สวัสดีครับ วันนี้ผมจะเล่าประสบการณ์ที่ผมได้ไปเหยียบเขาที่ขึ้นยากเป็นอันดับต้นๆของประเทศไทย ไม่ใช่ความลำบากในการเดิน ไม่ใช่ระยะทางที่ยาวไกล แต่เป็นเรื่องของการจองเพื่อให้ได้เดินต่างหาก เขาลูกนี้มีชื่อว่า

เขาช้างเผือก

เขาช้างเผือกอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี การเดินขึ้นเขาช้างเผือกนั้นตามความรู้สึกผมแล้วไม่ยาก ใครๆก็เดินได้ ขอให้มีร่างกายปกติและสุขภาพแข็งแรงเป็นพอ เอาละ ผมเชื่อมีรีวิวหรือกระทู้ที่ตั้งมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเขาช้างเผือกมาบ้างแล้ว ผมจะขอแชร์ประสบการณ์ที่ผมได้ไปเหยียบเขาลูกนี้ให้ฟัง

ถ้าพูดถึงเขาช้างเผือกแล้ว สิ่งที่ยากที่สุดในการพิชิตเขาลูกนี้คือ การจอง จนมีคำพูดว่า "จองยากมากกว่าเดิน" ผมพยายามโทรจองเขาลูกนี้มา 2 ปีละ ไม่ได้ไปซักที จนมาปีนี้จองได้สำเร็จ โทรติดและยังไม่เต็มวันที่ 22 ม.ค. 61 ในเวลา 8:58 น. ได้ขึ้นเขาวันที่ 29 ม.ค. 61  

ผมอยากจะบันทึกความทรงจำนี้ไว้ว่าครั้งหนึ่งผมได้เคยไปเขาช้างเผือกและอยากจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ไว้ดังนี้

1. อันดับแรกก่อนที่จะขึ้นเขาช้างเผือก คือ การจองให้ได้ อันนี้สำคัญมาก ในแต่ละปีช้างเผือกจะเปิดให้ขึ้นตอนปลายปีจนถึงต้นปีหน้า ซึ่งทางอุทยานจะประกาศให้ทราบถึงวันที่อนุญาตให้ขึ้น เมื่อรู้วันแล้ว เตรียมวันหยุดหรือวันลาแพลนไว้ได้เลย เพราะต้องโทรจองล่วงหน้า 7 วัน จะไปวันไหนก็โทรจองก่อน 7 วัน ข้อนี้สำคัญมาก ต้องโทรให้ติดแล้วลุ้นว่าจะเต็มหรือไม่ ในแต่ละวันจะรับได้ไม่เกิน 60 คน อันนี้ขึ้นอยู่ดวงด้วย บางคนโทรเพียง 10 นาทีก็ติด บางคนโทรเป็นหลายร้อยสาย ของผมเนี่ยโทรไปร้อยกว่าสายถึงจะติด บางครั้งก็เต็ม ถ้าโทรติดแล้วต้องแจ้งเลขที่บัตรประชาชนทันที ในปีนี้จำกัด 5 คนต่อ 1 สาย สามารถติดตามข่าวสารการประกาศของอุทยานได้ที่ Facebook: อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

2. ถ้าโทรจองเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวเตรียมใจได้เลย ใครไม่มีประกันอุบัติเหตุก็พิจารณาว่าจะทำหรือไม่ ในวันที่ขึ้นเขาต้องไปลงทะเบียนรายงานตัวพร้อมทั้งบัตรประชาชนกับเจ้าหน้าที่ที่อุทยานเแห่งชาติทองผาภูมิพร้อมจ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆรวมถึงค่านำทางเจ้าหน้าที่คนละ 209 บาทกรณีที่คนมาครบ 60 คน ที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิจะมีเตนท์ ถุงนอน เบาะรองนอนให้เช่า หากใครไม่มีสามารถเช่าจากอุทยานได้ เมื่อรายงานตัวเสร็จให้ไปรวมกลุ่มกันที่หมู่บ้านอีต่อง โดยจัดกลุ่มกลุ่มละ 12 คนต่อเจ้าหน้าที่ 1 คน ถ้าไปคนเดียวก็ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเจ้าหน้าที่รวมกลุ่มให้เอง

3. หมู่บ้านอีต่องจะมีลูกหาบให้บริการ หากไม่ต้องการแบกของเอง สามารถใช้บริการได้โดยลูกหาบ 1 คนสามารถแบกของได้ไม่เกิน 30 กิโลกรัม ราคา 1300 บาท ถ้าเกินคิดกิโลกรัมละ 50 บาทต่อเที่ยว ในส่วนของลูกหาบสามารถแชร์กับคนอื่นให้ครบ 30 กิโลกรัมได้

4. ก่อนเดินขึ้นเขาให้เตรียมเสบียงให้พร้อม น้ำอย่างน้อย 4 ลิตร อาหารเตรียมให้พร้อม บนเขาช้างเผือกไม่มีร้านค้า ไม่มีแหล่งน้ำ ไม่มีไฟฟ้า เพราะฉะนั้นเสบียงอาหารเตรียมให้พร้อม

5. การเดินเขาช้างเผือกไม่ยาก แต่โค-ตะ-ระ ร้อนมาก ช่วงแรกยังพอมีต้นไม้และต้นหญ้าที่สูงเกินระดับหัว แต่ช่วงหลังเนี่ยจะเป็นเขาที่มีแต่หญ้าเตี้ยระดับเอว ช่วงนี้แหละร้อนมาก ควรเตรียมเสื้อผ้าที่มีการระบายอากาศดี หมวก ถ้ากลัวดำก็ใส่เสื้อแขนยาวหน่อยก็ดี การเดินทางง่าย มีทางเดินชัดเจน

6. การเดินไปเขาช้างเผือกมีระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินประมาณ 3-5 ชั่วโมงแล้วแต่การเดินของแต่ละคน เมื่อถึงที่กางเตนท์ ใครที่จ้างลูกหาบหาบเตนท์และของต่างๆ ลูกหาบจะกางเตนท์ให้และเอาของของเราวางไว้ในเตนท์ สาเหตุที่ในหนึ่งวันรับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 60 คน ก็เนื่องจากที่กางเตนท์มีพื้นที่จำกัดเนี่ยแหละ อันนี้ผมขอยืนยัน ที่กางเตนท์จะมีห้องน้ำแบบส้วมหลุม กลิ่นนิแบบว่าเกินคำบรรยาย ใครไปลองไปเข้าดู แต่ผมเลือกที่จะไม่เข้า อาศัยตามต้นไม้ดีกว่า โชคดีที่ไม่ปวดหนัก ถ้าปวดหนักก็คิดเอาเองว่าจะปล่อยตามธรรมชาติหรือห้องน้ำ

7. ในเวลาประมาณ 15:30 เจ้าหน้าที่จะเรียกให้เตรียมตัวเดินขึ้นสันคมมีด อันนี้เป็นไฮไลด์ของเขาช้างเผือก ถ้าใครไม่ได้ขึ้นสันคมมีดเนี่ยถือว่าท่านมาไม่ถึงเขาช้างเผือกนะ การเดินบนสันคมมีดจะเป็นทางเดินบนสันเขาแคบ ต้องใช้ความระมัดระวัง แต่เมื่อผ่านจุดนี้ไปแล้วจะบอกว่า วิวสวยมาก ด้านบนแบบ 360 องศา เห็นวิวรอบด้าน อย่าลืมถ่ายรูปกับป้ายยอดเขาช้างเผือกเป็นที่ระลึกด้วย ให้รู้ว่าตรูมาถึงแล้ว

8. เวลาประมาณ 17:00 เจ้าหน้าที่จะเริ่มให้ทยอยลง เพราะถ้าแสงอาทิตย์หมด ตรงสันคมมีดจะอันตราย ระหว่างเดินลงเนี่ย จะเห็นวิวพระอาทิตย์กำลังตก โครตสวย (เสียดายเมมตรู error) กลับมาถึงที่กางเตนท์ก็หุงหาอาหารได้เลย ถ้าใครไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ต้มน้ำไป สามารถให้ลูกหาบต้มน้ำให้ได้ แต่ต้องให้น้ำลูกหาบ อากาศตอนกลางคืนเย็นสบายเลยต่างจากตอนกลางวัน นอนหลับสบายเลยแหละ

9. ตื่นเช้ามา ถ้าไม่อยากร้อนก็เดินกลับแต่เช้าเลย จะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นด้วย ผมออกมาเวลาก่อน 7 โมงเช้า อากาศกำลังดี บางคนออกแต่ 6 โมงก็มี อันนี้แต่ละอารมณ์ของแต่ละคนแล้วกัน ผมถึงหมู่บ้านอีต่องตอนประมาณ 10 โมง ทำการรับสัมภาระคืนจากลูกหาบ ผมเอาเตนท์มาคืนที่อุทยานและอาบน้ำที่อุทยาน อ่อเกือบลืมอย่าลืมแวะน้ำจ๊อกกระดิ่ง ถ้าขึ้นเขาช้างเผือกสามารถเข้าฟรี ให้แสดงตั๋วที่ซื้อที่อุทยานตอนลงทะเบียนอ่ะแหละ

10. ข้อสุดท้าย อันนี้แนะนำ ถ้าใครอยากขึ้นจริงๆ สามารถ walk in ได้ ก็ต้องลุ้นว่าในวันนั้นคนจะมาลงทะเบียนครบหรือไม่ ถ้าคนมาลงทะเบียนไม่ครบก็ได้ไป วันที่ผมลงจากเขาได้คุยกับเจ้าหน้าที่ว่า คนไม่มาลงทะเบียน 8 คนแล้วมี 3 คน walk in มาก็ได้ขึ้น แต่แบบนี้ต้องรับความเสี่ยง ถ้าคนครบ 60 คนก็อด

ผมคิดว่าคงได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ในแต่ละปีจะมีกฎระเบียบที่อาจจะไม่เหมือนกัน ข้อมูลข้างต้นอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงในปีหน้าก็ได้ ในการเดินทางครั้งนี้ ผมขอนำบรรยายการเดินทางขึ้นเขาช้างเผือกมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกัน หวังกระทู้นี้คงเป็นแรงบันดาลให้เพื่อนๆออกเดินทางกันนะครับ ถ้ามีอะไรสงสัย อยากสอบถามหรืออยากพูดคุย สามารถ inbox มาได้เลยที่