จวงจื๊อ ปราชญ์จีน เมื่อ 2,300 ปีที่แล้ว เล่าว่า มีชายคนหนึ่งรำคาญเงาของตัวเองมาก อีกทั้งยังทนรอยเท้าของตัวเองไม่ได้ เขาจึงพยายามวิ่งหนีจากทั้งสองสิ่ง แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปไหน เงาและรอยเท้าก็ยังติดตามไป เขาคิดว่าวิ่งเร็วไม่พอ จึงเร่งฝีเท้า ไม่ยอมหยุด วิ่งแล้ววิ่งเล่า ในที่สุดก็หมดแรง ล้มลงและถึงแก่ความตาย
แล้วจวงจื้อก็ตบท้ายว่า "เขาหารู้ไม่ว่า ถ้าเพียงแค่เขาเข้าร่ม เงาก็จะหายไป และถ้าเขานั่งนิ่งๆ ก็จะไม่มีรอยเท้าเลย"
คนทุกคนวันนี้ไม่ต่างจากคนหนีเงา พยายามทำทุกอย่างเพื่อหนีความทุกข์ โดยคิดว่าเป็นความสุข แต่ทุกข์ก็ยังตามมาไม่หยุด เขาหารู้ไหมว่าความทุกข์จะหมดไปเมื่อเขาหันเข้าหาร่มแห่งธรรมและทำใจให้นิ่งสงบ
ถึงที่สุดแล้ว ใครจะมีความสุขหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาออกไปตักตวงแสวงหาทรัพย์สมบัติและชื่อเสียงเกียรติยศได้สำเร็จหรือไม่ แต่อยู่ที่เขามีความสงบนิ่งได้มากน้อยเพียงใดต่างหาก
ขอบคุณข้อมูลจาก BLT Online
www.bltbangkok.com
หันหน้าเข้าหาทุกข์ ด้วยใจนิ่งสงบจากธรรมะ
จวงจื๊อ ปราชญ์จีน เมื่อ 2,300 ปีที่แล้ว เล่าว่า มีชายคนหนึ่งรำคาญเงาของตัวเองมาก อีกทั้งยังทนรอยเท้าของตัวเองไม่ได้ เขาจึงพยายามวิ่งหนีจากทั้งสองสิ่ง แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปไหน เงาและรอยเท้าก็ยังติดตามไป เขาคิดว่าวิ่งเร็วไม่พอ จึงเร่งฝีเท้า ไม่ยอมหยุด วิ่งแล้ววิ่งเล่า ในที่สุดก็หมดแรง ล้มลงและถึงแก่ความตาย
แล้วจวงจื้อก็ตบท้ายว่า "เขาหารู้ไม่ว่า ถ้าเพียงแค่เขาเข้าร่ม เงาก็จะหายไป และถ้าเขานั่งนิ่งๆ ก็จะไม่มีรอยเท้าเลย"
คนทุกคนวันนี้ไม่ต่างจากคนหนีเงา พยายามทำทุกอย่างเพื่อหนีความทุกข์ โดยคิดว่าเป็นความสุข แต่ทุกข์ก็ยังตามมาไม่หยุด เขาหารู้ไหมว่าความทุกข์จะหมดไปเมื่อเขาหันเข้าหาร่มแห่งธรรมและทำใจให้นิ่งสงบ
ถึงที่สุดแล้ว ใครจะมีความสุขหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาออกไปตักตวงแสวงหาทรัพย์สมบัติและชื่อเสียงเกียรติยศได้สำเร็จหรือไม่ แต่อยู่ที่เขามีความสงบนิ่งได้มากน้อยเพียงใดต่างหาก
ขอบคุณข้อมูลจาก BLT Online
www.bltbangkok.com