เคล็ดลับการครองรักให้ยืนนานโดย ดร.Mark E. Sharp นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญในเรื่องปัญหาความสัมพันธ์ เขาพูดถึงความรักว่า "ความรัก ก่อตัวจากความรู้สึกเล็กๆ ที่สัมพันธ์กับการถูกตาต้องใจรวมทั้งความพึงพอใจทางเพศที่มีต่อกัน ความรู้สึกในระยะนี้จะคงอยู่ไดไม่นาน จะค่อยๆจางลงไปตามกาลเวลา แต่หากทั้งคู่ช่วยกันดูแลให้ดี มีการปรับตัวและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สิ่งดีๆที่จะเข้ามาแทนก็คือ "ความรู้สึกผูกพันและห่วงหาอาทร" ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ยั่งยืนและเป็นพัฒนาการอีกขั้นในความสัมพันธ์ของคู่รัก
ต่อไปนี้คือ 12 คาถากันน้ำตาไหล..ครองรักอย่างไรให้ยืนนาน
คาถาที่ 1 "มีช่วงเวลาสนุกด้วยกัน"
>>จะเป็นกิจกรรมใดๆก็ได้ [ที่ไม่ใช่การนั่งก้มหน้ามองจอข้างๆกัน] ไม่ว่าจะเป็นงานสวน ดำน้ำ เรียนทำอาหาร ปั่นจักรยาน ฯลฯ
"คู่รักทุกคู่ควรมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันแล้วเกิดความสุข"
คาถาที่ 2 "รู้จักฟัง"
>>บางครั้งแค่ฟังไปเรื่อยๆยังดีซะกว่าการที่คอยขัดจังหวะการพูด เพราะการเสนอไอเดีย/ทางแก้ในช่วงเวลาที่อีกฝ่ายไม่ได้ต้องการถือว่าเป็นการบ่อนทำลายความสัมพันธ์อย่างหนึ่ง
"การรับฟัง คือ หนึ่งในสิ่งทีมีค่าที่สุดของชีวิตคู่"
คาถาที่ 3 "สื่อสารความรู้สึก"
>>เมื่อเกิดการโต้เถียงหรือขัดแย้ง ณ จุดนั้น บางทีข้อเท็จจริงก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญมากนัก แต่การสื่อสารออกไปว่าเหตุการณ์นี้ "เรารู้สึกกับมันอย่างไร" ต่างหากที่จะช่วยให้เราสามารถทำความเข้าใจกันได้ เช่น
"ตอนนี้ฉันรู้สึกน้อยใจที่คุณไม่มีเวลาให้"
"ตอนนี้ผมรุ้สึกโกรธที่คุณไม่ปรึกษาก่อน"
"เสียใจ ผิดหวัง หึงหวง เป็นห่วง" เราสามารถพูดคำศัพท์เหล่านี้เพื่อสื่อว่าเรากำลังรู้สึกมันอยู่ได้เสมอ
คาถาที่ 4"พูดให้ตรงกับใจ"
>>การสื่อสารออกไปตรงๆและชัดเจนว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร เป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพที่สุด ไม่มีใครชอบเล่นเกมส์เดาใจ ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านบวกและด้านลบ (แต่จะต้องเลือกเวลาที่จะนำเสนอให้เหมาะสมถูกกับกาละเทศะ)
คาถาที่ 5 "ส่งเสริมชีวิตของกันและกัน"
>>เปิดโอกาสให้คู่ของเราได้เติบโตในแบบของเขา หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี สร้างสรรค์ และไม่ทำร้ายใคร เราสามารถจดรายการข้อดี/พฤติกรมในด้านบวกของคู่เราไว้ ในกรณีที่จิตใจของเขาบอบช้ำหรือมีอุปสรรคในชีวิต ให้นำมันออกมาอ่านเพื่อให้กำลังใจและเตือนสติกับเขาอย่างสม่ำเสมอ
คาถาที่ 6 "ทำดีต่อกันทุกวัน"
>>การแสดงความรักและห่วงใย ให้เวลาหรือใส่ใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆอย่างสม่ำเสมอ เรืองเล็กๆน้อยๆแต่หากเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็สามารถกลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ได้
เมื่ออีกฝ่ายทำสิ่งที่เราประทับใจ ขอให้แสดงความรู้สึกพอใจ ชมเชย หรือพูดว่าชอบทุกครั้ง แล้วสิ่งนั้นจะถูกเรียนรู้ว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ
คาถาที่ 7 "มีฝันร่วมกัน"
>>การที่คนสองคนมีความฝันร่วมกัน และทำอะไรไปด้วยกันเพื่อให้ฝันนั้นเป็นจริง เป็นสิ่งที่สามารถสร้างความแข็งแกร่งให้ความสัมพันธ์ได้ และคู่รักควรมีเวลานั่งคุยกันถึงเป้าหมายร่วมกันในชีวิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
คาถาที่ 8 "มีเวลาให้แก่กัน"
>>"การมีเวลาให้แก่กัน" ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นการออกไปเที่ยวนอกบ้าน หรือทริปแบบยาวๆเสมอไป แค่กลับบ้านเร็วกว่าเดิม เข้านอนเร็วกว่าปกตินิดหน่อย ดับไฟ หันหน้า สบตาถามไถ่กัน แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว
คาถาที่ 9 "มีช่องว่างให้กันและกัน"
>>คนสองคนอาจจะมีสิ่งที่ไม่ได้ชอบตรงกันไปเสียทั้งหมด นั่นเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกๆคู่เสมอ มันจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้หากเราจะมีสิ่งที่ชอบหรือมีกลุ่มเพื่อนของเราเอง แต่เราเองจะต้องจัดสรรเวลาและความสำคัญก่อนหลังให้ดี
คาถาที่ 10 "ชื่นชมในความเหมือน"
>>เมื่อคนเราเติบโตขึ้น ความคิดเห็น ความสนใจ และประสบการณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปได้ แต่ถ้าคนสองคนต่างก็มีความเชื่อหลักในสิ่งเดียวกันแล้ว การสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนจะเป็นไปได้มากกว่า
"หากเรามีสิ่งที่เหมือนกันแล้ว ก็ต้องคงสภาพความสิ่งนั้นนั้นหรือพัฒนามันให้ดีขึ้นเรื่อยๆ"
คาถาที่ 11 "เคารพในความต่าง"
>>ไม่มีคู่รักคู่ไหนที่จะมีอะไรเหมือนกันไปเสียทั้งหมด คู่ที่ไปด้วยกันได้ดีที่สุดไม่ใช่คู่ที่ชอบอะไรเหมือนกันทุกอย่าง แต่เป็นคู่ที่พยายามเรียนรู้และอยู่กับความต่างโดยไม่ไปเปลี่ยนแปลงอะไรกับมันมากนัก (หากไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรง)
คาถาที่ 12 "จัดการความขัดแย้งให้ดี"
>>ความขัดแย้งเป็นเรื่องที่คู่รักทุกคู่ต้องมีเป็นธรรมดา ประเด็นจึงอยู่ที่เราจะจัดการมันอย่างไร เพราะหลายครั้งที่การประนีประนอมไม่ช่วยให้ปัญหาคลี่คลาย กุญแจที่สำคัญจึงอยู่ที่การจัดการความขัดแย้งให้ดี ให้การขัดแย้งนั้นเป็นไปอย่างยุติธรรม เช่น "การรับฟัง" "การพูดจาให้ชัดเจนไม่คลุมเครือ" การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ลองมองในอีกมุมของเขา เป็นต้น
"ไม่จำเป็นที่คนสองคนจะต้องเห็นตรงกันไปตลอด แต่จำเป็นที่จะต้องพัฒนาความเข้าใจระหว่างกันอยู่เสมอ"
คาถาพิเศษ"รู้ว่าเมื่อไหร่ต้องพบผู้เชี่ยวชาญ"
>>คู่รักหลายคู่เมื่อเจอกับปัญหาของความสัมพันธ์ก็เสียเวลาไปกับการผัดผ่อนและเพิกเฉยต่อปัญหา จนปัญหานั้นมันยากเกินจะเยี่ยวยาจึงเริ่มพยายามแก้ไข บางคู่มองว่าการมาพบจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาหรือครอบครัวบำบัดเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่า "ชีวิตคู่ล้มเหลว"
แต่สิ่งที่ทุกคนต้องรู้ก็คือ กระบวนการทำครอบครัวบำบัด หรือการให้คำปรึกษาชีวิตคู่ สามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของความสัมพันธ์ ช่วยให้คู่รักมองปัญหาได้ชัดเจนขึ้น ทำให้ทั้งคู่มองเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของความสัมพันธ์ และช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้
"ทุกคู่มีปัญหาของเขาเสมอ แต่ทุกปัญหาก็ล้วนมีทางออกของมัน บางครั้งการมองปัญหาจากจุดที่ห่างก็มาโดยผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะก็สามารถช่วยให้ชีวิตคู่ดีขึ้นได้ โปรดอย่าอายหรือเกรงใจที่จะมาพบและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ"
ขอบคุณข้อมูลจาก เพจคลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา
12 คาถากันน้ำตาไหล..ครองรักอย่างไรให้ยืนนาน
ต่อไปนี้คือ 12 คาถากันน้ำตาไหล..ครองรักอย่างไรให้ยืนนาน
คาถาที่ 1 "มีช่วงเวลาสนุกด้วยกัน"
>>จะเป็นกิจกรรมใดๆก็ได้ [ที่ไม่ใช่การนั่งก้มหน้ามองจอข้างๆกัน] ไม่ว่าจะเป็นงานสวน ดำน้ำ เรียนทำอาหาร ปั่นจักรยาน ฯลฯ
"คู่รักทุกคู่ควรมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันแล้วเกิดความสุข"
คาถาที่ 2 "รู้จักฟัง"
>>บางครั้งแค่ฟังไปเรื่อยๆยังดีซะกว่าการที่คอยขัดจังหวะการพูด เพราะการเสนอไอเดีย/ทางแก้ในช่วงเวลาที่อีกฝ่ายไม่ได้ต้องการถือว่าเป็นการบ่อนทำลายความสัมพันธ์อย่างหนึ่ง
"การรับฟัง คือ หนึ่งในสิ่งทีมีค่าที่สุดของชีวิตคู่"
คาถาที่ 3 "สื่อสารความรู้สึก"
>>เมื่อเกิดการโต้เถียงหรือขัดแย้ง ณ จุดนั้น บางทีข้อเท็จจริงก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญมากนัก แต่การสื่อสารออกไปว่าเหตุการณ์นี้ "เรารู้สึกกับมันอย่างไร" ต่างหากที่จะช่วยให้เราสามารถทำความเข้าใจกันได้ เช่น
"ตอนนี้ฉันรู้สึกน้อยใจที่คุณไม่มีเวลาให้"
"ตอนนี้ผมรุ้สึกโกรธที่คุณไม่ปรึกษาก่อน"
"เสียใจ ผิดหวัง หึงหวง เป็นห่วง" เราสามารถพูดคำศัพท์เหล่านี้เพื่อสื่อว่าเรากำลังรู้สึกมันอยู่ได้เสมอ
คาถาที่ 4"พูดให้ตรงกับใจ"
>>การสื่อสารออกไปตรงๆและชัดเจนว่าสิ่งที่เราต้องการคืออะไร เป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพที่สุด ไม่มีใครชอบเล่นเกมส์เดาใจ ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านบวกและด้านลบ (แต่จะต้องเลือกเวลาที่จะนำเสนอให้เหมาะสมถูกกับกาละเทศะ)
คาถาที่ 5 "ส่งเสริมชีวิตของกันและกัน"
>>เปิดโอกาสให้คู่ของเราได้เติบโตในแบบของเขา หากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี สร้างสรรค์ และไม่ทำร้ายใคร เราสามารถจดรายการข้อดี/พฤติกรมในด้านบวกของคู่เราไว้ ในกรณีที่จิตใจของเขาบอบช้ำหรือมีอุปสรรคในชีวิต ให้นำมันออกมาอ่านเพื่อให้กำลังใจและเตือนสติกับเขาอย่างสม่ำเสมอ
คาถาที่ 6 "ทำดีต่อกันทุกวัน"
>>การแสดงความรักและห่วงใย ให้เวลาหรือใส่ใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆอย่างสม่ำเสมอ เรืองเล็กๆน้อยๆแต่หากเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็สามารถกลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ได้
เมื่ออีกฝ่ายทำสิ่งที่เราประทับใจ ขอให้แสดงความรู้สึกพอใจ ชมเชย หรือพูดว่าชอบทุกครั้ง แล้วสิ่งนั้นจะถูกเรียนรู้ว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ
คาถาที่ 7 "มีฝันร่วมกัน"
>>การที่คนสองคนมีความฝันร่วมกัน และทำอะไรไปด้วยกันเพื่อให้ฝันนั้นเป็นจริง เป็นสิ่งที่สามารถสร้างความแข็งแกร่งให้ความสัมพันธ์ได้ และคู่รักควรมีเวลานั่งคุยกันถึงเป้าหมายร่วมกันในชีวิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
คาถาที่ 8 "มีเวลาให้แก่กัน"
>>"การมีเวลาให้แก่กัน" ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นการออกไปเที่ยวนอกบ้าน หรือทริปแบบยาวๆเสมอไป แค่กลับบ้านเร็วกว่าเดิม เข้านอนเร็วกว่าปกตินิดหน่อย ดับไฟ หันหน้า สบตาถามไถ่กัน แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว
คาถาที่ 9 "มีช่องว่างให้กันและกัน"
>>คนสองคนอาจจะมีสิ่งที่ไม่ได้ชอบตรงกันไปเสียทั้งหมด นั่นเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกๆคู่เสมอ มันจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้หากเราจะมีสิ่งที่ชอบหรือมีกลุ่มเพื่อนของเราเอง แต่เราเองจะต้องจัดสรรเวลาและความสำคัญก่อนหลังให้ดี
คาถาที่ 10 "ชื่นชมในความเหมือน"
>>เมื่อคนเราเติบโตขึ้น ความคิดเห็น ความสนใจ และประสบการณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปได้ แต่ถ้าคนสองคนต่างก็มีความเชื่อหลักในสิ่งเดียวกันแล้ว การสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนจะเป็นไปได้มากกว่า
"หากเรามีสิ่งที่เหมือนกันแล้ว ก็ต้องคงสภาพความสิ่งนั้นนั้นหรือพัฒนามันให้ดีขึ้นเรื่อยๆ"
คาถาที่ 11 "เคารพในความต่าง"
>>ไม่มีคู่รักคู่ไหนที่จะมีอะไรเหมือนกันไปเสียทั้งหมด คู่ที่ไปด้วยกันได้ดีที่สุดไม่ใช่คู่ที่ชอบอะไรเหมือนกันทุกอย่าง แต่เป็นคู่ที่พยายามเรียนรู้และอยู่กับความต่างโดยไม่ไปเปลี่ยนแปลงอะไรกับมันมากนัก (หากไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรง)
คาถาที่ 12 "จัดการความขัดแย้งให้ดี"
>>ความขัดแย้งเป็นเรื่องที่คู่รักทุกคู่ต้องมีเป็นธรรมดา ประเด็นจึงอยู่ที่เราจะจัดการมันอย่างไร เพราะหลายครั้งที่การประนีประนอมไม่ช่วยให้ปัญหาคลี่คลาย กุญแจที่สำคัญจึงอยู่ที่การจัดการความขัดแย้งให้ดี ให้การขัดแย้งนั้นเป็นไปอย่างยุติธรรม เช่น "การรับฟัง" "การพูดจาให้ชัดเจนไม่คลุมเครือ" การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ลองมองในอีกมุมของเขา เป็นต้น
"ไม่จำเป็นที่คนสองคนจะต้องเห็นตรงกันไปตลอด แต่จำเป็นที่จะต้องพัฒนาความเข้าใจระหว่างกันอยู่เสมอ"
คาถาพิเศษ"รู้ว่าเมื่อไหร่ต้องพบผู้เชี่ยวชาญ"
>>คู่รักหลายคู่เมื่อเจอกับปัญหาของความสัมพันธ์ก็เสียเวลาไปกับการผัดผ่อนและเพิกเฉยต่อปัญหา จนปัญหานั้นมันยากเกินจะเยี่ยวยาจึงเริ่มพยายามแก้ไข บางคู่มองว่าการมาพบจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาหรือครอบครัวบำบัดเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่า "ชีวิตคู่ล้มเหลว"
แต่สิ่งที่ทุกคนต้องรู้ก็คือ กระบวนการทำครอบครัวบำบัด หรือการให้คำปรึกษาชีวิตคู่ สามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของความสัมพันธ์ ช่วยให้คู่รักมองปัญหาได้ชัดเจนขึ้น ทำให้ทั้งคู่มองเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของความสัมพันธ์ และช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้
"ทุกคู่มีปัญหาของเขาเสมอ แต่ทุกปัญหาก็ล้วนมีทางออกของมัน บางครั้งการมองปัญหาจากจุดที่ห่างก็มาโดยผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะก็สามารถช่วยให้ชีวิตคู่ดีขึ้นได้ โปรดอย่าอายหรือเกรงใจที่จะมาพบและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ"
ขอบคุณข้อมูลจาก เพจคลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา