สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงว่าที่มาแชร์นี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์อะไรนอกจากเพื่อไว้สำหรับคนที่เจอปัญหาเดียวกัน ได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจอีกหนึ่งทางเลือกนะคะ
เริ่มสงสัยตัวเอง
ก็ช่วงที่คลำเขอก้อนๆตรงบริเวณหลังหูข้างซ้าย เลยไปหาหมอตามคลินิก ได้คำตอบว่าน่าจะเป็นคางทูม ก็ได้ยาแก้อักเสบมากิน หมอบอกว่าจะหายไปเองในระยะ 2-3 สัปดาห์ เราเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ประกอบกับทำงานยุ่งมาก คือเป็นคนที่ไม่ค่อยดูแลตัวเอง ทำงานหนัก นอนน้อย ไม่ค่อยเดินไปดื่มน้ำประมาณว่าขี้เกียจด้วยเสียเวลาด้วยอะไรทำนองนั้นเลยค่ะ
ผ่านไปประมาณ 5-6 เดือนก้อนเริ่มชัดเจน คือหน้าจะบวมๆ จนแฟนบอกว่าไปหาหมอที่โรงพยาบาลเลยไหมจะได้ชัดเจน เราก็ยังไม่ไป ไปคลินิคเหมือนเดิมและก็ได้รับคำตอบเดิมๆ เอายามากินเหมือนเดิมทุกอย่าง เราทิ้งระยะเวลาและไม่ใส่ใจตัวเองจนผ่านไปปีกว่าๆ มีอยู่วันหนึ่งที่เรารู้สึกเจ็บๆไอ้ก้อนนี้ เราก็กินยาแก้ปวด แต่แฟนทักว่ามันดูใหญ่ขึ้นนะ
สังเกตจากภาพนะคะมันจะดูบวมๆจนใครเห็นก็ทัก คราวนี้เริ่มกังวล (ช้าเกิ๊น^^) เราเริ่มจากการหาข้อมูลจากเน็ต เรียกว่าหาทุกที่ที่จะหาได้ จนเราคิดว่าเราน่าจะเป็นไม่ก้อนเนื้อก็ต่อมน้ำเหลือง เราไปคลินิคหมอที่ตัวเมือง หมอดันบอกว่าอาจจะเป็นวัณโรคเหมือนเกิดจากเชื้อไวรัส อะไรนี่แหละค่ะ คือเล่นเอาเราวิตกหนักมากก (เพราะชัดจะไปกันใหญ่) แฟนบอกว่าไปโรงพยาบาลเถอะ ให้ชัดเจนตรวจละเอียดไปเลย เราเลยไปที่โรงพยาบาลเสนา เป็นโรงพยาบาลเล็กๆประจำอำเภอเสนา จ.อยุธยา เราถูกส่งไปที่แผนกหู คอ จมูก เท่านั้นแหละค่ะ
คุณหมอขอเจาะเซล์ / X-ray /อัลตร้าซาวด์ คือทำทุกอย่างเลยค่ะ ผลคือ "เนื้องอกในต่อมน้ำลาย" ผลของเซล์ไม่ใช่เนื้อร้าย คุณหมอถามว่าผ่าตัดไหม เราถามต่อว่าผ่ามีผลอย่างไร ไม่ผ่ามีผลอย่างไร คำตอบคุณหมอคือ
1.ถ้าเราผ่าตัด : ผลที่อาจจะ ย้ำนะคะว่าอาจจะ ตามมาคือ หน้าเบี้ยว /ปากเบี้ยว /ตาปิดไม่สนิท เพราะตรงที่จะผ่าตัดมันเป็นศูนย์รวมเส้นประสาททั้ง 5 เส้น
2.ถ้าไม่ผ่าตัด : ทิ้งไว้ในระยะเวลาที่ยาวนาน หมอไม่อาจการันตีไดว่าจะกลายเป็นมะเร็งไหม
เราตอบแบบไม่ต้องคิด...ผ่าตัดค่ะคุณหมอ จากนั้นเราเลือกที่จะผ่าตัดที่ รพ อยุธยา เป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด
เราถูกส่งตัวไปที่นั่น ไปทำทุกอย่างใหม่อีกครั้งทั้ง X-ray /อัลตร้าซาวด์ /ฉีดสี คุณหมอที่อยุธยาต้องการคำตอบที่ละเอียดที่สุด เราโชคดีที่เจอ
คุณหมอศมน วงศ์วีระยุทธ์ คือคุณหมอท่านนี้เป็นหมอที่ใจดีมาก อธิบายอย่างละเอียด หาทางช่วยเราแก้ทุกๆปัญหา(ลืมบอกเราใช้สิทธิ์บัตรทอง 30 บาท)
เราได้รับคิวผ่าตัด 5 มค 2560 ที่เพิ่งผ่านมา (เราเขียนกระทู้ 23 มค 2560)
เราแอดมิทที่ รพ อยุธยาในวันที่ 4 มค โดยคุณหมอให้งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน ต่อสายปัสสาวะ จากนั้นเช้าวันที่ 5 มค 2560 เราออกจากห้องพักไปที่ห้องผ่าตัดตอน 8.00 และไปนอนรอเข้ารับการผ่าตัด 10.00 ซึ่งจะมีคุณหมอ พยาบาลมาคุยเรื่อยๆ เรารู้สึกสบายใจมากๆ เราออกจากห้องผ่าตัดมารู้สึกตัวที่ห้องพักเราจำได้ว่าตอนนั้น 15.00 ถือว่ายาวนานมากเหมือนกันค่ะ เราไม่ค่อยรู้สึกตัว แฟนบอกว่าอ้วก 2-3 ครั้งน่าจะเกิดจากฤทธ์ของยาสลบ
เช้าวันที่ 6 มค 2560 พอเรารู้สึกตัวเรารีบถามแฟนก่อนเลยหน้าเบี้ยวไหม เราลองหลับตา ยิงฟัน ยิ้ม คือทำตามที่หาข้อมูลมาทุกอย่าง ผลคือเราไม่เป็นอะไร จากนั้นคุณหมอมาหา คุณหมอศมน วงศ์วีระยุทธ์ บอกว่าเราโชคดีมากๆๆๆๆ เพราะปกติก้อนเนื้อต้องอยู่ด้านบนเส้น แต่ของเราอยู่ใต้เส้น
หมอบอกการผ่าตัดยากมาก กังวลเรื่องการตัดโดนเส้น แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เรารู้สึกขอบคุณคุณหมอมากๆเราประทับใจที่คุณหมอพูดว่า
"ทุกๆการผ่าตัดสิ่งที่หมอและคนไข้กังวลที่สุดคือคนไข้จะหน้าเบี้ยวไหม เพราะฉะนั้นหมอต้องทำให้ดีที่สุด"
คือเราแบบ คุณหมอ อะไรจะน่ารักขนาดนี้ ^^
ภาพนี้คือขวดที่ต้องเอาเลือดเสียๆออกให้หมด ต่อมาจากบริเวณที่เราผ่าตัด
เรานอนที่ รพ อยุธยา เป็นเวลา 5 วัน เราเสียแค่ค่าห้องพิเศษ 1200*6 = 6000 บาท คือก่อนหน้านั้นที่เราบอกว่าเราหาข้อมูลเยอะมากนั้น เรายอมรับเลยว่าเรากังวลมาก เพราะส่วนใหญ่แต่ละคนผ่าตัดกัน 50,000 - 100,000 ทั้งนั้นเลย คือเคสเรานี่ถือว่านอกความคาดหมาย เราอยากจะบอกว่าจริงๆแล้วโรงพยาบาลรัฐบาลก็มีศักยภาพมากพอที่จะดูแลเราได้นะคะ อย่ากัลวงมากไปค่ะ มันจะทำให้เรายิ่งรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม คือถ้าไปเอกชนแล้วคุณไหวก็ไปเลยค่ะ แต่ถ้าไม่ไหวลองพิจารณาโรงพยาลรัฐบาลอีกหนึ่งช่องทางนะคะ มันน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีมากๆเลยค่ะ
วันนี้วันที่ 23 แล้ว เราไปตัดไหม / ฟังผลชิ้นเนื้อมาแล้วว่า ไม่เป็นเนื้อร้าย ถือว่าเป็นข่าวดีมากเลยค่ะ
เราหวังว่ากระทู้นี้น่าจะมีประโยชน์สำหรับคนหัวอกเดียวกันนะคะ เพราะเราเคยผ่านจุดนั้นมา เราเลยต้องรีบมาแชร์ประสบการณ์ด่วนๆค่ะ
ขอบคุณนะคะ
ผ่าตัดเนื้องอกในต่อมน้ำลายไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
เริ่มสงสัยตัวเอง
ก็ช่วงที่คลำเขอก้อนๆตรงบริเวณหลังหูข้างซ้าย เลยไปหาหมอตามคลินิก ได้คำตอบว่าน่าจะเป็นคางทูม ก็ได้ยาแก้อักเสบมากิน หมอบอกว่าจะหายไปเองในระยะ 2-3 สัปดาห์ เราเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ประกอบกับทำงานยุ่งมาก คือเป็นคนที่ไม่ค่อยดูแลตัวเอง ทำงานหนัก นอนน้อย ไม่ค่อยเดินไปดื่มน้ำประมาณว่าขี้เกียจด้วยเสียเวลาด้วยอะไรทำนองนั้นเลยค่ะ
ผ่านไปประมาณ 5-6 เดือนก้อนเริ่มชัดเจน คือหน้าจะบวมๆ จนแฟนบอกว่าไปหาหมอที่โรงพยาบาลเลยไหมจะได้ชัดเจน เราก็ยังไม่ไป ไปคลินิคเหมือนเดิมและก็ได้รับคำตอบเดิมๆ เอายามากินเหมือนเดิมทุกอย่าง เราทิ้งระยะเวลาและไม่ใส่ใจตัวเองจนผ่านไปปีกว่าๆ มีอยู่วันหนึ่งที่เรารู้สึกเจ็บๆไอ้ก้อนนี้ เราก็กินยาแก้ปวด แต่แฟนทักว่ามันดูใหญ่ขึ้นนะ
สังเกตจากภาพนะคะมันจะดูบวมๆจนใครเห็นก็ทัก คราวนี้เริ่มกังวล (ช้าเกิ๊น^^) เราเริ่มจากการหาข้อมูลจากเน็ต เรียกว่าหาทุกที่ที่จะหาได้ จนเราคิดว่าเราน่าจะเป็นไม่ก้อนเนื้อก็ต่อมน้ำเหลือง เราไปคลินิคหมอที่ตัวเมือง หมอดันบอกว่าอาจจะเป็นวัณโรคเหมือนเกิดจากเชื้อไวรัส อะไรนี่แหละค่ะ คือเล่นเอาเราวิตกหนักมากก (เพราะชัดจะไปกันใหญ่) แฟนบอกว่าไปโรงพยาบาลเถอะ ให้ชัดเจนตรวจละเอียดไปเลย เราเลยไปที่โรงพยาบาลเสนา เป็นโรงพยาบาลเล็กๆประจำอำเภอเสนา จ.อยุธยา เราถูกส่งไปที่แผนกหู คอ จมูก เท่านั้นแหละค่ะ
คุณหมอขอเจาะเซล์ / X-ray /อัลตร้าซาวด์ คือทำทุกอย่างเลยค่ะ ผลคือ "เนื้องอกในต่อมน้ำลาย" ผลของเซล์ไม่ใช่เนื้อร้าย คุณหมอถามว่าผ่าตัดไหม เราถามต่อว่าผ่ามีผลอย่างไร ไม่ผ่ามีผลอย่างไร คำตอบคุณหมอคือ
1.ถ้าเราผ่าตัด : ผลที่อาจจะ ย้ำนะคะว่าอาจจะ ตามมาคือ หน้าเบี้ยว /ปากเบี้ยว /ตาปิดไม่สนิท เพราะตรงที่จะผ่าตัดมันเป็นศูนย์รวมเส้นประสาททั้ง 5 เส้น
2.ถ้าไม่ผ่าตัด : ทิ้งไว้ในระยะเวลาที่ยาวนาน หมอไม่อาจการันตีไดว่าจะกลายเป็นมะเร็งไหม
เราตอบแบบไม่ต้องคิด...ผ่าตัดค่ะคุณหมอ จากนั้นเราเลือกที่จะผ่าตัดที่ รพ อยุธยา เป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด
เราถูกส่งตัวไปที่นั่น ไปทำทุกอย่างใหม่อีกครั้งทั้ง X-ray /อัลตร้าซาวด์ /ฉีดสี คุณหมอที่อยุธยาต้องการคำตอบที่ละเอียดที่สุด เราโชคดีที่เจอ
คุณหมอศมน วงศ์วีระยุทธ์ คือคุณหมอท่านนี้เป็นหมอที่ใจดีมาก อธิบายอย่างละเอียด หาทางช่วยเราแก้ทุกๆปัญหา(ลืมบอกเราใช้สิทธิ์บัตรทอง 30 บาท)
เราได้รับคิวผ่าตัด 5 มค 2560 ที่เพิ่งผ่านมา (เราเขียนกระทู้ 23 มค 2560)
เราแอดมิทที่ รพ อยุธยาในวันที่ 4 มค โดยคุณหมอให้งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน ต่อสายปัสสาวะ จากนั้นเช้าวันที่ 5 มค 2560 เราออกจากห้องพักไปที่ห้องผ่าตัดตอน 8.00 และไปนอนรอเข้ารับการผ่าตัด 10.00 ซึ่งจะมีคุณหมอ พยาบาลมาคุยเรื่อยๆ เรารู้สึกสบายใจมากๆ เราออกจากห้องผ่าตัดมารู้สึกตัวที่ห้องพักเราจำได้ว่าตอนนั้น 15.00 ถือว่ายาวนานมากเหมือนกันค่ะ เราไม่ค่อยรู้สึกตัว แฟนบอกว่าอ้วก 2-3 ครั้งน่าจะเกิดจากฤทธ์ของยาสลบ
เช้าวันที่ 6 มค 2560 พอเรารู้สึกตัวเรารีบถามแฟนก่อนเลยหน้าเบี้ยวไหม เราลองหลับตา ยิงฟัน ยิ้ม คือทำตามที่หาข้อมูลมาทุกอย่าง ผลคือเราไม่เป็นอะไร จากนั้นคุณหมอมาหา คุณหมอศมน วงศ์วีระยุทธ์ บอกว่าเราโชคดีมากๆๆๆๆ เพราะปกติก้อนเนื้อต้องอยู่ด้านบนเส้น แต่ของเราอยู่ใต้เส้น
หมอบอกการผ่าตัดยากมาก กังวลเรื่องการตัดโดนเส้น แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี เรารู้สึกขอบคุณคุณหมอมากๆเราประทับใจที่คุณหมอพูดว่า
"ทุกๆการผ่าตัดสิ่งที่หมอและคนไข้กังวลที่สุดคือคนไข้จะหน้าเบี้ยวไหม เพราะฉะนั้นหมอต้องทำให้ดีที่สุด"
คือเราแบบ คุณหมอ อะไรจะน่ารักขนาดนี้ ^^
ภาพนี้คือขวดที่ต้องเอาเลือดเสียๆออกให้หมด ต่อมาจากบริเวณที่เราผ่าตัด
เรานอนที่ รพ อยุธยา เป็นเวลา 5 วัน เราเสียแค่ค่าห้องพิเศษ 1200*6 = 6000 บาท คือก่อนหน้านั้นที่เราบอกว่าเราหาข้อมูลเยอะมากนั้น เรายอมรับเลยว่าเรากังวลมาก เพราะส่วนใหญ่แต่ละคนผ่าตัดกัน 50,000 - 100,000 ทั้งนั้นเลย คือเคสเรานี่ถือว่านอกความคาดหมาย เราอยากจะบอกว่าจริงๆแล้วโรงพยาบาลรัฐบาลก็มีศักยภาพมากพอที่จะดูแลเราได้นะคะ อย่ากัลวงมากไปค่ะ มันจะทำให้เรายิ่งรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม คือถ้าไปเอกชนแล้วคุณไหวก็ไปเลยค่ะ แต่ถ้าไม่ไหวลองพิจารณาโรงพยาลรัฐบาลอีกหนึ่งช่องทางนะคะ มันน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีมากๆเลยค่ะ
วันนี้วันที่ 23 แล้ว เราไปตัดไหม / ฟังผลชิ้นเนื้อมาแล้วว่า ไม่เป็นเนื้อร้าย ถือว่าเป็นข่าวดีมากเลยค่ะ
เราหวังว่ากระทู้นี้น่าจะมีประโยชน์สำหรับคนหัวอกเดียวกันนะคะ เพราะเราเคยผ่านจุดนั้นมา เราเลยต้องรีบมาแชร์ประสบการณ์ด่วนๆค่ะ
ขอบคุณนะคะ