วันนี้มีประสบการณ์ประกันภัยเดินทางต่างประเทศมาเล่าสู่กันฟัง เมื่อก่อนตอนผมไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว ก็ไม่ได้ซื้อประกันภัยเดินทางถ้าไม่บังคับเพราะมีประกันชีวิติอยู่แล้ว แต่หลังจากได้อ่านเรื่องราวของพี่คนหนึ่งที่มาแชร์เรื่องค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศหลักล้าน หลังๆ ก็ทำประกันภัยเดินทางตลอด เอาแบบถูกๆ เน้นคุ้มครองชีวิตและการรักษาพยาบาลเท่านั้น
เมื่อ 9-14 พ.ย. 2559 ก็มีเดินทางไปญี่ปุ่นกับครอบครัวพี่ชายและเพื่อนๆ ส่วนตัวผมมีประกันภัยเดินทางรายปีอยู่แล้ว ก็เลยจัดประกันภัยเดินทางรายเที่ยวให้กับพี่ๆ เพื่อนๆ ซื้อออนไลน์ง๊ายง่าย ซึ่งก็ทราบดีว่าความคุ้มครองแค่ชีวิตและการรักษาพยาบาลเป็นหลัก ส่วนการส่งศพกลับประเทศอันนั้นคงไม่อยากใช้บริการ ประกันภัยเดินทางโซนเอเชีย 7 วันก็ตกคนละ 290 บาท แต่ก็ไม่ได้อ่านเงื่อนไขความคุ้มครองหรอกครับ
เที่ยวสนุกสนานช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ไปลงโตเกียว เที่ยวในโตเกียว ฮาโกเน่
และกลับมาเก็บที่โตเกียวก่อนบินกลับในค่ำวันที่ 14/11/2559 ถึงดอนเมืองตอนตีหนึ่งของวันที่ 15/11/2559 ระหว่างไฟล์ททุกอย่างปกติดี นอนหลับซะส่วนใหญ่เพราะเป็นไฟล์ทกลางคืน เครื่องจะถึงไทยแล้ว จนเครื่องใกล้จะลงก็มีคุยสนทนากับพี่ชายนิดหน่อยก็ยังไม่ผิดสังเกตุอะไร
จนผ่าน ต.ม. แล้วไปรอรับกระเป่า ก็ปรากฎว่าพี่ชายพูดสื่อสารไม่รู้เรื่อง มือเย็น กระเป๋ายังไม่ได้ก็เลยให้พาไปนั่งรอ เพราะคิดว่าจะเป็นลม แต่เพื่อนประเมินอาการแล้วคิดว่าน่าจะมีอาการเกี่ยวกับสมอง ก็เลยขอให้สายการบินนำรถเข็นมาให้ ต้องบอกว่ารออยู่เกือบ 15 นาที ก็เข้าใจครับว่าไม่ได้แจ้งขอไว้ล่วงหน้าทำให้ไม่มีการเตรียมไว้ก่อน แต่เนื่องจากเป็นเหตุฉุกเฉิน สายการบินก็ดำเนินการได้ช้ามาก จนเมื่อได้รถเข็นมาก็พาผ่านด่านตรวจศุลกากรไปด้านนอกอาคาร ครอบครัวของน้องที่ไปเที่ยวด้วยกันมารับและอาสาพาไปส่งโรงพยาบาลวิภาวดี ซึ่งใกล้ที่สุดแล้ว ผมก็นั่งแท็กซี่ตามไปโรงพยาบาล เข้าไปห้องฉุกเฉิน คุณหมอเวรก็สอบถามเรื่องราว และส่งไปทำ CT Scan ซึ่งก็ไปเล่าเหตุการณ์ให้คุณหมอที่ทำ CT Scan ฟังเป็นรอบที่สอง แต่ก็ไม่พบเลือดออกในสมอง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่สามารถระบุชัดว่าเกิดอาการสมองขาดเลือดตั้งแต่เมื่อใด เพราะอาจเกิดขึ้นระหว่างนอนหลับก็ได้ ทางการแพทย์จะย้อนกลับไปยังเวลาที่คนไข้ปกติท้ายสุด ก็น่าจะเป็นเวลาก่อนขึ้นเครื่อง ทำให้ไม่สามารถฉีดยาแก้ไขโรคสมองขาดเลือด จะมีความเสี่ยงมากกว่าผลที่จะได้รับ จึงต้องรักษาด้วยการกินยาและใช้เวลานาน และแจ้งว่าจะทำ MRI ต่อไป
ระหว่างรอผมก็นั่งหาข้อมูลบนเวปบริษัทประกันว่ามันยังอยุ่ในเงื่อนไขความคุ้มครองหรือไม่ เพราะมาเกิดเหตุที่ประเทศไทยตอนกลับมาถึงแล้ว
ก็พบข้อมูลว่า
Q: ระยะเวลาเดินทางแต่ละครั้งเริ่มต้นและสิ้นสุดเมื่อไหร่
A: เริ่มต้นก่อนเดินทางออกจากประเทศไทย 2 ชั่วโมงและต่อเนื่องจนเดินทางกลับประเทศไทยภายใน 2 ชั่วโมง นับแต่กลับถึงประเทศไทย หรือวันสิ้นสุดระยะเวลาประกันภัย แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน
ref.
http://www.msig-thai.com/th/travel-insurance-faq
ก็เริ่มมีความหวังบ้าง เพราะพี่ชายไม่ได้ทำประกันสุขภาพอะไรไว้เลย แต่หลักของการประกันคือ ไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนการทำประกัน ซึ่งกรณีพี่ชายนี้ยังไม่เคยเป็นมาก่อน
ทำประกันภัยเดินทางมาหลายฉบับ เคยเคลมแค่กระเป๋าเดินทางเสียหาย ยังไม่เคยเคลมเรื่องการรักษาพยาบาลเลย
จนประมาณตีสี่ของวันที่ 15/11/59 ก็กลับไปพักผ่อนที่บ้าน เพราะพี่ชายต้องนอน รพ รอสังเกตุอาการและต้องทำ MRI ในตอนเช้า ต่อมาผล MRI ก็ชัดเจนว่าสมองขาดเลือดในส่วนที่เกี่ยวกับความจำ ทำให้ต้องฝึกการพูดและคำศัพท์ใหม่
ด้านการรักษาพยาบาล ก็ไม่แน่ใจว่าหากรักษา รพ เอกชนต่อไปแล้วเบิกประกันไม่ได้จะเป็นภาระ เลยให้ รพ. ประสานส่งตัว ขอใช้สิทธิ์บัตรทอง และได้ส่งตัวเข้าการรักษาที่สถาบันประสาทวิทยาในวันที่ 16/11/59
เมื่อได้ชำระค่ารักษาพยาบาลที่ รพ วิภาวดี แล้วก็สแกนเอกสารส่งไปให้ฝ่ายสินไหมพิจารณาผลก่อนในเบื้องต้น ซึ่งบริษัทประกันแจ้งว่าไม่สามารถเคลมได้ แต่ก็แจ้งว่าหากจะให้บริษัทประกันตรวจสอบประวัติการรักษา และขอผลการรักษาจากโรงพยาบาลมาพิจารณา ก็ให้ผู้เอาประกัน ส่งใบเรียกร้องประกันภัยเดินทางฉบับจริง และสำเนาบัตรประชาชน เพื่อที่จะดำเนินการต่อไป
ผมก็เตรียมใบเรียกร้องประกันภัยเดินทางฉบับจริงและให้พี่ชายเซ็นชื่อลงนาม (ตอนนี้ออกจาก รพ มาพักที่บ้านแล้ว เพราะไม่มีอาการเพิ่มเติม) เมื่อ 21/11/59 บริษัทก็มี SMS ตอบกลับว่าได้รับเอกสารเมื่อ 28/11/59
รอผลการพิจารณาอยู่ สองสัปดาห์ก็โทรไปตามเรื่อง บริษัทประกันแจ้งว่าส่งขอประวัติการรักษาจาก รพ วิภาวดีอยู่ ยังไม่ได้รับผล ขออีก 2 สัปดาห์
จนเมื่อ 27/12/59 ก็ได้รับอีเมล์แจ้งผลการพิจารณา สรุปว่าเคลมได้เพราะตรวจสอบประวัติแล้วไม่พบการรักษาโรคสมองขาดเลือดมาก่อน แต่ไม่ครอบคลุมค่ารักษาเกี่ยวกับการตรวจหัวใจ ผมจึงนำในเสร็จรับเงินฉบับจริงส่งให้บริษัทประกัน
นึกว่าจะต้องพึง คปภ. อีกรอบซะแล้ว
เล่าสู่กันฟังครับ เพื่อเป็นประโยชน์กับนักเดินทาง
ขอบคุณครับ
== ประกันเดินทางต่างประเทศ == ซื้อออนไลน์ง๊ายง่าย แต่อ่านเงื่อนไขความคุ้มครองกันบ้างหรือเปล่าครับ
เมื่อ 9-14 พ.ย. 2559 ก็มีเดินทางไปญี่ปุ่นกับครอบครัวพี่ชายและเพื่อนๆ ส่วนตัวผมมีประกันภัยเดินทางรายปีอยู่แล้ว ก็เลยจัดประกันภัยเดินทางรายเที่ยวให้กับพี่ๆ เพื่อนๆ ซื้อออนไลน์ง๊ายง่าย ซึ่งก็ทราบดีว่าความคุ้มครองแค่ชีวิตและการรักษาพยาบาลเป็นหลัก ส่วนการส่งศพกลับประเทศอันนั้นคงไม่อยากใช้บริการ ประกันภัยเดินทางโซนเอเชีย 7 วันก็ตกคนละ 290 บาท แต่ก็ไม่ได้อ่านเงื่อนไขความคุ้มครองหรอกครับ
เที่ยวสนุกสนานช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ไปลงโตเกียว เที่ยวในโตเกียว ฮาโกเน่
และกลับมาเก็บที่โตเกียวก่อนบินกลับในค่ำวันที่ 14/11/2559 ถึงดอนเมืองตอนตีหนึ่งของวันที่ 15/11/2559 ระหว่างไฟล์ททุกอย่างปกติดี นอนหลับซะส่วนใหญ่เพราะเป็นไฟล์ทกลางคืน เครื่องจะถึงไทยแล้ว จนเครื่องใกล้จะลงก็มีคุยสนทนากับพี่ชายนิดหน่อยก็ยังไม่ผิดสังเกตุอะไร
จนผ่าน ต.ม. แล้วไปรอรับกระเป่า ก็ปรากฎว่าพี่ชายพูดสื่อสารไม่รู้เรื่อง มือเย็น กระเป๋ายังไม่ได้ก็เลยให้พาไปนั่งรอ เพราะคิดว่าจะเป็นลม แต่เพื่อนประเมินอาการแล้วคิดว่าน่าจะมีอาการเกี่ยวกับสมอง ก็เลยขอให้สายการบินนำรถเข็นมาให้ ต้องบอกว่ารออยู่เกือบ 15 นาที ก็เข้าใจครับว่าไม่ได้แจ้งขอไว้ล่วงหน้าทำให้ไม่มีการเตรียมไว้ก่อน แต่เนื่องจากเป็นเหตุฉุกเฉิน สายการบินก็ดำเนินการได้ช้ามาก จนเมื่อได้รถเข็นมาก็พาผ่านด่านตรวจศุลกากรไปด้านนอกอาคาร ครอบครัวของน้องที่ไปเที่ยวด้วยกันมารับและอาสาพาไปส่งโรงพยาบาลวิภาวดี ซึ่งใกล้ที่สุดแล้ว ผมก็นั่งแท็กซี่ตามไปโรงพยาบาล เข้าไปห้องฉุกเฉิน คุณหมอเวรก็สอบถามเรื่องราว และส่งไปทำ CT Scan ซึ่งก็ไปเล่าเหตุการณ์ให้คุณหมอที่ทำ CT Scan ฟังเป็นรอบที่สอง แต่ก็ไม่พบเลือดออกในสมอง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่สามารถระบุชัดว่าเกิดอาการสมองขาดเลือดตั้งแต่เมื่อใด เพราะอาจเกิดขึ้นระหว่างนอนหลับก็ได้ ทางการแพทย์จะย้อนกลับไปยังเวลาที่คนไข้ปกติท้ายสุด ก็น่าจะเป็นเวลาก่อนขึ้นเครื่อง ทำให้ไม่สามารถฉีดยาแก้ไขโรคสมองขาดเลือด จะมีความเสี่ยงมากกว่าผลที่จะได้รับ จึงต้องรักษาด้วยการกินยาและใช้เวลานาน และแจ้งว่าจะทำ MRI ต่อไป
ระหว่างรอผมก็นั่งหาข้อมูลบนเวปบริษัทประกันว่ามันยังอยุ่ในเงื่อนไขความคุ้มครองหรือไม่ เพราะมาเกิดเหตุที่ประเทศไทยตอนกลับมาถึงแล้ว
ก็พบข้อมูลว่า
Q: ระยะเวลาเดินทางแต่ละครั้งเริ่มต้นและสิ้นสุดเมื่อไหร่
A: เริ่มต้นก่อนเดินทางออกจากประเทศไทย 2 ชั่วโมงและต่อเนื่องจนเดินทางกลับประเทศไทยภายใน 2 ชั่วโมง นับแต่กลับถึงประเทศไทย หรือวันสิ้นสุดระยะเวลาประกันภัย แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน
ref. http://www.msig-thai.com/th/travel-insurance-faq
ก็เริ่มมีความหวังบ้าง เพราะพี่ชายไม่ได้ทำประกันสุขภาพอะไรไว้เลย แต่หลักของการประกันคือ ไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนการทำประกัน ซึ่งกรณีพี่ชายนี้ยังไม่เคยเป็นมาก่อน
ทำประกันภัยเดินทางมาหลายฉบับ เคยเคลมแค่กระเป๋าเดินทางเสียหาย ยังไม่เคยเคลมเรื่องการรักษาพยาบาลเลย
จนประมาณตีสี่ของวันที่ 15/11/59 ก็กลับไปพักผ่อนที่บ้าน เพราะพี่ชายต้องนอน รพ รอสังเกตุอาการและต้องทำ MRI ในตอนเช้า ต่อมาผล MRI ก็ชัดเจนว่าสมองขาดเลือดในส่วนที่เกี่ยวกับความจำ ทำให้ต้องฝึกการพูดและคำศัพท์ใหม่
ด้านการรักษาพยาบาล ก็ไม่แน่ใจว่าหากรักษา รพ เอกชนต่อไปแล้วเบิกประกันไม่ได้จะเป็นภาระ เลยให้ รพ. ประสานส่งตัว ขอใช้สิทธิ์บัตรทอง และได้ส่งตัวเข้าการรักษาที่สถาบันประสาทวิทยาในวันที่ 16/11/59
เมื่อได้ชำระค่ารักษาพยาบาลที่ รพ วิภาวดี แล้วก็สแกนเอกสารส่งไปให้ฝ่ายสินไหมพิจารณาผลก่อนในเบื้องต้น ซึ่งบริษัทประกันแจ้งว่าไม่สามารถเคลมได้ แต่ก็แจ้งว่าหากจะให้บริษัทประกันตรวจสอบประวัติการรักษา และขอผลการรักษาจากโรงพยาบาลมาพิจารณา ก็ให้ผู้เอาประกัน ส่งใบเรียกร้องประกันภัยเดินทางฉบับจริง และสำเนาบัตรประชาชน เพื่อที่จะดำเนินการต่อไป
ผมก็เตรียมใบเรียกร้องประกันภัยเดินทางฉบับจริงและให้พี่ชายเซ็นชื่อลงนาม (ตอนนี้ออกจาก รพ มาพักที่บ้านแล้ว เพราะไม่มีอาการเพิ่มเติม) เมื่อ 21/11/59 บริษัทก็มี SMS ตอบกลับว่าได้รับเอกสารเมื่อ 28/11/59
รอผลการพิจารณาอยู่ สองสัปดาห์ก็โทรไปตามเรื่อง บริษัทประกันแจ้งว่าส่งขอประวัติการรักษาจาก รพ วิภาวดีอยู่ ยังไม่ได้รับผล ขออีก 2 สัปดาห์
จนเมื่อ 27/12/59 ก็ได้รับอีเมล์แจ้งผลการพิจารณา สรุปว่าเคลมได้เพราะตรวจสอบประวัติแล้วไม่พบการรักษาโรคสมองขาดเลือดมาก่อน แต่ไม่ครอบคลุมค่ารักษาเกี่ยวกับการตรวจหัวใจ ผมจึงนำในเสร็จรับเงินฉบับจริงส่งให้บริษัทประกัน
นึกว่าจะต้องพึง คปภ. อีกรอบซะแล้ว
เล่าสู่กันฟังครับ เพื่อเป็นประโยชน์กับนักเดินทาง
ขอบคุณครับ