คดีครูจอมทรัพย์ จะจบแบบไหน

การที่ดีเอสไอไม่นำนายสับ ซึ่งถือว่าเป็นพยานสำคัญมาสืบต่อหน้าศาล ถือว่าเป็นเรื่องแปลกถึงขนาดที่ผู้พิพากษาที่ออกนั่งบัลลังก์ ยังออกปากถามว่า ทำไมไม่สืบนายสับ
       
           แม้ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม จะบอกว่า ที่ไม่นำนายสับมาให้การเป็นพยาน เพราะไม่ต้องการให้สังคมสับสน และกระทรวงยุติธรรมมั่นใจใน กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ว่า รถคันที่ชนนายเหลือ เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ไม่ใช่รถของครูจอมทรัพย์ เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการสืบพยานเป็นการเล่าให้ศาลฟัง ไม่เกี่ยวอะไรกับการทำให้สังคมสับสน
       
           ที่สำคัญคือ พยานหลักฐานใหม่ที่ฝ่ายกระทรวงยุติธรรมใช้เป็นเหตุผลในการขอรื้อฟื้นคดีใหม่ ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นด้วยคือ คำสารภาพของนายสับ วาปี ว่าตัวเองคือคนขับรถชนนายเหลือ ไม่ใช่ครูจอมทรัพย์
       
           ส่วนรถกระบะโตโยต้า ทะเบียน บค 56 สกลนคร ที่ขนมาจอดหน้าศาลนครพนม ให้ศาลเห็นว่า นี่เป็นหลักฐานใหม่นั้น คือรถคันเดิมเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ที่มีพยานในคืนวันที่เกิดเหตุ พยานที่รับซื้อรถจากครูจอมทรัพย์ รวมทั้งการตรวจพิสูจน์จักรยานของนายเหลือ โดยกองพิสูจน์หลักฐานประกอบกันว่า เป็นรถคันที่ชนนายเหลือ
       
           รถกระบะคันนี้ จึงไม่น่าจะใช่พยานหลักฐานใหม่ แต่น่าจะเป็นพยานหลักฐานเก่าที่ศาลฎีกาได้ชี้ขาดไปแล้วว่า เป็นรถคันที่ชนนายเหลือ ในคำร้องขอรื้อฟื้นคดีของครูจอมทรัพย์เอง ก็ไม่ได้พูดถึงรถคันนี้ว่า เป็นพยานหลักฐานใหม่ มีแต่คำสารภาพของนายสับ วาปี เรื่องเดียวที่อ้างว่า เป็นพยานหลักฐานใหม่

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9600000014893
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่