วิศวกรวัย 50 ปี ยิงปืนเข้าใส่กลุ่มวัยรุ่นที่ลงจากรถตู้มาล้อมรถยนต์ของเขาไว้จนเสียชีวิต ที่อำเภออ่างศิลา จังหวัดชลบุรีซึ่งเป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ต่างคนต่างวิพากวิจารณ์ไปกันต่างๆนาๆสำหรับเหตุการณ์นี้และวิศวกรรายนี้ถูกจับกุมดำเนินคดี ทำให้เกิดคำถามจากคนที่เห็นภาพเหตุการณ์ ซึ่งส่วนหนึ่งมองจากพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่น ว่าทำให้วิศวกรจำเป็นต้องป้องกันตัวโดยไม่มีทางเลือก แต่อีกฝ่ายก็มองว่าการป้องกันตัวเช่นนี้ เกินกว่าเหตุหรือไม่ เรื่องนี้ มี 2 ประเด็นทางกฎหมายที่ต้องพิจารณา



วันนี้ (7 ก.พ. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กล้องวงจรปิด จับภาพ “รถตู้” ของกลุ่มวัยรุ่น เข้ามาจอดขวางรถของวิศวกรวัย 50 ปี จากนั้นในภาพเห็นกลุ่มวัยรุ่นลงมาล้อมที่รถที่วิศวกร พยายามเปิดประตูรถ ก่อนที่จะปรากฎภาพวัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งหนีออกไป ซึ่งภายหลังทราบว่า ถูกยิง และมารดาของผู้ตาย บอกว่า เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ

โดยนายปกรณ์ ธรรมโรจน์ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ดูคลิปภาพนี้ และมองว่า พฤติกรรมของวัยรุ่นกลุ่มนี้ที่ลงจากรถตู้และกรูเข้ามาพยายามเปิดประตูรถฝั่งคนขับ อาจแสดงให้เห็นว่า ไม่น่าไว้วางใจ เพราะในรถของวิศวกร มีทั้งมารดา ภรรยา และบุตรอยู่ด้วย ถ้าพิจารณาตามข้อกฎหมายเพียงว่า สามารถใช้ปืนยิงได้หรือไม่ มองได้ว่า การยิงปืนเพื่อ “หยุดเหตุ” ของวิศวกร สามารถตีความได้ว่าเข้าข่ายว่าป้องกันตัว
แต่แม้จะเป็นการป้องกันตัว ก็ยังมีประเด็นอื่นที่ต้องพิสูจน์ว่า การยิงผู้อื่นเสียชีวิต เกินกว่าเหตุหรือไม่ จึงต้องดูทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นแรงจูงใจ ระยะ ทิศทาง เจตนาในการยิง ว่า ประสงค์ต่อชีวิตหรือไม่ เพื่อตัดสินว่า การป้องกันตัวของวิศวกร ถือว่าสมควรหรือเกินกว่าเหตุ
สำหรับคดีลักษณะนี้เกิดขึ้นในสังคมไทยบ่อยครั้ง “การป้องกันตัว” ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างเพื่อพิสูจน์ให้ตรงกับข้อกฎหมาย ซึ่งหลายคดีมี “ปืน” เป็นอาวุธที่ใช้ในการป้องกันตัวเช่นกัน แต่ในบางคดีศาลตัดสินว่าเพียงแค่ยกปืนขึ้นข่มขู่ก็เพียงพอ บางคดีให้ใช้ปืนยิงลงพื้นหรือยิงขึ้นฟ้า ก็เพียงพอที่จะป้องกันเหตุอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ขณะนั้นผู้มีอาวุธปืนสามารถเลือกกระทำอย่างไรได้

http://social.upyim.com/104448/