สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
แล้วแต่หลักการคิดครับ
ปี2551 ผมซื้อบ้านทาวเฮ้าส์ ราคา 593,000
ผ่อนสี่ปี เท่ากับรถยนต์กัดฟันเอาดอกห้าบาทไม่คิดเล็กคิดน้อยตอนนี้ให้เขาเช่า 6,000 ราคาประเมิน 1,200,000 กำไรมันมีนะห้าแสนกว่าบาทคนเช่าขอซื้อยิกๆๆๆ
ปี2556 ผมซื้อบ้าน หลังใหม่ 1,100,000
ผ่อน 5,000 อันนี้ผ่อนเดือนชนเดือนเลยแต่ผมให้เขาเช่า 6,000 / เดือนกำไรก็มีนะแต่มันน้อยเดือนละพันแต่ผมใช้เครดิตชื่อบริษัทกู้ได้100% เปิดบัญชี 2,500฿ ที่เหลือธนาคารจัดการให้ ผมได้บ้านให้เขาเช่าตอนนี้มันลอยลำของมันเองราคาประเมินก็ได้หลายตังค์อยู่โดยที่ผมไม่เสี่ยงอะไรเลยคนอื่นผ่อนให้จะหมดตอนไหนก็ไม่เดือดร้อน
2558 ผมซื้อหลังที่3 ราคา2,800,000
ราคาประเมินวันที่ซื้อ 3,200,000 จะขายก็มีกำไรนะแต่เอาไว้เป็นมรดกดีกว่า
จุดสำคัญ ครับ
1)เราต้องซื้อตอน Pre sel
2)เลือกทำเลอีกอย่างหากไม่หาจะเอาอะไรเป็นสมบัติให้ลูกหลานที่ทำเพื่อให้เขาได้อยู่บ้านตัวเองไม่ใช่เช่าอยู่ตลอดชีวิตหรือกลับไปขอส่วนแบ่งมรดกจากพ่อแม่ผมไม่เคยคิดจะขอเลยเกิดมาอนาคตอยู่ข้างหน้าหาเอาเอง
3)เราต้องคิดถึงอัตราเงินเฟ้อด้วยว่านับวันค่ามันจะน้อยลงทุกๆวันผมก็พนักงานกินเงินเดือนธรรมดาบ้านหลังที่1,2,3 เงินผ่อนมากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือนเสียอีก ก็ต้องทำ OT หางานเสริมเอา สามปีรีไฟแนนท์ ลดหย่อนภาษี เราก็ได้คืนอยู่แล้ว
4)ขนาดรถยนต์ราคาเป็นล้านก็ยังผ่อนไม่กี่ปีหมด บ้านก็ผ่อนเยอะๆสิหมดเหมือนกัน ธนาคารให้หลายปีเราก็ปล่อยหลายปีไม่ได้ดอกเบี้ยก็กินเราใครก็รู้ มีวินัยในการใช้เงินยังไงก็ได้ครับ
5)เมื่อรู้ตัวเองลำบากก็จะกระตือรือล้นเป็นอีกทางให้เรามีเป้าหมายดีกว่าเอาเงินเที่ยวเดือนละหลายบาทสิ้นปีก็ขี้ลงส้วมไม่เห็นงอกเงย
คห. ส่วนตัวนะครับ อยากจะบอกว่าที่เขียนมาเป็นกรรมสิทธิ์ผมคนเดียวด้วยเป็นกำลังใจให้คนผ่อนบ้านครับ
ปี2551 ผมซื้อบ้านทาวเฮ้าส์ ราคา 593,000
ผ่อนสี่ปี เท่ากับรถยนต์กัดฟันเอาดอกห้าบาทไม่คิดเล็กคิดน้อยตอนนี้ให้เขาเช่า 6,000 ราคาประเมิน 1,200,000 กำไรมันมีนะห้าแสนกว่าบาทคนเช่าขอซื้อยิกๆๆๆ
ปี2556 ผมซื้อบ้าน หลังใหม่ 1,100,000
ผ่อน 5,000 อันนี้ผ่อนเดือนชนเดือนเลยแต่ผมให้เขาเช่า 6,000 / เดือนกำไรก็มีนะแต่มันน้อยเดือนละพันแต่ผมใช้เครดิตชื่อบริษัทกู้ได้100% เปิดบัญชี 2,500฿ ที่เหลือธนาคารจัดการให้ ผมได้บ้านให้เขาเช่าตอนนี้มันลอยลำของมันเองราคาประเมินก็ได้หลายตังค์อยู่โดยที่ผมไม่เสี่ยงอะไรเลยคนอื่นผ่อนให้จะหมดตอนไหนก็ไม่เดือดร้อน
2558 ผมซื้อหลังที่3 ราคา2,800,000
ราคาประเมินวันที่ซื้อ 3,200,000 จะขายก็มีกำไรนะแต่เอาไว้เป็นมรดกดีกว่า
จุดสำคัญ ครับ
1)เราต้องซื้อตอน Pre sel
2)เลือกทำเลอีกอย่างหากไม่หาจะเอาอะไรเป็นสมบัติให้ลูกหลานที่ทำเพื่อให้เขาได้อยู่บ้านตัวเองไม่ใช่เช่าอยู่ตลอดชีวิตหรือกลับไปขอส่วนแบ่งมรดกจากพ่อแม่ผมไม่เคยคิดจะขอเลยเกิดมาอนาคตอยู่ข้างหน้าหาเอาเอง
3)เราต้องคิดถึงอัตราเงินเฟ้อด้วยว่านับวันค่ามันจะน้อยลงทุกๆวันผมก็พนักงานกินเงินเดือนธรรมดาบ้านหลังที่1,2,3 เงินผ่อนมากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือนเสียอีก ก็ต้องทำ OT หางานเสริมเอา สามปีรีไฟแนนท์ ลดหย่อนภาษี เราก็ได้คืนอยู่แล้ว
4)ขนาดรถยนต์ราคาเป็นล้านก็ยังผ่อนไม่กี่ปีหมด บ้านก็ผ่อนเยอะๆสิหมดเหมือนกัน ธนาคารให้หลายปีเราก็ปล่อยหลายปีไม่ได้ดอกเบี้ยก็กินเราใครก็รู้ มีวินัยในการใช้เงินยังไงก็ได้ครับ
5)เมื่อรู้ตัวเองลำบากก็จะกระตือรือล้นเป็นอีกทางให้เรามีเป้าหมายดีกว่าเอาเงินเที่ยวเดือนละหลายบาทสิ้นปีก็ขี้ลงส้วมไม่เห็นงอกเงย
คห. ส่วนตัวนะครับ อยากจะบอกว่าที่เขียนมาเป็นกรรมสิทธิ์ผมคนเดียวด้วยเป็นกำลังใจให้คนผ่อนบ้านครับ
แสดงความคิดเห็น
แชร์ให้ฟังเรื่องก่อนคิดซื้อบ้าน และการขายบ้าน
บ้านหลังนี้ผมซื้อกับแฟน ตอนแต่งงาน ซื้อได้ประมาณ 7 ปี แต่ผ่อนหมดด้วยเวลา 6 ปี ระหว่างปีผมจะตีเฉลี่ยเสียดอกเบี้ยธนาคารประมาณ 1 แสนบาท 6 ปีเสียดอกเบี้ยไปประมาณ 6 แสนบาท ราคาบ้านประมาณ 3 ล้าน ขายได้กำไรนิดหน่อย (นิดดดดเดียวจริง)
ทีนี้มาดูข้อคิดหลังจากซื้อบ้าง ถ้าใครจะซื้อบ้านเพราะมาทำงานกทม ถ้าไม่ได้ตั้งใจหรือคาดหวังอย่นานซักเกิน 15 ปีขึ้นไป ตามคห. ส่วนตัวผม อย่าซื้อเลยดีกว่า เช่าอพาร์ทเม้นต์อยู่ไปเหอะ เพราะขายบ้านได้ก็ไม่มีกำไรอยู่ดีแม้ราคาบ้านใหม่จะมีราคาสูงขึ้นไปมากก็จริง แต่บ้านของเราที่จะขายแม้จะขายได้ราคาสูงขึ้นแต่เราต้องมาขาดทุนค่าดอกเบี้ยที่ผ่อนไปอีก บ้านมือ 2 เวลาขายราคาไม่ได้ปรับขึ้นสูงมากนักไม่เหมือนซื้อบ้านใหม่ที่ developper ขึ้นราคาทุกปี แต่ราคาบ้านมือ 2 แทบไม่ขยับไปไหนเลยจากที่ซื้อ
ผมสมมุติตัวเลขกลม ๆ บ้านซื้อมา 3 ล้าน ผมขายบ้าน 3.2 ล้าน เสียค่าภาษีที่กรมที่ดิน 6 หมื่นบาท เสียดอกเบี้ย 6 แสนบาท ผ่อน 6 ปี รวมตอนนี้ขาดทุน ไปเกือบ 5 แสนบาท 6 ปีเรามาเฉลี่ยค่าหอพักอพาร์ทเม้นต์เช่าอยู่ ประมาณเดือนละ 6,xxx บาทสำหรับจ่ายค่าห้อง โดยที่ไม่ต้องซื้อ
ข้อดีของการไม่ต้องซื้อ เพราะคุณไม่ได้อยู่นาน 15 ปีขึ้นไปหรืออาศัยกันถาวร
1. ไม่ต้องรับความเสี่ยงจากการงานที่ทำ จะโดนไล่ออกวันไหน ไหนจะเครียดเรื่องหนี้สินผ่อนบ้าน
2. ผ่อนบ้านเดือนนึงหลักหมื่นนะครับ จากยอดกู้ 3 ล้านบาท เอาเงินตรงนี้เก็บลงทุนต่อเดือน หักส่วนต่างค่าเช่าอพาร์ทเม้นต์ยังเหลือ
3. เอาเงินเก็บต่อเดือนที่จะผ่อนบ้านไว้ซื้อบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมในอนาคต ที่เราพอใจดีกว่า ไม่ตึงมือตอนแรกที่รีบซื้อ
4.ย้ายไปไหนง่าย หรือใกล้ที่ทำงาน พอมีบ้านแล้วไม่ง่ายอย่างที่คิด
5. เวลาขายบ้านมันไม่ใช่ง่าย ๆ นะครับ มีคนมาดู 10 กว่ารายพลาดไปหมด จนกระทั่งคนมีเงินสดเขามาซื้อบ้านก็ตกลงกันทันที ใครบอกว่าย้ายกลับ ตจว แล้วค่อยขาย ขอให้เผื่อใจตรงนี้ถ้าทำเล + ราคาไม่เป๊ะก็อาจเจอเนื้อคู่กันลำบาก
6. ภาระดอกเบี้ยที่แบกรับต่อเดือน คนผ่อนบ้านน่าจะรู้ดีไม่ต้องบรรยายข้อนี้ ยิ่งยอดกู้เยอะๆ ดอกเบี้ยเดือนนึงเป็นหมื่นนะครับ ถ้าซื้อสดว่าไปอย่างภาระดอกเบี้ยไม่มี
7.ผมซื้อบ้านนี้ผ่อนหมดใน 6 ปี ดอกเบี้ยประมาณนี้ แล้วที่คนผ่อนกันยาว ๆ ดอกเบี้ยก็บานตะไทไปเรื่อย ๆ
ก็แค่ความคิดส่วนตัวผมนะครับ ยังไงก็มาแชร์กันได้ ใครคิดจะรีบซื้อบ้านอยากมีบ้านของตัวเองเร็ว ๆ จะได้คิดมากขึ้น บางทีเช่าไปก่อนอาจเป็นคำตอบที่ดีถ้าไม่พร้อม ตอนนี้ผมไปอยู่บ้านเดี่ยวหลังใหม่แล้ว บ้านหลังใหม่ก็อยู่นานขึ้นภาระดอกเบี้ยส่ง 3 ปีไม่เกิน 2 แสนต้น ๆ เลยหมดห่วง