=== รีวิวนี้เป็นส่วนหนึ่งของทริป 10 วัน 10 จังหวัด ตะลุย Central Japan 2017 ช่วงปีใหม่ ซึ่งคนเขียนคงไม่เขียนรีวิวทั้งหมดเพราะไม่มีเวลาและเนื้อหาเยอะมาก จึงขอตัดส่วนที่เป็นเนื้อหาย่อยที่คิดว่ามีส่วนสำคัญมานำเสนอดูทีละจุด ถ้าหากใครสนใจอยากสอบถามข้อมูลทริป 10 วัน 10 จังหวัดช่วงปีใหม่เพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ในภายหลังนะจ้ะ ===
รีวิวเรื่องที่ 1 - การใช้ Osaka Amazing Pass/KTP ไป Naniwa no Yu โดยไม่ต้องเดินไกลด้วยรถบัสสาย 34
รีวิวเรื่องที่ 2 - การใช้ Japan Rail Pass (Wide Nation) นั่ง JR Local Bus ในเมืองคานาซาว่า (Kanazawa)
รีวิวเรื่องที่ 3 - การใช้ Suica ชำระเงินซื้อที่นั่ง Green Seat ในรถไฟ JR ธรรมดาจากโตเกียวไปสนามบินนาริตะ
รีวิวเรื่องที่ 4 - รีวิวทริป นั่งเรือจากท่าเรือฮิโนเดะ (Hinode) ไปงาน C91 ที่โตเกียวบิ๊กไซด์บนเกาะโอไดบะ
รีวิวเรื่องที่ 6 - เที่ยวฟูจิตะวันตกที่จังหวัดชิสุโอกะในวันปีใหม่ (ทัวร์โกริกิคุงที่ฟูจิโนมิยะ) [2/2]
<<ทริปวันที่ 3 ของการเดินทางของเจ้าของกระทู้ : วันที่ 1 มกราคม 2017 - โตเกียว > ชิสุโอกะ >>
มีเวลา 7 วัน ต้องการเที่ยวข้ามภูมิภาคในช่วงปีใหม่....แบบไป-กลับ (โตเกียว-โอซาก้า-โตเกียว)...ใช้ตั๋วอะไร...?
คำตอบคือ ใช้ JR Pass 7 วัน ซึ่งเป็น JR Pass เดียวที่วิ่งบนเส้นทางทคไคโดชินคันเซ็นจากไปโตเกียว-โอซาก้าได้ (ไม่มี Pass ท้องถิ่นตัวไหนทำได้เลย)
แล้วระหว่างทางต้องการจะเข้าไปเที่ยวดูภูเขาไฟฟูจิ(ฉลองครบรอบปีใหม่ 2017) แบบใกล้ชิด จะทำได้ไหม ไปยังไง?
ถ้าไปที่ยอดนิยมอย่างคาวากูจิโกะมันต้องต่อรถไฟสายเอกชนฟูจิคิวเข้าไปอีก
แถมมีเวลาน้อย ต้องเดินทางไปคันไซต่อด้วย ถ้าเที่ยวคาวากูจิโกะ จะเสียเวลาต่อรถเยอะมาก
(ตราบใดที่จูโอชินคันเซ็นยังสร้างไม่เสร็จ)....
คำตอบคือ ก็เที่ยวมันที่ชิสุโอกะนี่แหละ...หลายคนคงลืมไปแล้วมั้งว่า
ฟูจิมันคั่นกลางระหว่างสองจังหวัดคือจังหวัดยามานาชิ (โซนคาวากูจิโกะ) กับจังหวัดชิสุโอกะ
แถมจองที่พักที่ชิสุโอกะไปคืนนึงแล้วด้วย...และองค์ประกอบหลายอย่างลงตัวสำหรับการไปทริปที่นี่
แพลนทริปนี้ถูกวางมาเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว พึ่งจะมาใช้จริงตอนปีใหม่นี้
***ทริปนี้เหมาะสำหรับคนใช้ JR Pass Wide Nation (ซึ่งมีราคาแพงกว่า Pass ท้องถิ่นทั่วไป)ขึ้นไปไม่พอ มันยังต้องมีส่วนที่พิจารณาอย่างอื่นประกอบกันอีกมากมาย ทั้งเวลา และโอกาส เพราะอะไร เดี๋ยวไปดูกัน...***
การเดินทางออกจากโตเกียวไปจังหวัดชิสุโอกะในวันปีใหม่ 1 มกราคม 2017
เริ่มเดินทางโดยการตั้งต้นที่สถานีโตเกียว (Tokyo Station) ไปยังชานชะลาของรถไฟชินคันเซ็น ทคไคโด (Tokkaido Shinkansen)
การเดินทางของเรา เริ่มต้นที่เวลา 7 นาฬิกา ซึ่งเป็นรถไฟขบวนฮิคาริ (Hikari) ขบวนแรกของวัน ซึ่งได้ทำการจองตั๋วที่นั่งมาแล้วเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว (ความจริงแล้วรถไฟขบวนแรกคือโคดามะ (Kodama) ที่ออกรอบ 6 นาฬิกา แต่ก็ไปถึงที่หมายเร็วกว่าขบวนที่เรานั่งแค่ 10 นาทีเอง)
***JR Pass นั่งขบวนเร็วที่สุดแบบ โนโซมิ (Nozomi) ไม่ได้ ก็ได้แต่นั่งขบวนที่เร็วรองลงมาอยากฮิคาริแทน... โคดามะมันช้าไปหน่อย***
ทริคเด็ดแนะนำ (1)
การจองตั๋วรถไฟชินคันเซ็นจากโตเกียว -> โอซาก้า : ให้เลือกนั่งฝั่งขวา เพราะจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ(ในวันฟ้าโปร่ง)ได้...และควรระบุตำแหน่งตอนจองตั๋วไปเลย (ซึ่งเราจองตั๋วรถไฟที่สถานีอุเอโนะ (Ueno Station) ซึ่งพนักงานที่นั่นเราสามารถเจรจาต่อรอง(ด้วยภาษาอังกฤษ+ภาษากาย)ให้เขาจองที่นั่งฝั่งขวาได้... เพราะเรามากัน 3 คน เขาจะจองที่นั่ง 3 คนติดกันให้ แต่ที่นั่งนี้จะอยู่ฝั่งซ้าย)
***ในช่วงปีใหม่ เราพึ่งไปฉลองงานเคาท์ดาวน์ที่วัดโชโจจิ กันแบบอบอุ่นมา และรีบกลับเข้าที่พักไวเพราะมีแพลนทริปที่ต้องออกแต่เช้า***
ทริคเด็ดแนะนำ (2)
เมื่อนั่งที่นั่งที่รถไฟตั๋วจองแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน แนะนำให้หนีบตั๋วจองไว้กับตัวหนีบที่เก็บถาดด้านหน้าแบบนี้ไปเลย (กรณีไม่ได้ใช้กินข้าวหรือวางของ) พนักงานตรวจรถจะได้ไม่มารบกวนเรากรณีหลับ (ซึ่งโดยปกติ เขาก็ไม่ยุ่งกับเราอยู่แล้วเพราะเขามีเครื่องตรวจเช็คที่นั่ง แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณี เพราะบางทีก็เคยถูกสุ่มตรวจเหมือนกัน)
การมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ จากชินคันเซ็นก็เป็นอะไรที่วัดดวงเช่นกัน เพราะมีโอกาสไม่มากนัก ถ้าฟ้าไม่โปร่งก็คือจบ...
แต่ว่าในฤดูหนาว อัตราที่ฟ้าจะโปร่งมีมากกว่าปกติ เลยไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้และก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้
เพราะเราเห็นภูเขาไฟฟูจิมาแต่ไกลตั้งแต่ยังไม่ถึงสถานีชินโยโกฮาม่า (Shin-Yokohama) เลยทีเดียว
ไม่นานนักเราก็เดินทางมาถึงสถานีชิสุโอกะซึ่งตัวสถานีเป็นตึกเดียวกับห้างสรรพสินค้าปาร์เช่ (Parche)
สถานีที่หลายคนมองข้ามกันเพราะต่างยิงยาวไปเกียวโต-โอซาก้ากันทั้งนั้น
บริเวณหน้าสถานี(ฝั่งเหนือ)มีรูปปั้นของโทกุกาว่า อิเอยาสุ (Tokugawa Ieyasu) ไดเมียวคนสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น...
..ซึ่งสิ้นชีพลงที่ปราสาทซุมปุ ที่ตั้งอยู่กลางเมืองชิสุโอกะแห่งนี้..
หลังจากเดินทางมาถึงก็ต้องเอาของไปเก็บในโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีชิน-ชิสุโอกะ (Shin Shizuoka Station)
ซึ่งการจะข้ามถนนใหญ่หน้าสถานีหลัก(ฝั่งเหนือ)มีทางเดียวคือต้องมุดใต้ดินไป...
ทางเดินใต้ดินในเมืองชิสุโอกะมีเยอะมากทั้งๆที่ไม่รถไฟใต้ดินเลย
วันนี้เป็นวันที่ 1 มกราคม 2017 ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของทุกชาติ และที่ญี่ปุ่นเองก็เป็นวันที่เริ่มเปิดขายถุงโชคดีหรือลัคกี้แบ็ค (Lucky Bag) ถุงสุ่ม (ที่มีสโคปสินค้าว่าข้างในเป็นของประมาณไหน) ที่มีมูลค่าสินค้าข้างในมากกว่าราคาที่ขายไว้หน้าถุง เช่นกัน... จะเห็นชาวประชามาต่อแถวคิวยาวทำศึกแย่งชิงลัคกี้แบ็คกันตั้งแต่ห้างยังไม่เปิด (ห้างเปิดประมาณ 9-10 โมง) ซึ่งในเมืองนี้เรียกได้ว่า ค่อนข้างน้อยเลย ถ้าไปเทียบกับในเมืองใหญ่อย่างโตเกียวหรือโอซาก้าที่คาดว่าคนน่าจะเยอะกว่านี้
เราไม่ได้เน้นช็อปมานักและมีจุดประสงค์ในการเที่ยวเป็นหลัก จึงมุ่งหน้าตรงไปโรงแรมอย่างเดียว และโรงแรมก็ดันตั้งอยู่หลังห้างเซโนว่า (Cenova) ซึ่งเป็นอาคารสเดียวกับสถานีขนส่งเอกชนของบริษัทชิสุเท็ตสึ สถานีชินชิสุโอกะ และบัสเทอร์มินอลอีกด้วย (เรียกได้ว่าเดินผ่ากลางห้างไปเลย)
*** ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จัดการบริหารการใช้ทางเดินได้ค่อนข้างดีมากเลยโดยแบ่งโซนคนที่จะเดินเข้าห้าง(ทำศึกชิงลัคกี้แบ็ค)กับคนที่ต้องการใช้พื้นที่ห้างสัญจรเข้าออกสถานีรถไฟ-รถบัส เพียงอย่างเดียวได้สะดวกมาก และเรียกได้ว่า ต่อให้ห้างปิดเวลา 2 ทุ่ม คนก็ยังสามารถเดินเข้า-ออก ตัวอาคารเพิ่อให้โดยสารรถไฟ-รถบัสได้ยันเที่ยงคืน ไม่ต้องกลัวว่าห้างปิดแล้วจะเดินผ่านไม่ได้ ***
และแล้วก็เข้ามาถึงโรงแรมที่ตั้งอยู่ในซอยใกล้ๆกับทางเข้าปราสาทซุมปุ (เห็นเครื่องประดับปีใหม่ติดที่ประตูด้วย)
มีชื่อว่า
"บิสซิเนลโฮเทลซุมปุ (Business Hotel Sunpu)"
ซึ่งก็ตามมาตรฐานบิสซิเนสโฮเทลญี่ปุ่นทั่วไป...เช็คอินบ่าย 3 เป็นต้นไป ก็ฝากของไว้ก่อน แถมพนักงานยังใจดีบริการนำของไปไว้ในห้องให้เรียบร้อย
โรงแรมนี้ได้คะแนนรีวิวมากก็จริงแต่ก็โดนตัดตรงตัวโรงแรมชื่อป้ายไม่มีภาษาอังกฤษและพนักงานไม่พูดอังกฤษเลย แต่มันจะเป็นปัญหาตรงไหน? ในเมื่อเราเตรียมทุกอย่างมาพร้อมอยู่แล้ว (ใบจอง สัมภาระ และอื่นๆ) บวกกับเราเองก็มีทักษะภาษาญี่ปุ่นอยู่บ้าง เลยไม่มีปัญหาอะไรที่จะต้องไปถามเขา....
ยื่นพาสปอร์ตแล้วก็กรอกข้อมูลนิดหน่อย (แต่แบบฟอร์มมีภาษาอังกฤษนะ) จ่ายเงิน (ไม่แพงมากเกินไป คนละ 3000 เยน จองจากบุคกิ้ง..ห้องทริปเปิ้ลรูมได้ 3 เตียง ปลอดบุหรี่ อุปกรณ์ครบ ถึงห้องน้ำจะแคบไปหน่อย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตหรอกแค่ คืนเดียว...)
เสร็จแล้วก็กลับไปที่สถานีชิสุโอกะ เพื่อหาข้าวกินพร้อมกับรอรถไฟที่จะวิ่งไปยังเมืองฟูจิโนมิยะ หนึ่งในจุดชมภูเขาไฟฟูจิ 3 แห่ง
ซึ่งเราจำแนกไว้ตามความยากและข้อมูลในการเข้าถึง ความอันดับยอดนิยม
1) ฟูจิ-เขตคาวากูจิโกะ (เที่ยวฟูจิแบบง่าย - Basic Trip)
- พื้นฐานของการเที่ยวฟูจิทั้งหมด เรียบง่าย ไปสะดวก ข้อมูลเยอะ และมีความสวยงาม ไปได้ทั้งรถไฟ (ยิ่งสะดวกเมื่อใช้ Tokyo Wide Pass) และรถบัส ข้อมูลรีวิว มีเกือบจะ 95% ของการเที่ยวฟูจิ
2) ฟูจิ-เขตฮาโกเน่ : โกเทมบะ (เที่ยวฟูจิความยากระดับกลาง - Intermediate Trip)
- ต้องมีการศึกษาเส้นทางบ้างเล็กน้อย แต่ก็พอมีตัวช่วยอยู่บ้าง เช่น พาสเฉพาะทางที่จัดทริปนี้โดยเฉพาะของกลุ่มเอกชนโอดะคิว (Odakyu) ส่วน JR ก็ช่วยได้บ้างเล็กน้อย และทัวร์หลายที่ก็มักจะจัดทริปที่นี่บ่อยๆ
3) ฟูจิ-เขตฟูจิโนมิยะ (เที่ยวฟูจิความยากระดับยาก - Advance Trip)
- สถานที่ก็ไม่มีวิวธรรมชาติสวยเท่า แถมหนักไปทางวัฒนธรรมพื้นบ้าน เข้าถึงยาก... ตัวช่วยไม่มี พาสท้องถิ่นฟรีก็ไม่มี (มีแต่ยังต้องต่อสายอีกหลายทอด)
การเดินทางที่ไปได้จากโตเกียวแบบถูกๆก็คือนั่งไฮเวย์บัสของฟูจิคิวชิสุโอกะบัส - ทาโกยากิ/คางุยะฮิเมะเอกเพรส :
http://www.shizuokabus.co.jp/foreigner/en ไป (ต้องจองทั้งหมด) ซึ่งมีรอบที่ไป-กลับสนามบินนาริตะด้วย (1 รอบ / 1 วัน)
ถ้าแพงๆก็จัดชินคันเซ็นกับลิมิเตดเอกเพรสฟูจิคาวะไป
ซึ่งถ้าใช้ JR Pass เราจะไปเที่ยวข้อ 3) กัน....และใช้วิธีที่สบายที่สุดนั่นคือการใช้ชินคันเซ็นมาลงที่สถานีชิสุโอกะ แล้วนั่งรถไฟลิมิเตดเอกเพรสฟูจิคาวะที่วิ่งตรงถึงฟูจิโนมิยะเลยในทีเดียว (ถ้าเป็น Local จะต้องไปเปลี่ยนรถที่สถานีฟูจิอีกต่อนึงด้วยและใช้เวลามากขึ้นเกือบ 20 นาที) ซึ่งเป็นรถไฟสาย JR ทั้งหมด (JR Pass แบบทั่วประเทศเท่านั้นที่ใช้ได้)
อันที่จริงพาส Mt. Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass Mini (3 Days) >
http://touristpass.jp/en/fuji_shizuoka/ ก็สามารถใช้นั่งรถลิมิเตดเอกเพรสฟูจิคาวะจากชิสุโอกะไปฟูจิโนมิยะได้เหมือนกัน แต่ต้องจ่ายเพิ่มจากส่วนที่มาจากโตเกียวแทน และทางที่ดีคือ ถ้าไม่แวะชิสุโอกะ ก็ให้ไปลงที่สถานีมิชิม่า (Mishima Station) แล้วต่อ Local ไปเปลี่ยนรถที่สถานีฟูจิ (Fuhi Station) อีกต่อนึงก่อนไป ฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya Station) จะถึงเร็วกว่า...
ต้องเช็คเวลาให้ดี (คำนวณเวลามาเรียบร้อยแล้ว)...เพราะขบวนนี้วิ่งแค่ 4-5 รอบต่อวัน จากสถานีชิสุโอกะ ไป-กลับ สถานีโคฟุ (Kofu Station) ในจังหวัดยามานาชิ ถ้าพลาดก็ต้องนั่งรถไฟหวานเย็นธรรมดาไปเปลี่ยนรถที่สถานีฟูจิ (Fuji Station) อีกต่อนึงแทนที่จะนั่งทีเดียวยาวถึงฟูจิโนมิยะเลย
และแล้วรถไฟสายคาดส้ม (สัญลักษณ์ของ JR Central จอมกั๊กพาสเส้นทคไคโด) ก็มาถึงตามเวลา ซึ่งขบวนฟูจิคาวะมีแค่ 3 โบกี้เท่านั้น และเป็นโบกี้จอง 1 โบกี้ (โบกี้ที่ 1) รถขบวนนี้ทางเราไม่ได้จองที่นั่งไว้เพราะเผื่อกรณีฉุกเฉินถ้ามาไม่ทัน (แต่ก็ทัน) และยังสามารถนั่งเลือกที่นั่งด้วย โดยเลือกที่นั่งฝั่งซ้ายตอนวิ่งออกไปทางฟูจิ
[img]
https://f.ptcdn
[CR] ][เทคนิคจากทริป 10 วัน 10 จังหวัด] เที่ยวฟูจิตะวันตกที่จังหวัดชิสุโอกะในวันปีใหม่ (เมืองฟูจิโนมิยะกับศาลเจ้าใหญ่) [1/2]
รีวิวเรื่องที่ 1 - การใช้ Osaka Amazing Pass/KTP ไป Naniwa no Yu โดยไม่ต้องเดินไกลด้วยรถบัสสาย 34
รีวิวเรื่องที่ 2 - การใช้ Japan Rail Pass (Wide Nation) นั่ง JR Local Bus ในเมืองคานาซาว่า (Kanazawa)
รีวิวเรื่องที่ 3 - การใช้ Suica ชำระเงินซื้อที่นั่ง Green Seat ในรถไฟ JR ธรรมดาจากโตเกียวไปสนามบินนาริตะ
รีวิวเรื่องที่ 4 - รีวิวทริป นั่งเรือจากท่าเรือฮิโนเดะ (Hinode) ไปงาน C91 ที่โตเกียวบิ๊กไซด์บนเกาะโอไดบะ
รีวิวเรื่องที่ 6 - เที่ยวฟูจิตะวันตกที่จังหวัดชิสุโอกะในวันปีใหม่ (ทัวร์โกริกิคุงที่ฟูจิโนมิยะ) [2/2]
<<ทริปวันที่ 3 ของการเดินทางของเจ้าของกระทู้ : วันที่ 1 มกราคม 2017 - โตเกียว > ชิสุโอกะ >>
มีเวลา 7 วัน ต้องการเที่ยวข้ามภูมิภาคในช่วงปีใหม่....แบบไป-กลับ (โตเกียว-โอซาก้า-โตเกียว)...ใช้ตั๋วอะไร...?
คำตอบคือ ใช้ JR Pass 7 วัน ซึ่งเป็น JR Pass เดียวที่วิ่งบนเส้นทางทคไคโดชินคันเซ็นจากไปโตเกียว-โอซาก้าได้ (ไม่มี Pass ท้องถิ่นตัวไหนทำได้เลย)
แล้วระหว่างทางต้องการจะเข้าไปเที่ยวดูภูเขาไฟฟูจิ(ฉลองครบรอบปีใหม่ 2017) แบบใกล้ชิด จะทำได้ไหม ไปยังไง?
ถ้าไปที่ยอดนิยมอย่างคาวากูจิโกะมันต้องต่อรถไฟสายเอกชนฟูจิคิวเข้าไปอีก
แถมมีเวลาน้อย ต้องเดินทางไปคันไซต่อด้วย ถ้าเที่ยวคาวากูจิโกะ จะเสียเวลาต่อรถเยอะมาก
(ตราบใดที่จูโอชินคันเซ็นยังสร้างไม่เสร็จ)....
คำตอบคือ ก็เที่ยวมันที่ชิสุโอกะนี่แหละ...หลายคนคงลืมไปแล้วมั้งว่า
ฟูจิมันคั่นกลางระหว่างสองจังหวัดคือจังหวัดยามานาชิ (โซนคาวากูจิโกะ) กับจังหวัดชิสุโอกะ
แถมจองที่พักที่ชิสุโอกะไปคืนนึงแล้วด้วย...และองค์ประกอบหลายอย่างลงตัวสำหรับการไปทริปที่นี่
แพลนทริปนี้ถูกวางมาเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว พึ่งจะมาใช้จริงตอนปีใหม่นี้
***ทริปนี้เหมาะสำหรับคนใช้ JR Pass Wide Nation (ซึ่งมีราคาแพงกว่า Pass ท้องถิ่นทั่วไป)ขึ้นไปไม่พอ มันยังต้องมีส่วนที่พิจารณาอย่างอื่นประกอบกันอีกมากมาย ทั้งเวลา และโอกาส เพราะอะไร เดี๋ยวไปดูกัน...***
การเดินทางออกจากโตเกียวไปจังหวัดชิสุโอกะในวันปีใหม่ 1 มกราคม 2017
เริ่มเดินทางโดยการตั้งต้นที่สถานีโตเกียว (Tokyo Station) ไปยังชานชะลาของรถไฟชินคันเซ็น ทคไคโด (Tokkaido Shinkansen)
การเดินทางของเรา เริ่มต้นที่เวลา 7 นาฬิกา ซึ่งเป็นรถไฟขบวนฮิคาริ (Hikari) ขบวนแรกของวัน ซึ่งได้ทำการจองตั๋วที่นั่งมาแล้วเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว (ความจริงแล้วรถไฟขบวนแรกคือโคดามะ (Kodama) ที่ออกรอบ 6 นาฬิกา แต่ก็ไปถึงที่หมายเร็วกว่าขบวนที่เรานั่งแค่ 10 นาทีเอง)
***JR Pass นั่งขบวนเร็วที่สุดแบบ โนโซมิ (Nozomi) ไม่ได้ ก็ได้แต่นั่งขบวนที่เร็วรองลงมาอยากฮิคาริแทน... โคดามะมันช้าไปหน่อย***
ทริคเด็ดแนะนำ (1)
การจองตั๋วรถไฟชินคันเซ็นจากโตเกียว -> โอซาก้า : ให้เลือกนั่งฝั่งขวา เพราะจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ(ในวันฟ้าโปร่ง)ได้...และควรระบุตำแหน่งตอนจองตั๋วไปเลย (ซึ่งเราจองตั๋วรถไฟที่สถานีอุเอโนะ (Ueno Station) ซึ่งพนักงานที่นั่นเราสามารถเจรจาต่อรอง(ด้วยภาษาอังกฤษ+ภาษากาย)ให้เขาจองที่นั่งฝั่งขวาได้... เพราะเรามากัน 3 คน เขาจะจองที่นั่ง 3 คนติดกันให้ แต่ที่นั่งนี้จะอยู่ฝั่งซ้าย)
***ในช่วงปีใหม่ เราพึ่งไปฉลองงานเคาท์ดาวน์ที่วัดโชโจจิ กันแบบอบอุ่นมา และรีบกลับเข้าที่พักไวเพราะมีแพลนทริปที่ต้องออกแต่เช้า***
ทริคเด็ดแนะนำ (2)
เมื่อนั่งที่นั่งที่รถไฟตั๋วจองแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน แนะนำให้หนีบตั๋วจองไว้กับตัวหนีบที่เก็บถาดด้านหน้าแบบนี้ไปเลย (กรณีไม่ได้ใช้กินข้าวหรือวางของ) พนักงานตรวจรถจะได้ไม่มารบกวนเรากรณีหลับ (ซึ่งโดยปกติ เขาก็ไม่ยุ่งกับเราอยู่แล้วเพราะเขามีเครื่องตรวจเช็คที่นั่ง แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณี เพราะบางทีก็เคยถูกสุ่มตรวจเหมือนกัน)
การมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ จากชินคันเซ็นก็เป็นอะไรที่วัดดวงเช่นกัน เพราะมีโอกาสไม่มากนัก ถ้าฟ้าไม่โปร่งก็คือจบ...
แต่ว่าในฤดูหนาว อัตราที่ฟ้าจะโปร่งมีมากกว่าปกติ เลยไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้และก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้
เพราะเราเห็นภูเขาไฟฟูจิมาแต่ไกลตั้งแต่ยังไม่ถึงสถานีชินโยโกฮาม่า (Shin-Yokohama) เลยทีเดียว
ไม่นานนักเราก็เดินทางมาถึงสถานีชิสุโอกะซึ่งตัวสถานีเป็นตึกเดียวกับห้างสรรพสินค้าปาร์เช่ (Parche)
สถานีที่หลายคนมองข้ามกันเพราะต่างยิงยาวไปเกียวโต-โอซาก้ากันทั้งนั้น
บริเวณหน้าสถานี(ฝั่งเหนือ)มีรูปปั้นของโทกุกาว่า อิเอยาสุ (Tokugawa Ieyasu) ไดเมียวคนสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น...
..ซึ่งสิ้นชีพลงที่ปราสาทซุมปุ ที่ตั้งอยู่กลางเมืองชิสุโอกะแห่งนี้..
หลังจากเดินทางมาถึงก็ต้องเอาของไปเก็บในโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีชิน-ชิสุโอกะ (Shin Shizuoka Station)
ซึ่งการจะข้ามถนนใหญ่หน้าสถานีหลัก(ฝั่งเหนือ)มีทางเดียวคือต้องมุดใต้ดินไป...
ทางเดินใต้ดินในเมืองชิสุโอกะมีเยอะมากทั้งๆที่ไม่รถไฟใต้ดินเลย
วันนี้เป็นวันที่ 1 มกราคม 2017 ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของทุกชาติ และที่ญี่ปุ่นเองก็เป็นวันที่เริ่มเปิดขายถุงโชคดีหรือลัคกี้แบ็ค (Lucky Bag) ถุงสุ่ม (ที่มีสโคปสินค้าว่าข้างในเป็นของประมาณไหน) ที่มีมูลค่าสินค้าข้างในมากกว่าราคาที่ขายไว้หน้าถุง เช่นกัน... จะเห็นชาวประชามาต่อแถวคิวยาวทำศึกแย่งชิงลัคกี้แบ็คกันตั้งแต่ห้างยังไม่เปิด (ห้างเปิดประมาณ 9-10 โมง) ซึ่งในเมืองนี้เรียกได้ว่า ค่อนข้างน้อยเลย ถ้าไปเทียบกับในเมืองใหญ่อย่างโตเกียวหรือโอซาก้าที่คาดว่าคนน่าจะเยอะกว่านี้
เราไม่ได้เน้นช็อปมานักและมีจุดประสงค์ในการเที่ยวเป็นหลัก จึงมุ่งหน้าตรงไปโรงแรมอย่างเดียว และโรงแรมก็ดันตั้งอยู่หลังห้างเซโนว่า (Cenova) ซึ่งเป็นอาคารสเดียวกับสถานีขนส่งเอกชนของบริษัทชิสุเท็ตสึ สถานีชินชิสุโอกะ และบัสเทอร์มินอลอีกด้วย (เรียกได้ว่าเดินผ่ากลางห้างไปเลย)
*** ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จัดการบริหารการใช้ทางเดินได้ค่อนข้างดีมากเลยโดยแบ่งโซนคนที่จะเดินเข้าห้าง(ทำศึกชิงลัคกี้แบ็ค)กับคนที่ต้องการใช้พื้นที่ห้างสัญจรเข้าออกสถานีรถไฟ-รถบัส เพียงอย่างเดียวได้สะดวกมาก และเรียกได้ว่า ต่อให้ห้างปิดเวลา 2 ทุ่ม คนก็ยังสามารถเดินเข้า-ออก ตัวอาคารเพิ่อให้โดยสารรถไฟ-รถบัสได้ยันเที่ยงคืน ไม่ต้องกลัวว่าห้างปิดแล้วจะเดินผ่านไม่ได้ ***
และแล้วก็เข้ามาถึงโรงแรมที่ตั้งอยู่ในซอยใกล้ๆกับทางเข้าปราสาทซุมปุ (เห็นเครื่องประดับปีใหม่ติดที่ประตูด้วย)
มีชื่อว่า "บิสซิเนลโฮเทลซุมปุ (Business Hotel Sunpu)"
ซึ่งก็ตามมาตรฐานบิสซิเนสโฮเทลญี่ปุ่นทั่วไป...เช็คอินบ่าย 3 เป็นต้นไป ก็ฝากของไว้ก่อน แถมพนักงานยังใจดีบริการนำของไปไว้ในห้องให้เรียบร้อย
โรงแรมนี้ได้คะแนนรีวิวมากก็จริงแต่ก็โดนตัดตรงตัวโรงแรมชื่อป้ายไม่มีภาษาอังกฤษและพนักงานไม่พูดอังกฤษเลย แต่มันจะเป็นปัญหาตรงไหน? ในเมื่อเราเตรียมทุกอย่างมาพร้อมอยู่แล้ว (ใบจอง สัมภาระ และอื่นๆ) บวกกับเราเองก็มีทักษะภาษาญี่ปุ่นอยู่บ้าง เลยไม่มีปัญหาอะไรที่จะต้องไปถามเขา....
ยื่นพาสปอร์ตแล้วก็กรอกข้อมูลนิดหน่อย (แต่แบบฟอร์มมีภาษาอังกฤษนะ) จ่ายเงิน (ไม่แพงมากเกินไป คนละ 3000 เยน จองจากบุคกิ้ง..ห้องทริปเปิ้ลรูมได้ 3 เตียง ปลอดบุหรี่ อุปกรณ์ครบ ถึงห้องน้ำจะแคบไปหน่อย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตหรอกแค่ คืนเดียว...)
เสร็จแล้วก็กลับไปที่สถานีชิสุโอกะ เพื่อหาข้าวกินพร้อมกับรอรถไฟที่จะวิ่งไปยังเมืองฟูจิโนมิยะ หนึ่งในจุดชมภูเขาไฟฟูจิ 3 แห่ง
ซึ่งเราจำแนกไว้ตามความยากและข้อมูลในการเข้าถึง ความอันดับยอดนิยม
1) ฟูจิ-เขตคาวากูจิโกะ (เที่ยวฟูจิแบบง่าย - Basic Trip)
- พื้นฐานของการเที่ยวฟูจิทั้งหมด เรียบง่าย ไปสะดวก ข้อมูลเยอะ และมีความสวยงาม ไปได้ทั้งรถไฟ (ยิ่งสะดวกเมื่อใช้ Tokyo Wide Pass) และรถบัส ข้อมูลรีวิว มีเกือบจะ 95% ของการเที่ยวฟูจิ
2) ฟูจิ-เขตฮาโกเน่ : โกเทมบะ (เที่ยวฟูจิความยากระดับกลาง - Intermediate Trip)
- ต้องมีการศึกษาเส้นทางบ้างเล็กน้อย แต่ก็พอมีตัวช่วยอยู่บ้าง เช่น พาสเฉพาะทางที่จัดทริปนี้โดยเฉพาะของกลุ่มเอกชนโอดะคิว (Odakyu) ส่วน JR ก็ช่วยได้บ้างเล็กน้อย และทัวร์หลายที่ก็มักจะจัดทริปที่นี่บ่อยๆ
3) ฟูจิ-เขตฟูจิโนมิยะ (เที่ยวฟูจิความยากระดับยาก - Advance Trip)
- สถานที่ก็ไม่มีวิวธรรมชาติสวยเท่า แถมหนักไปทางวัฒนธรรมพื้นบ้าน เข้าถึงยาก... ตัวช่วยไม่มี พาสท้องถิ่นฟรีก็ไม่มี (มีแต่ยังต้องต่อสายอีกหลายทอด)
การเดินทางที่ไปได้จากโตเกียวแบบถูกๆก็คือนั่งไฮเวย์บัสของฟูจิคิวชิสุโอกะบัส - ทาโกยากิ/คางุยะฮิเมะเอกเพรส : http://www.shizuokabus.co.jp/foreigner/en ไป (ต้องจองทั้งหมด) ซึ่งมีรอบที่ไป-กลับสนามบินนาริตะด้วย (1 รอบ / 1 วัน)
ถ้าแพงๆก็จัดชินคันเซ็นกับลิมิเตดเอกเพรสฟูจิคาวะไป
ซึ่งถ้าใช้ JR Pass เราจะไปเที่ยวข้อ 3) กัน....และใช้วิธีที่สบายที่สุดนั่นคือการใช้ชินคันเซ็นมาลงที่สถานีชิสุโอกะ แล้วนั่งรถไฟลิมิเตดเอกเพรสฟูจิคาวะที่วิ่งตรงถึงฟูจิโนมิยะเลยในทีเดียว (ถ้าเป็น Local จะต้องไปเปลี่ยนรถที่สถานีฟูจิอีกต่อนึงด้วยและใช้เวลามากขึ้นเกือบ 20 นาที) ซึ่งเป็นรถไฟสาย JR ทั้งหมด (JR Pass แบบทั่วประเทศเท่านั้นที่ใช้ได้)
อันที่จริงพาส Mt. Fuji-Shizuoka Area Tourist Pass Mini (3 Days) > http://touristpass.jp/en/fuji_shizuoka/ ก็สามารถใช้นั่งรถลิมิเตดเอกเพรสฟูจิคาวะจากชิสุโอกะไปฟูจิโนมิยะได้เหมือนกัน แต่ต้องจ่ายเพิ่มจากส่วนที่มาจากโตเกียวแทน และทางที่ดีคือ ถ้าไม่แวะชิสุโอกะ ก็ให้ไปลงที่สถานีมิชิม่า (Mishima Station) แล้วต่อ Local ไปเปลี่ยนรถที่สถานีฟูจิ (Fuhi Station) อีกต่อนึงก่อนไป ฟูจิโนมิยะ (Fujinomiya Station) จะถึงเร็วกว่า...
ต้องเช็คเวลาให้ดี (คำนวณเวลามาเรียบร้อยแล้ว)...เพราะขบวนนี้วิ่งแค่ 4-5 รอบต่อวัน จากสถานีชิสุโอกะ ไป-กลับ สถานีโคฟุ (Kofu Station) ในจังหวัดยามานาชิ ถ้าพลาดก็ต้องนั่งรถไฟหวานเย็นธรรมดาไปเปลี่ยนรถที่สถานีฟูจิ (Fuji Station) อีกต่อนึงแทนที่จะนั่งทีเดียวยาวถึงฟูจิโนมิยะเลย
และแล้วรถไฟสายคาดส้ม (สัญลักษณ์ของ JR Central จอมกั๊กพาสเส้นทคไคโด) ก็มาถึงตามเวลา ซึ่งขบวนฟูจิคาวะมีแค่ 3 โบกี้เท่านั้น และเป็นโบกี้จอง 1 โบกี้ (โบกี้ที่ 1) รถขบวนนี้ทางเราไม่ได้จองที่นั่งไว้เพราะเผื่อกรณีฉุกเฉินถ้ามาไม่ทัน (แต่ก็ทัน) และยังสามารถนั่งเลือกที่นั่งด้วย โดยเลือกที่นั่งฝั่งซ้ายตอนวิ่งออกไปทางฟูจิ
[img]https://f.ptcdn
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น