สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 19
อัตราเกิดติดลบนาน ๆ อีกไม่กี่รุ่นข้างหน้าก็เศรษฐกิจล่มจมแล้ว
คนหนุ่มสาวทำงานเลี้ยงคนแก่จำนวนมหาศาล ไม่ใช่เลี้ยงพ่อแม่นะ ภาษีที่ต้องเอาไปอุ้มพวกคนแก่วัยเกษียณ
คนแก่มันก็เคยทำงานมาทั้งชีวิตเหมือนกัน จะปล่อยไปเฉย ๆ ก็ไม่ได้ จะทิ้งให้ตายก็ไม่ได้
แต่คนรุ่นถัดไปกลับมีจำนวนน้อย เก็บเงินภาษีได้น้อยลงแต่คนใช้ภาษีเยอะขึ้น
จะรีดให้มากกว่านี้ก็เป็นภาระคนหนุ่มสาว จนถึงวันนึงมันก็อยู่ไม่ไหว
แถมปัญหาการขาดแรงงานยังทำให้เศรษฐกิจไม่โตด้วย ถ้าจะขยายกิจการแต่หาคนมาทำงานให้ไม่ได้ มันก็ไม่ขยาย
เครื่องจักรมันแทนงานได้แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ในธุรกิจบางอย่างต้องใช้คน โดยเฉพาะงานด้านนวัตกรรมหรือศิลปะ
คนหนุ่มสาวทำงานเลี้ยงคนแก่จำนวนมหาศาล ไม่ใช่เลี้ยงพ่อแม่นะ ภาษีที่ต้องเอาไปอุ้มพวกคนแก่วัยเกษียณ
คนแก่มันก็เคยทำงานมาทั้งชีวิตเหมือนกัน จะปล่อยไปเฉย ๆ ก็ไม่ได้ จะทิ้งให้ตายก็ไม่ได้
แต่คนรุ่นถัดไปกลับมีจำนวนน้อย เก็บเงินภาษีได้น้อยลงแต่คนใช้ภาษีเยอะขึ้น
จะรีดให้มากกว่านี้ก็เป็นภาระคนหนุ่มสาว จนถึงวันนึงมันก็อยู่ไม่ไหว
แถมปัญหาการขาดแรงงานยังทำให้เศรษฐกิจไม่โตด้วย ถ้าจะขยายกิจการแต่หาคนมาทำงานให้ไม่ได้ มันก็ไม่ขยาย
เครื่องจักรมันแทนงานได้แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ในธุรกิจบางอย่างต้องใช้คน โดยเฉพาะงานด้านนวัตกรรมหรือศิลปะ
ความคิดเห็นที่ 16
แนวคิดทุนนิยมมันครองโลกครับ ทุกคนมองที่ตัวเลขของเศรษฐกิจต่างๆต้องโตขึ้นตลอดจะลดรึอยู่นิ่งไม่ได้ การสร้างตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีที่สุดก็คือต้องกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนเพิ่ม และการใช้จ่ายของประชาชนจะเพิ่มได้ดีที่สุดก็คือต้องมีประชากรเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ พอประชากรมากการจับจ่ายใช้สอยก็เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้นภาครัฐจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้ประชากรเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆไม่หยุด ถ้าชะลอรึลดไปเมื่อไหร่นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากในโลกทุนนิยม
แต่หลักการนี้ไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงว่าประชากรเพิ่มได้แต่ทรัพยากรไม่ได้เพิ่มตามประชากร ถ้าเพิ่มประชากรไปเรื่อยๆสุดท้ายมันก็จะทำลายตัวเองไปในที่สุด
แต่หลักการนี้ไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงว่าประชากรเพิ่มได้แต่ทรัพยากรไม่ได้เพิ่มตามประชากร ถ้าเพิ่มประชากรไปเรื่อยๆสุดท้ายมันก็จะทำลายตัวเองไปในที่สุด
ความคิดเห็นที่ 32
ข้อเท็จจริงปัจจุบันที่สาธารณสุขมองเห็นคืออัตราเพิ่มประชากร ซึ่งคืออัตราเกิดลบด้วยอัตราตาย
ขณะนี้ยังเป็นบวกอยู่แต่น้อยลงไปเรื่อยๆ และพบว่าบ้างจังหวัดติดลบไปแล้ว
มีบางจังหวัดเป็นบวก(แต่พบว่าเป็นจังหวัดที่มีปัญหาเรื่องคุณภาพชีวิต เศรษฐานะและระดับการเรียนรู้)
และเชื่อว่าไม่เกินสิบปีทั้งประเทศจะเป็นลบ นั่นหมายความว่าในยี่สิบปีข้างหน้า
ประเทศไทยมีปัญหาโครงสร้างประชากรที่คนวัยทำงานจะน้อยลง ในขณะที่ผู้สูงอายุจะมากขึ้น
เกิดความไม่สมดุลระหว่างผู้หาทรัพยากรเพื่อเลี้ยงดูผู้สูงอายุไม่เพียงพอ
ไม่เกิดผลผลิตที่มากเพียงพอ และมีผู้มีรายได้เพื่อการเสียภาษีน้อยลง รายรับประเทศย่อมลดลง
ไม่เพียงพอต่องบประมาณประเทศในการบริหารประเทศในอนาคต
ซึ่งประเทศหลายประเทศมองเห็นปัญหาดังกล่าวแล้วเช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือสิงคโปร์
และที่จริงประเทศแถบสแกนดิเนเวียมองปัญหานี้มานานและมีการเตรียมการปรับตัวมานานแล้ว
อัตราเพิ่มประชากรจึงอยู่ที่ใกล้ศูนย์มานานแล้ว หมายความว่า อัตราเกิดและอัตราตายในแต่ละปีใกล้เคียงกันมาก
ดังนั้นการที่ประเทศไทยเริ่มตอนนี้ก็เพื่อหวังว่าจะไม่มีการติดลบของประชากรในอีก10 หรือ 20 ปีข้างหน้า
ประเด็นสำคัญที่มีการมองคือประชากรที่เกิดมาต้องมีคุณภาพด้วย เป็นนโยบายที่เด่นชัดในญี่ปุ่น
ที่กำหนดว่า เด็กที่เกิดมาใหม่ทุกคนจะต้องอยู่รอดจนเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ให้สามารถสร้งประชากรขึ้นมาใหม่ได้
ระบบสาธารณสุขญี่ปุ่นจึงเน้นในเรื่องคุณภาพการดูแลเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
เด็กต้องเกิดรอด และเติบโตที่ได้รับการเลี้ยงดูให้เจ็บป่วยน้อยที่สุด มีอัตราตายในเด็กต่ำมากๆ
นอกจากนี้ต้องได้รับการเลี้ยงดู และการเรียนรู้ที่มีคุณภาพด้วย ให้เป็นคนมีคุณภาพเมื่อเติบใหญ่
ประเทศไทยออกนโยบายที่ให้มีการตั้งครรภ์ในแม่ แต่ต้องมีอายุที่เหมาะสมที่พบว่าถ้าตั้งครรภ์ในแม่อายุ 20-30ปี
จะได้เด็กที่มีคุณภาพมากที่สุด จึงไม่สนับสนุนให้มีการตั้งครรภ์ในวัยเด็กหรือวัยรุ่นที่น้อยกว่า 20 ปี
เนื่องจากพบว่า อัตรารอดของเด็กต่ำ มีความพิการมาก หรือสติปัญญามีปัญหา
นอกจากนี้ยังมีปัญหาการเลี้ยงดูในแม่ที่ไม่มีความพร้อมเพียงพอด้วย
และทางสาธารณสุขเน้นการให้วิตามินโพเลต ธาตุเหล็กและไอโอดีน
เพราะทราบดีว่าทั้งสามตัวมีผลต่อคุณภาพของเด็กที่จะเกิดมาด้วย
มีผลต่อความแข็งแรงและสติปัญญาของเด็กที่เกิดมา
ขณะนี้ยังเป็นบวกอยู่แต่น้อยลงไปเรื่อยๆ และพบว่าบ้างจังหวัดติดลบไปแล้ว
มีบางจังหวัดเป็นบวก(แต่พบว่าเป็นจังหวัดที่มีปัญหาเรื่องคุณภาพชีวิต เศรษฐานะและระดับการเรียนรู้)
และเชื่อว่าไม่เกินสิบปีทั้งประเทศจะเป็นลบ นั่นหมายความว่าในยี่สิบปีข้างหน้า
ประเทศไทยมีปัญหาโครงสร้างประชากรที่คนวัยทำงานจะน้อยลง ในขณะที่ผู้สูงอายุจะมากขึ้น
เกิดความไม่สมดุลระหว่างผู้หาทรัพยากรเพื่อเลี้ยงดูผู้สูงอายุไม่เพียงพอ
ไม่เกิดผลผลิตที่มากเพียงพอ และมีผู้มีรายได้เพื่อการเสียภาษีน้อยลง รายรับประเทศย่อมลดลง
ไม่เพียงพอต่องบประมาณประเทศในการบริหารประเทศในอนาคต
ซึ่งประเทศหลายประเทศมองเห็นปัญหาดังกล่าวแล้วเช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือสิงคโปร์
และที่จริงประเทศแถบสแกนดิเนเวียมองปัญหานี้มานานและมีการเตรียมการปรับตัวมานานแล้ว
อัตราเพิ่มประชากรจึงอยู่ที่ใกล้ศูนย์มานานแล้ว หมายความว่า อัตราเกิดและอัตราตายในแต่ละปีใกล้เคียงกันมาก
ดังนั้นการที่ประเทศไทยเริ่มตอนนี้ก็เพื่อหวังว่าจะไม่มีการติดลบของประชากรในอีก10 หรือ 20 ปีข้างหน้า
ประเด็นสำคัญที่มีการมองคือประชากรที่เกิดมาต้องมีคุณภาพด้วย เป็นนโยบายที่เด่นชัดในญี่ปุ่น
ที่กำหนดว่า เด็กที่เกิดมาใหม่ทุกคนจะต้องอยู่รอดจนเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ให้สามารถสร้งประชากรขึ้นมาใหม่ได้
ระบบสาธารณสุขญี่ปุ่นจึงเน้นในเรื่องคุณภาพการดูแลเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
เด็กต้องเกิดรอด และเติบโตที่ได้รับการเลี้ยงดูให้เจ็บป่วยน้อยที่สุด มีอัตราตายในเด็กต่ำมากๆ
นอกจากนี้ต้องได้รับการเลี้ยงดู และการเรียนรู้ที่มีคุณภาพด้วย ให้เป็นคนมีคุณภาพเมื่อเติบใหญ่
ประเทศไทยออกนโยบายที่ให้มีการตั้งครรภ์ในแม่ แต่ต้องมีอายุที่เหมาะสมที่พบว่าถ้าตั้งครรภ์ในแม่อายุ 20-30ปี
จะได้เด็กที่มีคุณภาพมากที่สุด จึงไม่สนับสนุนให้มีการตั้งครรภ์ในวัยเด็กหรือวัยรุ่นที่น้อยกว่า 20 ปี
เนื่องจากพบว่า อัตรารอดของเด็กต่ำ มีความพิการมาก หรือสติปัญญามีปัญหา
นอกจากนี้ยังมีปัญหาการเลี้ยงดูในแม่ที่ไม่มีความพร้อมเพียงพอด้วย
และทางสาธารณสุขเน้นการให้วิตามินโพเลต ธาตุเหล็กและไอโอดีน
เพราะทราบดีว่าทั้งสามตัวมีผลต่อคุณภาพของเด็กที่จะเกิดมาด้วย
มีผลต่อความแข็งแรงและสติปัญญาของเด็กที่เกิดมา
ความคิดเห็นที่ 24
เรื่องการเพิ่มประชากร คุยกันเยอะแล้วว่าทำไม ซึ่งมันก็ต้องทำแต่ก็ต้องใช้เวลาและวิธีการที่ดีกว่านี้ แต่ชอบที่เริ่มกันตั้งแต่จดทะเบียนสมรส
เลย
สำหรับประเทศไทยผมว่า ลดอัตราการตาย จะง่ายกว่าทำให้เกิดเพิ่ม ปีๆประเทศไทย คนวัยทำงานตายเพราะอุบัติเหตุ จำนวนไม่ต่างกับ
การเกิดสึนามิทุกปี ประชากรเหล่านี้ กว่าจะโตมา มีการศึกษา หลายคนมีครอบครัว หัวหน้าครอบครัว ตายไป สร้างความสูญเสีย สร้างปัญหาให้มากมาย ตั้งแต่ครอบครัว สังคม ประเทศชาติที่ต้องสูญเสียทรัพยากร อันมีค่าไป
ส่วนการเกิด ผมว่าไม่ยาก พร้อมจะผลิตเสมอถ้าสิ่งแวดล้อมมัน เอื่ออำนวย และ การส่งเสริมการมีลูกของประเทศเรากับประเทศอื่น
มันช่างแต่ต่าง มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ต่อมาคือเด็กที่เกิดในท้องแล้ว ต้องพัฒนาให้ดีตั้งแต่ในท้อง แม่ท้อง ควรได้รับ อะไรมากกว่านี้ เพื่อที่เด็กที่เกิดมาจะมีคุณภาพ
และถ้าเกิดมาไม่พร้อม มีอะไรรองรับ เด็กบางคน อาจจะเกิดมาไม่มีใครต้องการ แต่ประเทศชาติต้องการเค้า เพราะเป็นทรัพยากร
มนุษย์ของชาติ ถ้าครอบครัวไม่พร้อมดูแลรัฐบางควรมีทางออก กรณีแม่วัยใส เราไม่สงเสริม แต่แม่เด็กควรได้รับการช่วยเหลือ ให้ผ่านสภาวะนั้นไป แล้ว ได้กลับไปเรียน ยังพอมีอนาคต
เด็กมีที่เกิดมาได้รับการดูแล สามารถกลับมาเป็นพลเมืองคุณภาพได้ ดีกว่าปล่อยไป ตามกรรม แต่อันนี้ต้องทำในทางลับ คือ ทำเป็นรายบุคคล
ผ่าน หน่วยสงเคาะห์ ของ รพ ที่เกิด
ต่อมาคือเยาวชน ประเทศเราก็เห็นๆอยู่ ที่ดีก็ดีสุดๆ เรียนเก่ง ได้เหรียญโอลิมปิก แต่ ที่แย่ๆก็มากมาย ไม่เรียนหนังสือ ติดยา
แว้น สกอย เด็กคืออนาคตของชาติ ทำอย่างไร ที่จะทำให้เด็กเป็นประชากร ที่มีคุณภาพ ได้ มากที่สุด ตายไปก็มาก
ตีกันตาย ยิงกันตาย รถคว่ำตาย ติดยา ขายตัว สารพัด ปัญหา มันคือผล ของ ระบบการศึกษาล้มเหลว สังคมล้มเหลว
เคยคิดอยากให้มี สถานที่ สำหรับ วิวัฒพลเมือง แบบจริงจัง เป็นอคาเดมี่ ผลิต สร้างประชากรคุณภาพรุ่นใหม่
ที่มี สุขภาพกาย ใจ ดี มีความรู้ความสามารถ กลับเข้ามาในสังคม
จริงๆรัฐมีฐานข้อมูลหมด ว่าใครมีรายได้เท่าไหร่ สมรสหรือยัง อายุเท่าไหร ถ้าวิเคราะห์ข้อมูลออกมาแล้วสงเสริมให้ตรงจุด
ไปดูว่าประชากรในวัยเจริญพันธุ์ ที่มีรายได้สูง แต่ไม่มีลูก หรือมีแค่คนเดียว ก็สนับสนุนเป็นรายกลุ่ม เป้าหมาย อะไรแบบนี้ ตรงจุดและได้ผลกว่า ไม่ใช่ทำแบบเหวี่ยงแห่ แล้วก็หา ผลไม่ได้ เปลืองงบประมาณ เปล่าๆ
ภาษียืนทุกปี รัฐก็เห็นว่าใครรายได้เท่าไหร่ แต่งงานหรือยัง มีลูกเท่าไหร่ คนรายได้เยอะๆ ปีละหลายล้าน จ่ายภาษีปีละ 35-37 %
คนกลุ่มนี้มีไม่มาก ลองรัฐบอกว่ามีลูกเพิ่ใ จ่ายภาษีลดลง 5 % ทุกๆลูก 1 คน ไม่รวมลดหย่อนที่ได้เหมือนคนอื่นๆ ลองดูเผื่อจะได้ผล
ถ้าได้ผลลอง กลุ่มถัดมา ที่เสียภาษี 30%
เลย
สำหรับประเทศไทยผมว่า ลดอัตราการตาย จะง่ายกว่าทำให้เกิดเพิ่ม ปีๆประเทศไทย คนวัยทำงานตายเพราะอุบัติเหตุ จำนวนไม่ต่างกับ
การเกิดสึนามิทุกปี ประชากรเหล่านี้ กว่าจะโตมา มีการศึกษา หลายคนมีครอบครัว หัวหน้าครอบครัว ตายไป สร้างความสูญเสีย สร้างปัญหาให้มากมาย ตั้งแต่ครอบครัว สังคม ประเทศชาติที่ต้องสูญเสียทรัพยากร อันมีค่าไป
ส่วนการเกิด ผมว่าไม่ยาก พร้อมจะผลิตเสมอถ้าสิ่งแวดล้อมมัน เอื่ออำนวย และ การส่งเสริมการมีลูกของประเทศเรากับประเทศอื่น
มันช่างแต่ต่าง มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ต่อมาคือเด็กที่เกิดในท้องแล้ว ต้องพัฒนาให้ดีตั้งแต่ในท้อง แม่ท้อง ควรได้รับ อะไรมากกว่านี้ เพื่อที่เด็กที่เกิดมาจะมีคุณภาพ
และถ้าเกิดมาไม่พร้อม มีอะไรรองรับ เด็กบางคน อาจจะเกิดมาไม่มีใครต้องการ แต่ประเทศชาติต้องการเค้า เพราะเป็นทรัพยากร
มนุษย์ของชาติ ถ้าครอบครัวไม่พร้อมดูแลรัฐบางควรมีทางออก กรณีแม่วัยใส เราไม่สงเสริม แต่แม่เด็กควรได้รับการช่วยเหลือ ให้ผ่านสภาวะนั้นไป แล้ว ได้กลับไปเรียน ยังพอมีอนาคต
เด็กมีที่เกิดมาได้รับการดูแล สามารถกลับมาเป็นพลเมืองคุณภาพได้ ดีกว่าปล่อยไป ตามกรรม แต่อันนี้ต้องทำในทางลับ คือ ทำเป็นรายบุคคล
ผ่าน หน่วยสงเคาะห์ ของ รพ ที่เกิด
ต่อมาคือเยาวชน ประเทศเราก็เห็นๆอยู่ ที่ดีก็ดีสุดๆ เรียนเก่ง ได้เหรียญโอลิมปิก แต่ ที่แย่ๆก็มากมาย ไม่เรียนหนังสือ ติดยา
แว้น สกอย เด็กคืออนาคตของชาติ ทำอย่างไร ที่จะทำให้เด็กเป็นประชากร ที่มีคุณภาพ ได้ มากที่สุด ตายไปก็มาก
ตีกันตาย ยิงกันตาย รถคว่ำตาย ติดยา ขายตัว สารพัด ปัญหา มันคือผล ของ ระบบการศึกษาล้มเหลว สังคมล้มเหลว
เคยคิดอยากให้มี สถานที่ สำหรับ วิวัฒพลเมือง แบบจริงจัง เป็นอคาเดมี่ ผลิต สร้างประชากรคุณภาพรุ่นใหม่
ที่มี สุขภาพกาย ใจ ดี มีความรู้ความสามารถ กลับเข้ามาในสังคม
จริงๆรัฐมีฐานข้อมูลหมด ว่าใครมีรายได้เท่าไหร่ สมรสหรือยัง อายุเท่าไหร ถ้าวิเคราะห์ข้อมูลออกมาแล้วสงเสริมให้ตรงจุด
ไปดูว่าประชากรในวัยเจริญพันธุ์ ที่มีรายได้สูง แต่ไม่มีลูก หรือมีแค่คนเดียว ก็สนับสนุนเป็นรายกลุ่ม เป้าหมาย อะไรแบบนี้ ตรงจุดและได้ผลกว่า ไม่ใช่ทำแบบเหวี่ยงแห่ แล้วก็หา ผลไม่ได้ เปลืองงบประมาณ เปล่าๆ
ภาษียืนทุกปี รัฐก็เห็นว่าใครรายได้เท่าไหร่ แต่งงานหรือยัง มีลูกเท่าไหร่ คนรายได้เยอะๆ ปีละหลายล้าน จ่ายภาษีปีละ 35-37 %
คนกลุ่มนี้มีไม่มาก ลองรัฐบอกว่ามีลูกเพิ่ใ จ่ายภาษีลดลง 5 % ทุกๆลูก 1 คน ไม่รวมลดหย่อนที่ได้เหมือนคนอื่นๆ ลองดูเผื่อจะได้ผล
ถ้าได้ผลลอง กลุ่มถัดมา ที่เสียภาษี 30%
แสดงความคิดเห็น
ทำไมปัจจุบัน นานาประเทศถึงต้องการให้อัตราการเกิดประชากรสูงครับ?