จากคลิปกล้องหน้ารถนี่ได้ยินอาม่าบอกตอนกำลังจะออกรถว่า
แทนที่จะห้ามปรามกัน ฟังๆแล้วก็จริงอย่างที่อาม่าพูดเลย
คือคนนึงใจร้อน อีกก็น่าจะลดความร้อนโดยการห้ามปราม
พยาพยามฉุดไว้ อย่าปล่อยให้มันเลยเถิด โดยการเออออไปกับเค้า
เพราะมันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างถลำลึก ดูๆแล้วก็ย้อนมาดูตัวผมเองที่ใจร้อนเหมือนกัน
ซึ่งส่วนใหญ่จะหงุดหงิดกับพวกแท็กซี่มาก คืออยากจอดไหนก็จอด ขับรถสวนเลนบ้าง
มักง่ายบ้าง ไม่สนใจรถคันอื่นเลย แต่ยังดีที่ทุกครั้งแฟนผมจะคอยห้ามปรามเสมอ
ไม่ให้ของขึ้น จริงๆถ้าคนข้างๆมองว่าแม้อีกฝ่ายจะผิด แต่เราปล่อยไป ลดความใจร้อนลงบ้าง
เอาความปลอดภัยเป็นหลัก เรื่องราวแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แต่ดูจากคลิปแล้วเหมือนทั้งลุงและภรรยา
จะใจร้อนมาก อาม่าเองก็คงรู้ เพราะแทบไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาตอนทั้งคู่เถียงกับคนขับรถตู้เลย
ตอนแรกดูคลิปคิดว่าฝ่ายเด็กเต็มๆที่ทำให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ แต่พอดูคลิปกล้องหน้ารถ
บทสนทนาระหว่างลุงวิศวะ + เมีย กับคนขับรถตู้แล้ว ผมให้พอๆกัน อีกฝ่ายใจร้อน อีกฝ่ายเห็นแก่ตัวที่จอดแบบนั้น
ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม สุดท้ายก็เลยจบแบบนี้
จากคดีรถตู้ ไม่เข้าใจว่าทำไมผัวเมียไม่ห้ามปรามกันเลย
แทนที่จะห้ามปรามกัน ฟังๆแล้วก็จริงอย่างที่อาม่าพูดเลย
คือคนนึงใจร้อน อีกก็น่าจะลดความร้อนโดยการห้ามปราม
พยาพยามฉุดไว้ อย่าปล่อยให้มันเลยเถิด โดยการเออออไปกับเค้า
เพราะมันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างถลำลึก ดูๆแล้วก็ย้อนมาดูตัวผมเองที่ใจร้อนเหมือนกัน
ซึ่งส่วนใหญ่จะหงุดหงิดกับพวกแท็กซี่มาก คืออยากจอดไหนก็จอด ขับรถสวนเลนบ้าง
มักง่ายบ้าง ไม่สนใจรถคันอื่นเลย แต่ยังดีที่ทุกครั้งแฟนผมจะคอยห้ามปรามเสมอ
ไม่ให้ของขึ้น จริงๆถ้าคนข้างๆมองว่าแม้อีกฝ่ายจะผิด แต่เราปล่อยไป ลดความใจร้อนลงบ้าง
เอาความปลอดภัยเป็นหลัก เรื่องราวแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แต่ดูจากคลิปแล้วเหมือนทั้งลุงและภรรยา
จะใจร้อนมาก อาม่าเองก็คงรู้ เพราะแทบไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาตอนทั้งคู่เถียงกับคนขับรถตู้เลย
ตอนแรกดูคลิปคิดว่าฝ่ายเด็กเต็มๆที่ทำให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ แต่พอดูคลิปกล้องหน้ารถ
บทสนทนาระหว่างลุงวิศวะ + เมีย กับคนขับรถตู้แล้ว ผมให้พอๆกัน อีกฝ่ายใจร้อน อีกฝ่ายเห็นแก่ตัวที่จอดแบบนั้น
ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม สุดท้ายก็เลยจบแบบนี้