เริ่มจากโทรจอง ร้อยกว่าสายและยังไม่ได้คิวเลย
ยากอะไรขนาดนั้น แต่จนแล้ว จนรอด ก็ไปจัดหาทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้ คิวมา 555+
ได้คิวปีนเขาช้างเผือกวันที่ 14 มกราคม 2560
ไม่รอช้าแพ็กเป๋าทันที
แล้วจู่ๆวันที่ 12 มกราคม ก็พายุเข้าฝนตกห่าใหญ่ ทางอุทยานแห่งชาติประกาศ ปิด
เหมือนถูกฟ้าผ่านอนจมกองเลือด อะเฮือกกกก!!!!
เราเลยตัดสินใจเพื่อนไม่ให้เป็นการแพ็กกระเป๋าเก้อ เรามีแผนสำรองคือ ไปภูสอยดาว แทน
ทริปนี้มีกัน 5 คน ในคืนวัน ศุกร์ เริ่มเดินทางจาก กทม. กำลังจะ นั้งรถไปสถานีรถไฟหัวลำโพงเพื่อนไปอุตรดิตถ์
แต่แล้วระหว่างทาง จำได้ว่าตอนนั้น 1 ทุ่มกว่าๆแล้ว มีแววจะไม่ทันรถไฟรอบ 2 ทุ่ม 10 ด้วยซ้ำเพราะรถติดมากกกกก
ขณะที่เล่นเฟตอยู่นั้น
ก็มีประกาศจากทางอุทยานแห่งชาติเขาช้างเผือกออกมาอีกฉบับหนึ่ง
ทางอุทยานแห่งชาติพร้อมเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวตั้งแต่ วันที่14 มกราคมเป็นต้นไป
น้ำตาจะไหลอ่านไป 2 รอบ เพราะกลัวอ่านผิด
ฉบัยนี้เลย
ดีใจมากกกกกกกก ตอนนี้โทรบอกเพื่อนๆที่เหลือทันที เราจะกลับไปใช้แผนที่ 1
วนรถกลับทันที...555+ ช่วงนี้เลยโดนค่าแท็กซี่ไป 4 ร้อยกว่าบาท มันน่าเจ็บใจยิ่งนักไปนั่งรถเล่นเฉยเลย
กว่าจะมารวมตัวกันได้ก็3-4 ทุ่มและ กินข้าวให้เรียบร้อยเริ่มเดินทางออกจาก กทม. ตอน 5 ทุ่มกว่าๆ
เรา5 คนเลือกวิธีขับรถไป 1 คันเพื่อนความสะดวก
ไปถึงกาญจนบุรี ตีห้ากว่าๆ ง่วงสุดติ่ง นอนรออยู่หน้าอุทยานจน 6 โมงครึ่ง เจ้าหน้าที่มา
เริ่มไปทำการลงทะเบียน ไปซื้อตั๋วเข้าอุทยาน เช่าเต้น ติดต่อเจ้าหน้าที่นำทาง
มาแล้วอย่าลืมปั้มพาสปอตกันน๊ะสาวๆ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็กินข้าวเช้าที่ร้านสวัสดิการ ของอุทยานนั้นแหละค่ะ
เช้านี้เป็นข้าวต้มอร่อยมากกกกกก
กินเสร็จ ไปเริ่ม สตาสเดินทางที่หมู่บ้านอีต่อง
จัดหาลูกหาบ เราไปกัน 5 คน ใช้ลูกหาบ 2 คน โดนไป 2780 บาท ตกคนละ 556 บาท
ลูกหาบคิด กก.ละ30 บาท
พร้อมลุย GO!!
เดินมาสักพักใหญ่ๆและ ยังไม่เห็นป้ายทางเข้าเลย ได้แต่ถามพี่ตุ้ย(เจ้าหน้าที่นำทาง)ว่ากี่กิโลแล้วพี่ใกล้ยัง555+
มีความอ่อนแอเล็กน้อย ยังไม่ทันไรเลย
เดินต่อมาได้ประมาณ โลกว่า
ก็ถึงป้ายทางเข้าของจริงและทีนี้
เดินไปเรื่อยๆช่วงนี้ทางยังไม่โหดมากนักเรียบมีเนินนิดหน่อย
ผ่านเขาไป 1 ลูก แอบเห็นเขาช้างเผือกอยู่ไกล
จนมาถึงเขาลูกที่สอง ชื่อเขาชะมด อันนี้เริ่มหอบจะกินและ
เขาลูกนี้สวยและทางเริ่มลาดชัน โดยรอบมีแต่ต้นหญ้า ไม่ค่อยมีร่มไม้สักเท่าไหร่
แนะนำว่าควรใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว เพราะมันร้อนมากกกก หมวก(จำเป็น)
จะหมดแรงแล้ว ผ่านหุบชะนีมาใจจะขาด ก็มาถึงเขาช้างน้อย
เรียกได้ว่าแค่เห็นก็ตัดกำลังและ
พอไปถึง วิว เชียไรเนี่ย สวยวะ เลยนั่งพักอยู่ตรงนั้นพักใหญ่
เขาช้างน้อยหญ้าเป็นสีทองอร่อมทั้งลูก สวย สัส สัส
ถึงจุดกางเต้นสักที....เฮ้ยยยเหนื่อยเอาเรื่องอยุ่นะ แต่ได้นังพักแปปก็หายและ
พักได้ประมาณ 15 นาที ก็สามโมงครึ่ง เจ้าหน้าที่จะพาทุกคนผ่านสันคมมีดพร้อมกัน วันนี้มีด้วยกันทั้งหมด 59 คน
ช่วงสันคมมีดนี้อันตรายมากเจ้าหน้าที่จะพาขึ้นลงไม่เกิน 5 โมงเย็นก่อนฟ้ามืด
พร้อมแล้วก็ลุยต่อ
ไปได้สักพัก ก็หลับสะงั้น
สันคมมีด เจ้าหน้าเล่าว่าเมื่อปี 40 เคยแหลมกว่านี้ ต่อมานักท่องเที่ยวเริ่มเยอะขึ้นสันหินก็ทู้ลงเรื่อยๆ
ปีนเสร็จก็ตกเย็น ต้มมมม่าจ้าาา
ลูกหาบน่ารักมากก กางเต้น ต้มน้ำร้อนรอ ที่เห็นยืนข้างหลังนั้นแหละ
แบกของให้กลุ่มเราจนข้อเท้าพลิกเลย สงสานมากเลย แต่พี่แกยังบอกว่าไม่เปงไร เลยให้ยาพาราไป 2 เม็ด
กลางคืนสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือกิจกรรมดูดาว เพราะที่นี้เห็นดาวชัดมากเนื่องจากปราศจากแสงไฟใดๆ
ขออภัยที่ภาพอาจไม่ชัดนักเนื่องจากคุณภาพของเลนส์
ได้เวลานอนเอาแรงไว้ต่อพรุ่งนี้......
เช้าวันใหม่ที่สดใส
อาหารเช้า มาม่า กล้วย โอวันติล กาแฟ และคนต้มน้ำ ลูกหาบผู้น่ารักกกก
เตรียมเก็บของโบกมือลาเขาช้างเผือก
(เราแนะนำว่าให้ลงแต่เช้าจะได้ไม่ร้อน) เราลงตอน 7 โมงเช้า
ระหว่างทางกลับ พระอาทิตย์กำลังขึ้นสวยมากๆมุมนี้
โบกมือลาาาา
ค่าใช้จ่าย สำหรับทริปนี้
- ค่าน้ำมัน ไปกลับ 1500/5 ตกคนละ 300 บาท
- ค่าทางด่วน ไปกลับ 80บ. ตกคนละ 16 บาท
- ค่าเข้าอุทยาน 380 ห้า คน ตกคนละ 76 บาท
- ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1000/5 ตกคนละ 200 บาท
- ค่าเช่าเต้น ผ้าห่ม ที่รองนอน คนละ 171 บาท
- ค่าจ้างลูกหาบ 2 คน นน.รวม 63 กก. 2780 ตกคนละ 556 บาท
-รวม- 1319 บาท ไม่รวมค่าอาหาร
*สำหรับเรา ค่าอาหาร 4 มื้อ อยู่ที่ 400 บาท
รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 1719 บาท แบงพันสองใบมีทอน 555+
คุ้มสุดๆ เหนื่อยสุดๆ สนุกที่สุด ไปเถอะ ขอร้องงงง
จบแล้วค่ะ พบกันทริปหน้า ภูสอยดาว หรือ โมโกจูดี โหวดดดด
[CR] เขาช้างเผือกปี 60 ด้วยแบงค์พัน 2 ใบ ยังเหลือเงินกลับบ้าน
เริ่มจากโทรจอง ร้อยกว่าสายและยังไม่ได้คิวเลย
ยากอะไรขนาดนั้น แต่จนแล้ว จนรอด ก็ไปจัดหาทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้ คิวมา 555+
ได้คิวปีนเขาช้างเผือกวันที่ 14 มกราคม 2560
ไม่รอช้าแพ็กเป๋าทันที
แล้วจู่ๆวันที่ 12 มกราคม ก็พายุเข้าฝนตกห่าใหญ่ ทางอุทยานแห่งชาติประกาศ ปิด
เหมือนถูกฟ้าผ่านอนจมกองเลือด อะเฮือกกกก!!!!
เราเลยตัดสินใจเพื่อนไม่ให้เป็นการแพ็กกระเป๋าเก้อ เรามีแผนสำรองคือ ไปภูสอยดาว แทน
ทริปนี้มีกัน 5 คน ในคืนวัน ศุกร์ เริ่มเดินทางจาก กทม. กำลังจะ นั้งรถไปสถานีรถไฟหัวลำโพงเพื่อนไปอุตรดิตถ์
แต่แล้วระหว่างทาง จำได้ว่าตอนนั้น 1 ทุ่มกว่าๆแล้ว มีแววจะไม่ทันรถไฟรอบ 2 ทุ่ม 10 ด้วยซ้ำเพราะรถติดมากกกกก
ขณะที่เล่นเฟตอยู่นั้น
ก็มีประกาศจากทางอุทยานแห่งชาติเขาช้างเผือกออกมาอีกฉบับหนึ่ง
ทางอุทยานแห่งชาติพร้อมเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวตั้งแต่ วันที่14 มกราคมเป็นต้นไป
น้ำตาจะไหลอ่านไป 2 รอบ เพราะกลัวอ่านผิด
ฉบัยนี้เลย
ดีใจมากกกกกกกก ตอนนี้โทรบอกเพื่อนๆที่เหลือทันที เราจะกลับไปใช้แผนที่ 1
วนรถกลับทันที...555+ ช่วงนี้เลยโดนค่าแท็กซี่ไป 4 ร้อยกว่าบาท มันน่าเจ็บใจยิ่งนักไปนั่งรถเล่นเฉยเลย
กว่าจะมารวมตัวกันได้ก็3-4 ทุ่มและ กินข้าวให้เรียบร้อยเริ่มเดินทางออกจาก กทม. ตอน 5 ทุ่มกว่าๆ
เรา5 คนเลือกวิธีขับรถไป 1 คันเพื่อนความสะดวก
ไปถึงกาญจนบุรี ตีห้ากว่าๆ ง่วงสุดติ่ง นอนรออยู่หน้าอุทยานจน 6 โมงครึ่ง เจ้าหน้าที่มา
เริ่มไปทำการลงทะเบียน ไปซื้อตั๋วเข้าอุทยาน เช่าเต้น ติดต่อเจ้าหน้าที่นำทาง
มาแล้วอย่าลืมปั้มพาสปอตกันน๊ะสาวๆ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็กินข้าวเช้าที่ร้านสวัสดิการ ของอุทยานนั้นแหละค่ะ
เช้านี้เป็นข้าวต้มอร่อยมากกกกกก
กินเสร็จ ไปเริ่ม สตาสเดินทางที่หมู่บ้านอีต่อง
จัดหาลูกหาบ เราไปกัน 5 คน ใช้ลูกหาบ 2 คน โดนไป 2780 บาท ตกคนละ 556 บาท
ลูกหาบคิด กก.ละ30 บาท
พร้อมลุย GO!!
เดินมาสักพักใหญ่ๆและ ยังไม่เห็นป้ายทางเข้าเลย ได้แต่ถามพี่ตุ้ย(เจ้าหน้าที่นำทาง)ว่ากี่กิโลแล้วพี่ใกล้ยัง555+
มีความอ่อนแอเล็กน้อย ยังไม่ทันไรเลย
เดินต่อมาได้ประมาณ โลกว่า
ก็ถึงป้ายทางเข้าของจริงและทีนี้
เดินไปเรื่อยๆช่วงนี้ทางยังไม่โหดมากนักเรียบมีเนินนิดหน่อย
ผ่านเขาไป 1 ลูก แอบเห็นเขาช้างเผือกอยู่ไกล
จนมาถึงเขาลูกที่สอง ชื่อเขาชะมด อันนี้เริ่มหอบจะกินและ
เขาลูกนี้สวยและทางเริ่มลาดชัน โดยรอบมีแต่ต้นหญ้า ไม่ค่อยมีร่มไม้สักเท่าไหร่
แนะนำว่าควรใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว เพราะมันร้อนมากกกก หมวก(จำเป็น)
จะหมดแรงแล้ว ผ่านหุบชะนีมาใจจะขาด ก็มาถึงเขาช้างน้อย
เรียกได้ว่าแค่เห็นก็ตัดกำลังและ
พอไปถึง วิว เชียไรเนี่ย สวยวะ เลยนั่งพักอยู่ตรงนั้นพักใหญ่
เขาช้างน้อยหญ้าเป็นสีทองอร่อมทั้งลูก สวย สัส สัส
ถึงจุดกางเต้นสักที....เฮ้ยยยเหนื่อยเอาเรื่องอยุ่นะ แต่ได้นังพักแปปก็หายและ
พักได้ประมาณ 15 นาที ก็สามโมงครึ่ง เจ้าหน้าที่จะพาทุกคนผ่านสันคมมีดพร้อมกัน วันนี้มีด้วยกันทั้งหมด 59 คน
ช่วงสันคมมีดนี้อันตรายมากเจ้าหน้าที่จะพาขึ้นลงไม่เกิน 5 โมงเย็นก่อนฟ้ามืด
พร้อมแล้วก็ลุยต่อ
ไปได้สักพัก ก็หลับสะงั้น
สันคมมีด เจ้าหน้าเล่าว่าเมื่อปี 40 เคยแหลมกว่านี้ ต่อมานักท่องเที่ยวเริ่มเยอะขึ้นสันหินก็ทู้ลงเรื่อยๆ
ปีนเสร็จก็ตกเย็น ต้มมมม่าจ้าาา
ลูกหาบน่ารักมากก กางเต้น ต้มน้ำร้อนรอ ที่เห็นยืนข้างหลังนั้นแหละ
แบกของให้กลุ่มเราจนข้อเท้าพลิกเลย สงสานมากเลย แต่พี่แกยังบอกว่าไม่เปงไร เลยให้ยาพาราไป 2 เม็ด
กลางคืนสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือกิจกรรมดูดาว เพราะที่นี้เห็นดาวชัดมากเนื่องจากปราศจากแสงไฟใดๆ
ขออภัยที่ภาพอาจไม่ชัดนักเนื่องจากคุณภาพของเลนส์
ได้เวลานอนเอาแรงไว้ต่อพรุ่งนี้......
เช้าวันใหม่ที่สดใส
อาหารเช้า มาม่า กล้วย โอวันติล กาแฟ และคนต้มน้ำ ลูกหาบผู้น่ารักกกก
เตรียมเก็บของโบกมือลาเขาช้างเผือก
(เราแนะนำว่าให้ลงแต่เช้าจะได้ไม่ร้อน) เราลงตอน 7 โมงเช้า
ระหว่างทางกลับ พระอาทิตย์กำลังขึ้นสวยมากๆมุมนี้
โบกมือลาาาา
ค่าใช้จ่าย สำหรับทริปนี้
- ค่าน้ำมัน ไปกลับ 1500/5 ตกคนละ 300 บาท
- ค่าทางด่วน ไปกลับ 80บ. ตกคนละ 16 บาท
- ค่าเข้าอุทยาน 380 ห้า คน ตกคนละ 76 บาท
- ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1000/5 ตกคนละ 200 บาท
- ค่าเช่าเต้น ผ้าห่ม ที่รองนอน คนละ 171 บาท
- ค่าจ้างลูกหาบ 2 คน นน.รวม 63 กก. 2780 ตกคนละ 556 บาท
-รวม- 1319 บาท ไม่รวมค่าอาหาร
*สำหรับเรา ค่าอาหาร 4 มื้อ อยู่ที่ 400 บาท
รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 1719 บาท แบงพันสองใบมีทอน 555+
คุ้มสุดๆ เหนื่อยสุดๆ สนุกที่สุด ไปเถอะ ขอร้องงงง
จบแล้วค่ะ พบกันทริปหน้า ภูสอยดาว หรือ โมโกจูดี โหวดดดด