สวัสดีค่ะดิฉันเป็น น.ศ ฝึกงาน ด้วยความที่ดิฉันเป็นสาวน้อยไม่พูดมากเก็บอารมณ์อยู่ พี่ๆให้ทำอะไรก็ทำ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ดิฉันมักจะปฎิเสธบ่อย เป็นเพราะสุขภาพร่างกายไม่ค่อยจะดีนักมีโรคประจำตัวทำให้เวลาออกไปดูงานนอกสถานที่ต้องค้างคืนบ้างนอนเต้นท์บ้าง โรคประจำตัวมักจะกำเริบและไม่ค่อยสนุกนัก ผู้จัดการสั่งงานอีก 2 อาทิตย์ที่จะถึงมีงานออกไปนอกสถานที่อีกตามเคยซึ่งงานนี้ได้บอกล่วงหน้าและดิฉันก็พร้อมที่จะไป "งานนี้มีผลต่อการประเมินว่าผ่านหรือไม่ผ่าน" และวันรุ่งขึ้นผู้จัดการผู้ชายวัยรุ่นอายุเพิ่ง 30 บอกว่าอีก 2 วันให้ดิฉันไปดูงานนอกสถานที่กระทันหันเวลา 2คืน 3วัน ซึ่งดิฉันก็ไม่ค่อยอยากไปนักเพราะไม่มีข้อมูลและไม่รู้เรื่อง ดิฉันจึงทักไลน์ส่วนตัวว่า หนูไม่ไปได้ไหมค่ะพร้อมบอกเหตุผล และเขาก็บอกว่าต้องไป แล้วใก้ลจะถึงวันที่จะต้องไปร่างกายก็ไม่มค่อยสบายของก็ไม่ได้เตรียม ดิฉันจึงบทักไปบอกอีกทีว่า หนูไม่ไปได้ไหมคะเพราะดิฉันกลัวมันจะมีผลกระทบกับงานอีกไม่กี่อาทิตย์ที่เตรียมไว้ นาทีนั้นเขาก็โวยวายโมโหจากไหนก็ไม่รู้ซึ่งเป็นคำค่อนข้างวัยรุ่นที่หงุดหงิดๆ และก็ไม่น่าเป็นคำพูดว่า น.ศ ฝึกงาน ไม่มีคำหยาบนะคะแแต่อ่านแล้วรู้เลยว่าพี่เขาอารมณ์ร้อนมาก ด้วยความที่ดิฉันโดนแรงกดดัน และเก็บกด จึงระงับอารมณ์ไม่อยู่ จึงได้พูดออกมาล่วงเกินแต่ไม่มีคำหยาบ เป็นคำพูดที่ไม่ให้เกีรติ เขาจึงไม่ให้ดิฉันไปดูงานนอกสถานที่สักที่เลย และดิฉันจึงขอคำปรึกษาจากอาจารย์นิเทศ ซึ่งดิฉันก็ผิดจริงๆคะ แต่ความคิดส่วนตัวของดิฉัน ผู้จัดการถ้าโตแล้วควรใช้เหตุผลคุยกับเด็ก น.ศ นะคะ ยิ่งใช้อารมณ์กับเด็กวัยรุ่นอย่างดิฉัน+เก็บกด แรงกดดันที่พี่ๆสั่งงาน ดิฉันเลยฟิวขาดค่ะ ปล.ผู้จัดการเป็น ผู้ชายอายุ 29 เพิ่ง 30 เป็นเจ้าของบริษัทเองด้วยค่ะ
เป็นนักศึกษาฝึกงานแต่ทะเลาะกับผู้จัดการวัยรุ่น