38
ดวงใจที่ถูกลืม
โดย ฮาร์โมนิก้า
ห้องอาหารกึ่งคาเฟและบาร์ย่านริมชายหาดเซนท์กิลด้ามีคนไม่แน่นนักในวันอังคาร
อบิเกลนัดกินกลางวันกับนีล หากแต่นีลติดธุระกะทันหันจึงขอให้นาตาลีมาแทน หญิงสาวไม่โกรธที่คู่หมั้นหนุ่ม
โทรมาบอกว่ามากินกลางวันกับเธอไม่ได้ในยามที่เธอออกจากบ้านมาแล้ว แม้เขาจะไม่ได้เสนอให้นาตาลีมากิน
ด้วยแทน เธอก็อาจรู้สึกผิดแผนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายกว่านั้น การได้มานั่งกินกลางวัน ดื่มไวน์ดีๆ
ในบรรยากาศชายทะเลย่านเซนต์กิลด้าเป็นอะไรที่เธอคิดถึงมาก และไม่รังเกียจแม้จะต้องมานั่งคนเดียวด้วยซ้ำ
อบิเกลจิบน้ำแร่คอย ยังไม่อยากรีบดื่มไวน์คอยเพราะไม่อยากดื่มมากเกินไป นาตาลียังมาไม่ถึงและที่จริงเธอก็
สามารถนั่งคอยได้อย่างสบายๆ หากไม่ใช่ด้วยสายตาจับจ้องของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ผู้เพิ่งเดินเข้ามาในร้านหลังจะ
เธอไม่นาน และเขาก็เริ่มจ้องมองเธอนับแต่ลงนั่งที่โต๊ะซึ่งอยู่ห่างออกไปราวสามตัว เธอคุ้นว่าเดินสวนกับเขา
ตรงทางเดินจากลานจอดรถมายังร้านอาหารนี้ ตอนที่เดินสวนเขาก็จ้องมองเธอแบบนี้เช่นกัน
ใครกันนะ ทำไมเขาจึงเฝ้ามองมายังเธอเรื่อยๆ ราวกับว่ารู้จักกัน เขาเป็นคนรูปร่างหน้าตาดีมากคนหนึ่งทีเดียว
ทว่าการมองมาของเขาไม่ใช่ในลักษณะสนใจอยากรู้จัก หากแต่เป็นสายตาจับจ้อง ราวกับคาดหวังปฏิกิริยาอะไร
บางอย่างจากเธอ เขาต้องการอะไรจากเธออย่างนั้นหรือ นี่เขาเจตนาเดินตามเธอเข้ามาในร้านนี้หรือเปล่า
“สวัสดีจ้ะแอ๊บบี้ รอนานมั้ย ขอโทษนะที่มาช้า กว่าจะหลุดออกจากห้องประชุมได้ นึกว่าจะเร็วกว่านี้” นาตาลีออก
ตัวทันทีหลังจากทักทายกับอบิเกล “เป็นอะไรหรือ แอ๊บบี้ ทำไมทำหน้าเหมือนมีอะไร โกรธฉันหรือเปล่า”
หญิงสาวส่ายศีรษะ “เปล่าแน็ท ฉันเพิ่งมาถึงไม่นานเท่าไหร่หรอก สั่งอาหารเถอะ เธอต้องรีบกลับเข้าออฟฟิศรึเปล่า”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ ฉันอยู่กับเธอได้ถึงบ่ายสองเลย เราลันช์กันสบายๆ ได้นะ”
“ก็ดีน่ะสิ” อบิเกลยิ้ม มองดูนาตาลีส่งสายตาขอเมนูอาหารจากบริกรในร้าน เธอเลี่ยงสบตาชายหนุ่มผมสีน้ำตาลดำผู้นั้น
ที่ยังคงมองมายังเธอ และเลือกมองเมนูอาหาร เขาเป็นใครกันนะ เธออดปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความรู้สึกวาบหวิวแบบแปลกๆ
ในยามที่มองสบตาเขาคนนั้น
นี่เธอคิดอะไร เธอมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะ อบิเกล
“นีลฝากขอโทษนะที่มากินกลางวันด้วยไม่ได้ เขาต้องไปกินกับสสท่านอื่นของพรรค แต่บอกว่ายังไงมื้อค่ำจะไปรับเธอนะ
ที่รัก เธอสบายใจได้”
อบิเกลยิ้ม ไม่ตอบอะไร เมื่อสั่งอาหารเสร็จเพื่อนสาวก็เริ่มคุยต่อ
“กำหนดเรื่องงานแต่งไว้แล้วใช่มั้ยแอ๊บบี้ เห็นนีลให้ฉันเริ่มจัดการติดต่อเว็ดดิ้งแพลนเนอร์มารับบรีฟแล้ว เธอคุยกับเขา
หรือยังว่าต้องการอะไรยังไง หรือจะให้นีลจัดการฝ่ายเดียว มันไม่ถูกนะ เธอควรมีส่วนร่วมในงานแต่งงานของตัวเองนะ
แอ๊บบี้”
อบิเกลนิ่ง อะไรบางอย่างซึ่งเธอไม่เข้าใจเหมือนกันทำให้เธอรู้สึกอยากประวิงเวลาเรื่องการจัดงานแต่งงานนี้ออกไปก่อน
เธอไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร เมื่อก่อนเธออาจรู้สึกตื่นเต้นกว่านี้กับงานแต่งงาน แต่เวลานี้เธอกลับรู้สึกว่าเธออาจจะยังไม่
พร้อม หากแต่นีลพยายามหว่านล้อมและบอกว่าเวลานี้เธอควรมีคนดูแล และเขาก็พร้อมจะดูแลเธอ
“นีลพูดเหมือนกันจ้ะแน็ท บอกว่าจะให้เว็ดดิ้งแพลนเนอร์เข้ามาฟังบรีฟของเราสองคน แล้วค่อยรอดูว่าจะนำเสนออะไร
มายังไง”
“ตื่นเต้นมั้ยแอ๊บบี้ กำลังจะได้เป็นเจ้าสาวของหนุ่มที่ฮ็อทที่สุดในเมลเบิร์นเวลานี้เลย”
อบิเกลนิ่งไปครู่กับคำถามนั้น เธออาจจะเคยรู้สึกภูมิใจ แต่เวลานี้.. เพราะอะไรนะ หญิงสาวเผลอเหลือบตาขึ้นมองชายผม
สีน้ำตาลดำ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัด และใบหน้าคมเข้มสะดุดตาผู้นั้นอีกครั้ง เขาไม่ได้สั่งอาหาร ดื่มเพียงกาแฟหนึ่งแก้ว
วางเงินทิ้งไว้และลุกออกจากโต๊ะอาหารไปแล้ว หญิงสาวตกใจตัวเองที่จู่ๆ ก็รู้สึกอาวรณ์ชายแปลกหน้าผู้นั้นขึ้นมาอย่าง
ประหลาด
“ก็… ไม่รู้เหมือนกันสิแน็ท ฉัน… รู้สึก”
“รู้สึกอะไรหรือแอ๊บบี้”
เธอมองหน้าเพื่อนสาว ไม่แน่ใจว่าควรระบายความรู้สึกให้ฟังหรือไม่ “เปล่าหรอก คงเป็นอาการตื่นเต้นปกติของพวกว่า
ที่เจ้าสาวมั้ง มัน… เกิดอาการ … คล้ายไม่แน่ใจน่ะ”
นาตาลีเขม้นมองนิ่งจนอบิเกลรู้สึกอึดอัด เพื่อนสาวยิ้มออกมาก่อนเอื้อมมือมาคว้ามือเธอขึ้นมาจับไว้อย่างให้กำลังใจ
“คงเป็นอาการตื่นเต้นปกติของเจ้าสาวนั่นล่ะแอ๊บบี้ เธอโชคดีออกที่จะได้เป็นเจ้าสาวของนีล ว่าไปที่จริง นีลก็โชคดีมาก
เช่นกันนะ ที่จะได้นางสาวอบิเกล วอลเด็นมหาเศรษฐีนีรายใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียมาเป็นเจ้าสาวของเขา”
อบิเกลสะอึกเบาๆ ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา คุณค่าที่เธอพอจะมีให้กับนีล แม็กซ์เวลในสายตาของคนภายนอกคงมีเพียง
เท่านี้สินะ เมื่อก่อนก็เพราะเป็นทายาทมหาเศรษฐีติดอันดับหนึ่งในห้าของออสเตรเลีย เวลานี้รอเจอร์เสียชีวิตไป และ
เธอคือผู้รับมรดกทั้งหมด เธอจึงกลายเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในออสเตรเลีย
“ขอบใจจ้ะแน็ท”
เธอรับคำเพื่อนเบาๆ รู้สึกยินดีที่บริกรเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารทำให้เธอสามารถเปลี่ยนเรื่องคุยใหม่
“แล้วเธอจะไปหางานด้านการเต้นรำทำงั้นหรือ” นาตาลีถาม
“ก็คิดว่าจะลองไปดูตามโรงเรียนนะ แล้วก็พวกสตูดิโอสอนเต้นรำ ฉันคิดว่าจะวาดภาพด้วย ทำทั้งสองอย่าง เป็น
งานอิสระ”
“แล้วธุรกิจของมิสเตอร์วอลเด็นล่ะ”
“มีผู้บริหารชุดเดิมบริหารอยู่ ฉันเข้าประชุมแค่ปีละสี่ห้าครั้งเท่านั้น ฉันไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธานเหมือนสมัยพ่อ
หรอกนะแน็ท ฉันไม่ถนัด ก็ให้ผู้บริหารเดิมของพ่อจัดการต่อไปดีกว่า”
“ก็ดีเหมือนกัน ยังไงเธอก็มีทนายความกับชุดที่ปรึกษาทางการเงินคอยตรวจตราผลประโยชน์ให้อยู่แล้ว เฮ้อ! เกิด
เป็นเธอนี่ดีจริงๆ นะ อยากทำอะไรก็ได้ ไม่อยากทำงานน่าเบื่อก็ทำได้ ยังไงก็มีกินมีใช้ มีคนคอยรองมือรองเท้ารอ
รับใช้ตลอด”
“พูดอะไรแบบนั้นแน็ท คนเราทุกคนก็มีดีมีเสียในชีวิตของตัวเองทั้งนั้น ฉันเองกลับอิจฉาที่เธอค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบ
และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ตัวฉันเอง ยังไม่ได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ”
“เดี๋ยวเธอก็ได้เริ่มนะแอ๊บบี้” นาตาลียืนยัน “อ้อ จริงสิ ฉันมีเรื่องเช็คค่าใช้จ่ายของมูลนิธิมาด้วย ทางมูลนิธิจำเป็นต้อง
ขอรับบริจาคจากผู้สนับสนุนเป็นการเพิ่มเติมพิเศษนะ เพราะเราจะสร้างตึกใหม่เป็นตึกสันธนาการ”
อบิเกลนั่งฟังนาตาลีร่ายรายละเอียดโครงการต่างๆ ที่รวมแล้วใช้เงินอีกหลายเกือบหนึ่งล้านเหรียญก็ตัดบท
“ฝากส่งรายละเอียดไปที่อีเมลฉันก่อนนะแน็ท ฉันจะเปิดอ่านดูอีกทีหนึ่ง”
“ได้จ้ะ แอ๊บบี้”
รักในรอยฝัน บทที่ 38 ดวงใจที่ถูกลืม
ดวงใจที่ถูกลืม
โดย ฮาร์โมนิก้า
ห้องอาหารกึ่งคาเฟและบาร์ย่านริมชายหาดเซนท์กิลด้ามีคนไม่แน่นนักในวันอังคาร
อบิเกลนัดกินกลางวันกับนีล หากแต่นีลติดธุระกะทันหันจึงขอให้นาตาลีมาแทน หญิงสาวไม่โกรธที่คู่หมั้นหนุ่ม
โทรมาบอกว่ามากินกลางวันกับเธอไม่ได้ในยามที่เธอออกจากบ้านมาแล้ว แม้เขาจะไม่ได้เสนอให้นาตาลีมากิน
ด้วยแทน เธอก็อาจรู้สึกผิดแผนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายกว่านั้น การได้มานั่งกินกลางวัน ดื่มไวน์ดีๆ
ในบรรยากาศชายทะเลย่านเซนต์กิลด้าเป็นอะไรที่เธอคิดถึงมาก และไม่รังเกียจแม้จะต้องมานั่งคนเดียวด้วยซ้ำ
อบิเกลจิบน้ำแร่คอย ยังไม่อยากรีบดื่มไวน์คอยเพราะไม่อยากดื่มมากเกินไป นาตาลียังมาไม่ถึงและที่จริงเธอก็
สามารถนั่งคอยได้อย่างสบายๆ หากไม่ใช่ด้วยสายตาจับจ้องของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ผู้เพิ่งเดินเข้ามาในร้านหลังจะ
เธอไม่นาน และเขาก็เริ่มจ้องมองเธอนับแต่ลงนั่งที่โต๊ะซึ่งอยู่ห่างออกไปราวสามตัว เธอคุ้นว่าเดินสวนกับเขา
ตรงทางเดินจากลานจอดรถมายังร้านอาหารนี้ ตอนที่เดินสวนเขาก็จ้องมองเธอแบบนี้เช่นกัน
ใครกันนะ ทำไมเขาจึงเฝ้ามองมายังเธอเรื่อยๆ ราวกับว่ารู้จักกัน เขาเป็นคนรูปร่างหน้าตาดีมากคนหนึ่งทีเดียว
ทว่าการมองมาของเขาไม่ใช่ในลักษณะสนใจอยากรู้จัก หากแต่เป็นสายตาจับจ้อง ราวกับคาดหวังปฏิกิริยาอะไร
บางอย่างจากเธอ เขาต้องการอะไรจากเธออย่างนั้นหรือ นี่เขาเจตนาเดินตามเธอเข้ามาในร้านนี้หรือเปล่า
“สวัสดีจ้ะแอ๊บบี้ รอนานมั้ย ขอโทษนะที่มาช้า กว่าจะหลุดออกจากห้องประชุมได้ นึกว่าจะเร็วกว่านี้” นาตาลีออก
ตัวทันทีหลังจากทักทายกับอบิเกล “เป็นอะไรหรือ แอ๊บบี้ ทำไมทำหน้าเหมือนมีอะไร โกรธฉันหรือเปล่า”
หญิงสาวส่ายศีรษะ “เปล่าแน็ท ฉันเพิ่งมาถึงไม่นานเท่าไหร่หรอก สั่งอาหารเถอะ เธอต้องรีบกลับเข้าออฟฟิศรึเปล่า”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ ฉันอยู่กับเธอได้ถึงบ่ายสองเลย เราลันช์กันสบายๆ ได้นะ”
“ก็ดีน่ะสิ” อบิเกลยิ้ม มองดูนาตาลีส่งสายตาขอเมนูอาหารจากบริกรในร้าน เธอเลี่ยงสบตาชายหนุ่มผมสีน้ำตาลดำผู้นั้น
ที่ยังคงมองมายังเธอ และเลือกมองเมนูอาหาร เขาเป็นใครกันนะ เธออดปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความรู้สึกวาบหวิวแบบแปลกๆ
ในยามที่มองสบตาเขาคนนั้น
นี่เธอคิดอะไร เธอมีคู่หมั้นอยู่แล้วนะ อบิเกล
“นีลฝากขอโทษนะที่มากินกลางวันด้วยไม่ได้ เขาต้องไปกินกับสสท่านอื่นของพรรค แต่บอกว่ายังไงมื้อค่ำจะไปรับเธอนะ
ที่รัก เธอสบายใจได้”
อบิเกลยิ้ม ไม่ตอบอะไร เมื่อสั่งอาหารเสร็จเพื่อนสาวก็เริ่มคุยต่อ
“กำหนดเรื่องงานแต่งไว้แล้วใช่มั้ยแอ๊บบี้ เห็นนีลให้ฉันเริ่มจัดการติดต่อเว็ดดิ้งแพลนเนอร์มารับบรีฟแล้ว เธอคุยกับเขา
หรือยังว่าต้องการอะไรยังไง หรือจะให้นีลจัดการฝ่ายเดียว มันไม่ถูกนะ เธอควรมีส่วนร่วมในงานแต่งงานของตัวเองนะ
แอ๊บบี้”
อบิเกลนิ่ง อะไรบางอย่างซึ่งเธอไม่เข้าใจเหมือนกันทำให้เธอรู้สึกอยากประวิงเวลาเรื่องการจัดงานแต่งงานนี้ออกไปก่อน
เธอไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร เมื่อก่อนเธออาจรู้สึกตื่นเต้นกว่านี้กับงานแต่งงาน แต่เวลานี้เธอกลับรู้สึกว่าเธออาจจะยังไม่
พร้อม หากแต่นีลพยายามหว่านล้อมและบอกว่าเวลานี้เธอควรมีคนดูแล และเขาก็พร้อมจะดูแลเธอ
“นีลพูดเหมือนกันจ้ะแน็ท บอกว่าจะให้เว็ดดิ้งแพลนเนอร์เข้ามาฟังบรีฟของเราสองคน แล้วค่อยรอดูว่าจะนำเสนออะไร
มายังไง”
“ตื่นเต้นมั้ยแอ๊บบี้ กำลังจะได้เป็นเจ้าสาวของหนุ่มที่ฮ็อทที่สุดในเมลเบิร์นเวลานี้เลย”
อบิเกลนิ่งไปครู่กับคำถามนั้น เธออาจจะเคยรู้สึกภูมิใจ แต่เวลานี้.. เพราะอะไรนะ หญิงสาวเผลอเหลือบตาขึ้นมองชายผม
สีน้ำตาลดำ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัด และใบหน้าคมเข้มสะดุดตาผู้นั้นอีกครั้ง เขาไม่ได้สั่งอาหาร ดื่มเพียงกาแฟหนึ่งแก้ว
วางเงินทิ้งไว้และลุกออกจากโต๊ะอาหารไปแล้ว หญิงสาวตกใจตัวเองที่จู่ๆ ก็รู้สึกอาวรณ์ชายแปลกหน้าผู้นั้นขึ้นมาอย่าง
ประหลาด
“ก็… ไม่รู้เหมือนกันสิแน็ท ฉัน… รู้สึก”
“รู้สึกอะไรหรือแอ๊บบี้”
เธอมองหน้าเพื่อนสาว ไม่แน่ใจว่าควรระบายความรู้สึกให้ฟังหรือไม่ “เปล่าหรอก คงเป็นอาการตื่นเต้นปกติของพวกว่า
ที่เจ้าสาวมั้ง มัน… เกิดอาการ … คล้ายไม่แน่ใจน่ะ”
นาตาลีเขม้นมองนิ่งจนอบิเกลรู้สึกอึดอัด เพื่อนสาวยิ้มออกมาก่อนเอื้อมมือมาคว้ามือเธอขึ้นมาจับไว้อย่างให้กำลังใจ
“คงเป็นอาการตื่นเต้นปกติของเจ้าสาวนั่นล่ะแอ๊บบี้ เธอโชคดีออกที่จะได้เป็นเจ้าสาวของนีล ว่าไปที่จริง นีลก็โชคดีมาก
เช่นกันนะ ที่จะได้นางสาวอบิเกล วอลเด็นมหาเศรษฐีนีรายใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียมาเป็นเจ้าสาวของเขา”
อบิเกลสะอึกเบาๆ ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา คุณค่าที่เธอพอจะมีให้กับนีล แม็กซ์เวลในสายตาของคนภายนอกคงมีเพียง
เท่านี้สินะ เมื่อก่อนก็เพราะเป็นทายาทมหาเศรษฐีติดอันดับหนึ่งในห้าของออสเตรเลีย เวลานี้รอเจอร์เสียชีวิตไป และ
เธอคือผู้รับมรดกทั้งหมด เธอจึงกลายเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในออสเตรเลีย
“ขอบใจจ้ะแน็ท”
เธอรับคำเพื่อนเบาๆ รู้สึกยินดีที่บริกรเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารทำให้เธอสามารถเปลี่ยนเรื่องคุยใหม่
“แล้วเธอจะไปหางานด้านการเต้นรำทำงั้นหรือ” นาตาลีถาม
“ก็คิดว่าจะลองไปดูตามโรงเรียนนะ แล้วก็พวกสตูดิโอสอนเต้นรำ ฉันคิดว่าจะวาดภาพด้วย ทำทั้งสองอย่าง เป็น
งานอิสระ”
“แล้วธุรกิจของมิสเตอร์วอลเด็นล่ะ”
“มีผู้บริหารชุดเดิมบริหารอยู่ ฉันเข้าประชุมแค่ปีละสี่ห้าครั้งเท่านั้น ฉันไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธานเหมือนสมัยพ่อ
หรอกนะแน็ท ฉันไม่ถนัด ก็ให้ผู้บริหารเดิมของพ่อจัดการต่อไปดีกว่า”
“ก็ดีเหมือนกัน ยังไงเธอก็มีทนายความกับชุดที่ปรึกษาทางการเงินคอยตรวจตราผลประโยชน์ให้อยู่แล้ว เฮ้อ! เกิด
เป็นเธอนี่ดีจริงๆ นะ อยากทำอะไรก็ได้ ไม่อยากทำงานน่าเบื่อก็ทำได้ ยังไงก็มีกินมีใช้ มีคนคอยรองมือรองเท้ารอ
รับใช้ตลอด”
“พูดอะไรแบบนั้นแน็ท คนเราทุกคนก็มีดีมีเสียในชีวิตของตัวเองทั้งนั้น ฉันเองกลับอิจฉาที่เธอค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบ
และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ตัวฉันเอง ยังไม่ได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ”
“เดี๋ยวเธอก็ได้เริ่มนะแอ๊บบี้” นาตาลียืนยัน “อ้อ จริงสิ ฉันมีเรื่องเช็คค่าใช้จ่ายของมูลนิธิมาด้วย ทางมูลนิธิจำเป็นต้อง
ขอรับบริจาคจากผู้สนับสนุนเป็นการเพิ่มเติมพิเศษนะ เพราะเราจะสร้างตึกใหม่เป็นตึกสันธนาการ”
อบิเกลนั่งฟังนาตาลีร่ายรายละเอียดโครงการต่างๆ ที่รวมแล้วใช้เงินอีกหลายเกือบหนึ่งล้านเหรียญก็ตัดบท
“ฝากส่งรายละเอียดไปที่อีเมลฉันก่อนนะแน็ท ฉันจะเปิดอ่านดูอีกทีหนึ่ง”
“ได้จ้ะ แอ๊บบี้”