Fascination เป็นกระทู้เกี่ยวกับการแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ในรูปแบบของ รูปภาพ การเล่าเรื่อง และความเป็นมาของสถานที่นั้นๆ โดยผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวของตัวเองได้ ทั้งนี้ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และไม่รู้ว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวใดน่าสนใจบ้าง ก็สามารถดูและเป็นตัวช่วยในการท่องเที่ยวในทริปๆ นั้นได้ หาก Fascination ผิดพลาดประการใด หรือใช้วาจาใดไม่เหมาะสมขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย...
หากจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศไทยคงหนีไม่จังหวัด "เพชรบูรณ์" ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่งด้วยกัน วันนี้ Fascination จะขอปักหมุดไปยัง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ว่าเแล้วไม่รอช้าได้เริ่มออกเดินทางกันแต่เช้ามืดเนื่องด้วยทริปนี้มีเวลาจำกัดจากกรุงเทพฯ เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง
ระหว่างทางที่จะไปเขาค้อจะมีร้านกาแฟที่น่าสนใจตลอดเส้นทางซึ่งเราได้แวะเติมความสดชื่นร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ชื่อร้าน Smell 51 Coffee (สถานที่ตั้งตรงข้ามเทศบาลตำบลบัววัฒนา อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์) โดยมีการตกแต่งร้านสไตล์ Loft เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป เมนูภายในร้านมีทั้งครื่องดื่ม ขนมเค้ก และอาหาร ฯล รสชาติถือว่าอร่อยอีกทั้งมีราคาที่ไม่แพง
หลังจากแวะดื่มกาแฟ และหาอะไรรองท้องกันเรียบร้อยเราได้มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดเพรชบูรณ์เพื่อสะการะศาลหลักเมือง (สถานที่ตั้ง
ถ.หลักเมือง ต.ในเมือง เมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ) ประวัติของศาลหลักเมืองแห่งนี้ เสาหลักเมืองเป็นเสาหินที่สมเด็จพระยาดำรงราชานุภาพทรงนำมาจากเมืองศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์เมื่อปี พ.ศ 2447 เมืองศรีเทพเป็นเมืองโบราณแบบทวารวดีและขอม คาดว่ามีอายุตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 11-12 ลงมาจนถึงพุทธศตวรรษที่17-18 จึงนับว่าเป็นเสาหลักเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
สะการะศาลหลักเมืองแล้ว ก็มุ่งหน้าขึ้นเขาค้อโดยตลอดทางที่บรรยากาศค่อนข้างที่เย็นสบาย มีฝนบ้างประปรายตามทาง เขาค้อและพื้นที่บริเวณใกล้เคียงมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อหลายแห่งอาทิ เช่น ภูทับเบิก ภูหินร่องกล้า ลานหินปุ่ม ลานหินแตก น้ำตกหมันแดง ฯลฯ เป็นต้น แต่ด้วยเวลาที่จำกัดจึงไม่สามารถไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ครบ โดยในครั้งนี้เราได้เก็บภาพสวยๆ บริเวณเขาค้อและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ มาแนะนำ
ระหว่างทางเราได้ขับรถเลาะเที่ยวตามจุดต่างๆ จนกระทั่งมาถึง "น้ําตกศรีดิษฐ์" ความเป็นมาต่างๆ นั้น น้ำตกศรีดิษฐ์ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาค้อซึ่งมีธรรมชาติ ที่สมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และในอดีต เมื่อประมาณ พ.ศ 2510-2524 เคยเป็นที่สะสมเสบียงและอยู่อาศัยของกลุ่ม ผกค. จนกระทั่งเมื่อประมาณ ปี 2524 เหล่านักรบผู้กล้า เขาค้อได้เข้ามาปราบปรามกลุ่ม ผกค. จนต้องสูญเสียชีวิตกันไปหลายคนและหนึ่งในนั้นคือ ส.อ. ประพจน์ ศรีดิษฐ์ ผู้ที่สละชีพที่น้ำตกแห่งนี้เมื่อ วันที่ 26 มกราคม 2524 จึงตั้งชื่อน้ำตกศรีดิษฐ์ เพื่อเชิดชูเกียรติ แด่ ส.อ. ประพจน์ ศรีดิษฐ์ ผู้สละชีพ ณ สมรภูมิแห่งนี้ในครั้งนั้น และนี้ก็เป็นที่มาที่ไปของชื่อน้ำตกแห่งนี้
ก้มลงมองนาฬิกาอีกที ก็ตกใจแปบๆ จะหมดวันแล้ว... วันนี้คงจะได้เข้าน้ำตกศรีดิษฐ์เป็นสถานนีสุดท้ายของวัน หลังจากเดินทางออกมาจากน้ำตกได้มุ่งหน้าหาที่พัก แต่!!! เดี่ยวนะ... ระหว่างทางยังได้มีสถานที่อีกแห่งที่น่าสนใจ "พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก" (สถานที่ตั้งอยู่บนเขาค้อ ริมทางหลวงหมายเลข 2196 อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเขาค้อไปทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร) แนวคิดในการออกแบบ ให้มีเอกลักษณ์ทางศิลปพุทธสถานทางภาคเหนือ เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยสุโขทัย และรัตนโกสินทร์ประยุกต์ รูปแบบขององค์พระบรมธาตุเจดีย์ ที่ผังของฐานด้านล่างเป็นแบบย่อมุมไม้สิบสอง ฐานชั้นบนมีผังเป็น 8 เหลี่ยม อันเป็นลักษณะที่มีการใช้ตั้งแต่ครั้งสมัยทวาราวดี องค์พระบรมธาตุเจดีย์มีความสูง 69 หลา หมายถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระชนมายุครบ 69 พรรษา ฐานเจดีย์กว้าง 39 หลา หมายถึงปีพุทธศักราช 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า “พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก” เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2539
วันที่ 2 บนเขาค้อเริ่มเดินทางเวลาประมาณ 9.30 น. ด้วยเวลากระชันชิดอีกทั้งต้องเผื่อเวลาในการขับรถกลับกรุงเทพฯ และหาสถานที่ที่น่าสนใจตามจุดต่างๆ ระหว่างทางที่ผ่าน ว่าแล้วเราก็สะดุดตาสะกิดท้องกับร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ร้าน "Jolly Cafe" (สถานที่ตั้ง อ.แคมป์สน ถ.หมายเลข 12 หล่มสัก-พิษณุโลก) ร้านจะออกแนวกลิ่นไอความโรแมนติกด้วยโทนสีสีขาวที่ดูเรียบง่าย เหมาะกับคู่รักที่มาสวีทกัน เมนูภายในร้านจะมีทั้งเครื่องดื่ม เบอร์เกอร์รี่ และอาหารต่างๆ มากมาย
สถานนีสุดท้ายของทริปนี้ถือว่าเป็นจุดสำคัญและหลายๆ คนคงรู้จักกันดีกับ "วัดผาซ่อนแก้ว" หากใครที่เคยได้ยินหรือได้ไปมาแล้วก็ขอเล่าถึงความเป็นมาสถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบและบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า “ผาซ่อนแก้ว” วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 ในนาม “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” ได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัด ในมงคลนามว่า “วัดพระธาตุผาแก้ว” เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2553
วัดผาซ่อนแก้ว ก็ถือเป็นสถานนีสุดท้ายในทริปนี้ ด้วยเวลาที่มีจำกัดจึงทำให้ยังไม่ได้ไปในอีกหลายๆ สถานที่ที่น่าสนใจในจังหวัดเพชรบูรณ์สำหรับทริปนี้หากผิดพลาดประการใด หรือใช้คำพูดใดผิดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ขอขอบคุณ ร้าน Smell 51 Coffee และสถานที่ต่างๆ ที่นำมาแชร์ในครั้งนี้
2 วันในจังหวัดเพชรบูรณ์
หากจะพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศไทยคงหนีไม่จังหวัด "เพชรบูรณ์" ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่งด้วยกัน วันนี้ Fascination จะขอปักหมุดไปยัง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ว่าเแล้วไม่รอช้าได้เริ่มออกเดินทางกันแต่เช้ามืดเนื่องด้วยทริปนี้มีเวลาจำกัดจากกรุงเทพฯ เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง
ระหว่างทางที่จะไปเขาค้อจะมีร้านกาแฟที่น่าสนใจตลอดเส้นทางซึ่งเราได้แวะเติมความสดชื่นร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ชื่อร้าน Smell 51 Coffee (สถานที่ตั้งตรงข้ามเทศบาลตำบลบัววัฒนา อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์) โดยมีการตกแต่งร้านสไตล์ Loft เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป เมนูภายในร้านมีทั้งครื่องดื่ม ขนมเค้ก และอาหาร ฯล รสชาติถือว่าอร่อยอีกทั้งมีราคาที่ไม่แพง
หลังจากแวะดื่มกาแฟ และหาอะไรรองท้องกันเรียบร้อยเราได้มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองจังหวัดเพรชบูรณ์เพื่อสะการะศาลหลักเมือง (สถานที่ตั้ง
ถ.หลักเมือง ต.ในเมือง เมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ) ประวัติของศาลหลักเมืองแห่งนี้ เสาหลักเมืองเป็นเสาหินที่สมเด็จพระยาดำรงราชานุภาพทรงนำมาจากเมืองศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์เมื่อปี พ.ศ 2447 เมืองศรีเทพเป็นเมืองโบราณแบบทวารวดีและขอม คาดว่ามีอายุตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 11-12 ลงมาจนถึงพุทธศตวรรษที่17-18 จึงนับว่าเป็นเสาหลักเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
สะการะศาลหลักเมืองแล้ว ก็มุ่งหน้าขึ้นเขาค้อโดยตลอดทางที่บรรยากาศค่อนข้างที่เย็นสบาย มีฝนบ้างประปรายตามทาง เขาค้อและพื้นที่บริเวณใกล้เคียงมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อหลายแห่งอาทิ เช่น ภูทับเบิก ภูหินร่องกล้า ลานหินปุ่ม ลานหินแตก น้ำตกหมันแดง ฯลฯ เป็นต้น แต่ด้วยเวลาที่จำกัดจึงไม่สามารถไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ครบ โดยในครั้งนี้เราได้เก็บภาพสวยๆ บริเวณเขาค้อและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ มาแนะนำ
ระหว่างทางเราได้ขับรถเลาะเที่ยวตามจุดต่างๆ จนกระทั่งมาถึง "น้ําตกศรีดิษฐ์" ความเป็นมาต่างๆ นั้น น้ำตกศรีดิษฐ์ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาค้อซึ่งมีธรรมชาติ ที่สมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และในอดีต เมื่อประมาณ พ.ศ 2510-2524 เคยเป็นที่สะสมเสบียงและอยู่อาศัยของกลุ่ม ผกค. จนกระทั่งเมื่อประมาณ ปี 2524 เหล่านักรบผู้กล้า เขาค้อได้เข้ามาปราบปรามกลุ่ม ผกค. จนต้องสูญเสียชีวิตกันไปหลายคนและหนึ่งในนั้นคือ ส.อ. ประพจน์ ศรีดิษฐ์ ผู้ที่สละชีพที่น้ำตกแห่งนี้เมื่อ วันที่ 26 มกราคม 2524 จึงตั้งชื่อน้ำตกศรีดิษฐ์ เพื่อเชิดชูเกียรติ แด่ ส.อ. ประพจน์ ศรีดิษฐ์ ผู้สละชีพ ณ สมรภูมิแห่งนี้ในครั้งนั้น และนี้ก็เป็นที่มาที่ไปของชื่อน้ำตกแห่งนี้
ก้มลงมองนาฬิกาอีกที ก็ตกใจแปบๆ จะหมดวันแล้ว... วันนี้คงจะได้เข้าน้ำตกศรีดิษฐ์เป็นสถานนีสุดท้ายของวัน หลังจากเดินทางออกมาจากน้ำตกได้มุ่งหน้าหาที่พัก แต่!!! เดี่ยวนะ... ระหว่างทางยังได้มีสถานที่อีกแห่งที่น่าสนใจ "พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก" (สถานที่ตั้งอยู่บนเขาค้อ ริมทางหลวงหมายเลข 2196 อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเขาค้อไปทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร) แนวคิดในการออกแบบ ให้มีเอกลักษณ์ทางศิลปพุทธสถานทางภาคเหนือ เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยสุโขทัย และรัตนโกสินทร์ประยุกต์ รูปแบบขององค์พระบรมธาตุเจดีย์ ที่ผังของฐานด้านล่างเป็นแบบย่อมุมไม้สิบสอง ฐานชั้นบนมีผังเป็น 8 เหลี่ยม อันเป็นลักษณะที่มีการใช้ตั้งแต่ครั้งสมัยทวาราวดี องค์พระบรมธาตุเจดีย์มีความสูง 69 หลา หมายถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระชนมายุครบ 69 พรรษา ฐานเจดีย์กว้าง 39 หลา หมายถึงปีพุทธศักราช 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า “พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก” เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2539
วันที่ 2 บนเขาค้อเริ่มเดินทางเวลาประมาณ 9.30 น. ด้วยเวลากระชันชิดอีกทั้งต้องเผื่อเวลาในการขับรถกลับกรุงเทพฯ และหาสถานที่ที่น่าสนใจตามจุดต่างๆ ระหว่างทางที่ผ่าน ว่าแล้วเราก็สะดุดตาสะกิดท้องกับร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ร้าน "Jolly Cafe" (สถานที่ตั้ง อ.แคมป์สน ถ.หมายเลข 12 หล่มสัก-พิษณุโลก) ร้านจะออกแนวกลิ่นไอความโรแมนติกด้วยโทนสีสีขาวที่ดูเรียบง่าย เหมาะกับคู่รักที่มาสวีทกัน เมนูภายในร้านจะมีทั้งเครื่องดื่ม เบอร์เกอร์รี่ และอาหารต่างๆ มากมาย
สถานนีสุดท้ายของทริปนี้ถือว่าเป็นจุดสำคัญและหลายๆ คนคงรู้จักกันดีกับ "วัดผาซ่อนแก้ว" หากใครที่เคยได้ยินหรือได้ไปมาแล้วก็ขอเล่าถึงความเป็นมาสถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบและบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า “ผาซ่อนแก้ว” วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 ในนาม “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” ได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัด ในมงคลนามว่า “วัดพระธาตุผาแก้ว” เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2553
วัดผาซ่อนแก้ว ก็ถือเป็นสถานนีสุดท้ายในทริปนี้ ด้วยเวลาที่มีจำกัดจึงทำให้ยังไม่ได้ไปในอีกหลายๆ สถานที่ที่น่าสนใจในจังหวัดเพชรบูรณ์สำหรับทริปนี้หากผิดพลาดประการใด หรือใช้คำพูดใดผิดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ขอขอบคุณ ร้าน Smell 51 Coffee และสถานที่ต่างๆ ที่นำมาแชร์ในครั้งนี้