกันต่อ55555

มีภาพมาให้ชมอีกนิดหน่อยยย

-สถานที่ที่สองคือ สวนสนบ่อแก้ว ... คิดว่าทุกคนน่าจะเคยได้ยินมั้งนะ อารมณ์ของสถานที่นี้จะประมาณเกาะนามิ เห็นเค้าว่ากัน นี่ก็ไม่เคยไปหรอก -0- คือบรรยากาศ สภาพแวดล้อมคือดีมากก อากาศดีมาก ดูจากภาพได้ จะเห็นว่ามันก็เป็นต้นสนเยอะๆ เรียงๆกันเต็มไปหมด จุดเด่นของที่นี่ก็คือต้นสนนี่หล่ะเนอะ555

เอาหล่ะ แล้วเราก็ถึงอำเภอ อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่แล้วเจ้า ก่อนอื่นคือต้องซื้อเสบียงเพื่อนำขึ้นไปทำอาหารข้างบน ต้องบอกก่อนเลยว่า บนดอยไม่มีอะไรเลยแม้กระทั่งไฟฟ้า... ก็ต้องเตรียมไปทุกอย่าง น้ำ อาหาร เต็นท์ ถุงนอน เดี๋ยวจะมาสรุปคร่าวๆให้อ่านข้างล่างกันนเน้อ ละก็มีสมาชิกมาเพิ่มจากจำนวน 20 คน รวมเป็น 22 คน  และจากภาพแรกคือ เมนูนี้คือหมูหินอ่อนนะครับ55555 โดยเชฟแม็กซ์

แล้วเราก็เดินทางต่อไปยัง ชุมชนบ้านมูเซอปากทาง คือที่ทำการจัดแจงเรื่องลูกหาบ เช่าเต็นท์ ถุงนอน เตรียมตัวก่อนเดินทางต่อไปยังตีนเขา เสร็จจากจัดแจงก็เตรียมขึ้นรถโฟวิล ใช้ระยะเวลา 1ชม 30 นาทีโดยประมาณ นี่แค่ตีนเขานะ ยังไม่เริ่มสตาร์ทเดิน ฮือออ5555 คือระหว่างนั่งรถนั้นหัวโยกหยั่งกะเต้นอยู่ในผับ เส้นทางมันช่างทรหดเหลือเกินนน ถอดใจตอนนี้ทันมั้ยยยเนี่ย

ภาพนี้ขออนุญาติยืมจากเน็ตนะค้าาา

หลังจากที่หัวโยกกันมาจนถึงจุดหมายแรกของเราแล้วนั้นน ก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปรวม(รองเท้า) เอาไว้เป็นที่ระลึกก่อนเดินขึ้นเขา สังเกตได้ว่ามีทั้งรองเท้าเดินป่า รองเท้าช้างดาว รวมถึง รองเท้าคอนเวิสแจ็ค ซึ่งงไม่แนะนำเลย เพราะมันไม่มีดอกยาง มันลื่นมาก5555

ต้องอธิบายถึงม่อนจองก่อนนะว่า อยู่อ.อมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเขาที่ติด1ใน10อันดับของเขาที่สูงที่สุดในในประเทศไทย ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ระยะทาง 16 กิโลเมตร และขึ้นสู่ยอดดอยระยะทาง 4 กม ใช้เวลา เดินเท้าประมาณ 3-4 ชั่วโมงโดยประมาณ ไฮไลท์ของที่นี่คือ..เดี๋ยวดูภาพไปพร้อมๆกันนน ฮ่าาาๆ เมื่อพร้อมแล้วก็เดินกันเถอะะะะพวกเราาา ระหว่างทางก็จะมีจุดให้ชมวิวเยอะแยะมากมาย ถ่ายรูปกันบันเทิงงเลย แต่จะต้องบอกนิดนึงว่าก่อนเดินควรซื้อข้าวห่อเพื่อกินระหว่างทางด้วยเด้ออ


ต่อกันด้วยภาพนี้...ดอยหมาหอบ ดอยวัดใจ มันหอบและวัดใจยังไงดูจากความชันได้ คิดในใจ เดินก็ไกล เหนื่อยก็เหนื่อย มันจะสวยซักแค่ไหนกันเชียว เอาหว่ะ ไหนๆก็มาแล้ว เดินต่อไป ลุยย !! แต่มันหอบสมชื่อจริงๆนะ 555555


หลังจากที่เราฝ่าฟันดอยหมาหอบตรงนั้นมาได้แล้ว..ก็เป็นช่วงพระอาทิตย์กำลังใกล้จะตกดิน แสงมันกำลังสวยมากๆ แก๊งค์เราก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูป อ้อ! ลืมบอกไปว่า พวกเรามีตีมในการถ่ายรูปหมู่ในครั้งนี้คือ "เดรสและสูทสีดำ" มาค่ะ จัดแจงเปลี่ยนและมาหามุมถ่ายรูปกันเตอะะ


แล้วเราก็มาดูความม่อนจองกันดีกว่าว่าไฮไลท์ของมันนั้นคืออะไร...
สีทองแบบนี้ไงงงงง ซึ่งมันจะเป็นช่วงเดือนของมันที่ ทุ่งหญ้าจะเป็นสีทอง และ มีช่วงเดือนที่ทุ่งหญ้าจะเป็นสีเขียว


และภาพต่อไปนี้คือเป็นช่วงเวลาที่ประทับใจมากที่สุดช่วงนึงคือ"พระอาทิตย์ตกดิน" เพราะด้วยความที่ไม่เคยเดินป่า ไม่เคยนอนบนดอยเลยไม่รู้ว่าการดูพระอาทิตย์ตกบนดอยนั้นเป็นอะไรที่โรแมนติกมากๆเลยจริงๆ มากับแฟนนี่ฟินโคตรรรร ฮรือออ55555


หลังจากที่แสงอาทิตย์ตกดินไปแล้ววว ก็ยังมีความสวยงามของเส้นขอบฟ้าไว้ให้พวกเราได้ถ่ายรูป ก็ไม่พลาดอีกเช่นกันนน แสงจากท้องฟ้าแบบนี้ถ้าทุกคนที่อ่านกระทู้นี้เคยดูภาพยนตร์เรื่อง your name ฉากที่นางเอกเขียนมือพระเอกได้ ซึ่งเราก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปแนวนั้นมาด้วย มันเป็นอะไรที่พิเศษและประทับใจไม่รู้ลืมเลยจริงๆ


เสร็จสรรพจากการถ่ายรูป สิ่งที่เรายังต้องไปทำต่อคือ กางเต๊นท์ ทำกับข้าววววว เฮ้นโหล้วว =__= ซึ่งที่กางเต๊นท์ของเรานั้นจะต้องเดินลงไปยังด้านล่าง ไม่สามารถกางบนดอยที่เราถ่ายรูปกันเมื่อกี้ได้ สำหรับเมนูมื้อค่ำสำหรับวันนี้คือ ไข่เจียว หมูหินอ่อน ปลากระป๋อง น้ำพริก ต้มยำ และอีกหลายๆอย่างที่ทุกๆคนเอามาแชร์กัน ปล.บอกแล้วว่าไม่มีอะไรเลย กินข้าวใต้แสงนีออน โรแมนนมั้ยละะ แฮ่ๆ

หลังจากที่เรากินกันอิ่มหนำเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น...ต่อไปคือการละลายพฤติกรรมของทุกๆคนที่มาร่วมทริปกัน เพราะเชื่อว่ายังไม่ได้รู้จักกันครบทุกคนอย่างแน่นอน เราก็ล้อมวงกันเพื่อเล่นเกมส์ เกมส์สำหรับสร้างความสัมพันธ์ของคนหลายๆคนมารวมกัน สำหรับเกมส์แรกคือเกมส์ปลาโลมา คาดว่าทุกคนเคยเล่นกันเนาะ เกมส์ที่สองก็ต่อคำจังหวัดบ้าง โดเรม่อนบ้าง เล่นไพ่บ้าง ซึ่งกลุ่มเราคนเยอะก็เสียงดังกันเป็นธรรมดา5555 โดนสั่งห้ามไม่ให้เสียงดังเลยขึ้นไปคุยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันบนดอยที่เราถ่ายรูปกันเมื่อตอนเย็นแทนน สำหรับคนในภาพคือ"พี่ไม" คือเจ้าของเพจ คนที่ทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นได้ เคยคิดว่าการเข้าถึงบุคคลที่มีคนติดตามอยู่ 3 แสนคนจะต้องหยิ่ง เข้าถึงยากแน่ๆ แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย55555

ก็เล่นเกมส์กันไปได้สักพักนึง อึกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือการดูดาว และ ดูทางช้างเผือก ก็ไม่เข้าใจอีกแหละว่า แค่ดูในที่มืดๆก็เห็นดาวเหมือนกัน จะมาลำบากทำไม ละอีกอย่างก็ไม่รู้ว่าทางช้างเผือกคืออะไร ซื่อบื้อสุดๆ55555 แต่การมาม่อนจองในครั้งนี้ทำให้รู้ว่า การดูดาวบนดอยนั้นสามารถมองดาวได้ 180 องศา เห็นดาวตกเป็นว่าเล่น ทุกคนนอนหันหัวชนกัน ต่างคนต่าง เห้ย! ดาวตก คนนั้นเห้ย คนนี้เห้ย ซึ่งมันเยอะมากจริงๆ เพราะมันมืดๆมากๆ เห็นดาวชัดมากๆ เยอะจนมองเห็นทางช้างเผือกก ท้าด้าาาาา พี่ช้างเราก็มานะเหว๋ยยยยย เรามาดูกันว่าดาวมันเยอะขนาดไหน

อรุณสวัสดิ์ตอนเช้าาเด้ออออออ ไม่เคยเห็นทะเลหมอก ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ขึ้นบนดอย 5555 ตื่นเต้นสุดๆ ตรงที่เราถ่ายรูปกันนั้นลมพัดเย็นมากๆ เห็นเป็นหมอกพัดผ่านไป พัดมาครั้งนึงหนาวไปถึงขั้ว 5555 จะอธิบายถึงความหนาวของการนอนบนดอยครั้งนี้คือถามลูกหาบ ลูกหาบบอกว่าเลขตัวเดียวซึ่งก็ไม่แน่ใจว่ากี่องศา แต่ก็ยังได้เห็นน้ำค้างที่กลายเป็นน้ำแข็งเกล็ดๆอยู่บ้าง แต่สำหรับนี่ นี่มองว่ามันหนาวมากก คือหนาวจนนนอนไม่หลับ นอนตี 3 ตื่นตี 5 -0- เอาแรงมาจากหนายยย ฮ่าๆ แต่ก็คุ้มนะ ตอนแรกกะว่าจะไม่ขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นละ แต่คิดอีกที มาแล้วก็ไปเถอะเดี๋ยวเสียเที่ยว
ปล.จขกท ไม่ได้ไปผาหัวสิงห์นะ แฮร่ -////-

มันดีต่อใจจริงๆนะ

หลังจากที่เราขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันแล้วนั้นก็ได้เวลาเก็บของเพื่อเดินทางกลับไปยังหมู่บ้าน แต่เราก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปหมู่เก็บไว้เพื่อบันทึกความทรงจำที่ได้มาร่วมทริปด้วยกันในครั้งนี้ ถ้าไม่มีทุกคนก็คงไม่เกิดทริปนี้ขึ้นได้ ขอบคุณที่ทำให้เราได้มาพบกัน ขอบคุณเพจ Palapilii Thailand ที่ทำให้มีทริปดีๆแบบนี้เกิดขึ้น ทำให้เราทุกคนได้มาเจอกัน เป็นทริปแรกในชีวิตและเป็นทริปที่ประทับใจที่สุดด้วยเช่นกัน เหมือนเป็นการรวมคนที่มีไลฟ์สไตล์คล้ายๆกันมาเจอกันก็เหมือนเคมีมันตรงกันก็ไปกันต่อได้   ขอบคุณม่อนจอง

เครดิตรูปภาพจาก : สมาชิกทริปม่อนจอง w/Palapilii Thailand

ปล..เดี๋ยวมาต่อเรื่องค่าใช้จ่าย และความรู้สึกหลังจากได้พิชิตเขาลูกแรกในชีวิต แฮ่ะๆ