#93 $$$$$ โต๊ะน้ำชาแฟนโรงพยาบาล ฿฿฿฿฿ FEB. 8 2017
ขอเชิญเพื่อนๆนักลงทุนและผู้ที่สนใจการลงทุนหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลมาสนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะ แบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเล่าประสบการณ์การลงทุนสู่กันฟังครับ
(โดยปกติจะ update วันพุธเช้า สัปดาห์ละครั้ง)
สถานการณ์ทั่วไป :
วานนี้ หุ้นไทย ปิดลบ 0.42 % (ปิดที่1582.52 จุด)
SET ไม่ผ่าน1600 น้ำมันไม่ผ่าน 55 USD/Barrel จึงมีการขายทำกำไรลงมาก่อน
นักลงทุนยังกังวลนโยบาย America First ของ"ทรัมป์" และ มีแรงขายนำออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันที่ปรับลงมาอยู่ระดับ 51.xx USD/Barrel (แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น17 แท่นสู่ระดับ 583 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา)
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ และเปิดสถานะ long
ปัจจัยต่างประเทศกลับมากดดันตลาดหุ้น หลังนักลงทุนประเมินความเสี่ยงจากการเมืองในยุโรปเพิ่มขึ้น เพราะพรรคฝ่ายขวาจัดในเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ที่สนับสนุนการแยกตัวจากอียู มีโอกาสชนะเลือกตั้งในปีนี้
ประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB) ได้ออกมายืนยันความพร้อมในการเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ถ้าหากแนวโน้มเงินเฟ้อของยูโรโซนยังคงซบเซาพร้อมตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสหรัฐ ที่ว่าECB และเยอรมนีเป็นผู้ปั่นค่าเงิน
นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่าภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยในปี 60 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3.3% ใกล้เคียงกับปี 59 มูลค่าการส่งออกจะขยายตัวเล็กน้อยอยู่ที่ 0.8% ภาระหนี้ครัวเรือนจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 82% ของจีดีพี การท่องเที่ยวจะยังเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจไทย เงินเฟ้อคาดว่า จะเห็นการปรับรีบาวนด์สูงขึ้นมาอยู่ที่ 1.8% ดอกเบี้ยนโยบายน่าจะอยู่ที่ระดับ 1.50% ตลอดทั้งปีเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวที่ยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่มาจากพฤติกรรมการหาผลตอบแทนที่สูงกว่า
ข่าวเศรษฐกิจที่น่าสนใจภายในประเทศ :
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน กพ. = 120.59 จุด ทําจุดสูงสุดรอบ 5 เดือน
ค่าเงินบาทแข็งขึ้นมาอยู่แถวๆ 35 Baht/USD
เสนอ ครม. ต่ออายุฟรี VISA 21 ประเทศเข้าไทยอีก 6 เดือน
คาดกําไร 4Q16 Real Sector 212 บริษัท = 1.2 แสนล้านบาท (+12%y-y )
กระทรวงการคลังปรับ GDP ไทยปี 2017 ขึ้นสู่ 3.6% จากเดิมที่ 3.4% ตอบรับเศรษฐกิจฟื้น
ภาคการส่งออกไทย มีแนวโน้มฟื้นตัวดี รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของภาครัฐยังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่อง
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผ.อ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนธ.ค.59 ได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้ดีที่ 6.2% ต่อปีในขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นปัจจัยผลักดันการขยายตัว โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลที่ขยายตัวสูงต่อเนื่องที่ 29.7% ต่อปี
การใช้จ่ายภาคเอกชนในเดือน ธ..ค.มีสัญญาณทรงตัว ในขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่อง
มูลค่าส่งออกปี59 ขยายตัว 6.2%/ปี (ไตรมาส 4/59 ขยายตัว 3.8%/ปี)
ดุลการค้าไตรมาส 4/59 เกินดุลอยู่ที่ 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัว 8.5%/ปี
จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัว 1.1%//ปี
ดัชนีความเชื่อมั่นด้านอุตสาหกรรม (TISI) เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกัน อยู่ที่ระดับ 88.5 (สูงสุดในรอบ 22 เดือน)
ข่าวเศรษฐกิจที่น่าสนใจต่างประเทศ:
กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนี รายงานว่ายอดคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.เทียบรายเดือนทำสถิติเดือนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี และยังเหนือกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 0.5 ด้วย
Ifo สถาบันวิจัยเศรษฐกิจเยอรมันเปดเผยวา ดัชนีคาดการณการขยายตัวการสงออกของกลุมผู้ผลิตเยอรมันปรับตัวขึ้นแตะระดับ 12.0 ในเดือนมกราคม จากระดับ 8.2 ในเดือนธันวาคม
วานนี้ ตลาดหุ้นจีน -0.11% ตลาดหุ้นอินเดีย -0.37%
ตลาดหุ้นอเมริกา DJIA +0.19% NASDAQ +0.19%
S&P 500 +0.02% US $ Index +0.55% = 100.39
ตลาดหุ้นเยอรมัน +0.34% S&P500 VIX -0.7%(= 11.29)
GOLD = 1235.5 USD/Ounce
JPM Global Healthcare +0.46% = 239.77 (+3.83% จากต้นปี )
หุ้นในกลุ่มร.พ
(update ทุกเย็นวันอังคาร)
AHC 35.5
BCH 13.7
BDMS 21.3
BH 179
CHG 2.86
CMR 4.60
EKH 6.70
KDH 106.5
LPH 9.70
M-CHAI 326
NEW 47.75
NTV 51
RAM 3300
RJH 27.50
SKR 50
SVH 349
TNH 38.25
VIBHA 3.02
VIH 12.6
(การลงทุนมีความเสี่ยง ข้อมูลที่สนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะกันไม่ถือว่าเป็นการชี้นำ ควรศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจโดยใช้วิจารณญาณของตนเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน )
* ตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ใหม่พ.ศ.2559 การคาดการณ์หรือวิเคราะห์ผลการดำเนินงานหรือราคาหุ้น ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือนข้อมูลอันจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นและการตัดสินใจลงทุน
*ข่าวแนวทางแก้ไขปัญหาอัตราค่ายาและค่ารักษาพยาบาลเป็นสิ่งที่ดี ที่จะช่วยให้เกิดความยุติธรรมกับผู้บริโภคและช่วยให้การบริหารจัดการของ ร.พ.เป็นระบบระเบียบ มีธรรมภิบาลและจริยธรรมเพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลดีต่อทั้งผู้ใช้บริการและต่อร.พ.เอง ทำให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว
*Link เพลงในยูทูป เป็นไปเพื่อความบันเทิง เพื่อเผยแพร่ยกย่องในเกียรติคุณและคุณภาพของเพลง มิได้เป็นไปเพื่อธุรกิจการค้าหรือผลประโยชน์อื่นแต่อย่างใดทั้งสิ้น
* โต๊ะน้ำชาฯไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ราคาค่ารักษาพยาบาลและราคาหุ้นแพงเกินจริง มากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ แต่มุ่งส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารประสบการณ์ลงทุน เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยมีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซื้อและขายถูกจังหวะ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
$$$$$ โต๊ะน้ำชาแฟนโรงพยาบาล ฿฿฿฿฿ FEB. 8 2017
ขอเชิญเพื่อนๆนักลงทุนและผู้ที่สนใจการลงทุนหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลมาสนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะ แบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และเล่าประสบการณ์การลงทุนสู่กันฟังครับ (โดยปกติจะ update วันพุธเช้า สัปดาห์ละครั้ง)
สถานการณ์ทั่วไป :
วานนี้ หุ้นไทย ปิดลบ 0.42 % (ปิดที่1582.52 จุด)
SET ไม่ผ่าน1600 น้ำมันไม่ผ่าน 55 USD/Barrel จึงมีการขายทำกำไรลงมาก่อน
นักลงทุนยังกังวลนโยบาย America First ของ"ทรัมป์" และ มีแรงขายนำออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันที่ปรับลงมาอยู่ระดับ 51.xx USD/Barrel (แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐมีจำนวนเพิ่มขึ้น17 แท่นสู่ระดับ 583 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา)
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ และเปิดสถานะ long
ปัจจัยต่างประเทศกลับมากดดันตลาดหุ้น หลังนักลงทุนประเมินความเสี่ยงจากการเมืองในยุโรปเพิ่มขึ้น เพราะพรรคฝ่ายขวาจัดในเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ที่สนับสนุนการแยกตัวจากอียู มีโอกาสชนะเลือกตั้งในปีนี้
ประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB) ได้ออกมายืนยันความพร้อมในการเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ถ้าหากแนวโน้มเงินเฟ้อของยูโรโซนยังคงซบเซาพร้อมตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสหรัฐ ที่ว่าECB และเยอรมนีเป็นผู้ปั่นค่าเงิน
นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่าภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยในปี 60 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3.3% ใกล้เคียงกับปี 59 มูลค่าการส่งออกจะขยายตัวเล็กน้อยอยู่ที่ 0.8% ภาระหนี้ครัวเรือนจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 82% ของจีดีพี การท่องเที่ยวจะยังเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจไทย เงินเฟ้อคาดว่า จะเห็นการปรับรีบาวนด์สูงขึ้นมาอยู่ที่ 1.8% ดอกเบี้ยนโยบายน่าจะอยู่ที่ระดับ 1.50% ตลอดทั้งปีเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวที่ยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่มาจากพฤติกรรมการหาผลตอบแทนที่สูงกว่า
ข่าวเศรษฐกิจที่น่าสนใจภายในประเทศ :
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน กพ. = 120.59 จุด ทําจุดสูงสุดรอบ 5 เดือน
ค่าเงินบาทแข็งขึ้นมาอยู่แถวๆ 35 Baht/USD
เสนอ ครม. ต่ออายุฟรี VISA 21 ประเทศเข้าไทยอีก 6 เดือน
คาดกําไร 4Q16 Real Sector 212 บริษัท = 1.2 แสนล้านบาท (+12%y-y )
กระทรวงการคลังปรับ GDP ไทยปี 2017 ขึ้นสู่ 3.6% จากเดิมที่ 3.4% ตอบรับเศรษฐกิจฟื้น
ภาคการส่งออกไทย มีแนวโน้มฟื้นตัวดี รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของภาครัฐยังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่อง
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผ.อ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนธ.ค.59 ได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวได้ดีที่ 6.2% ต่อปีในขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นปัจจัยผลักดันการขยายตัว โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลที่ขยายตัวสูงต่อเนื่องที่ 29.7% ต่อปี
การใช้จ่ายภาคเอกชนในเดือน ธ..ค.มีสัญญาณทรงตัว ในขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่อง
มูลค่าส่งออกปี59 ขยายตัว 6.2%/ปี (ไตรมาส 4/59 ขยายตัว 3.8%/ปี)
ดุลการค้าไตรมาส 4/59 เกินดุลอยู่ที่ 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัว 8.5%/ปี
จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัว 1.1%//ปี
ดัชนีความเชื่อมั่นด้านอุตสาหกรรม (TISI) เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกัน อยู่ที่ระดับ 88.5 (สูงสุดในรอบ 22 เดือน)
ข่าวเศรษฐกิจที่น่าสนใจต่างประเทศ:
กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนี รายงานว่ายอดคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.เทียบรายเดือนทำสถิติเดือนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี และยังเหนือกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะขยายตัวเพียงร้อยละ 0.5 ด้วย
Ifo สถาบันวิจัยเศรษฐกิจเยอรมันเปดเผยวา ดัชนีคาดการณการขยายตัวการสงออกของกลุมผู้ผลิตเยอรมันปรับตัวขึ้นแตะระดับ 12.0 ในเดือนมกราคม จากระดับ 8.2 ในเดือนธันวาคม
วานนี้ ตลาดหุ้นจีน -0.11% ตลาดหุ้นอินเดีย -0.37%
ตลาดหุ้นอเมริกา DJIA +0.19% NASDAQ +0.19%
S&P 500 +0.02% US $ Index +0.55% = 100.39
ตลาดหุ้นเยอรมัน +0.34% S&P500 VIX -0.7%(= 11.29)
GOLD = 1235.5 USD/Ounce
JPM Global Healthcare +0.46% = 239.77 (+3.83% จากต้นปี )
หุ้นในกลุ่มร.พ
(update ทุกเย็นวันอังคาร)
AHC 35.5
BCH 13.7
BDMS 21.3
BH 179
CHG 2.86
CMR 4.60
EKH 6.70
KDH 106.5
LPH 9.70
M-CHAI 326
NEW 47.75
NTV 51
RAM 3300
RJH 27.50
SKR 50
SVH 349
TNH 38.25
VIBHA 3.02
VIH 12.6
(การลงทุนมีความเสี่ยง ข้อมูลที่สนทนาแลกเปลี่ยนทรรศนะกันไม่ถือว่าเป็นการชี้นำ ควรศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจโดยใช้วิจารณญาณของตนเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน )
* ตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ใหม่พ.ศ.2559 การคาดการณ์หรือวิเคราะห์ผลการดำเนินงานหรือราคาหุ้น ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือนข้อมูลอันจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นและการตัดสินใจลงทุน
*ข่าวแนวทางแก้ไขปัญหาอัตราค่ายาและค่ารักษาพยาบาลเป็นสิ่งที่ดี ที่จะช่วยให้เกิดความยุติธรรมกับผู้บริโภคและช่วยให้การบริหารจัดการของ ร.พ.เป็นระบบระเบียบ มีธรรมภิบาลและจริยธรรมเพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลดีต่อทั้งผู้ใช้บริการและต่อร.พ.เอง ทำให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว
*Link เพลงในยูทูป เป็นไปเพื่อความบันเทิง เพื่อเผยแพร่ยกย่องในเกียรติคุณและคุณภาพของเพลง มิได้เป็นไปเพื่อธุรกิจการค้าหรือผลประโยชน์อื่นแต่อย่างใดทั้งสิ้น
* โต๊ะน้ำชาฯไม่ได้มีจุดประสงค์ให้ราคาค่ารักษาพยาบาลและราคาหุ้นแพงเกินจริง มากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ แต่มุ่งส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารประสบการณ์ลงทุน เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยมีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซื้อและขายถูกจังหวะ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา