สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ หลังจากที่เราหายไป 1 ปี เพิ่งมีเวลาจริงๆค่ะ
ครั้งนี้เราจะพาไปมาเลเซียกัน โดยจุดหมายของเรา คือ มะละกา >> Cameron highland >> KL และคอนเซ็ปเดิมจ้า เดินทางกัน 2 คน 3 เมือง 4 คืน 5 วัน ค่าใช้จ่ายตกคนละ
เกือบๆ 6,000 บาท (ไม่รวมค่าเครื่องนะคะ เราซื้อตอนไม่มีโปรโมชั่นราคาไป-กลับประมาณคนละ 3,000 บาท)
เดินทางวันที่ 24-28/12/2559
ภาค 2 >>
https://ppantip.com/topic/36056295
* กระทู้เดิมสำหรับใครที่สนใจไปเที่ยวลาวก็สามารถเข้าไปอ่านกันได้นะคะ >>>
https://ppantip.com/topic/34599798
** กระทู้นี้รูปเยอะ เนื้อหาแน่น **
ข้อมูลอื่นๆ
- อัตราแลกเปลี่ยนที่เราแลกจากธนาคาร คือ 1 ริงกิต (RM) = 8.41 บาท (คร่าวๆ คือ 10 บาท จะคำนวณง่ายกว่า เราแลกที่ธนาคารที่สนามบินเลยเพราะสะดวกดี)
- ที่นี่ใช้แค่ passport ไม่ต้องทำวีซ่า เลยไปง่ายมักๆ
- อย่าลืมเอายาประจำตัวไปด้วย แล้วก็บวกยาพารา ยาแก้เมารถเพิ่มเข้าไปด้วย
- หัวแปลงปลั๊ก ***สำคัญมากเพราะใช้คนละแบบกับไทย***
เราเลยซื้อแบบที่แปลงได้หลายๆหัวมาใช้
- ใครไป Cameron highland ช่วงนี้อากาศหนาวนะคะ เตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วยเนาะ
ไม่พูดมากนะเรามาเริ่มเดินทางกัน...
Day 1 (24/12/59) กรุงเทพฯ-มาเลเซีย (สนามบินดอนเมือง-สนามบิน KLIA2-มะละกา)
ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปสนามบิน KLIA2 กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
เราขึ้นเครื่อง เวลา 07.20 น. ถึงสนามบิน KLIA2 เวลา 10.05 น. (เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง)
** ใครที่ต้องการซื้อซิมใช้เน็ตกดที่ spoil เลยจ้า ใครไม่ซื้อข้ามไปได้เลย (แต่แนะนำนะราคาไม่แพงเผื่อเวลาหลงทาง อีกอย่างเน็ตเร็วมาก)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เดินออกจากเครื่องมาเรื่อยๆ ก่อนจะขึ้นบันไดเลื่อนจะมีบูธขายซิมโทรศัพท์ 2 ค่าย แนะนำว่าไม่ต้องแวะซื้อนะ เพราะคนจะเยอะมาก
ให้รีบเดินตรงไปด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อต่อแถวสแกนนิ้วมือที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองก่อน แล้วค่อยผลัดให้เพื่อนอีกคนไปซื้อซิม เพราะแถวๆนั้นจะมีบูธขายซิมโทรศัพท์ 4 ค่าย ราคาเท่ากัน ไม่มีคนแย่งซื้อด้วย เงียบกริ๊บ..
เราซื้อซิมของ Maxis ราคา 30 RM net 3 GB และมีแถมอีก 1 GB ใช้ได้ 1 อาทิตย์ (แค่นี้เหลือเฟือมากๆใช้ไม่หมด)
จากนั้นก็รีบมาต่อแถวสแกนนิ้วมือที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนะคะ คนเยอะจริงๆ
พอผ่านจากด่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จก็เวลา 11.45 น. (เพราะเรามัวแต่เสียเวลาเลือกซื้อซิมโทรศัพท์และถ่ายรูปเล่น 55555) จึงทำให้เราไม่ทันรอบรถบัสไปมะละกา เวลา 11.45 น.
หลังจากเอากระเป๋าเสร็จเราก็เดินลงบันไดเลื่อนมาข้างล่างเพื่อหาซื้อตั๋วรถบัสไปมะละกาได้รอบ 13.15 น. ราคา 24.1 RM/คน
ช่อง 1 กับ 2 เหมือนกัน แต่ช่อง 3 เราไม่แน่ใจ (เราซื้อช่อง 1)
เราเลยพอเหลือเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อหาข้าวเที่ยงกิน โดยชั้น 1 ของสนามบินจะมี food court ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารอินเดียคล้ายๆร้านข้าวแกงบ้านเรา แต่แพงกว่ามาก 55555 พอได้อาหารที่สั่งแล้ว เค้าจะให้บัตรมาเพื่อไปจ่ายเงินที่เคาตอร์ ค่าอาหารมื้อเที่ยงราคา 12 RM/1จาน, น้ำเปล่า ราคา 0.8 RM/1แก้ว ก่อนที่เราจะไปรอรถบัส แนะนำให้เข้าห้องน้ำทำภารกิจก่อน เพราะต้องนั่งรถบัสไปมะละกานานราว 3-4 ชั่วโมง ห้องน้ำอยู่ที่ชั้น 1 ตรงทางเข้า food court ห้องน้ำกว้างและสะอาดดีค่ะ
รถบัสมาถึงตรงเวลาดีคะ ไม่เลท เราขึ้นรถรอบ 13.15 น. รถออกจากสนามบิน KLIA2 ไปถึงมะละกา 16.30 น. นานมากกกกก เพราะว่ารถติดมากก (ใครจะมาต้องเผื่อเวลาด้วยนะ)
ถึง Melaka sentral แล้ว
** การเดินทางในมะละกาเพื่อนเราที่เป็นคนมาเลย์เป็นคนพาไปทุกที่ เลยไม่มีข้อมูลเรื่องการเดินทางนะคะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่มันจะมีรถบัสไปแต่ละที่อยู่นะ และหลายๆที่ก็อยู่ใกล้ที่พักมากๆ เดินเอาก็ได้ไม่ต้องใช้รถจ้า
เราจะไปหาของกินกันก่อนเพราะหิวมาก เป็นอาหารพื้นเมืองของมะละกาว่างั้น เป็นพวกผัก เนื้อ อาหารทะเล ที่เสียบไม้ แล้วนำมาจุ่มต้มในน้ำจิ้มที่รสชาติเหมือนน้ำจิ้มหมูสเต๊ะแต่จืดกว่า อร่อยอ่ะเราชอบ (ไม้ละ 1 RM)
คนเยอะมากกกก (ขออนุญาตคนในรูปนะคะ)
จากนั้นเราก็ไปตะเวนหาที่พัก เรามาช่วงเทศกาลคริสต์มาสพอดี รร. ส่วนใหญ่ในเว็บมันเต็ม เราเลยต้อง walk in ซึ่งเหนื่อยมากกก แนะนำให้จองไปนะ เพราะมันเหนื่อยจริงๆ ขนาดเพื่อนเราพาขับรถหานะ
หาจนมึนสุดท้ายเอา รร. นี้ล่ะเหนื่อย 55555 (ราคา 110 RM/คืน มีห้องน้ำในตัว ไม่มีอาหารเช้า สามารถเดินไปเที่ยวได้ไม่ไกลมาก)
** แนะนำให้หาที่พักแถวๆ jonker street หรือ Dutch square นะ จะสะดวกเดินเที่ยวสถานที่เที่ยวอื่นๆ ง่ายด้วยคะ อีกทั้งย่านนี้จะอยู่ใกล้กัน และคึกคัก มีของกินเยอะ
จากนั้นเราก็เดินไปหาของกินที่ jonker street
ระหว่างทางวิวดีมาก แนะนำให้ติดขาตั้งกล้องมาด้วยถ้าชอบถ่ายวิวนะ แต่เราไม่มีปัญญาแบกมาของเยอะ 55555
ถึงแล้ว..ที่นี่ของกินแปลกๆเยอะมาก แนะนำให้ลองกินนะ ส่วนเสื้อผ้าหรืออื่นๆก็ไม่ต่างจากบ้านเรามากแต่ราคาแพงกว่า อีกอย่างที่นี่สับปะรดภูแลนำเข้าจากไทยค่อนข้างเป็นที่นิยม
ร้านแรกที่เราลองกินจะเป็นไอติมมะพร้าว บอกเลยว่าอร่อยไม่สู้ไอติมกะทิแถวสารคามเลยคะ 5555 (ไอติม 1 ลูก 40 บาท)
ร้านที่ 2 ก็อันนี้คล้ายๆ เอแคร์มีไส้ทุเรียนกับโยเกิร์ต อันนี้ควรลอง เราไม่กินทุเรียนเลยลองโยเกิร์ต อร่อยมากกกกกกกกกก ฟินนนน
ร้านที่ 3 เรียกอะไรไม่รู้ ข้างนอกเป็นแป้งร่วนๆ ข้างในเป็นน้ำตาลหวานๆ ไม่อร่อยเท่าไหร่ฝืดคอ
เดินมาสักพักจะได้กลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว ไม่ต้องตกใจนะ มันเป็นกลิ่นจากร้านขายเต้าหู้ เราว่าเป็นเต้าหู้ที่เหม็ดสุดในโลก 55555 อันนี้เราไม่ของลอง แต่.. สักพักมีชาวมาเลย์ที่ไปทำงานอยู่กรุงเทพ เห็นเราพูดไทย เค้าเลยเข้ามาทัก แล้วให้แฟนเราลองชิมดู นางบอกว่ารสชาติแย่มาก ทั้งเหม็นทั้งขม ขนาดเพื่อนเราชาวมาเลย์ยังไม่เคยกินเลย แล้วแต่คนชอบจริงๆ
ร้านที่ 4 อันนี้ทำมาจากพวกมัน ไรงี้ พอกินได้อยู่ๆ
เดินไปเรื่อยๆ จะเจอโซนที่มีคนนั่งดูการแสดงเยอะๆ มีเวทีตรงกลาง ให้เดินออกจากเวทีชิดมาทางขวาเพื่อไปร้านที่ 4 เพื่อนบอกว่าร้านนี้เด็ด
ร้านที่ 4 ก๋วยเตี๋ยว จะหน้าตารสชาติคล้ายๆผัดไทบ้านเราดีๆนี่เอง หน้าร้านจะเป็นแบบนี้มีทั้งซื้อกลับ แล้วก็นั่งกิน คนมากินเยอะนะร้านนี้
พอกินเสร็จเราก็เดินกันต่อสักพักก็สุดตลาด ขากลับเลยแวะกินของหวานหน่อย (จริงๆก็กินของหวานมาตลอดทางแล้วมั้ย 555)
ร้านที่ 5 เป็นของหวาน คล้วยๆน้ำแข็งใสบ้านเรา แต่เราว่าอร่อยกว่าอ่ะ ร้านนี้อยู่ติดกับเซเว่น แนะนำให้ลองเหมือนกันเพราะเราชอบมาก ไปเมืองอื่นหากินไม่ได้เลยด้วย
กินเสร็จก็เดินกลับต่อ ผับนี้เป็นผับที่เพื่อนบอกว่าคนไทยเยอะมาก เลยถ่ายมาให้ดูแต่เราไม่ได้เข้านะ
ร้านที่ 6 รสชาติไม่หวานเหมือนที่คิด อร่อยจ้า อันนี้ไม่ได้ถ่ายหน้าร้านไว้นะ
เดินไปเรื่อยๆจะเจอร้านขายอันนี้ บอกเลยว่าไม่ซื้อคือพลาดมากจริงๆ
มันคือ..แท่งสมุนไพรดูดขี้หูของอินเดีย ไม่ต้องตกใจ มันดูดจริงๆ มันเลิศเฟ่อออออออ ได้ผลมากๆแกกกร๊
ซื้อเสร็จก็รีบกลับไปลองทำที่ห้องเลย 5555555 ต้องจุดไฟด้วยนะ ถ้าจะทำก็อย่าลืมหาอะไรปิดที่ดักควันในห้องด้วย
กินกันเยอะมากจริงๆ ใช่ไหมล่ะ ยัง ..ยังไม่หมดนะมีอีกเราไปกินอาหารอินเดียต่อ เที่ยงคืนแล้วลูกค้ายังเต็มร้านเลยจ้า
สำหรับเมนูอาหารที่เราสั่งคือ cheese Naan กับ Galic Naan อร่อยมาก!! เพื่อนบอกว่าร้านนี้ดังสุดๆของมะละกา
จากนั้นเราก็แวะไปดูชีวิตกลางคืนแถว st. paul’s hill ต่อคะ
ตี 2 แล้วเด็กยังเกาะกลุ่มกันเล่นสเก็ตบอร์ดเต็มลานเลย เด็กที่นี่นอนกันดึกมากจริงๆ ฟรีทามมากก
เดินเล่นสักพักเราก็กลับคะ กว่าเราจะได้นอนก็ ตี 3 แล้ว ..ฝันดีค่ะ
[CR] มาเลเซีย..มาเองก็ได้ (มะละกา-Cameron highland-กัวลาลัมเปอร์) 5 วัน 4 คืน ภาค 1
ครั้งนี้เราจะพาไปมาเลเซียกัน โดยจุดหมายของเรา คือ มะละกา >> Cameron highland >> KL และคอนเซ็ปเดิมจ้า เดินทางกัน 2 คน 3 เมือง 4 คืน 5 วัน ค่าใช้จ่ายตกคนละเกือบๆ 6,000 บาท (ไม่รวมค่าเครื่องนะคะ เราซื้อตอนไม่มีโปรโมชั่นราคาไป-กลับประมาณคนละ 3,000 บาท)
เดินทางวันที่ 24-28/12/2559
ภาค 2 >> https://ppantip.com/topic/36056295
* กระทู้เดิมสำหรับใครที่สนใจไปเที่ยวลาวก็สามารถเข้าไปอ่านกันได้นะคะ >>> https://ppantip.com/topic/34599798
** กระทู้นี้รูปเยอะ เนื้อหาแน่น **
ข้อมูลอื่นๆ
- อัตราแลกเปลี่ยนที่เราแลกจากธนาคาร คือ 1 ริงกิต (RM) = 8.41 บาท (คร่าวๆ คือ 10 บาท จะคำนวณง่ายกว่า เราแลกที่ธนาคารที่สนามบินเลยเพราะสะดวกดี)
- ที่นี่ใช้แค่ passport ไม่ต้องทำวีซ่า เลยไปง่ายมักๆ
- อย่าลืมเอายาประจำตัวไปด้วย แล้วก็บวกยาพารา ยาแก้เมารถเพิ่มเข้าไปด้วย
- หัวแปลงปลั๊ก ***สำคัญมากเพราะใช้คนละแบบกับไทย***
เราเลยซื้อแบบที่แปลงได้หลายๆหัวมาใช้
- ใครไป Cameron highland ช่วงนี้อากาศหนาวนะคะ เตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วยเนาะ
ไม่พูดมากนะเรามาเริ่มเดินทางกัน...
Day 1 (24/12/59) กรุงเทพฯ-มาเลเซีย (สนามบินดอนเมือง-สนามบิน KLIA2-มะละกา)
ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปสนามบิน KLIA2 กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
เราขึ้นเครื่อง เวลา 07.20 น. ถึงสนามบิน KLIA2 เวลา 10.05 น. (เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง)
** ใครที่ต้องการซื้อซิมใช้เน็ตกดที่ spoil เลยจ้า ใครไม่ซื้อข้ามไปได้เลย (แต่แนะนำนะราคาไม่แพงเผื่อเวลาหลงทาง อีกอย่างเน็ตเร็วมาก)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากนั้นก็รีบมาต่อแถวสแกนนิ้วมือที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนะคะ คนเยอะจริงๆ
พอผ่านจากด่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จก็เวลา 11.45 น. (เพราะเรามัวแต่เสียเวลาเลือกซื้อซิมโทรศัพท์และถ่ายรูปเล่น 55555) จึงทำให้เราไม่ทันรอบรถบัสไปมะละกา เวลา 11.45 น.
หลังจากเอากระเป๋าเสร็จเราก็เดินลงบันไดเลื่อนมาข้างล่างเพื่อหาซื้อตั๋วรถบัสไปมะละกาได้รอบ 13.15 น. ราคา 24.1 RM/คน
ช่อง 1 กับ 2 เหมือนกัน แต่ช่อง 3 เราไม่แน่ใจ (เราซื้อช่อง 1)
เราเลยพอเหลือเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อหาข้าวเที่ยงกิน โดยชั้น 1 ของสนามบินจะมี food court ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารอินเดียคล้ายๆร้านข้าวแกงบ้านเรา แต่แพงกว่ามาก 55555 พอได้อาหารที่สั่งแล้ว เค้าจะให้บัตรมาเพื่อไปจ่ายเงินที่เคาตอร์ ค่าอาหารมื้อเที่ยงราคา 12 RM/1จาน, น้ำเปล่า ราคา 0.8 RM/1แก้ว ก่อนที่เราจะไปรอรถบัส แนะนำให้เข้าห้องน้ำทำภารกิจก่อน เพราะต้องนั่งรถบัสไปมะละกานานราว 3-4 ชั่วโมง ห้องน้ำอยู่ที่ชั้น 1 ตรงทางเข้า food court ห้องน้ำกว้างและสะอาดดีค่ะ
รถบัสมาถึงตรงเวลาดีคะ ไม่เลท เราขึ้นรถรอบ 13.15 น. รถออกจากสนามบิน KLIA2 ไปถึงมะละกา 16.30 น. นานมากกกกก เพราะว่ารถติดมากก (ใครจะมาต้องเผื่อเวลาด้วยนะ)
ถึง Melaka sentral แล้ว
** การเดินทางในมะละกาเพื่อนเราที่เป็นคนมาเลย์เป็นคนพาไปทุกที่ เลยไม่มีข้อมูลเรื่องการเดินทางนะคะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ แต่มันจะมีรถบัสไปแต่ละที่อยู่นะ และหลายๆที่ก็อยู่ใกล้ที่พักมากๆ เดินเอาก็ได้ไม่ต้องใช้รถจ้า
เราจะไปหาของกินกันก่อนเพราะหิวมาก เป็นอาหารพื้นเมืองของมะละกาว่างั้น เป็นพวกผัก เนื้อ อาหารทะเล ที่เสียบไม้ แล้วนำมาจุ่มต้มในน้ำจิ้มที่รสชาติเหมือนน้ำจิ้มหมูสเต๊ะแต่จืดกว่า อร่อยอ่ะเราชอบ (ไม้ละ 1 RM)
คนเยอะมากกกก (ขออนุญาตคนในรูปนะคะ)
จากนั้นเราก็ไปตะเวนหาที่พัก เรามาช่วงเทศกาลคริสต์มาสพอดี รร. ส่วนใหญ่ในเว็บมันเต็ม เราเลยต้อง walk in ซึ่งเหนื่อยมากกก แนะนำให้จองไปนะ เพราะมันเหนื่อยจริงๆ ขนาดเพื่อนเราพาขับรถหานะ
หาจนมึนสุดท้ายเอา รร. นี้ล่ะเหนื่อย 55555 (ราคา 110 RM/คืน มีห้องน้ำในตัว ไม่มีอาหารเช้า สามารถเดินไปเที่ยวได้ไม่ไกลมาก)
** แนะนำให้หาที่พักแถวๆ jonker street หรือ Dutch square นะ จะสะดวกเดินเที่ยวสถานที่เที่ยวอื่นๆ ง่ายด้วยคะ อีกทั้งย่านนี้จะอยู่ใกล้กัน และคึกคัก มีของกินเยอะ
จากนั้นเราก็เดินไปหาของกินที่ jonker street
ระหว่างทางวิวดีมาก แนะนำให้ติดขาตั้งกล้องมาด้วยถ้าชอบถ่ายวิวนะ แต่เราไม่มีปัญญาแบกมาของเยอะ 55555
ถึงแล้ว..ที่นี่ของกินแปลกๆเยอะมาก แนะนำให้ลองกินนะ ส่วนเสื้อผ้าหรืออื่นๆก็ไม่ต่างจากบ้านเรามากแต่ราคาแพงกว่า อีกอย่างที่นี่สับปะรดภูแลนำเข้าจากไทยค่อนข้างเป็นที่นิยม
ร้านแรกที่เราลองกินจะเป็นไอติมมะพร้าว บอกเลยว่าอร่อยไม่สู้ไอติมกะทิแถวสารคามเลยคะ 5555 (ไอติม 1 ลูก 40 บาท)
ร้านที่ 2 ก็อันนี้คล้ายๆ เอแคร์มีไส้ทุเรียนกับโยเกิร์ต อันนี้ควรลอง เราไม่กินทุเรียนเลยลองโยเกิร์ต อร่อยมากกกกกกกกกก ฟินนนน
ร้านที่ 3 เรียกอะไรไม่รู้ ข้างนอกเป็นแป้งร่วนๆ ข้างในเป็นน้ำตาลหวานๆ ไม่อร่อยเท่าไหร่ฝืดคอ
เดินมาสักพักจะได้กลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว ไม่ต้องตกใจนะ มันเป็นกลิ่นจากร้านขายเต้าหู้ เราว่าเป็นเต้าหู้ที่เหม็ดสุดในโลก 55555 อันนี้เราไม่ของลอง แต่.. สักพักมีชาวมาเลย์ที่ไปทำงานอยู่กรุงเทพ เห็นเราพูดไทย เค้าเลยเข้ามาทัก แล้วให้แฟนเราลองชิมดู นางบอกว่ารสชาติแย่มาก ทั้งเหม็นทั้งขม ขนาดเพื่อนเราชาวมาเลย์ยังไม่เคยกินเลย แล้วแต่คนชอบจริงๆ
ร้านที่ 4 อันนี้ทำมาจากพวกมัน ไรงี้ พอกินได้อยู่ๆ
เดินไปเรื่อยๆ จะเจอโซนที่มีคนนั่งดูการแสดงเยอะๆ มีเวทีตรงกลาง ให้เดินออกจากเวทีชิดมาทางขวาเพื่อไปร้านที่ 4 เพื่อนบอกว่าร้านนี้เด็ด
ร้านที่ 4 ก๋วยเตี๋ยว จะหน้าตารสชาติคล้ายๆผัดไทบ้านเราดีๆนี่เอง หน้าร้านจะเป็นแบบนี้มีทั้งซื้อกลับ แล้วก็นั่งกิน คนมากินเยอะนะร้านนี้
พอกินเสร็จเราก็เดินกันต่อสักพักก็สุดตลาด ขากลับเลยแวะกินของหวานหน่อย (จริงๆก็กินของหวานมาตลอดทางแล้วมั้ย 555)
ร้านที่ 5 เป็นของหวาน คล้วยๆน้ำแข็งใสบ้านเรา แต่เราว่าอร่อยกว่าอ่ะ ร้านนี้อยู่ติดกับเซเว่น แนะนำให้ลองเหมือนกันเพราะเราชอบมาก ไปเมืองอื่นหากินไม่ได้เลยด้วย
กินเสร็จก็เดินกลับต่อ ผับนี้เป็นผับที่เพื่อนบอกว่าคนไทยเยอะมาก เลยถ่ายมาให้ดูแต่เราไม่ได้เข้านะ
ร้านที่ 6 รสชาติไม่หวานเหมือนที่คิด อร่อยจ้า อันนี้ไม่ได้ถ่ายหน้าร้านไว้นะ
เดินไปเรื่อยๆจะเจอร้านขายอันนี้ บอกเลยว่าไม่ซื้อคือพลาดมากจริงๆ
มันคือ..แท่งสมุนไพรดูดขี้หูของอินเดีย ไม่ต้องตกใจ มันดูดจริงๆ มันเลิศเฟ่อออออออ ได้ผลมากๆแกกกร๊
ซื้อเสร็จก็รีบกลับไปลองทำที่ห้องเลย 5555555 ต้องจุดไฟด้วยนะ ถ้าจะทำก็อย่าลืมหาอะไรปิดที่ดักควันในห้องด้วย
กินกันเยอะมากจริงๆ ใช่ไหมล่ะ ยัง ..ยังไม่หมดนะมีอีกเราไปกินอาหารอินเดียต่อ เที่ยงคืนแล้วลูกค้ายังเต็มร้านเลยจ้า
สำหรับเมนูอาหารที่เราสั่งคือ cheese Naan กับ Galic Naan อร่อยมาก!! เพื่อนบอกว่าร้านนี้ดังสุดๆของมะละกา
จากนั้นเราก็แวะไปดูชีวิตกลางคืนแถว st. paul’s hill ต่อคะ
ตี 2 แล้วเด็กยังเกาะกลุ่มกันเล่นสเก็ตบอร์ดเต็มลานเลย เด็กที่นี่นอนกันดึกมากจริงๆ ฟรีทามมากก
เดินเล่นสักพักเราก็กลับคะ กว่าเราจะได้นอนก็ ตี 3 แล้ว ..ฝันดีค่ะ