สวัสดีครับ เราได้เจอกันอีกแล้ว Ohisashiburi 5555
หลังจากปีที่แล้วผมได้นำที่เที่ยวทั่วญี่ปุ่นตามเมืองต่างๆที่น่าสนใจมาพอสมควรแล้ว ครั้งนี้ผมจะนำพาทุกท่านมาสู่ถิ่นที่ผมแหวะเวียนมาบ่อยๆและเคยศึกษาปริญญาตรีมาก่อน เมืองนั้นคือ Fukuoka ครับ ซึ่งคราวนี้ผมจะไม่เพียงแค่แนะนำถึงสถานที่ท่องเที่ยวดีๆหรือหลักเท่านั้น ซึงรวมถึงประสบการณ์ของผมทั้งหมดในเมือง Fukuoka อาหารต่างๆ เทศกาลต่างๆ และภาษาท้องถิ่นที่น่าสนใจและขึ้นชื่อว่า น่ารักที่สุดในบันดาลของภาษาท้องถิ่นของญี่ปุ่นครับ
สถานที่ที่ไม่ควรพลาดแห่งแรกของFukuoka คือศาลเจ้า Dazaifu (太宰府天満宮) ที่ไม่ว่าใครก็มาครับ แต่จะว่าไป คนไทย คนจีน คนเกาหลีเยอะไม่แพ้คนญี่ปุ่นที่มาเที่ยวมาสักการะเลยเหนาะ 5555
ศาลเจ้าDazaifu เป็นศาลเจ้าแบบ Tenmangu หรือศาลเจ้าเพื่อการศึกษาและความรู้ตามศาสนาชินโตของญี่ปุ่นซึ่งได้รับการก่อตั้งโดยนักปราชญ์ Sugawara no Michizane และมีความเชื่อกันว่า คนที่ได้สะการะแล้วจะเปี่ยมไปด้วยความสำเร็จ ปัญญา และความขยันที่สูงขึ้นครับ
แต่สำหรับที่ศาลเจ้าแบบTenmanguแห่งนี้จะพิเศษที่สุดในบันดาลTenmanguทั้งหมดเนื่องจากศาลเจ้านี้สร้างบนหรือใกล้ๆที่สุสานของSugawaraทำให้มีความขลังมากเป็นพิเศษครับ
และมีตำนานเล่ากันว่า Sugawaraได้เขียนบทกลอนต่างๆให้กับสิ่งที่เขาชอบเสมอ โดยเฉพาะต้นบ๊วย แต่ถูกตระกูลFujiwara ในสมัยHeian ขับไล่ให้ไปอยู่บนเกาะคิวชูซึ่งเป็นที่ที่เขาศึกษาและเผยแผ่ความรู้ของเขาต่อไปจนถึงแก่กรรม หลังจากที่Sugawaraจากไป ศพของเขาได้รับการเคลื่อนย้ายด้วยวัวไปยังวัดทางศาสนาพุทธใกล้เคียงหรือในเมืองDazaifuในปัจจุบัน และถูกฝังในบริเวณศาลเจ้าในปัจจุบันครับ ซึ่งมีสัญลักษณ์ดังนี้
-
รูปปั้นวัวทองเหลืองบริเวณทางเข้าศาลเจ้า = ตัวแทนวัวที่ขนSugawara และปัญญา ตั้งอยู่ตรงหน้าทางเข้าศาลเจ้า
-
ต้นบ๊วย = ต้นไม้ที่Sugawara ชอบที่สุด ปลูกอยู่ตรงหน้าศาลเจ้า
-
ศาลหลัก = ตัวแทนสุสานของSugawara
ในตัวศาลเจ้าสิ่งที่ไม่ควรพลาดแน่นอนว่าต้องเป็น เครื่องรางสำหรับการเรียน การศึกษา และความสำเร็จครับ
ผมซื้อมันตลอดทุกปีเลย จะได้เรียนได้ราบรื่น สอบผ่าน 5555
อย่าลืมไปเสียมซีกันด้วยนะครับ วัดดวงเล่นหน่อยก็ดีเน่อ5555
เดิมผมเคยเรียนปริญญาตรีอยู่ที่จังหวัดข้างๆเลยมีโอกาสได้มาสักการะบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนเปิดภาคเรียนและก่อนสอบปลายภาคทุกครั้งครับ สาธุ ขอให้สอบผ่านและมีปัญญาบังเกิดต่อขาบเจ้าในระหว่างการเรียนด้วยเทิด 5555
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆในบริเวณหน้าศาลเจ้าอีกครับ
1.
Umekaemochi (梅ヶ枝餅) : เรียกได้ว่าเป็นของฝากประจำเมืองDazaifuก็ว่าได้ ผมจะซื้อกินตลอดเมื่อมาที่นี่ครับ บางครั้งซื้อกลับไปทานที่หอที่Beppuด้วย แต่หวานไปหน่อยนะ 5555
สำหรับเรื่องขนมโมจิของที่นี่จะเป็นโมจิแป้งข้าวเหนียวหนืดๆ ใส่ไส้ถั่วแดง และนำไปย่างในพิมพ์ประมาณ 3นาที ทานตอนร้อนๆครับ สำหรับราคาเขาจะขายกันที่ 120เยน สูตรเหมือนกัน ราคาเดียวกันทุกร้านที่จำหน่ายครับ ไม่ต้องไปต่อแถวตามร้านดังๆหรอกครับ ก็มันเหมือนกันทุกร้านอยู่แล้ว คนขายในบริเวณนั้นยังบอกกันเลย5555
สำหรับร้านที่ผมไปบ่อยที่สุดคือร้านKasa no Ie ที่ต้องไปต่อแถวนี่ละครับ
2.
Starbuck’s ในตำนาน: ไม่ได้พิเศษเรื่องสูตรกาแฟครับ แต่เป็นที่ดีไซด์ของร้านที่นำท่อนไม้ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาต่อไขว้กันทำให้ดูเด่นมากในระหว่างทางเดินเข้าศาลเจ้าครับ แถมเป็นร้านกาแฟเดียวในแถวนั้นด้วย
3.
พิพิธภัณฑ์Kyushu: พิพิธภัณฑ์แห่งนี้พิเศษตรงที่ว่า จะมีการรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญหรือมีคุณค่าทั่วเกาะคิวชูมาจัดแสดงทั้งหมดครับ ซึ่งมีทั้งของที่ใช้ในเทศกาลต่างๆ เครื่องปั้นดินเผายุคJomon จากYoshinogari จังหวัดSaga โคมไฟเมืองNagasaki หินภูเขาไฟและอื่นๆอีกมากมายครับ
4.
Ichiran Ramen: ร้านนี้เขาจะให้ลูกค้าลองชิมน้ำซุปด้วย แถมร้านนี้มีตัวเลือกให้ราเม็งของเราด้วยครับ อย่าง เพิ่มเส้น เพิ่มความเข้มข้นของซุป เพิ่มเนื้อหมูชาชู และอื่นๆ พร้อมกับบรยากาศการทานแบบฟุกุโอกะในสมัยก่อนที่มีห้องเป็นของตัวเองที่มีน้ำดื่มและเครื่องปรุงพร้อม สามารถทำได้ที่โต๊ะของท่านได้เลยครับ
คำเตือนของร้านนี้จากจขกท. = อย่าเพิ่มความเข้มน้ำซุปเยอะไปนะ เค็มปี๋เกินจนกินไม่ลงเลย
ยังไม่พอ ที่นี่ก็มี
เทศกาลตลอดทั้งปีครับ ซึ่งในแต่ละเดือนจะไม่เหมือนกันครับ
มกราคม
1.
เทศกาลพูดโกหก : จัดขึ้นในคืนวันที่7 ของทุกปี เทศกาลที่จะแฉการโกหกทุกอย่างที่ได้ทำลงไปในปีที่แล้วให้กับเทพเจ้าและคนที่รักเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งดีในปีใหม่แลกกับการโกหกต่างๆที่ทำลงไปในปีที่แล้วครับ ผมเองก็ไม่เคยมีโอกาสไปร่วม หากใครอยากขอโทษและบอกความจริงทุกอย่างที่ทำไปแล้วไม่ดี ก็มาทำระหว่างเทศกาลนี้ได้เลยครับ
(ภาพจากdazaifutenmangu.or.jp)
2.
เทศกาลไฟ : จัดขึ้นหลังจากเทศกาลโกหกในวันเดียวกัน เทศกาลนี้ทำเพื่อเปิดลาภปีใหม่และลบล้างสิ่งไม่ดีของปีเก่า โดยจะมีการเล่นกับไฟและขบวนแห่ไฟของคนในชุมชนกว่า 300คน
(ภาพจากtobiq.com)
มีนาคม
-
เทศกาลตักน้ำ: จัดขึ้นในวันอาทิตย์แรกของเดือน จะเป็นเทศกาลใหญ่ของผู้หญิงที่จะมีการแต่งตัวย้อนยุคไปในสมัยเฮอันและรับน้ำจากลำธารเล็กภายในศาลเจ้า และมีการแต่งกลอนพร้อมดื่มเล่าสาเกเพื่อสร้างบรรยากาศไปด้วยครับ
(ภาพจากiz2.co.jp)
(ภาพจากgoo)
พฤกษาคม
-
เทศกาลวัดเด็ก (วันเด็กแห่งชาติ 5 พฤษภา): วันหยุดของครอบครัวที่จะพลาดไม่ได้ร่วมไปถึงเป็นช่วงวันหยุดยาวที่ยาวที่สุดของญี่ปุ่นครับ โดยจะมีกิจกรรมหลายอย่างสำหรับเด็กและครอบครัว อย่างเช่นการแสดงของเด็กในบริเวณศาลเจ้า และการประกวดภาพวาดของเด็กครับ เที่ยวในช่วงนี้คนจะเยอะสักนิด โดนเด็กแย่งซื้อของโปรดหมดเลย5555
(ภาพจากdazaifutenmangu.or.jp และdazaifu.org)
มิถุนายน
-
คอนเสิร์ตกลางทุ่งดอกไม้ : จะจัดขึ้นช่วงต้นเดือนในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ดอกไม้ต่างๆในศาลเจ้าบานเต็มที่และจะจัดคอนเสิร์ตไปด้วยในบรรยากาศดีๆนี้ละครับ ได้ชมดอกไม้ไปด้วย ได้ฟังเพลงจากศิลปินต่างๆที่มาในงานด้วยนับว่าดีที่เดียว และดอกไม้ที่บานในช่วงนี้ก็มีให้เลือกกันถึง55สายพันธุ์เลยทีเดียว ถ้าจะถ่ายรูป ผมขอแนะนำในช่วงนี้ครับ
(ภาพจากdazaifutenmangu.or.jp)
ดูดอกไม้อย่างเดียวก็ได้นะ 5555
กรกฎาคม
1.
เทศกาล Tanabata: เทศกาลดังที่ไปถึงต่างประเทศเลยก็ว่าได้ จะจัดขึ้นในวันที่7 วันเลขดีของญี่ปุ่นครับ โดยประชาชนทุกคนจะพร้อมใจกันเขียนคำอวยพรลงบนแผ่นกระดาษเล็กและนำไปห้อยที่ต้นไผ่เพื่อหวังว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาสักวัน (เขียนขอแฟนก็ได้นะ 5555) ภายในศาลเจ้าจะจัดบริเวณทางเดินเข้าศาลเจ้าครับ
(ภาพจาก dazaifutenmangu.or.jp)
2.
เทศกาลฤดูร้อน (Natsumatsuri): สำหรับที่ศาลเจ้านี้จะจัดในวันที่24 และ 25 เป็นวันคล้ายวันเกิดของปราชญ์Michizane คนก่อตั้งศาลเจ้าแห่งนี้ครับ และแน่นอนที่ว่าจะมีการชุดยูกาตะระหว่างเข้าร่วมงานด้วยครับ ปะแต่งแล้วไปถ่ายรูป ไปSelfie ไปกินน้ำแข็งใส ไปกินอาหารปิ้งย่างตามบู๊ตต่างๆกันเถอะครับ 5555 นอกจากนี้ยังมีการเดือนขบวนโดยเด็กๆตามรูปด้วยครับ
(ภาพจากdazaifutenmangu.or.jp)
กันยายน
1.
เทศกาลขอบคุณพระเจ้า: จัดขึ้นระหว่างวันที่20ถึง25 เป็นเทศกาลแบบย้อนยุคไปยังสมัยที่Michizaneยังมีชีวิตอยู่ด้วยการเดินขบวนของปราชญ์เข้าสู่ศาลเจ้าครับ โดยเทศกาลนี้ทำเพื่อความผ่อนคลายของเทพที่ปกปักรักษาญี่ปุ่น ความสุขของราชวงศ์ ความร่มเย็นของประเทศ และขอบคุณพระเจ้าที่ประทานอาหาร(โดยเฉพาะข้าว)อีกด้วยครับ นอกจากนี้เทศกาลนี้นับว่าเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดในบันดาลเทศกาลทั้งหมดของศาลเจ้าDazaifuครับ
(ภาพจากiwiz-olp.c.yimg.jp)
พฤศจิกายน
เทศกาลดอกเบญจมาศ: มีตลอดเดือนพฤศจิกายน โดยนำดอกเพญจมาศในท้องถิ่นมาจัดแสดงเพื่อความสวยงามและความปลาบปลื้มของปราชญ์Michizaneครับ และภายในงานมีปราชญ์เข้าร่วมกว่า400,000คนหมุนเวียนกันเข้าร่วมอีกด้วยครับ สำหรับเราคนต่างชาติ แค่ได้ไปดูดอกก็ดีแล้วมั้ง5555
(ภาพจากdazaifu.org และ Linda travel)
ธันวาคม
เทศกาลทำบุญส่งท้ายปี/ชำระล้างบาป:เป็นเทศกาลใหญ่ของทั้งประเทศที่จัดทั้งในวันที่30มิถุนายนและวันส่งท้ายปี เพื่อชำระล้างบาปและทำให้ชีวิตในวันต่อๆปีดีขึ้นครับ โดยจะมีการเขียนความผิดต่างๆที่ตนได้ทำลงไปลงในกระดาษจากนั้นนำไปเผาเพื่อทำพิธีครับ
(ภาพจากfanfunfukuoka.com)
วิธีการไป
JR: จากสถานีHakata ลงสถานี JR Futsukaichi แล้วต่อแท็กซี่ประมาณ 5นาที
Nishitetsu: จากสถานีFukuoka (Tenjin) ลงสถานีFutsukaichi แล้วต่อรถไฟไปDazaifu ที่ชานชาลาที่1 หรือในชบวนที่ไปDazaifuโดยตรง (สถานีนี้ต้องนั่งรถเมล์ลงป้าย Tenjin Bus Centre หรือรถไฟใต้ดินไปTenjin ก่อนครับ)
Bus: จากสนามบิน Fukuoka International Terminal และจากTenjin Bus Centre จะมีรถบัสตรงไปถึงDazaifu ครับ
จากที่ผมนั่งมาทั้งหมด รถไฟNishitetsu สะดวกที่สุดครับ (ใช้ JR Pass ไม่ได้นะครับ)
อ้างอิง:dazaifutenmangu.or.jp และปรสบการณ์ของผมครับ
ครั้งหน้าผมจะมาต่อสิ่งที่หน้าสนใจอื่นๆในเมืองฟุกุโอกะครับ จะเปิดอะไรให้เดากันเองครับ Otanoshimi
EP7.2:
https://ppantip.com/topic/36084780
EP7.1 Unseen Fukuoka Part1
หลังจากปีที่แล้วผมได้นำที่เที่ยวทั่วญี่ปุ่นตามเมืองต่างๆที่น่าสนใจมาพอสมควรแล้ว ครั้งนี้ผมจะนำพาทุกท่านมาสู่ถิ่นที่ผมแหวะเวียนมาบ่อยๆและเคยศึกษาปริญญาตรีมาก่อน เมืองนั้นคือ Fukuoka ครับ ซึ่งคราวนี้ผมจะไม่เพียงแค่แนะนำถึงสถานที่ท่องเที่ยวดีๆหรือหลักเท่านั้น ซึงรวมถึงประสบการณ์ของผมทั้งหมดในเมือง Fukuoka อาหารต่างๆ เทศกาลต่างๆ และภาษาท้องถิ่นที่น่าสนใจและขึ้นชื่อว่า น่ารักที่สุดในบันดาลของภาษาท้องถิ่นของญี่ปุ่นครับ
สถานที่ที่ไม่ควรพลาดแห่งแรกของFukuoka คือศาลเจ้า Dazaifu (太宰府天満宮) ที่ไม่ว่าใครก็มาครับ แต่จะว่าไป คนไทย คนจีน คนเกาหลีเยอะไม่แพ้คนญี่ปุ่นที่มาเที่ยวมาสักการะเลยเหนาะ 5555
ศาลเจ้าDazaifu เป็นศาลเจ้าแบบ Tenmangu หรือศาลเจ้าเพื่อการศึกษาและความรู้ตามศาสนาชินโตของญี่ปุ่นซึ่งได้รับการก่อตั้งโดยนักปราชญ์ Sugawara no Michizane และมีความเชื่อกันว่า คนที่ได้สะการะแล้วจะเปี่ยมไปด้วยความสำเร็จ ปัญญา และความขยันที่สูงขึ้นครับ
แต่สำหรับที่ศาลเจ้าแบบTenmanguแห่งนี้จะพิเศษที่สุดในบันดาลTenmanguทั้งหมดเนื่องจากศาลเจ้านี้สร้างบนหรือใกล้ๆที่สุสานของSugawaraทำให้มีความขลังมากเป็นพิเศษครับ และมีตำนานเล่ากันว่า Sugawaraได้เขียนบทกลอนต่างๆให้กับสิ่งที่เขาชอบเสมอ โดยเฉพาะต้นบ๊วย แต่ถูกตระกูลFujiwara ในสมัยHeian ขับไล่ให้ไปอยู่บนเกาะคิวชูซึ่งเป็นที่ที่เขาศึกษาและเผยแผ่ความรู้ของเขาต่อไปจนถึงแก่กรรม หลังจากที่Sugawaraจากไป ศพของเขาได้รับการเคลื่อนย้ายด้วยวัวไปยังวัดทางศาสนาพุทธใกล้เคียงหรือในเมืองDazaifuในปัจจุบัน และถูกฝังในบริเวณศาลเจ้าในปัจจุบันครับ ซึ่งมีสัญลักษณ์ดังนี้
- รูปปั้นวัวทองเหลืองบริเวณทางเข้าศาลเจ้า = ตัวแทนวัวที่ขนSugawara และปัญญา ตั้งอยู่ตรงหน้าทางเข้าศาลเจ้า
- ต้นบ๊วย = ต้นไม้ที่Sugawara ชอบที่สุด ปลูกอยู่ตรงหน้าศาลเจ้า
- ศาลหลัก = ตัวแทนสุสานของSugawara
ในตัวศาลเจ้าสิ่งที่ไม่ควรพลาดแน่นอนว่าต้องเป็น เครื่องรางสำหรับการเรียน การศึกษา และความสำเร็จครับ ผมซื้อมันตลอดทุกปีเลย จะได้เรียนได้ราบรื่น สอบผ่าน 5555
อย่าลืมไปเสียมซีกันด้วยนะครับ วัดดวงเล่นหน่อยก็ดีเน่อ5555
เดิมผมเคยเรียนปริญญาตรีอยู่ที่จังหวัดข้างๆเลยมีโอกาสได้มาสักการะบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนเปิดภาคเรียนและก่อนสอบปลายภาคทุกครั้งครับ สาธุ ขอให้สอบผ่านและมีปัญญาบังเกิดต่อขาบเจ้าในระหว่างการเรียนด้วยเทิด 5555
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆในบริเวณหน้าศาลเจ้าอีกครับ
1. Umekaemochi (梅ヶ枝餅) : เรียกได้ว่าเป็นของฝากประจำเมืองDazaifuก็ว่าได้ ผมจะซื้อกินตลอดเมื่อมาที่นี่ครับ บางครั้งซื้อกลับไปทานที่หอที่Beppuด้วย แต่หวานไปหน่อยนะ 5555
สำหรับเรื่องขนมโมจิของที่นี่จะเป็นโมจิแป้งข้าวเหนียวหนืดๆ ใส่ไส้ถั่วแดง และนำไปย่างในพิมพ์ประมาณ 3นาที ทานตอนร้อนๆครับ สำหรับราคาเขาจะขายกันที่ 120เยน สูตรเหมือนกัน ราคาเดียวกันทุกร้านที่จำหน่ายครับ ไม่ต้องไปต่อแถวตามร้านดังๆหรอกครับ ก็มันเหมือนกันทุกร้านอยู่แล้ว คนขายในบริเวณนั้นยังบอกกันเลย5555
สำหรับร้านที่ผมไปบ่อยที่สุดคือร้านKasa no Ie ที่ต้องไปต่อแถวนี่ละครับ
2. Starbuck’s ในตำนาน: ไม่ได้พิเศษเรื่องสูตรกาแฟครับ แต่เป็นที่ดีไซด์ของร้านที่นำท่อนไม้ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาต่อไขว้กันทำให้ดูเด่นมากในระหว่างทางเดินเข้าศาลเจ้าครับ แถมเป็นร้านกาแฟเดียวในแถวนั้นด้วย
3. พิพิธภัณฑ์Kyushu: พิพิธภัณฑ์แห่งนี้พิเศษตรงที่ว่า จะมีการรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญหรือมีคุณค่าทั่วเกาะคิวชูมาจัดแสดงทั้งหมดครับ ซึ่งมีทั้งของที่ใช้ในเทศกาลต่างๆ เครื่องปั้นดินเผายุคJomon จากYoshinogari จังหวัดSaga โคมไฟเมืองNagasaki หินภูเขาไฟและอื่นๆอีกมากมายครับ
4. Ichiran Ramen: ร้านนี้เขาจะให้ลูกค้าลองชิมน้ำซุปด้วย แถมร้านนี้มีตัวเลือกให้ราเม็งของเราด้วยครับ อย่าง เพิ่มเส้น เพิ่มความเข้มข้นของซุป เพิ่มเนื้อหมูชาชู และอื่นๆ พร้อมกับบรยากาศการทานแบบฟุกุโอกะในสมัยก่อนที่มีห้องเป็นของตัวเองที่มีน้ำดื่มและเครื่องปรุงพร้อม สามารถทำได้ที่โต๊ะของท่านได้เลยครับ
คำเตือนของร้านนี้จากจขกท. = อย่าเพิ่มความเข้มน้ำซุปเยอะไปนะ เค็มปี๋เกินจนกินไม่ลงเลย
ยังไม่พอ ที่นี่ก็มีเทศกาลตลอดทั้งปีครับ ซึ่งในแต่ละเดือนจะไม่เหมือนกันครับ
มกราคม
1. เทศกาลพูดโกหก : จัดขึ้นในคืนวันที่7 ของทุกปี เทศกาลที่จะแฉการโกหกทุกอย่างที่ได้ทำลงไปในปีที่แล้วให้กับเทพเจ้าและคนที่รักเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งดีในปีใหม่แลกกับการโกหกต่างๆที่ทำลงไปในปีที่แล้วครับ ผมเองก็ไม่เคยมีโอกาสไปร่วม หากใครอยากขอโทษและบอกความจริงทุกอย่างที่ทำไปแล้วไม่ดี ก็มาทำระหว่างเทศกาลนี้ได้เลยครับ
(ภาพจากdazaifutenmangu.or.jp)
2. เทศกาลไฟ : จัดขึ้นหลังจากเทศกาลโกหกในวันเดียวกัน เทศกาลนี้ทำเพื่อเปิดลาภปีใหม่และลบล้างสิ่งไม่ดีของปีเก่า โดยจะมีการเล่นกับไฟและขบวนแห่ไฟของคนในชุมชนกว่า 300คน
(ภาพจากtobiq.com)
มีนาคม
- เทศกาลตักน้ำ: จัดขึ้นในวันอาทิตย์แรกของเดือน จะเป็นเทศกาลใหญ่ของผู้หญิงที่จะมีการแต่งตัวย้อนยุคไปในสมัยเฮอันและรับน้ำจากลำธารเล็กภายในศาลเจ้า และมีการแต่งกลอนพร้อมดื่มเล่าสาเกเพื่อสร้างบรรยากาศไปด้วยครับ
(ภาพจากiz2.co.jp)
(ภาพจากgoo)
พฤกษาคม
- เทศกาลวัดเด็ก (วันเด็กแห่งชาติ 5 พฤษภา): วันหยุดของครอบครัวที่จะพลาดไม่ได้ร่วมไปถึงเป็นช่วงวันหยุดยาวที่ยาวที่สุดของญี่ปุ่นครับ โดยจะมีกิจกรรมหลายอย่างสำหรับเด็กและครอบครัว อย่างเช่นการแสดงของเด็กในบริเวณศาลเจ้า และการประกวดภาพวาดของเด็กครับ เที่ยวในช่วงนี้คนจะเยอะสักนิด โดนเด็กแย่งซื้อของโปรดหมดเลย5555
(ภาพจากdazaifutenmangu.or.jp และdazaifu.org)
มิถุนายน
- คอนเสิร์ตกลางทุ่งดอกไม้ : จะจัดขึ้นช่วงต้นเดือนในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ดอกไม้ต่างๆในศาลเจ้าบานเต็มที่และจะจัดคอนเสิร์ตไปด้วยในบรรยากาศดีๆนี้ละครับ ได้ชมดอกไม้ไปด้วย ได้ฟังเพลงจากศิลปินต่างๆที่มาในงานด้วยนับว่าดีที่เดียว และดอกไม้ที่บานในช่วงนี้ก็มีให้เลือกกันถึง55สายพันธุ์เลยทีเดียว ถ้าจะถ่ายรูป ผมขอแนะนำในช่วงนี้ครับ
(ภาพจากdazaifutenmangu.or.jp)
ดูดอกไม้อย่างเดียวก็ได้นะ 5555
กรกฎาคม
1. เทศกาล Tanabata: เทศกาลดังที่ไปถึงต่างประเทศเลยก็ว่าได้ จะจัดขึ้นในวันที่7 วันเลขดีของญี่ปุ่นครับ โดยประชาชนทุกคนจะพร้อมใจกันเขียนคำอวยพรลงบนแผ่นกระดาษเล็กและนำไปห้อยที่ต้นไผ่เพื่อหวังว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาสักวัน (เขียนขอแฟนก็ได้นะ 5555) ภายในศาลเจ้าจะจัดบริเวณทางเดินเข้าศาลเจ้าครับ
(ภาพจาก dazaifutenmangu.or.jp)
2. เทศกาลฤดูร้อน (Natsumatsuri): สำหรับที่ศาลเจ้านี้จะจัดในวันที่24 และ 25 เป็นวันคล้ายวันเกิดของปราชญ์Michizane คนก่อตั้งศาลเจ้าแห่งนี้ครับ และแน่นอนที่ว่าจะมีการชุดยูกาตะระหว่างเข้าร่วมงานด้วยครับ ปะแต่งแล้วไปถ่ายรูป ไปSelfie ไปกินน้ำแข็งใส ไปกินอาหารปิ้งย่างตามบู๊ตต่างๆกันเถอะครับ 5555 นอกจากนี้ยังมีการเดือนขบวนโดยเด็กๆตามรูปด้วยครับ
(ภาพจากdazaifutenmangu.or.jp)
กันยายน
1. เทศกาลขอบคุณพระเจ้า: จัดขึ้นระหว่างวันที่20ถึง25 เป็นเทศกาลแบบย้อนยุคไปยังสมัยที่Michizaneยังมีชีวิตอยู่ด้วยการเดินขบวนของปราชญ์เข้าสู่ศาลเจ้าครับ โดยเทศกาลนี้ทำเพื่อความผ่อนคลายของเทพที่ปกปักรักษาญี่ปุ่น ความสุขของราชวงศ์ ความร่มเย็นของประเทศ และขอบคุณพระเจ้าที่ประทานอาหาร(โดยเฉพาะข้าว)อีกด้วยครับ นอกจากนี้เทศกาลนี้นับว่าเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดในบันดาลเทศกาลทั้งหมดของศาลเจ้าDazaifuครับ
(ภาพจากiwiz-olp.c.yimg.jp)
พฤศจิกายน
เทศกาลดอกเบญจมาศ: มีตลอดเดือนพฤศจิกายน โดยนำดอกเพญจมาศในท้องถิ่นมาจัดแสดงเพื่อความสวยงามและความปลาบปลื้มของปราชญ์Michizaneครับ และภายในงานมีปราชญ์เข้าร่วมกว่า400,000คนหมุนเวียนกันเข้าร่วมอีกด้วยครับ สำหรับเราคนต่างชาติ แค่ได้ไปดูดอกก็ดีแล้วมั้ง5555
(ภาพจากdazaifu.org และ Linda travel)
ธันวาคม
เทศกาลทำบุญส่งท้ายปี/ชำระล้างบาป:เป็นเทศกาลใหญ่ของทั้งประเทศที่จัดทั้งในวันที่30มิถุนายนและวันส่งท้ายปี เพื่อชำระล้างบาปและทำให้ชีวิตในวันต่อๆปีดีขึ้นครับ โดยจะมีการเขียนความผิดต่างๆที่ตนได้ทำลงไปลงในกระดาษจากนั้นนำไปเผาเพื่อทำพิธีครับ
(ภาพจากfanfunfukuoka.com)
วิธีการไป
JR: จากสถานีHakata ลงสถานี JR Futsukaichi แล้วต่อแท็กซี่ประมาณ 5นาที
Nishitetsu: จากสถานีFukuoka (Tenjin) ลงสถานีFutsukaichi แล้วต่อรถไฟไปDazaifu ที่ชานชาลาที่1 หรือในชบวนที่ไปDazaifuโดยตรง (สถานีนี้ต้องนั่งรถเมล์ลงป้าย Tenjin Bus Centre หรือรถไฟใต้ดินไปTenjin ก่อนครับ)
Bus: จากสนามบิน Fukuoka International Terminal และจากTenjin Bus Centre จะมีรถบัสตรงไปถึงDazaifu ครับ
จากที่ผมนั่งมาทั้งหมด รถไฟNishitetsu สะดวกที่สุดครับ (ใช้ JR Pass ไม่ได้นะครับ)
อ้างอิง:dazaifutenmangu.or.jp และปรสบการณ์ของผมครับ
ครั้งหน้าผมจะมาต่อสิ่งที่หน้าสนใจอื่นๆในเมืองฟุกุโอกะครับ จะเปิดอะไรให้เดากันเองครับ Otanoshimi
EP7.2: https://ppantip.com/topic/36084780