มาทำความรู้จักกับเครื่องบินโจมตีไอพ่นแบบ ALPHAJET กันครับ

ALPHAJET


                24 กันยายน  2543  ประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของกองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี  ต้องถูกเปิดออกมาเพื่อบันทึกลงไปอีกครั้ง  ว่าวันนี้  เป็นวันที่ เครื่องบินโจมตีไอพ่นแบบ อัลฟ่าเจ็ต ( ALPHAJET)   เครื่องบินโจมตีแบบที่ 7  (บ.จ.7)  ซึ่งเป็นเครื่องบินแบบล่าสุดของกองทัพอากาศไทย  ได้เดินทางมาถึงสนามบินอุดร "ทุ่งราชสีห์"  บ้านหลังใหม่ของนักล่า  เจ้าป่าจากลุฟวัฟฟี่ กองทัพอากาศเยอรมัน  เครื่องบินทั้ง 4 เครื่องเป็นเครื่องบินชุดแรกใน 25 เครื่อง  ที่เดินทางมาถึง กองบิน 23 เพื่อบรรจุเข้าประจำการใน  ฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 231  โดยมี น.ท.พงษ์สวัสดิ์  จันทรสาร เป็นผู้บังคับฝูงบิน อัลฟ่าเจ็ต คนแรก  หลังจากที่ฝูงบินแห่งนี้  ไม่มีการบรรจุเครื่องบินประจำการมานานถึง 2 ปี  นั่นคือสาเหตุของความตื่นตาตื่นใจสำหรับชาวบ้านทั่วไปที่นานแล้วไม่ได้ยินเสียงเครื่องบินรบไอพ่นหลายๆเครื่องพร้อมกันเหนือกองบิน 23   การกลับมาของการบรรจุเครื่องบินชั้นแนวหน้าของกองทัพอากาศไทยอีกครั้งในหนนี้  นอกจากในวันที่  24 กันยายน 2553  จะเป็นวันครบ 10 ของเครื่องบินโจมตีแบบอัลฟ่าเจ็ต  หรือที่ทหารอากาศไทยหลายคนชอบเรียกชื่อเล่นๆ ว่า A-JET แล้ว ในวันดังกล่าวนี้ กองบิน 23 ยังกำหนดให้เป็นวันสถาปนาฝูงบิน 231

กำเนิดอัลฟ่าเจ็ต ๐๑
                โครงการอัลฟ่าเจ็ตจริงๆแล้วเริ่มมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๐  เมื่อกองทัพอากาศเยอรมันมีความต้องการเครื่องบินสนับสนุนหน่วยทหารภาคพื้นดินอย่างใกล้ชิด แต่ขณะนั้นอิตาลี่ได้ออกแบบและผลิตเครื่องบินเจ็ตสนับสนุนแบบ G-91 ขึ้นมาเพื่อใช้งานในกองทัพอากาศนาโต้  เยอรมันและชาตินาโต้จึงหันไปจัดหาเครื่องบินโจมตีของอิตาลีมาใช้งาน

                ในปี ๒๕๑๑  บริษัทดอร์เนีย ได้นำเอาแผนแบบเครื่องบินเจ็ตสนับสนุนกำลังภาคพื้นดินที่ออกแบบขึ้นมาก่อนหน้านี้ ซึ่งกำหนดชื่อว่า Do P 375  เครื่องบินเจ็ตแบบนี้ได้รับการออกแบบมาให้เป็นเครื่องบินสองที่นั่งเรียงกันที่นั่งหลังออกแบบมาให้สูงกว่าที่นั่งหน้า  มีล้อรับหัวที่อยู่ต่ำเพื่อให้นักบินมองทัศนวิสัยด้านหน้าได้อย่างชัดเจน  การออกแบบของเครื่องบินแบบนี้ทีมวิศวกรผู้ออกแบบได้เน้นให้ความประหยัดในค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและสามารถใช้เป็นเครื่องบินฝึกนักบินพร้อมรบและเครื่องบินสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดได้เป็นอย่างดี  ซึ่งจะทำให้กองทัพอากาศเยอรมันลดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการได้มาก  กองทัพอากาศเยอรมันมีความต้องการเครื่องบินแบบนี้มาปฏิบัติการทดแทนเครื่องบินสนับสนุนภาคพื้นดินแบบ G-91 ตั้งแต่ปลายปี ๒๕๑๓ เป็นต้นไป

                การแผนแบบใหม่ของเครื่องบินสนับสนุนทางอากาศที่มีความเร็วต่ำกว่าเสียง โดยแก้ไขจากแบบเดิมที่มีอยู่แล้วไม่มากนักเพื่อความประหยัด  ในขณะที่บริษัทดอร์เนีย กำลังดำเนินการพัฒนาแผนแบบเครื่องบินเครื่องนี้อยู่นั้น  บริษัทเบร์เกท์ ของฝรั่งเศสเองก็กำลังดำเนินการออกแบบเครื่องบินเจ็ตฝึกขนาดเบาโดยกำหนดชื่อโครงการว่า บีอาร์ ๑๒๖ เพื่อทดแทนเครื่องบินเจ็ตแบบมาจิสเตอร์ ให้ทันปลายปี ๒๕๑๓  และแผนแบบของทั้งเยอรมันและฝรั่งเศสที่บังเอิญมีส่วนที่คล้ายคลึงกันมาก  ทั้งสองชาติโดยบริษัทดอร์เนีย ของเยอรมัน และเบร์เกท์ ของฝรั่งเศส (ซึ่งต่อมาได้เบร์เกท์รวมกิจการกับดัสโซลท์เป็นบริษัทดัทโซลท์-เบร์เกท์)  จึงร่วมลงมือดำเนินการ เพื่อระดมความคิดและเป็นการสนับสนุนกิจการด้านอุตสาหกรรมการบินของทั้งสองประเทศ  ซึ่งรัฐบาลเยอรมัน และฝรั่งเศส ได้ลงนามความร่วมมือกันในการออกแบบและพัฒนาเครื่องบินสนับสนุนนี้ตั้งแต่มกราคม ๒๕๑๒

                โมเดลเครื่องบินสนับสนุนได้รับการออกแบบสร้างขึ้นมาเพื่อทำการทดลองในอุโมงค์ลมหลายสิบแห่งกว่า ๔,๐๐๐ ชั่วโมงเพื่อแก้ไขปรับปรุงแบบ  ก่อนมาสร้างเป็นเครื่องบินจริง  ต้นแบบได้รับการกำหนดชื่อว่า “ อัลฟ่าเจ็ต ๐๑ “ โดยหมายเลข ๐๑ นั้นมาจากตัวเลขแบบเครื่องบินเยอรมันDo P 375 และหมายเลขแบบของเครื่องบินฝรั่งเศส BR 126 ซึ่งตัวเลขทั้งสองรวมกันเป็น 501 จึงนำเอาเลข  01 มาเป็นเลขของอัลฟ่าเจ็ต   แบบของเครื่องบินที่เกิดจากความร่วมมือของทั้งสองบริษัทถูกส่งเข้าร่วมการแข่งขันในการประกวดเครื่องบินสนับสนุนซึ่งมีผู้ออกแบบเข้าร่วมการแข่งขันถึง ๓ แบบ  
ผลการแข่งขันประกาศออกมาเมื่อวันที่ ๒๓  กรกฎาคม ๒๕๑๓ ให้เครื่องบินแบบ “อัลฟ่าเจ็ต” เป็นผู้ชนะการประกวด

                การผลิตเครื่องบินอัลฟ่าเจ็ตนั้น  มีข้อตกลงของคณะกรรมการร่วมของทั้งสองชาติกำหนดให้  บริษัทดัสโซลท์-เบร์เกท์ เป็นผู้ผลิตคู่สัญญากับรัฐบาลและมีบริษัทดอร์เนีย เป็นบริษัทผู้ผลิตร่วม โดยทั้งสองประเทศตกลงออกค่าใช้จ่ายร่วมกันคนละครึ่งในส่วนของค่าใช้จ่ายมูลฐานเริ่มต้นตามกำหนดในสัญญาเครื่องยนต์ของ อัลฟ่าเจ็ต ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท เจเนอรัล อิเล็คทริค ทำการผลิตเครื่องยนต์สำหรับติดตั้งกับอัลฟ่าเจ็ต เป็นเครื่องยนต์
เทอร์โบเจ็บแบบ เทอร์โบเมคาลาร์ซาค เจ ๘๕-ยีอี ๔ การดำเนินการสร้างอัลฟ่าเจ็ตเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๔ และเพื่อเป็นการปฏิบัติการให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดการซ้ำซ้อนในการทำงาน  

                จึงมีการแบ่งหน้าที่การผลิตของเครื่องบินโดยโครงสร้าง ๕๑ % บริษัทดัสโซลท์-เบร์เกท์ ดำเนินการสร้างลำตัวท่อนหน้า  ลำตัวท่อนกลาง และการประกอบลำตัว  ส่วนบริษัท ดอร์เนีย ทำการสร้างลำตัวท่อนท้าย  ปีก และชุดพวงหาง  การประกอบเครื่องต้นแบบขั้นสุดท้ายกระทำทั้งในเยอรมันและฝรั่งเศส จนกระทั่งเครื่องต้นแบบพร้อมทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๑๔

รูปแบบของอัลฟ่าเจ็ต
                นับตั้งแต่เครื่องต้นแบบ อัลฟ่าเจ็ต ๐๑ ทำการบินครั้งแรก  เครื่องต้นแบบ ๔ เครื่องแรก ถูกส่งไปทำการทดสอบที่อิสเตรส์  ทางภาคใต้ของฝรั่งเศส  และที่โอเบิร์ปฟาฟเพ็นโฮเพ็น  ใกล้มิวนิค ในเยอรมัน โดยใช้นักบินทดสอบของทั้งสองประเทศร่วมกันทำงาน  โดยทั่วไปแล้วแบบทั้งสองชาตินั้นเหมือนๆ กันต่างกันในรายละเอียดที่ภายหลังจากการทดสอบและเปิดสายการผลิตแล้วทั้งสองชาติไปแก้ไขดัดแปลงเอง

                การออกแบบอัลฟ่าเจ็ต ๐๑ ได้รับการออกแบบให้ปีกมีมุมยกแบบกดลงหรือมุมยกเป็นลบ ๖ องศา   ปีกเป็นโครงสร้างที่เป็นโลหะล้วน  โดยปีกของรุ่นที่จะใช้ในเยอรมันนั้นมีตำบลติดอาวุธข้างละ ๓ ตำแหน่งรวม ๖ ตำแหน่ง เพราะเน้นเพื่อเป็นเครื่องบินโจมตีสนับสนุนภาคพื้นดิน  ส่วนรุ่นของฝรั่งเศสนั้นออกแบบมาให้เป็นแบบมาตรฐานทั่วไปมีตำบลติดอาวุธเพียงข้างละ ๒ ตำแหน่ง และมีตะขอสำหรับหยุดเครื่องบินเมื่อลงในสนามสั้น เพราะฝรั่งเศสเน้นภารกิจหลักเป็นเครื่องบินฝึก   ที่โคนปีกของอัลฟ่าเจ็ตประกอบด้วยแฟลพแบบสล็อตสองชั้น  และปีกเล็กแก้เอียงซึ่งติดตั้งอยู่ชายปีกหลังติดตั้งสปอยเลอร์ที่ผิวปีกด้านบนและด้านหน้าของแฟลพช่วงนอกความยาวชายปีก ทำให้เกิดรูปฟันขึ้นที่ชายหน้าปีก

                ลำตัวมีโครงสร้างแบบกึ่งโมโนค็อก  โดยมีภาคตัดขวางเป็นรูปไข่ ส่วนแพนหางระดับสร้างด้วยโลหะล้วน  ทำมุมลู่หลังทั้งชายหน้าและชายหลังปีก มีแฟริงหลังลำตัวตลอดตั้งแต่ด้านหลังที่นั่งนักบินหลังไปจนถึงชายหน้าของแพนหางดิ่ง  พวงหางทั้งชุดติดตั้งอยู่ที่ลำตัวท่อนท้ายมีแผ่นทริมติดตั้งอยู่ที่แพงหางขึ้นลงและหางเสือเลี้ยวฐานล้อเป็นแบบจักรยานสามล้อ  คือมีล้อแบบรับหัว  โดยที่ฐานล้อทั้งหมดสามารถเบเข้าไปในลำตัวได้ โดยเป็นล้อเดี่ยวเครื่องยนต์ของอัลฟ่าเจ็ต ๐๑ เป็นเครื่องยนต์เทอร์โบแฟนสเนคมาเทอร์โบเมคาลาร์ซาค ๐๔ ให้กำลังเครื่องละ ๒,๙๗๐ แรงม้า จำนวน ๒ เครื่อง ระบบการเติมเชื้อเพลิงของเป็นแบบชนิดใช้ความกดดัน  จึงทำให้มันสามารถเติมเชื้อเพลิงแล้ววิ่งขึ้นทำการบินใหม่ได้ภายในเวลาไม่เกิน ๑๕ นาที

                ในห้องนักบินนั้นได้รับการออกแบบให้เป็นแบบสองที่นั่งเรียงตามกัน  ใช้เก้าอี้ดีดตัวที่สามารถทำการดีดตัวได้ในระดับต่ำ  ที่นั่งหลังซึ่งเป็นที่นั่งของครูการบินจะติดตั้งไว้สูงกว่าที่นั่งศิษย์การบินด้านหน้า  โดยมีกระจกครอบห้องนักบินแบบแยกสองชิ้นคือเป็นชุดใครชุดมันระบบไฮดรอริกและระบบไฟฟ้าซึ่งอำนวยการทำงานของระบบเครื่องยนต์ทั้งซ้ายและขวา  แยกออกจากกันเพื่อความปลอดภัยหากเครื่องยนต์ข้างใดข้างหนึ่งเกิดดับขึ้นมา ระบบอาวุธประจำตัวสามารถติดจรวด และระเบิดต่างๆได้มากกว่า ๕,๐๐๐ ปอนด์ โดยมีปืนใหญ่อากาศขนาด ๓๐ มม. ติดตั้งในกระเปาะใต้ลำตัว อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ต่างๆของเครื่องบินอัลฟ่าเจ็ตได้รับการออกแบบมาให้มีความเหมาะสมในแต่ละประเทศ  โดยเฉพาะอุปกรณ์ควบคุมระบบอาวุธต่างๆ และจอภาพ HUD ที่ใช้ในการมองและเล็งเป้าเพื่อยิงอาวุธชนิดต่างๆ

สายการผลิตอัลฟ่าเจ็ต
                อัลฟ่าเจ็ต ได้รับการกำหนดชื่อรุ่นใหม่เพื่อความชัดเจนมากขึ้น โดยอัลฟ่าเจ็ต ของเยอรมันนั้นเรียกชื่อว่า “ALPHAJET A” ได้รับการสร้างทั้งสิ้น ๑๗๕ เครื่องโดยเริ่มบรรจุเข้าประจำการในกองทัพอากาศเยอรมันตะวันตกตั้งแต่ปี ๒๕๒๒ และเริ่มทะยอยปลดประจำการในช่วงสิ้นสุดสงครามเย็นในราวปี ๒๕๓๗ เนื่องจากการรวมประเทศเยอรมันและเยอรมันมีเครื่องบินรบมากเกินความจำเป็น  ภารกิจของเครื่องบินสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิดอย่างอัลฟ่าเจ็ตถูกลดภารกิจลงและไม่มีการทดแทนภารกิจนี้ด้วยเครื่องบินแบบอื่นๆแต่อย่างไร  และนับตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ เป็นต้นมาเยอรมันก็ได้ทยอยขายเครื่องบินที่เหลือทั้งหมดให้กับพันธมิตรที่ยังคงมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องบินแบบนี้อยู่  อาทิ ไทย  อังกฤษ  เป็นต้น

                ในส่วนของฝรั่งเศสนั้น ได้รับการกำหนดชื่อเป็น “ALPHAJET E” ได้รับการสั่งสร้างรวม ๑๔๔ เครื่อง โดยเริ่มบรรจุเข้าประจำการในกองทัพอากาศฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ แม้เครื่องบินอัลฟ่าเจ็ต ของฝรั่งเศส จะได้รับการออกแบบมาให้เป็นเพียงเครื่องบินฝึกขั้นสูง แต่หลังปี ๒๕๓๐ นโยบายการขายอาวุธของบริษัท ดัสโซท์-เบร์เกท์ ต่อประเทศที่ร่ำรวยโดยเฉพาะในตะวันออกกลาง  ทำให้ฝรั่งเศสทำการดัดแปลงเครื่องบินของตนให้สามารถเลือกติดอาวุธปล่อยนำวิถีต่างๆได้นอกเหนือจากอาวุธนำวิถีอากาศสู่อากาศในการป้องกันตนเอง    อาทิ จรวดเอ็กโซเซต์ ในการต่อต้านเรือผิวน้ำ ได้ถึงสองลูกเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการสนับสนุนกองเรืออีกแบบหนึ่ง

                ในช่วงแรกของการเปิดสายการผลิตนั้น  อัลฟ่าเจ็ตได้รับความสนใจและสั่งสร้างจาก กองทัพอากาศเบลเยี่ยม   โมร็อคโค  ไอวอรี่โคสต์  ไนจีเรีย  และโตโก รวม ๘๖ เครื่อง ปัจจุบัน ALPHAJET ได้รับการจัดหาจากประเทศต่างๆ เพิ่มเติมอีก เช่น  ไทย   อังกฤษ  ฯลฯ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่