การเดินทางในประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ จะเป็นการใช้พาสรถไฟ
JR EAST PASS (Nagano-Niigata Area) ใบเดียวอยู่ยาวตลอดทริป พาสนี้สามารถเลือกใช้ได้ 5 วัน จากระยะเวลา 14 วันตั้งแต่วันที่ออกตั๋ว หมายความว่าเราไม่จำเป็นจะต้องใช้พาสเดินทางทุกวันนั่นเอง ราคา 17,000 เยนหากซื้อพาสล่วงหน้าในไทย แต่ถ้าซื้อที่ญี่ปุ่นก็จะแพงขึ้นอีก 1,000 เยน ทริปนี้ตั้งใจจะขึ้นรถไฟ Shinkansen จากสถานี Tokyo นั่งชมวิวกันไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางภาคตะวันออก ท่องเที่ยว 3 จังหวัดด้วยกัน คือ
นะงะโนะ (Nagano) นิอิงะตะ (Niigata) และ
กุนมะ(Gunma)
ครั้งนี้เริ่มต้นการเดินทางกันที่สถานีโตเกียว โดยทำการแลก JR EAST PASS เพื่อใช้ในการเดินทางที่ออฟฟิศของ JR East Travel Service Center ใน สถานี Tokyo ด้านในจะมีเคาเตอร์คอยให้บริการนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับการใช้พาส ขั้นตอนการออกพาส บริการจองที่นั่งในรถไฟ พร้อมให้คำแนะนำในเรื่องของการท่องเที่ยว สำหรับใครที่ยังไม่แพลนการเดินทางหรือยังไม่ได้จองโรงแรมมา ที่นี่ก็มีบริการทัวร์ต่างๆ รวมถึงรับจองโรงแรมให้อีกด้วย
หรือใครสะดวกแลกพาสที่สนามบินหรือสถานีอื่นๆ ก็ทำได้เหมือนกันนะ
จังหวัดนะงะโนะ (Nagano)
เริ่มต้นเดินทางจากสถานี Tokyo มาถึงยังสถานี Sakudaira ด้วยรถไฟ Shinkansen ขบวน Hakutaka โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ แล้วต่อรถไฟ JR ธรรมดาสาย Koumi ลงที่สถานี Komoro อีกเพียง 15 นาที ก็จะถึงเมืองโคะโมะโระ (Komoro)
เมืองโคะโมะโระ (Komoro) เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม อีกทั้งธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์อีกเมืองหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดนะงะโนะ เดินเที่ยวชมย่านเมืองเก่าถนน Old Hokkoku-Kaido บ้านพ่อค้าที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโคะโมะโระ ย่านธุรกิจการค้าเก่าสุดคึกคักที่ยังคงสืบทอดตำนานและภูมิปัญญาของคนในอดีตสู่ยุคปัจจุบัน เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เช่น โรงบ่มและผลิตสาเกโบราณที่สืบทอดกรรมวิธีการผลิตจนถึงรุ่นปัจจุบันร่วม 300 ปี, ร้านที่ขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกระดาษชื่อดังที่ส่งขายไปทั่วญี่ปุ่น, ตึกธนาคารเก่าซึ่งปัจจุบันได้แปลงสภาพเป็นร้านขายเครื่องจานชามเซรามิกโบราณรวมถึงของเก่าวินเทจอีกมากมาย, พิพิธภัณฑ์ตุ้กตาเด็กผู้หญิงและชุดกิโมโน ครั้งหนึ่งเคยเป็นคฤหาสน์หลังงามเพื่อพักระหว่างเส้นทางสู่เอโดะของบรรดาไดเมียวและขุนนางในอดีต
สวนโคะโมะโระไคโคเอ็น (Komoro Kaikoen) หรือสวนไคโคเอนปราสาทโคะโมะโระ (Castle Ruin Park Kaikoen) ตั้งอยู่บริเวณซากกำแพงปราสาทที่เคยเป็นที่ตั้งของอดีตปราสาทโคะโมะโระอันยิ่งใหญ่ ปัจจุบันเหลือทิ้งไว้เพียงประตูและซากกำแพงของปราสาท ทิวทัศน์ของภูเขาอะซะมะที่สวยงาม และแม่น้ำชิกุมะ แม่น้ำที่ยาวที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ที่นี่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสถานที่ชมดอกซากุระที่สวยที่สุด 1 ใน 100 ของญี่ปุ่นด้วย บริเวณซากปราสาทภาพเต็มไปด้วยสีเขียวชอุ่มของบรรดามอสที่ขึ้นอยู่ทั่วทั้งบริเวณกำแพงหิน ทำให้ที่สวนแห่งนี้ได้รับความนิยมอย่างมากมายจากบรรดานักท่องเที่ยว และอีกหนึ่งบริการพิเศษที่น่าสนใจก็คือการนั่งรถลากโบราณ Jinrikisya ชมทัศนียภาพรอบๆ สวนไคโคเอน โดยระหว่างทางผู้ลากรถจะเล่าถึงประวัติของสถานที่แต่ละจุดในสวน มีค่าบริการ 2,000 เยนสำหรับสองท่านใช้เวลารอบละประมาณ 10 นาที
จากสถานี Komoro สามารถเดินไปได้ประมาณ 3 นาที
วัดนูโนะบิกิ คันนง (Nunobiki Kannon) วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 748 ตั้งอยู่บนเขา ใช้เวลาเดินเท้าขึ้นไปราว 15 นาที ด้านบนจะเป็นที่ตั้งของวัดที่สร้างขึ้นอยู่บนหน้าผาของภูเขาหิน ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหรือชาวญี่ปุ่นเรียกว่า คันนง โดยมีภูเขาอะซะมะ (Mt.Asama) ขนาดใหญ่เป็นฉากหลังสวยๆ
จากสถานีรถไฟ Komoro โดยสารรถแท็กซี่ 7 นาที
จากนี้เดินทางต่อไปยังสถานี JR Nagano ด้วย Shinkansen อีกประมาณ 20 กว่านาที
เริ่มต้นกันที่ วัดเซ็นโคจิ (Zenkoji Temple) เป็นวัดพุทธศาสนาแห่งแรกที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 เป็น วัดในพุทธศาสนาที่ไม่มีนิกาย ในอดีตวัดเซ็นโคจิถือเป็นเพียงวัดเดียวที่อนุญาตให้เพศหญิงเข้ามาสวดมนต์ภายในโบสถ์ได้ อีกทั้งยังมีภิกษุณีประจำภายในวัดอีกด้วย ภายหลังวัดแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานที่ล้ำค่าของชาติ โดยชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่าวัดเซ็นโคจิแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งวัดที่ควรไปสักการะสักให้ได้สักครั้งในชีวิตเลยล่ะ
ภายในวัดยังมีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญมากมาย อาทิเช่น ประตูนิโอมง (Niomon Gate) เป็นประตูซุ้มไม้ชั้นนอกขนาดใหญ่ โดยซุ้มประตูทั้งสองด้านมียักษ์เทวบาลคอยปกปักษ์รักษาอยู่ หลังจากเดินผ่านซุ้มประตูนิโอมง จะพบกับถนนนากะมิเสะ เป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมายทั้งขนมและของที่ระลึก พักกินและช้อปกันเพลินๆ
วิหารไม้เซ็นโคจิ (Zenkoji Hondo) เป็นวิหารไม้ขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นแทนของเดิม ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระประธานซึ่งมี 3 ร่างในองค์เดียว มีความเก่าแก่มากที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่หลังม่านสีทองซึ่งไม่มีผู้ใดเคยได้เห็น แต่จะมีองค์จำลองตั้งอยู่บริเวณแท่นบูชา โดยทุกๆ 7 ปีจะมีการประกอบพิธีใหญ่เรียกว่าพิธี Gokaicho เพื่อ ให้ผู้ที่ศรัทธาได้ร่วมกันนมัสการขอพรพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์โดยจะทำการโยง เชือกสีทองจากมือขององค์พระพุทธรูปโยงไปยังเสาไม้ขนาดใหญ่ด้านหน้าวิหาร เพื่อให้ผู้มาร่วมพิธีได้สัมผัสและขอพร ด้านในวิหารไม้วัดเซ็นโคจิ เป็นที่ตั้งของแท่นทำพิธีและรูปปั้นของพระสงฆ์ (ได้รับการอนุญาติให้บันทึกภาพเป็นกรณีพิเศษ) และ อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจถือเป็นไฮไลท์ของวัดเซ็นโคจิ คือหลังจากได้มากราบนมัสการพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว อยากให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกับอุโมงค์ใต้ดินภายในวิหาร มีชื่อว่า The Keys to Paradise หรือ เส้นทางที่จะพาเดินไปสู่สวรรค์ ด้านในอุโมงค์มีลักษณะเป็นทางแคบและมืดสนิท เวลาเดินจะต้องคลำเส้นทางไปเรื่อยๆ จากผนังของถ้ำที่คดเคี้ยว โดยมีกุศโลบายที่แยบยลในเรื่องของการต้องมีสติในทุกขณะจิต เปรียบเสมือนว่าเราได้เดินอยู่ในร่างกายของพระอมิตพุทธ ซึ่งในความมืดเราไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด ทำให้ละทิ้งตัวตนและอัตตาของตนเอง
จากสถานีรถไฟ JR Nagano โดยสารรถบัสประมาณ 10 นาที หรือจากสถานีรถไฟใต้ดิน Nagaden Nagano โดยสารรถไฟไปลงที่สถานี Zenkojishita จากนั้นเดินต่อไปประมาณ 5-10 นาที
อีกหนึ่งเมืองที่น่าสนใจไม่แพ้กันในจังหวัดนะงะโนะ คือเมืองอิอิยะมะ (Iiyama) เมืองเล็กๆ ในจังหวัดนะงะโนะ แต่ทว่ามีความน่ารัก โอบล้อมไปด้วยภูเขา ท่ามกลางทุ่งนาที่กำลังออกรวงสีทองสวยงามและธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองนี้ได้ทุกฤดูไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมเดินป่าในช่วงหน้าร้อน ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่พร้อมใจกันผลัดใบเป็นสีแดงส้มทั่วทั้งทิวเขา และการเล่นสกีในฤดูหนาวก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตของเมืองนี้เช่นกัน
เริ่มต้นเดินทางจากสถานี Nagano โดยสารรถไฟชิงกันเซ็น ขบวน Hakutaka ใช้เวลาเพียง 11 นาทีก็จะมาถึงสถานี Iiyama ที่สถานีนี้นักท่องเที่ยวสามารถมาขอข้อมูลการท่องเที่ยวได้จากศูนย์ให้บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว และ Activity center สำหรับ จำหน่ายและให้เช่าอุปกรณ์เดินป่าและเล่นสกี ก่อนจะออกจากสถานีอยากให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมความน่ารักของนาฬิกาสุด พิเศษที่ทุกๆ 1 ชั่วโมงจะมีตุ้กตาออกมาร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน สำหรับใครที่ไม่อยากเดินเที่ยวสามารถเช่าจักรยานปั่นชมรอบๆเมืองก็เก๋ไปอีกแบบ
พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาฝีมือของคุณมะยูมิ ทะคะฮะชิ (Mayumi Takahashi Doll Museum) จัดแสดงศิลปะงานปั้นตุ้กตาจากดินน้ำมันโดยฝีมือของเธอเอง ตุ้กตาเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการสังเกตวิถีชีวิตของผู้สูงอายุในชุมชนผ่านอาชีพ ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของคนในชุมชน ที่สะท้อนถึงความอบอุ่นในครอบครัว ความอ่อนแอจากความชราและโรคภัยไข้เจ็บ ความสนุกสนานในช่วงเทศกาลต่างๆ และคุณค่าของการมีชีวิตอยู่เพื่อเห็นความสวยงามของฤดูกาลต่างๆ ที่หมุนเวียน เปลี่ยนไปตามช่วงชีวิต
ก่ออื่นขอแวะร้านของขนมชื่อดังของเมืองที่ร้าน Patisserie Hirano จิบ กาแฟพักเหนื่อย ชิมขนมเค้กบานาน่าโบ๊ท เป็นขนมฝรั่งที่นำครีมสดมาทาบนขนมเค้กนุ่มลักษณะคล้ายฟองน้ำ และวางกล้วยหอมเป็นท้อปปิ้งด้านบนแล้วม้วนเป็นโรลกลมๆ เป็นของหวานชื่อดังของเมืองอิอิยะมะ
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองอิอิยะมะคือการเก็บแอปเปิ้ลสดๆ จากฟาร์ม ที่ฟาร์มชิโอซะกิ (Shiozaki Farm) เราสามารถเดินชมสวน พร้อมกินแอปเปิ้ลได้อย่างจุใจในราคาเพียง 500 เยน หรือใครที่อยากซื้อไปเป็นของฝากก็สามารถซื้อแล้วแพ็คกลับบ้านได้ด้วยนะ
ทริปตะลุยภาคตะวันออกด้วย JR East Pass Nagano-Niigata Area!
การเดินทางในประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ จะเป็นการใช้พาสรถไฟ JR EAST PASS (Nagano-Niigata Area) ใบเดียวอยู่ยาวตลอดทริป พาสนี้สามารถเลือกใช้ได้ 5 วัน จากระยะเวลา 14 วันตั้งแต่วันที่ออกตั๋ว หมายความว่าเราไม่จำเป็นจะต้องใช้พาสเดินทางทุกวันนั่นเอง ราคา 17,000 เยนหากซื้อพาสล่วงหน้าในไทย แต่ถ้าซื้อที่ญี่ปุ่นก็จะแพงขึ้นอีก 1,000 เยน ทริปนี้ตั้งใจจะขึ้นรถไฟ Shinkansen จากสถานี Tokyo นั่งชมวิวกันไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางภาคตะวันออก ท่องเที่ยว 3 จังหวัดด้วยกัน คือ นะงะโนะ (Nagano) นิอิงะตะ (Niigata) และกุนมะ(Gunma)
ครั้งนี้เริ่มต้นการเดินทางกันที่สถานีโตเกียว โดยทำการแลก JR EAST PASS เพื่อใช้ในการเดินทางที่ออฟฟิศของ JR East Travel Service Center ใน สถานี Tokyo ด้านในจะมีเคาเตอร์คอยให้บริการนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับการใช้พาส ขั้นตอนการออกพาส บริการจองที่นั่งในรถไฟ พร้อมให้คำแนะนำในเรื่องของการท่องเที่ยว สำหรับใครที่ยังไม่แพลนการเดินทางหรือยังไม่ได้จองโรงแรมมา ที่นี่ก็มีบริการทัวร์ต่างๆ รวมถึงรับจองโรงแรมให้อีกด้วย
หรือใครสะดวกแลกพาสที่สนามบินหรือสถานีอื่นๆ ก็ทำได้เหมือนกันนะ
จังหวัดนะงะโนะ (Nagano)
เริ่มต้นเดินทางจากสถานี Tokyo มาถึงยังสถานี Sakudaira ด้วยรถไฟ Shinkansen ขบวน Hakutaka โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ แล้วต่อรถไฟ JR ธรรมดาสาย Koumi ลงที่สถานี Komoro อีกเพียง 15 นาที ก็จะถึงเมืองโคะโมะโระ (Komoro)
เมืองโคะโมะโระ (Komoro) เมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม อีกทั้งธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์อีกเมืองหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดนะงะโนะ เดินเที่ยวชมย่านเมืองเก่าถนน Old Hokkoku-Kaido บ้านพ่อค้าที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโคะโมะโระ ย่านธุรกิจการค้าเก่าสุดคึกคักที่ยังคงสืบทอดตำนานและภูมิปัญญาของคนในอดีตสู่ยุคปัจจุบัน เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เช่น โรงบ่มและผลิตสาเกโบราณที่สืบทอดกรรมวิธีการผลิตจนถึงรุ่นปัจจุบันร่วม 300 ปี, ร้านที่ขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกระดาษชื่อดังที่ส่งขายไปทั่วญี่ปุ่น, ตึกธนาคารเก่าซึ่งปัจจุบันได้แปลงสภาพเป็นร้านขายเครื่องจานชามเซรามิกโบราณรวมถึงของเก่าวินเทจอีกมากมาย, พิพิธภัณฑ์ตุ้กตาเด็กผู้หญิงและชุดกิโมโน ครั้งหนึ่งเคยเป็นคฤหาสน์หลังงามเพื่อพักระหว่างเส้นทางสู่เอโดะของบรรดาไดเมียวและขุนนางในอดีต
สวนโคะโมะโระไคโคเอ็น (Komoro Kaikoen) หรือสวนไคโคเอนปราสาทโคะโมะโระ (Castle Ruin Park Kaikoen) ตั้งอยู่บริเวณซากกำแพงปราสาทที่เคยเป็นที่ตั้งของอดีตปราสาทโคะโมะโระอันยิ่งใหญ่ ปัจจุบันเหลือทิ้งไว้เพียงประตูและซากกำแพงของปราสาท ทิวทัศน์ของภูเขาอะซะมะที่สวยงาม และแม่น้ำชิกุมะ แม่น้ำที่ยาวที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ที่นี่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสถานที่ชมดอกซากุระที่สวยที่สุด 1 ใน 100 ของญี่ปุ่นด้วย บริเวณซากปราสาทภาพเต็มไปด้วยสีเขียวชอุ่มของบรรดามอสที่ขึ้นอยู่ทั่วทั้งบริเวณกำแพงหิน ทำให้ที่สวนแห่งนี้ได้รับความนิยมอย่างมากมายจากบรรดานักท่องเที่ยว และอีกหนึ่งบริการพิเศษที่น่าสนใจก็คือการนั่งรถลากโบราณ Jinrikisya ชมทัศนียภาพรอบๆ สวนไคโคเอน โดยระหว่างทางผู้ลากรถจะเล่าถึงประวัติของสถานที่แต่ละจุดในสวน มีค่าบริการ 2,000 เยนสำหรับสองท่านใช้เวลารอบละประมาณ 10 นาที
จากสถานี Komoro สามารถเดินไปได้ประมาณ 3 นาที
วัดนูโนะบิกิ คันนง (Nunobiki Kannon) วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 748 ตั้งอยู่บนเขา ใช้เวลาเดินเท้าขึ้นไปราว 15 นาที ด้านบนจะเป็นที่ตั้งของวัดที่สร้างขึ้นอยู่บนหน้าผาของภูเขาหิน ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหรือชาวญี่ปุ่นเรียกว่า คันนง โดยมีภูเขาอะซะมะ (Mt.Asama) ขนาดใหญ่เป็นฉากหลังสวยๆ
จากสถานีรถไฟ Komoro โดยสารรถแท็กซี่ 7 นาที
จากนี้เดินทางต่อไปยังสถานี JR Nagano ด้วย Shinkansen อีกประมาณ 20 กว่านาที
เริ่มต้นกันที่ วัดเซ็นโคจิ (Zenkoji Temple) เป็นวัดพุทธศาสนาแห่งแรกที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 เป็น วัดในพุทธศาสนาที่ไม่มีนิกาย ในอดีตวัดเซ็นโคจิถือเป็นเพียงวัดเดียวที่อนุญาตให้เพศหญิงเข้ามาสวดมนต์ภายในโบสถ์ได้ อีกทั้งยังมีภิกษุณีประจำภายในวัดอีกด้วย ภายหลังวัดแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานที่ล้ำค่าของชาติ โดยชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่าวัดเซ็นโคจิแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งวัดที่ควรไปสักการะสักให้ได้สักครั้งในชีวิตเลยล่ะ
ภายในวัดยังมีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญมากมาย อาทิเช่น ประตูนิโอมง (Niomon Gate) เป็นประตูซุ้มไม้ชั้นนอกขนาดใหญ่ โดยซุ้มประตูทั้งสองด้านมียักษ์เทวบาลคอยปกปักษ์รักษาอยู่ หลังจากเดินผ่านซุ้มประตูนิโอมง จะพบกับถนนนากะมิเสะ เป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ มากมายทั้งขนมและของที่ระลึก พักกินและช้อปกันเพลินๆ
วิหารไม้เซ็นโคจิ (Zenkoji Hondo) เป็นวิหารไม้ขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นแทนของเดิม ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระประธานซึ่งมี 3 ร่างในองค์เดียว มีความเก่าแก่มากที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่หลังม่านสีทองซึ่งไม่มีผู้ใดเคยได้เห็น แต่จะมีองค์จำลองตั้งอยู่บริเวณแท่นบูชา โดยทุกๆ 7 ปีจะมีการประกอบพิธีใหญ่เรียกว่าพิธี Gokaicho เพื่อ ให้ผู้ที่ศรัทธาได้ร่วมกันนมัสการขอพรพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์โดยจะทำการโยง เชือกสีทองจากมือขององค์พระพุทธรูปโยงไปยังเสาไม้ขนาดใหญ่ด้านหน้าวิหาร เพื่อให้ผู้มาร่วมพิธีได้สัมผัสและขอพร ด้านในวิหารไม้วัดเซ็นโคจิ เป็นที่ตั้งของแท่นทำพิธีและรูปปั้นของพระสงฆ์ (ได้รับการอนุญาติให้บันทึกภาพเป็นกรณีพิเศษ) และ อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจถือเป็นไฮไลท์ของวัดเซ็นโคจิ คือหลังจากได้มากราบนมัสการพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว อยากให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกับอุโมงค์ใต้ดินภายในวิหาร มีชื่อว่า The Keys to Paradise หรือ เส้นทางที่จะพาเดินไปสู่สวรรค์ ด้านในอุโมงค์มีลักษณะเป็นทางแคบและมืดสนิท เวลาเดินจะต้องคลำเส้นทางไปเรื่อยๆ จากผนังของถ้ำที่คดเคี้ยว โดยมีกุศโลบายที่แยบยลในเรื่องของการต้องมีสติในทุกขณะจิต เปรียบเสมือนว่าเราได้เดินอยู่ในร่างกายของพระอมิตพุทธ ซึ่งในความมืดเราไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด ทำให้ละทิ้งตัวตนและอัตตาของตนเอง
จากสถานีรถไฟ JR Nagano โดยสารรถบัสประมาณ 10 นาที หรือจากสถานีรถไฟใต้ดิน Nagaden Nagano โดยสารรถไฟไปลงที่สถานี Zenkojishita จากนั้นเดินต่อไปประมาณ 5-10 นาที
อีกหนึ่งเมืองที่น่าสนใจไม่แพ้กันในจังหวัดนะงะโนะ คือเมืองอิอิยะมะ (Iiyama) เมืองเล็กๆ ในจังหวัดนะงะโนะ แต่ทว่ามีความน่ารัก โอบล้อมไปด้วยภูเขา ท่ามกลางทุ่งนาที่กำลังออกรวงสีทองสวยงามและธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองนี้ได้ทุกฤดูไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมเดินป่าในช่วงหน้าร้อน ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่พร้อมใจกันผลัดใบเป็นสีแดงส้มทั่วทั้งทิวเขา และการเล่นสกีในฤดูหนาวก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตของเมืองนี้เช่นกัน
เริ่มต้นเดินทางจากสถานี Nagano โดยสารรถไฟชิงกันเซ็น ขบวน Hakutaka ใช้เวลาเพียง 11 นาทีก็จะมาถึงสถานี Iiyama ที่สถานีนี้นักท่องเที่ยวสามารถมาขอข้อมูลการท่องเที่ยวได้จากศูนย์ให้บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว และ Activity center สำหรับ จำหน่ายและให้เช่าอุปกรณ์เดินป่าและเล่นสกี ก่อนจะออกจากสถานีอยากให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมความน่ารักของนาฬิกาสุด พิเศษที่ทุกๆ 1 ชั่วโมงจะมีตุ้กตาออกมาร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน สำหรับใครที่ไม่อยากเดินเที่ยวสามารถเช่าจักรยานปั่นชมรอบๆเมืองก็เก๋ไปอีกแบบ
พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาฝีมือของคุณมะยูมิ ทะคะฮะชิ (Mayumi Takahashi Doll Museum) จัดแสดงศิลปะงานปั้นตุ้กตาจากดินน้ำมันโดยฝีมือของเธอเอง ตุ้กตาเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการสังเกตวิถีชีวิตของผู้สูงอายุในชุมชนผ่านอาชีพ ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของคนในชุมชน ที่สะท้อนถึงความอบอุ่นในครอบครัว ความอ่อนแอจากความชราและโรคภัยไข้เจ็บ ความสนุกสนานในช่วงเทศกาลต่างๆ และคุณค่าของการมีชีวิตอยู่เพื่อเห็นความสวยงามของฤดูกาลต่างๆ ที่หมุนเวียน เปลี่ยนไปตามช่วงชีวิต
ก่ออื่นขอแวะร้านของขนมชื่อดังของเมืองที่ร้าน Patisserie Hirano จิบ กาแฟพักเหนื่อย ชิมขนมเค้กบานาน่าโบ๊ท เป็นขนมฝรั่งที่นำครีมสดมาทาบนขนมเค้กนุ่มลักษณะคล้ายฟองน้ำ และวางกล้วยหอมเป็นท้อปปิ้งด้านบนแล้วม้วนเป็นโรลกลมๆ เป็นของหวานชื่อดังของเมืองอิอิยะมะ
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองอิอิยะมะคือการเก็บแอปเปิ้ลสดๆ จากฟาร์ม ที่ฟาร์มชิโอซะกิ (Shiozaki Farm) เราสามารถเดินชมสวน พร้อมกินแอปเปิ้ลได้อย่างจุใจในราคาเพียง 500 เยน หรือใครที่อยากซื้อไปเป็นของฝากก็สามารถซื้อแล้วแพ็คกลับบ้านได้ด้วยนะ