จากข่าว ฐานเศรษฐกิจ - 2 January 2560
[ กดอ่าน ]
"ผ่าทางตันเขตทางรถไฟเข้ากรุงเทพฯคับแคบ
สศช.เสนอย้ายฮับรถไฟไฮสปีดไปไว้สถานีบ้านภาชี พระนครศรีอยุธยา
พัฒนารถไฟสายสีแดง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์เชื่อมโยง
ลดความแออัดสถานีกลางบางซื่อไว้รองรับการพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่
แม้จะหารือกันร่วม 16 ครั้งแต่ดูเหมือนว่า โครงการรถไฟภายใต้ความร่วมมือไทย-จีน รวมทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่นจะยังไม่ลงตัว
ปมปัญหาสำคัญข้อหนึ่งคือเขตทางรถไฟช่วงกรุงเทพฯ-อยุธยามีจำกัด
โดยแต่ละประเทศอ้างจะใช้ระบบอาณัติสัญญาณของตนเอง จนทำให้ฝ่ายไทยต้องปรับแก้ไขแบบเส้นทางครั้งแล้วครั้งเล่า
ล่าสุดเริ่ม
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)
แนะปลดล็อกจากเดิม ที่วางแผนให้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์รวมรถไฟความเร็วสูง
และเสนอให้ย้ายไปอยู่ที่จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นจุดเริ่มต้นแทน
โดยเรื่องนี้แหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า
จากการร่วมหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
ถึงกรณีปมความล่าช้าการพัฒนาเส้นทางรถไฟไทย-จีนและไทย-ญี่ปุ่น
โดยเฉพาะความไม่ลงตัวของการใช้เส้นทางช่วงกรุงเทพฯ-บ้านภาชี เนื่องจากทับซ้อนกับแอร์พอร์ตเรลลิงค์และเขตทางมีจำกัด....."
สรุปปัญหาคือ
1) เส้นทาง สายเหนือ จะเป็นระบบรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น
เส้นทางสายอิสาน จะเป็นระบบของจีน
แม้ขนาดทางเท่ากัน แต่ระบบสัญญานควบคุมต่างกัน ยังปรับแก้เข้ากันไม่ลงตัว
2) เส้นทางรถไฟความเร็วสูง จะทับซ้อนกับเส้นทางรถไฟสายเหนือเดิม (คงเพื่อประหยัดการลงทุน ไม่ต้องเวณคืนที่ดินอื่น)
ซึ่งเส้นทางนี้ ก็มีรถไฟฟ้าสายสีแดงยาวไปถึงรังสิต
และยังมี เส้นทางของรถแอร์พอร์ตลิ้งค์ ซึ่งยาวไปถึงดอนเมือง ทับซ้อนกันอีก
( รวมทั้งสิ้น ถ้ามีรถไฟความเร็วสูงมาถึงบางซื่อด้วย ก็มีทางถึง 4 คู่[ไปกลับ] อืมม..)
ไม่เข้าใจว่า จะมีสายสีแดง กับแอร์พอร์ตลิงค์ สองสายซ้อนกันทำไม นะ

3) สศช มีแนวคิด กระตุ้นการเจริญของเมือง (คงจะอาศัยรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่มีสถานีตลอดเส้นทาง)
หวังให้เจริญไปถึง บ้านภาชีเชียวนะ
ก็เลยต้องย้าย จุดเริ่มทางของรถไฟความเร็วสูง เลื่อนห่างออกไปถึง 80 กม
คิดเป็น 11% ของระยะทางจาก กทม ไป เชียงใหม่
ดังนั้น จาก
ชุมทางรถไฟฟ้าที่ บางซื่อ ก็จะต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้า สายสีแดงไปถึง บ้านภาชี
เพื่อต่อรถไฟความเร็วสูง อีกทอดหนึ่ง
ผลกระทบคือ...
ก) เสียเวลาเดินทางเพิ่มขึ้นอีก ประมาณ 50 นาที
คิดจาก ความเร็วของรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่ความเร็ว 75 กม/ชม ซึ่งจะหยุดรถ ทุกสถานีตามรายทาง
รวมกับเวลา ที่จะต้องเผื่อในช่วงเปลี่ยนขบวนรถ ที่สถานี บ้านภาชี
( หากรถไฟความเร็วสูงเริ่มต้นจากบางซื่อ ไปถึงบ้านภาชีจะจอดเพียง 1 หรือ 2 จุด และวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 250 กม/ชม)
ระยะทาง จาก
บางซื่อถึง นครสวรรค์ จะใช้เวลา 1 ชม ก็เพิ่มเป็น 1 ชม 50 นาที
จาก บางซื่อ ถึง เชียงใหม่ ใช้เวลา 3 ชม ก็จะเพิ่มเป็น 3 ชม 50 นาที
ข) ผู้โดยสาร ที่จะเดินทางไปด้วยรถไฟความเร็วสูง ทั้งสายเหนือ และอิสานรวมกัน
ต้องไปเบียดเสียด เพิ่มปริมาณขึ้นในรถไฟฟ้าสายสีแดง
ค) อัตราค่าโดยสาร ที่อาจจะเพิ่มขึ้น ด้วยระบบรถไฟฟ้าสีแดงเป็นรถในเมือง
จะคิดอัตราเดียวกับ การเดินรถไฟฟ้าสีอื่นๆ
ง) ตอนท้ายของข่าว มีข้อความคำพูดว่า
"“รถไฟความเร็วสูงจะเน้นเชื่อมโยงเมืองสู่เมือง หรือจังหวัดสู่จังหวัด
ซึ่งแต่ละเส้นทางสามารถเชื่อมไปแต่ละภาคแต่จะต้องไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อ
เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกในการเดินทาง
ไม่ต้องลากกระเป๋าไกลๆหรือเปลี่ยนขบวนบ่อยครั้งเท่านั้นเอง”..........ก็จะกลายเป็นต้องเปลี่ยนขบวนเพิ่มเสียแล้ว
ข้อสังเกต
เมื่อดูระบบทาง แอร์พอร์ตลิงค์ ช่วง มักกะสัน ไปถึง สุวรรณภูมิ
ก็ใช้เส้นทางเดียว บริการได้ทั้ง ผู้โดยสาร จากสนามบิน และ คนจากพื้นที่โดยรอบ
หากเอาเส้นทางแอร์พอร์ตลิงค์ ดอนเมือง บริการ คนพื้นที่โดยรอบเช่นกัน จะได้ไหม
ไม่ต้องมี สายสีแดง แยกต่างหาก
แล้วเอาเส้นทาง ไปใช้เป็นทางของรถไฟความเร็วสูงให้เริ่มต้นที่บางซื่อ...หรือ รังสิต ก็ยังจะดีกว่าไหมครับ
...........................................
ถ้าดูจาก concept ของรถไฟความเร็วสูง ก็คือ การย่นระยะเวลาเดินทางให้สั้นที่สุด
คำกล่าวของ Hyper Loop One ถึงกับว่า
เขา"ขายเวลา"
เขา คิดระบบ ไปไกลขนาดว่า จะทำให้การเดินทาง เริ่มจากบ้านหรือที่ทำงาน ยาวทีเดียวถึงปลายทางเลย
ไม่ใช่การหนีห่างออกไปตามแนวคิดของ สศช เช่นนี้
โยกฮับไฮสปีดเทรนพ้นสถานีกลางบางซื่อ ไปที่ชุมทาง ‘บ้านภาชี’
"ผ่าทางตันเขตทางรถไฟเข้ากรุงเทพฯคับแคบ
สศช.เสนอย้ายฮับรถไฟไฮสปีดไปไว้สถานีบ้านภาชี พระนครศรีอยุธยา
พัฒนารถไฟสายสีแดง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์เชื่อมโยง
ลดความแออัดสถานีกลางบางซื่อไว้รองรับการพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่
แม้จะหารือกันร่วม 16 ครั้งแต่ดูเหมือนว่า โครงการรถไฟภายใต้ความร่วมมือไทย-จีน รวมทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่นจะยังไม่ลงตัว
ปมปัญหาสำคัญข้อหนึ่งคือเขตทางรถไฟช่วงกรุงเทพฯ-อยุธยามีจำกัด
โดยแต่ละประเทศอ้างจะใช้ระบบอาณัติสัญญาณของตนเอง จนทำให้ฝ่ายไทยต้องปรับแก้ไขแบบเส้นทางครั้งแล้วครั้งเล่า
ล่าสุดเริ่มสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)
แนะปลดล็อกจากเดิม ที่วางแผนให้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์รวมรถไฟความเร็วสูง
และเสนอให้ย้ายไปอยู่ที่จ.พระนครศรีอยุธยาเป็นจุดเริ่มต้นแทน
โดยเรื่องนี้แหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า
จากการร่วมหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
ถึงกรณีปมความล่าช้าการพัฒนาเส้นทางรถไฟไทย-จีนและไทย-ญี่ปุ่น
โดยเฉพาะความไม่ลงตัวของการใช้เส้นทางช่วงกรุงเทพฯ-บ้านภาชี เนื่องจากทับซ้อนกับแอร์พอร์ตเรลลิงค์และเขตทางมีจำกัด....."
สรุปปัญหาคือ
1) เส้นทาง สายเหนือ จะเป็นระบบรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น
เส้นทางสายอิสาน จะเป็นระบบของจีน
แม้ขนาดทางเท่ากัน แต่ระบบสัญญานควบคุมต่างกัน ยังปรับแก้เข้ากันไม่ลงตัว
2) เส้นทางรถไฟความเร็วสูง จะทับซ้อนกับเส้นทางรถไฟสายเหนือเดิม (คงเพื่อประหยัดการลงทุน ไม่ต้องเวณคืนที่ดินอื่น)
ซึ่งเส้นทางนี้ ก็มีรถไฟฟ้าสายสีแดงยาวไปถึงรังสิต
และยังมี เส้นทางของรถแอร์พอร์ตลิ้งค์ ซึ่งยาวไปถึงดอนเมือง ทับซ้อนกันอีก
( รวมทั้งสิ้น ถ้ามีรถไฟความเร็วสูงมาถึงบางซื่อด้วย ก็มีทางถึง 4 คู่[ไปกลับ] อืมม..)
ไม่เข้าใจว่า จะมีสายสีแดง กับแอร์พอร์ตลิงค์ สองสายซ้อนกันทำไม นะ
3) สศช มีแนวคิด กระตุ้นการเจริญของเมือง (คงจะอาศัยรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่มีสถานีตลอดเส้นทาง)
หวังให้เจริญไปถึง บ้านภาชีเชียวนะ
ก็เลยต้องย้าย จุดเริ่มทางของรถไฟความเร็วสูง เลื่อนห่างออกไปถึง 80 กม
คิดเป็น 11% ของระยะทางจาก กทม ไป เชียงใหม่
ดังนั้น จากชุมทางรถไฟฟ้าที่ บางซื่อ ก็จะต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้า สายสีแดงไปถึง บ้านภาชี
เพื่อต่อรถไฟความเร็วสูง อีกทอดหนึ่ง
ผลกระทบคือ...
ก) เสียเวลาเดินทางเพิ่มขึ้นอีก ประมาณ 50 นาที
คิดจาก ความเร็วของรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่ความเร็ว 75 กม/ชม ซึ่งจะหยุดรถ ทุกสถานีตามรายทาง
รวมกับเวลา ที่จะต้องเผื่อในช่วงเปลี่ยนขบวนรถ ที่สถานี บ้านภาชี
( หากรถไฟความเร็วสูงเริ่มต้นจากบางซื่อ ไปถึงบ้านภาชีจะจอดเพียง 1 หรือ 2 จุด และวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 250 กม/ชม)
ระยะทาง จาก บางซื่อถึง นครสวรรค์ จะใช้เวลา 1 ชม ก็เพิ่มเป็น 1 ชม 50 นาที
จาก บางซื่อ ถึง เชียงใหม่ ใช้เวลา 3 ชม ก็จะเพิ่มเป็น 3 ชม 50 นาที
ข) ผู้โดยสาร ที่จะเดินทางไปด้วยรถไฟความเร็วสูง ทั้งสายเหนือ และอิสานรวมกัน
ต้องไปเบียดเสียด เพิ่มปริมาณขึ้นในรถไฟฟ้าสายสีแดง
ค) อัตราค่าโดยสาร ที่อาจจะเพิ่มขึ้น ด้วยระบบรถไฟฟ้าสีแดงเป็นรถในเมือง
จะคิดอัตราเดียวกับ การเดินรถไฟฟ้าสีอื่นๆ
ง) ตอนท้ายของข่าว มีข้อความคำพูดว่า
"“รถไฟความเร็วสูงจะเน้นเชื่อมโยงเมืองสู่เมือง หรือจังหวัดสู่จังหวัด
ซึ่งแต่ละเส้นทางสามารถเชื่อมไปแต่ละภาคแต่จะต้องไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อ
เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกในการเดินทาง
ไม่ต้องลากกระเป๋าไกลๆหรือเปลี่ยนขบวนบ่อยครั้งเท่านั้นเอง”..........ก็จะกลายเป็นต้องเปลี่ยนขบวนเพิ่มเสียแล้ว
ข้อสังเกต
เมื่อดูระบบทาง แอร์พอร์ตลิงค์ ช่วง มักกะสัน ไปถึง สุวรรณภูมิ
ก็ใช้เส้นทางเดียว บริการได้ทั้ง ผู้โดยสาร จากสนามบิน และ คนจากพื้นที่โดยรอบ
หากเอาเส้นทางแอร์พอร์ตลิงค์ ดอนเมือง บริการ คนพื้นที่โดยรอบเช่นกัน จะได้ไหม
ไม่ต้องมี สายสีแดง แยกต่างหาก
แล้วเอาเส้นทาง ไปใช้เป็นทางของรถไฟความเร็วสูงให้เริ่มต้นที่บางซื่อ...หรือ รังสิต ก็ยังจะดีกว่าไหมครับ
...........................................
ถ้าดูจาก concept ของรถไฟความเร็วสูง ก็คือ การย่นระยะเวลาเดินทางให้สั้นที่สุด
คำกล่าวของ Hyper Loop One ถึงกับว่า เขา"ขายเวลา"
เขา คิดระบบ ไปไกลขนาดว่า จะทำให้การเดินทาง เริ่มจากบ้านหรือที่ทำงาน ยาวทีเดียวถึงปลายทางเลย
ไม่ใช่การหนีห่างออกไปตามแนวคิดของ สศช เช่นนี้