ณ.เขาค้อ วันที่ฝนเท

สวัสดีค่ะเพื่อนๆน้องๆ รีวอิวทริปนี้ตั้งแต่กค.59 ทริปเขาค้อ-สระบุรี หน้าฝน  

      วันที่1.ออกจากบ้านตอนเย็น แวะค้างที่ตัวเมืองเพชรบูรณ์ 1คืน เพราะฝนที่ตกตลอดทางและเริ่มมืด จำชื่อที่พักไม่ได้ คืนละ400 สะอาดและสดวกดี ตรงข้ามมีร้านอาหารขายลาบเป็ดต้มแซบรสชาดดีทีเดียว

         วันที่2. ออกเดินทางสู่เขาค้อกันแต่เช้า อากาศดีมากๆ ครึ้มมาตลอดแทบจะไม่มีแดดเลย ถนนที่นี่เปลี่ยนไปมาก มีการขยายถนนหลายเส้นทาง รถกับจกยคู่ใจ ไปไหนไปกัน
           วันนี้ได้ที่กางเต้นท์กันที่นี่ ไปรษณ์เขาค้อ จุดกางเต้นท์ยอดนิยม แต่วันนี้ไม่มีใครเลยจริงๆ มีเพียงเรากับพนงที่นี่เท่านั้น เสียค่าเช่าพื้นที่ 50/คน/คืน ห้องน้ำสะอาด อากาศเย็นมากๆ ลมแรงมากด้วย นอนกลางคืนกลัวเต้นท์จะปลิวจริงๆเลย
       วิวสวยๆของที่นี่ แต่ครั้งนี้ไม่มีหมอกอย่างที่หวัง แม้ว่ากลางคืนฝนจะตกตลอดทั้งคืนก็ตาม
       พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศศรีลังกา ที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งได้ร่วมจัดสร้างน้อมเกล้าถวายเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในปี พ.ศ.2539
พระธาตุผาซ่อนแก้ว ตกแต่งด้วยถ้วยกระเบื้องหินสีต่างๆ ดูงดงามแปลกตาและบริเวณใต้ฐานพระเจดีย์ใช้เป็นที่เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน ภาพปริศนาธรรม และเป็นที่เจริญสติภาวนา สำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป รวมถึงอุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์
     ร้านอาหารร้านนี้ อยุ่ไม่ไกลจากที่พัก อาหารอร่อย ไม่แพง เจ้าบ้านใจดี ให้อาบน้ำอุ่นฟรีด้วย น่ารักมากๆ
    คืนนี้เราฝากท้องไว้ที่นี่ ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม พูดคุยกับเจ้าบ้านแบบกันเองพร้อมกับฝนที่เทลงมาอย่างหนัก แอบห่วงว่าเต้นท์จะเปียก แต่ก็ไม่นะ
   วันที่3 กับวิวหน้าเต้นท์ อากาศดีมาก ไม่ร้อน ไม่แดด
     อาหารเช้าหน้าที่พัก
    เราไปที่น้ำตกศรีดิษฐ์กันเป็นที่แรกและคนแรกของวันนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่มาเลยไม่ต้องเสียค่าเข้า อย.
         น้ำตกศรีดิษฐ์ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำไหลตลอดปี ในอดีตผู้ก่อการร้าย คอมมิวนิสต์เคยยึดบริเวณพื้นที่แถบนี้เป็นค่ายก่อการ โดยสร้างเครื่องมือการเกษตรประเภทเครื่องสีข้าวพลังน้ำ ครกตำข้าว ชื่อน้ำตกศรีดิษฐ์ ตั้งชื่อเพื่อเชิดชูเกียรติ แด่ ส.อ. ประพจน์ ศรีดิษฐ์ ผู้สละชีพปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมินิสต์
      ทางเดินลงข้างล่าง  เขียวขจี หอมกลิ่นดิน ความงามของหน้าฝน
   ตำนานของที่นี่ ได้แต่มองแล้วจินตนาการกันไป อุดมการณ์ที่ยังคงอยู่ในจิตวิญญาณ และความทรงจำของพวกเค้า
   เดินชมบ้านคอมมิวนิสต์กันสักพักก็เดินทางต่อสู่ทุ่งแสลงหลวง
  ฐานอิทธิ
อนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงวีรชนคนกล้าที่เสียชีวิตเพื่อพวกเรา วันนี้ถูกปล่อยทิ้งรกร้าง เหมือนไม่มีคนดูแล
กังหันลมบนยอดเขา ดูอลังการมาก เป็นสัมปทานของเอกชนที่มาสร้างไว้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
แวะเติมพลังกันหน่อย
วันที่ 3 ออกเดินทางสู่ภูหินร่องกล้า แวะน้ำตกแก่งโสภา น้ำเยอะมาก
ลานหินมีรอยแตกเป็นแนวร่อง เหมือนแผ่นดินแยก ความลึกของร่องหินแตกนั้นไม่สามารถจะคะเนได้ อาจจะเกิดจากการโก่งตัว หรือเคลื่อนตัวของผิวโลก จึงทำให้พื้นหินนั้นแตกออกเป็นแนว
เห็ดขอนไม้ พบเห็นได้บ่อยในที่ชื้น
ลักษณะลานหินซึ่ง มีหินผุดขึ้นมาเป็นปุ่มเป็นปม เกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหิน ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้ของโรงพยาบาล เนื่องจาก อยู่บนหน้าผา มีลมพัดเย็นสบาย
ดอกลื้นมังกร ดอกไม้หายากที่จะเห้นได้ในช่วงหน้าฝนเท่านั้น
ผาชูธง สามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลโดยเฉพาะภาพวิวพระอาทิตย์ตกดิน บริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ซึ่งผกค.จะขึ้นไปชูธงแดง ทุกครั้งเมื่อรบชนะ
โรงเรียนการเมืองการทหาร ถูกปกคลุมด้วยป่ารกทึบ ให้การศึกษาตามแนวทางลัทธิคอมมิวนิสต์
  ต่อกันที่ภูทับเบิก ทางลงจากภูหินร่องกล้าลงมาทับเบิกไม่ธรรมดา โค้งเยอะ ฝนตกตลอดทาง หมอกลงจนแทบไม่เห็นทาง
เราพักกันที่นี่ หมอกลงจัดมาก ลมแรง กางเต้นท์ไม่ได้เลย
  วันที่4. ไปกันที่ภูเรือ เดี๋ยวนี้ไม่อนุญาติให้ขับรถขึ้นไปเองที่ยอดภูอีกแล้ว แต่จะมีที่จอดรถแล้วให้นั่งสองแถวขึ้นไปอีกทอดนึง
ต่อกันที่เชียงคานเมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำโขงสุดชายแดนไทยที่คงยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ขนบประเพณี แบบพอเพียง
ยังไม่หมดค่ะ ต่อรีวิว2นะคะ

https://ppantip.com/topic/36112294
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่