สวัสดีค่ะกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกในการรีวิว ผิดตกบกพร่องประการใด ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ
แนะนำเขาช้างเผือกกันคร่าวๆหน่อยค่ะ
ยอดเขาที่มีความสูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ 1,249 เมตร ระยะทางเดินเท้ากว่า 8 กิโลเมตร รองรับนักท่องเที่ยวได้วันละ 60 คน
***สิ่งที่ควรรู้เล็กๆน้อยๆ***
-ไม่มีแหล่งน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก และ สัญญาณโทรศัพท์แทบไม่มี
-ทุกเก้าที่เดินต้องรู้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ท้าทายตัวเองแต่ห้ามประมาท
-ปฏิบัติตามกฏระเบียบของเจ้าหน้าที่ของอุทยานที่คอยดูแลเราอยู่ตลอดการเดินทางค่ะ

แผนที่เขาช้างเผือก ภาพนี้ได้มาจากเสื้อที่ทางอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิจัดทำขึ้นเพื่อจำหน่ายนักท่องเที่ยวค่ะ

เริ่มแรกเราอยู่ในกลุ่มเดินป่าที่ใช้ชื่อว่า "แบกเป้เที่ยวไปด้วยกัน" อยู่ก่อนแล้ว ที่เข้ามากลุ่มนี้ได้เพราะแฟนเข้ามาก่อนตั้งแต่เกือบ 2 ปีที่แล้ว เพราะต้องการจะไปเขาช้างเผือก แต่ก็มีอันแคล้วคลาดไม่ได้ไปเพราะอุทยานทองผาภูมิประกาศปิดเขาช้างเผือกไม่มีกำหนดเปิด แต่หลังจากการรวมตัวของกลุ่มเราอย่างเหนียวแน่น จับกลุ่มรอไว้ครบ 10 คนตลอดเวลา ทำให้เราพร้อมและสามารถโทรจองได้ทันทีเมื่อเขาลูกนี้เปิดต้อนรับนักเดินป่าผู้รักความท้าทายอีกครั้ง
พี่แอดมินของกลุ่มสามารถโทรจองได้วันที่ 28 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา พวกเราก็ตั้งหน้าตั้งตารอ และเตรียมตัวฟิตร่างกายและศึกษาสภาพภูมิประเทศสำหรับการเดินทางมาที่นี่

***การเดินทาง***
วันแรกของการเดินทาง 27 มกราคม 2560
เราออกจาก กทม เวลาประมาณ 9 โมงเช้า นัดเจอกันที่หน้าบิ๊กซี สะพานควาย พวกเรา 10 คนมาโดยรถตู้ที่เราหาไว้สำหรับการเดินทางของเราในทริปนี้ จากนั้นก็มุ่งหน้าตรงสู่จังหวัดกาญจนบุรี แวะทานอาหารกลางวันที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว

วิวสะพานข้ามแม่น้ำแควตอนบ่ายโมงคือร้อนจนอยากสลบ 5555

หลังจากนั้นก็เดินทางต่อมาจนถึง อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิที่ก่อนถึงหมู่บ้านปิล็อค เพื่อทำการตรวจสอบรายชื่อที่เราได้ลงทะเบียนจองไว้ และพักค้างคืนกางเต๊นท์ในอุทยานก่อนที่วันรุ่งขึ้นเราจะเดินทางไปที่หมู่บ้านอิต่องเพื่อมุ่งหน้าสู่เขาช้างเผือกในตอนสายๆ

ป้ายทางเข้าหน้าอุทยาน ต้องจ่ายค่าเข้าก่อนนะคะ แต่ข้อดีของที่นี่จ่ายที่เดียวเที่ยวได้ทั้งอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

นกเงือกแจ๋วแหวว

ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิจะมีนกเงือกคู่นึงเกาะอยู่ที่ป้ายเลยค่ะ แวะไปถ่ายรูปกันได้นะคะ แต่ตอนที่ถ่ายคู่มันบินหนีไปก่อนค่ะ
มื้อค่ำวันนี้เราฝากท้องกับร้านสวัสดิการที่อุทยานเลยค่ะ แล้วพักกางเต๊นท์นอนกันที่นี่เลย เพื่อที่พรุ่งนี้ เราจะได้ออกเดินทางไปหมู่บ้านอิต่องแต่เช้าค่ะ

วันที่2ของการเดินทาง 28 มกราคม 2560
เช้าวันถัดมากลุ่มเราไปลงทะเบียนอีกครั้งที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อถ่ายรูปรวมที่ด้านหน้าศูนย์นักท่องเที่ยว หลังจากนั้นเราก็ให้รถตู้ขับไปส่งเราที่หมู๋บ้านอิต่องห่างจากอุทยานไปประมาณ 8-9 กม. เราแวะทานข้าวเช้ากันที่หมู่บ้านอิต่อง เตรียมสะเบียงอาหารสำหรับระหว่างการเดินทางที่นี่ และต้องเตรียมอาหารให้ลูกหาบแบกขึ้นไปตั้งแค้มป์ที่นี่เช่นกันค่ะ ลูกหาบ 1 คน หาบของขึ้นไปได้ไม่เกิน 30 กก. นะคะ

หมู่บ้านอิต่องอดีตเคยเป็นเหมืองแร่ดีบุกที่สำคัญของจังหวัดกาญจนบุรีค่ะ

ไปค่ะเริ่มเดินเท้าจากหมู่บ้านอิต่องมุ่งหน้าสู่เขาช้างเผือกกัน เราออกจากหมู่บ้านตอน 9 โมงกว่าแล้ว และจังหวัดกาญจนบุรีขึ้นชื่อเรื่องความร้อนมากในตอนกลางวัน ต้องเตรียมตัวกันแบบกันแดดสุดชีวิตเลยค่ะ

             เตรียมตัวพร้อมไปลุย

เริ่มเดินเท้าออกจากหมู่บ้านอิต่องประมาณ 9 โมงนิดๆค่ะ

ระหว่างทางเดินเท้าเข้าไปประมาณ 2 กม. ก็จะถึงป้อมทางเข้าของอุทยาน เราจะต้องลงชื่อที่นี่อีกครั้งเพื่อเป็นการยืนยันว่าเรากำลังจะเข้าไปในเขตอุทยานค่ะ หลังจากลงชื่อก็ถ่ายรูปร่วมกันซักหน่อยค่ะว่า กำลังจะเข้าไปแล้วนะ

ที่คนเยอะๆนี่เพราะถ่ายรวม 2 กลุ่ม คือกลุ่มเรา กับกลุ่มที่ไปพร้อมกันพอดี เพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่ ที่พาเราขึ้นไปวันนั้น

หลังจากตรงนี้เราจะต้องเดิน เดิน เดิน เดิน และเดินเท้าล้วนๆค่ะ ตรงไหนที่เจอที่ร่มแนะนำให้หยุดพักเหนื่อย ถ่ายรูป หรือดื่มน้ำที่เตรียมมาเลยนะคะ เพราะที่ร่มมีน้อยมาก เนื่องจากที่นี่เป็นภูเขาทุ่งหญ้าสลับกับป่าโปร่ง ตามที่บอกไปแล้วตั้งแต่แรก เรื่องแดดร้อนไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะมันร้อนมากกกกกกกก ใครที่พลาดไม่ป้องกันให้ดี มีหน้าไหม้และอาจจะเป็นไข้แดดได้เลยค่ะ วันที่ไปเจ้าหน้าบอกว่าลมไม่พัดเลย ปกติลมจะพัดตลอดพอให้ชื่นใจหายเหนื่อยค่ะ
เดินจากเขาประถมลูกแรกก็เหนื่อยแล้วค่ะ หอบไปหลายเฮือก เก็บภาพวิวข้างทางสวยๆมาฝากค่ะ
เริ่มร้อนแล้วแต่วิวข้างทางน่าประทับใจค่ะ

ผ่านจากเขาประถมก็เริ่มเดินชันขึ้น และ ร้อนมากขึ้นเรื่อยๆด้วยค่ะ เนินสูงวัดใจฝ่าแดดที่เก็บภาพมาฝากเป็น "เขาช้างน้อย" ร้อนโหดจนรู้สึกไอ้ที่ใส่มา ยังยังกันแดดไม่ดีพอ 5555
ยอดเขาช้างน้อย

ทุ่งหญ้าก่อนถึงเขาชะมด

หลังจากเขาช้างน้อยไปเราจะเริ่มไต่เขาที่ชันขึ้นเรื่อยๆ ถุงมือที่เตรียมมาได้ใช้แน่นอนค่ะ เพราะเรียกได้ว่าเราจะต้องปีนขึ้นไปแล้วค่ะ ปีนที่แรกก็ที่เขาชะมด ปีนขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงยอดแล้วก็ค่อยๆไต่ลงมา แล้วก็ต้องไต่เชือกอีกครั้งที่เขาลูกช้าง ก่อนจะถึงแค้มป์พักแรมของเราค่ะ แค้มป์รอเราอยู่ข้างหน้าแล้วนะคะ ลงเขาไปก็ถึง แต่ยอดเขาช้างเผือกที่เราจะไปพิชิตคือจุดที่สูงที่สุดในภาพค่ะ

ทางลงก่อนถึงแค้มป์ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะลื่นฝุ่นและชันมากค่ะ

ลงมาถึงแค้มป์ เวลา 13.30 น. ถือว่าเราทำเวลาดีมากในฐานะนักเดินป่าหน้าใหม่ 55555 (งานอวยตัวเองก็มา) ตั้งแค้มป์ เตรียมทำอาหารหุงข้าวสิคะ รออะไร จะบอกว่าคณะเราที่ไปคือเฮฮามาก อุปกรณ์ครบครันมาก เราทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเชฟเลยค่ะ สนุกดีช่วยกันเตรียมอาหารให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ไปด้วยกันอิ่มหนำสำราญในคืนนี้

ทีมหน้าเตาสายโหด

พอถึงเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ก็จะมาแจ้งเราค่ะว่าสามารถเดินขึ้นยอดเขาช้างเผือกได้แล้ว ให้เตรียมตัวให้พร้อมและไปต่อกันได้ค่ะ คณะเราและคณะอื่นก็พากันค่อยๆเดินอย่างเป็นระเบียบเพื่อขึ้นสู่ยอดเขา ตอนตะวันยังส่องแสงแรงกล้า (ร้อนมากนะจ๊ะขอบอก)

ระหว่างหยุดพักรอไต่ขึ้นสันคมมีดด้านหลังคือแค้มป์ของเราค่ะ

และแล้วก็ถึงจุดสำคัญ จุดพีค จุดวัดใจที่สันคมมีด จะมีพี่เจ้าหน้าที่อุทยาน 2 คนคอยดูแลพวกเราเพราะต้องปีนขึ้นไปและต้องจับเชือกด้วยมือข้างซ้าย จับสลิงด้วยมือข้างขวา สันคมมีดมีความสูงประมาณ 2.3 เมตรที่นักท่องเที่ยวจะต้องปีนขึ้นไป สำหรับเราทางจริงๆกว้างประมาณ 1 ฟุต เป็นพื้นหินขรุขระ สำหรับคนไม่กลัวความสูงเช่นเรามันง่ายมาก แต่ก็มีลงนั่งไถไปค่ะเพื่อความไม่ประมาท แต่สำหรับคนกลัวความสูงไม่แนะนำนะคะ นาทีที่หน้ามืดตกลงไปลืมบ้านเลขที่ได้เลยค่ะ บอกเลยอย่าเสี่ยงมันไม่คุ้ม ต้องปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่บอกอย่างเคร่งครัดนะคะ ห้ามวิ่งบนเขาเด็ดขาด!!! และจุดที่เราจะถ่ายภาพ จะเซลฟี่ตัวเองให้เราประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของตัวเองทุกครั้งก่อนนะคะไม่ว่าเราจะทำอะไรต้องมีสติอยู่เสมอค่ะ

ปีนสันคมมีดอยู่ในรูปด้านล่างขวาค่ะ

พ้นจากตรงสันคมมีดไปก็ไต่เขาอีก 1 ลูกระยะสั้นๆ ก็ถึงยอดเขาช้างเผือกแล้วค่ะ

มาถึงแล้วเขาช้างเผือกถ่ายกะป้าย กะเพื่อนกลุ่มใหม่ๆที่เพิ่งรู้จักกันค่ะ

วิวท้องฟ้า และ ภูเขา บนยอดเขาช้างเผือกค่ะ

หลังจากนั้นเราก็พักผ่อนหย่อนใจ ตรงเนินลาดที่เป็นทุ่งหญ้า ลมเย็นสบายมากค่ะ อากาศดี เพราะแสงอาทิตย์เริ่มลดระดับความร้อนแรงลงเรื่อย รู้สึกเหมือนชนะตัวเองภาระกิจเสร็จสิ้นแล้ว บอกตัวเองว่าเราได้ชัยชนะเล็กๆมาแล้วค่ะ

ขอบคุณภาพจากน้อง ปป ค่ะ

หลังจากนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. ทางเจ้าหน้าที่จะให้เราเริ่มทยอยลงจากยอดเขาเพื่อกลับแคมป์ค่ะ จะได้ไม่ค่ำจนเกินไป เพราะทางมีความมืด และชันมาก ถ้าแสงหมดจะเกิดอันตรายได้ค่ะ เราก็เริ่มทยอยกันลงเพื่อกลับเต๊นท์ค่ะ

แสงยามเย็นบนยอดเขาช้างเผือก

ระหว่างรอไต่สันคมมีดขาลงพระอาทิตย์ตกเขาพอดี ประทับใจมากรู้สึกเหมือนเวลาหยุดหมุนชั่วขณะค่ะ

พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่เขาช้างเผือก

และเราก็ปีนลงมาจากสันคมมีดเดินกลับที่พักอย่างปลอดภัยค่ะ คืนนั้นลมแรง แต่อากาศดีนอนหลับสบายค่ะ


ขอขอบคุณพี่ๆเจ้าหน้าที่อุทยานที่คอยดูแลพวกเราตลอดการเดินทางขึ้นลงเขาในวันนั้นด้วยค่ะ

พี่ๆเจ้าหน้าที่อุทยานที่คอยดูแลนักท่องเที่ยวในวันที่เราขึ้นไปค่ะ

ลากันด้วยภาพหญ้าหางกระรอกเป็นดอกหญ้าที่เราชอบมากเป็นพิเศษค่ะ ถ่ายขาลงจากเขาช้างเผือกค่ะ

ฟรุ้งฟิ้งมากกกก

สุดท้ายนี้อยากฝากเพื่อนๆที่อยากไปเที่ยวเขาช้างเผือกแบบตั้งใจจริงให้เตรียมตัวดังนี้ค่ะ
1. จับกลุ่มไว้ค่ะ 10 คน และเตรียมสำเนาบัตรประชาชนไว้ให้พร้อม เวลาที่เขาช้างเผือกเปิดอีกครั้งช่วยกันโทรจองทันทีค่ะ
2. ปกิบัติตามกฏระเบียบของเจ้าหน้าที่และอุทยานอย่าเคร่งครัดนะคะ อะไรที่เค้าห้ามทำคือห้ามจริงๆค่ะ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
3. มีสติทุกย่างก้าวในการเดิน และ เตรียมร่างกายตัวเองให้พร้อมตลอดการเดินทางค่ะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ
ขอบคุณ : ภาพสวยๆ จากเพื่อนพ้องน้องพี่ในทริปนี้ด้วยค่ะ
ขอบคุณสถานที่ : อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทร. 034-510979 , 081-3820359
ขอบคุณ : เจ้าหน้าที่ที่ช่วยดูแลความปลอดภัยเป็นอย่างดี
ขอบคุณ : พี่ๆ เพื่อนๆ และน้องใหม่ กลุ่มแบกเป้เที่ยวไปด้วยกัน
ขอบคุณ : ตัวเองที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค และท้าท้ายตัวเอง พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ

คลิปพาเที่ยวของกลุ่มเราค่ะโดยเพจ "นายอำเภอพาเที่ยว"
ฝากติดตามเพจ "นายอำเภอพาเที่ยว" https://www.facebook.com/woodytrip
ภาพที่เห็นในกระทู้นี้เราถ่ายเองจากกล้อง "Iphone7" แต่งภาพด้วย App "VSCO" และ APP "Snapseed" ค่ะ