นิวตรอน : โลกที่ไม่มีอยู่กับศัตรูที่ไม่มีเงา ตอนที่ 53
จีโอดีมีสีหน้าที่เคร่งเครียด คิ้วขมวดเข้าหากัน
โจชัวพยายามจะให้กำลังใจเขา
“ท่านเป็นอะไรไป ทำไมถึงมาหลบอยู่ที่นี่ เหมือน ... เหมือนคนขลาด”
จีโอดีหันไปมองหน้าของโจชัว
โจชัวรู้สึกได้ถึงความเสียใจในดวงตาของจีโอดี
จีโอดียังไม่ปริปากพูดอะไรออกมา เขาหันหน้าไปอีกทาง.
โจชัวพยายามที่จะคุยกับเขา
“ประชาชนของนิวตรอนน่าจะกำลังสงสัยในตัวท่าน
ท่านเองเคยสัญญากับพวกเขาว่าพวกเขาจะปลอดภัยเมื่อท่านเป็นผู้ดูแลพวกเขา”
“ใช่ ฉันควรจะทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด”
เป็นประโยคแรกที่จีโอดีพูดออกมา.
โจชัวเข้ามาใกล้เขามากขึ้นและนั่งอยู่ข้างๆเขา
“ที่ผ่านมา ท่านก็ทำทุกอย่างได้ดีที่สุดแล้ว”
“ไม่หรอกโจชัว มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น”
จีโอดีหันไปหาโจชัว มองหน้าเขา แล้วก็เอามือลูบศีรษะของเขา
“บางทีตัวเราก็คิดผิดไป เข้าใจผิดไป”
“ท่านหมายถึง...”
ยังมิทันที่โจชัวจะพูดอะไรออกไป จีโอดีก็พูดขึ้นก่อน
“หลายอย่างทั้ง M39 แล้วก็นิวตรอน โพซิตรอนด้วย
หลายอย่างที่เราคาดผิด”
โจชัวพยายามปลอบเขา
“อย่าเพิ่งคิดมากเลยท่าน อย่าเพิ่งไปสรุปอะไรในตอนนี้”
จีโอดีหันหน้ามามองโจชัวอีกครั้ง
“ถ้าไม่สรุปตอนนี้ จะไปสรุปตอนไหนได้อีกล่ะ”
แล้วจีโอดีก็หันไปอีกทาง
โจชัวพอจะเข้าใจความรู้สึกของเขาดี จีโอดีเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเองมาก
แต่พอหลายอย่างไม่ได้เป็นตามที่เขาคิด ความเชื่อมั่นต่างๆก็ลดน้อยถอยลง
“ข้าเชื่อนะว่าชาวนิวตรอนยังคงมั่นใจในตัวท่าน”
โจชัวพยายามพูดปลอบใจเขาอีก
“ข้าเองก็ยังมั่นใจในตัวท่านนะ ท่านจีโอดี”
จีโอดีหันมองหน้าของโจชัวอีกครั้ง
“เจ้าไม่ต้องมาพูดปลอบใจข้าหรอก ข้าเองพอจะรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นอย่างไร”
แต่ยังไม่ทันไร ก็มีใครคนหนึ่งโผล่เข้ามาตรงที่นั้น และเขาก็คือประธานาธิบดีแห่งนิวตรอน โอดาลลูฟ
พอจีโอดีเห็นโอดาลลูฟโผล่มา เขาก็ลุกยืนขึ้นโดยเร็ว
โอดาลลูฟกล่าวกับเขา
“ท่านประมุข สภานิวตรอนส่งข้าให้มาเชิญท่านไปที่สภา เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
โจชัวพูดแทรกขึ้น
“ตอนนี้ท่านจีโอดีสุขภาพยังแย่อยู่ ท่านต้องการอะไรในตอนนี้ไม่ทราบ”
จีโอดีกับโจชัว
“ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอก ข้ายินดีที่จะไปพบกับสภานิวตรอนนะ”
แล้วหันหน้ามาหาโอดาลลูฟ
“ท่านนำข้าไปเถอะ เราอาจต้องมีเรื่องคุยกันยาว”
“ได้ครับ เชิญท่านตามข้ามา”
จีโอดีเดินตามโอดาลลูฟไป โจชัวพอจะเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ความวุ่นวายต่างๆไม่น่าจะจบง่ายๆ
เขาไม่แน่ใจว่าสภานิวตรอนจะคิดเห็นประการใดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
และไม่แน่ใจในอนาคตของจีโอดี รวมทั้งอนาคตของนิวตรอนด้วย
แต่ทันใดนั้น ดูเหมือนเขาจะนึกถึงใครขึ้นมาได้
“เมดัลการ์ เธอน่าจะช่วยเราได้”
โปรดติดตามตอนต่อไป
************************************************
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 14
เมื่อชายฉกรรจ์ทั้งสามเห็นพิภพกับโจนาธาน ทั้งหมดจึงเข้ามารุมผู้ชายสองคนนี้
พิภพกับโจนาธานหันหลังเข้าหากัน ต่างคนต่างกำหมัดตามสัญชาตญาณของลูกผู้ชาย
ทั้งหมดกำลังดูเชิงกันอยู่ แต่พอชายฉกรรจ์คนหนึ่งกล้าที่จะบุกตะลุยเข้าไป
วงล้อมเล็กๆก็แตกออก
ชายฉกรรจ์พอจะมองออกว่าโจนาธานดูอ่อนแรง พวกมันจึงวางแผนแบบสองรุมหนึ่ง
พวกมันกะว่า คงจะซัดโจนาธานให้หมอบไปก่อนแล้วค่อยดำเนินการแบบสามรุมหนึ่งกับพิภพ
เพราะพิภพเองดูจะแข็งแรงมากและยังมีเชิงมวยที่เหนือกว่าทุกคน
แต่แผนของพวกมันไมได้เป็นไปตามนั้น พิภพเองรู้ทันพวกมัน
เขาจึงอัดคนที่สู้กับเขาให้หมอบไปก่อน แล้วค่อยไปช่วยโจนาธาน
จนกลายเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งสองคู่
ชายฉกรรจ์ที่เหลือล่ำมาก แถมยังแข็งแรงกว่าชายหนุ่มทั้งสอง
พิภพเองน่าจะเอาอยู่ แต่เขากลัวโจนาธานจะพลาดท่าเสียที
เขาเลยพยายามจะวางแผนใหม่ โดยการเข้าไปช่วยโจนาธานด้วย
เพียงแต่พอวางแผนใหม่มันกลายเป็นสองรุมสอง
ตอนนี้โจนาธานดูอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
พิภพเลยตัดสินใจวางเขาไว้ตรงผนัง แล้วรีบมาต่อสู้กับพวกนั้นแบบสองรุมหนึ่ง
ด้วยความเชี่ยวชาญในเชิงมวยและความอึดของพิภพ
ทำให้เขาวางแผนทำให้หนึ่งคนในนั้นต้องหมอบลงไป
ตอนนี้ก็เหลือแบบมวยหนึ่งต่อหนึ่งแล้ว
พิภพเชื่อมั่นว่าถ้าสู้กับไอ้ล่ำนี่หนึ่งต่อหนึ่ง เขาต้องชนะแน่
แต่เรื่องมันก็ไม่ง่ายถึงขนาดนั้น เพราะไอ้ล่ำนี่มีกำลังมหาศาล
เขาทั้งสองแลกหมัดกันอยู่นาน แต่ดูเหมือนกับว่าไอ้ล่ำยังกระชุ่มกระชวย
ส่วนพิภพเอง เขารู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยแบบสุดๆ แต่เขาก็ยังไหว
ทางเดียวที่จะหลุดจากวงจรนี้ได้คือต้องซัดไอ้ล่ำนี่ให้หมอบ
แต่พิภพก็รู้สึกว่ามันยากเย็นเข็ญใจเหลือเกิน
เพราะไอ้ล่ำนี่ก็อึดใช้ได้อยู่ เขาจึงต้องวางแผนทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ
พิภพพยายามหาของหนักที่จะเอามาทุ่มหมอนี่ให้ได้
เขาสู้ไปและพยายามมองไปจนพบแจกันอันหนึ่งที่น่าจะใช้ได้
เขารีบมุ่งไปทางนั้น และหยิบแจกันเอามาทุ่มหัวไอ้ล่ำนี่
แจกันแตกกระจาย แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดไอ้ล่ำได้
ไอ้ล่ำเดือดจัด มันเอากำปั้นทุบหน้าอกตัวเอง
แล้วก็ฉีกเสื้อตัวเองออก
มันเดินไปจับคอเสื้อของพิภพ พิภพเองก็พยายามต่อยท้องมัน
แต่มันไม่สะดุ้งสะเทือนเลย แล้วมันก็กระชากเสื้อของพิภพจนขาด
แล้วก็กระชากเสื้อออกจากตัวพิภพ
มันพูดว่า
“ถ้ากูถอดเสื้อใคร ไอ้นั่นจะต้องกลายเป็นศพ และมืงก็จะเป็นรายต่อไป”
ไอ้ล่ำถีบหน้าอกของพิภพจนเขาถอยไปติดผนัง
แล้วมันก็วิ่งเอาร่างกายเข้าชนจนพิภพแทบกระอัก
พอมันเห็นพิภพอ่อนแรงลง มันก็วิ่งเอาตัวมันเข้าชนพิภพตรงผนังอีก
พิภพล้มลง เขารู้สึกมึนๆ และหมดแรง
แถมยังรู้สึกจุกตรงท้อง ตอนนั้นพิภพอยู่ในท่านอนคว่ำ
ไอ้ล่ำกระทืบไปที่หลังของพิภพ นั่นทำให้เขาบอบช้ำมาก
มันยังคงกระทืบซ้ำเป็นครั้งที่สอง
หลังจากนั้น มันเอาเท้าเตะไปที่หน้าของพิภพ
จนทำให้พิภพดั้งจมูกแตก เลือดไหลนองพื้น
โปรดติดตามตอนต่อไป
********************************************
ผู้พันซาดิสม์ บทที่ 8
อีก 4 วันต่อมา ผู้พันเรียกพลเข้าพบ แต่เมื่อเขาเปิดประตูออก เขาต้องตกใจ
เพราะในห้องของผู้พันมีนายตำรวจหนุ่มนายหนึ่งอยู่ในห้องด้วย
ผู้พันแนะนำพลให้รู้จักกับนายตำรวจหนุ่มนายนั้น
ทำให้พลทราบว่านายตำรวจหนุ่มนายนี้กำลังเรียนปริญญาโทอยู่
แต่ดันทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องการลงโทษทางทหาร
พลงงมากว่าทำไมผู้พันถึงยอมให้หมอนี่เข้ามาในนี้
ผู้พันไม่น่าที่จะยอม ตัวผู้พันเองก็น่าสงสัยในเรื่องนี้อยู่
พลงงแบบสุดๆ นอกจากนั้นผู้พันยังสั่งให้พลเป็นคนดูแลนายตำรวจคนนี้
พลยิ่งงงหนักเพราะตัวเขาเองก็นับว่ายังใหม่อยู่
แล้วทำไมผู้พันถึงยอมให้เขามารับหน้าที่ดูแลตำรวจที่จะเข้ามาเก็บข้อมูลในค่าย
พลนั่งฟังผู้พันแนะนำเขาให้กับนายตำรวจหนุ่ม
ผู้พันแนะนำเขาจนเลอเลิศ ผิดวิสัยมากจริงๆ
พลเริ่มไม่แน่ใจว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในตัวผู้พัน
ตัวนายตำรวจหนุ่มเอง พลยังไม่ติดใจอะไร
นายตำรวจคนนี้ดูหน้าอ่อนมาก และก็ยังดูเป็นนักศึกษาอยู่เลย
พลได้ยินมาเหมือนกันว่าทางรัฐบาลทมิฬต้องการพัฒนาบุคลากรในวงการตำรวจ
จึงกระตุ้นให้ตำรวจหลายคนเรียนต่อ
แถมบางคนยังมีทุนให้ด้วย พลเองไม่แน่ใจว่าหมอนี่รับทุนรัฐบาลมาด้วยรึเปล่า
แต่ที่น่าแปลกก็คือเป็นตำรวจแต่ดันมาทำวิทยานิพนธ์เรื่องการลงโทษทางทหาร
ไม่เห็นว่ามันจะเข้ากันเลย
หรือว่า..................
พลเริ่มคิดในใจว่า “อาจเป็นได้ที่ทางการได้กลิ่นอะไรเกี่ยวกับคดีของพจน์
เลยส่งหมอนี่มาสืบ อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้”
เมื่อเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ พลจึงมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวมากมาย
เพียงแต่ว่าเขาต้องค่อยๆสื่อสารกับนายตำรวจหนุ่มรายนี้
ขืนถามไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า อาจทำให้เสียการได้
พลเริ่มรำคาญผู้พันที่ยังพล่ามไม่หยุด
เขาเองอยากที่จะอยู่กับนายตำรวจหนุ่มตามลำพัง
เขาเองอยากจะถามนายตำรวจหนุ่มผู้นี้ว่าตกลงเขาเข้ามาทำอะไรกันแน่
แต่การนั่งฟังสองคนนี่พล่ามก็ทำให้มีประโยชน์บางอย่าง
อย่างน้อยพลก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายตำรวจหนุ่มคนนี้เข้ามาในค่าย
แต่เป็นครั้งที่สอง นายตำรวจหนุ่มอยากที่จะมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม
เนื่องจากการเก็บข้อมูลครั้งที่แล้วยังไม่แล้วเสร็จ
การเก็บข้อมูลครั้งใหม่คงจะเริ่มภายในเร็ววัน
พลสงสัยมากว่าทำไมผู้พันถึงยอมที่จะให้หมอนี่เข้ามาวุ่นวายในค่าย
ยอมแม้กระทั่งให้หมอนี่มาพักอยู่ในค่ายเลย
ตกลงใครมันมีแผนเหนือชั้นกว่าใครกันแน่
หรือนายตำรวจหนุ่มมีแผนอยู่ในใจ
หรือเขาอาจมีกำลังสนับสนุนอยู่ข้างนอกก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม พลก็ยังเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกอยู่ดี
จนได้โอกาสที่เขากับนายตำรวจหนุ่มคนนี้ได้คุยกันสองต่อสอง
พลจึงเริ่มคุยเรื่องทั่วๆไปเพื่อสร้างความคุ้นเคยกันก่อน
พอเริ่มคุ้นกันมากขึ้น การถามแบบเจาะลึกก็เริ่มมีมากขึ้น
ถึงแม้จะเป็นการถามแบบเจาะลึก พลก็ยังเลือกที่จะถามเขาเกี่ยวกับงาน
และเรื่องทั่วๆไป โดยยังไม่เน้นในสิ่งที่พลสงสัย
แต่คำถามที่เขาถามพลกลับ ทำให้พลต้องอึ้ง
“เอ แล้วพจน์ที่เป็นรบพิเศษเหมือนคุณ เขาอยู่ไหนล่ะครับ”
โปรดติดตามตอนต่อไป
นิวตรอน : โลกที่ไม่มีอยู่ฯ (53) , ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ (14) , ผู้พันซาดิสม์ (8) และในหลวงในดวงใจ (4)
จีโอดีมีสีหน้าที่เคร่งเครียด คิ้วขมวดเข้าหากัน
โจชัวพยายามจะให้กำลังใจเขา
“ท่านเป็นอะไรไป ทำไมถึงมาหลบอยู่ที่นี่ เหมือน ... เหมือนคนขลาด”
จีโอดีหันไปมองหน้าของโจชัว
โจชัวรู้สึกได้ถึงความเสียใจในดวงตาของจีโอดี
จีโอดียังไม่ปริปากพูดอะไรออกมา เขาหันหน้าไปอีกทาง.
โจชัวพยายามที่จะคุยกับเขา
“ประชาชนของนิวตรอนน่าจะกำลังสงสัยในตัวท่าน
ท่านเองเคยสัญญากับพวกเขาว่าพวกเขาจะปลอดภัยเมื่อท่านเป็นผู้ดูแลพวกเขา”
“ใช่ ฉันควรจะทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด”
เป็นประโยคแรกที่จีโอดีพูดออกมา.
โจชัวเข้ามาใกล้เขามากขึ้นและนั่งอยู่ข้างๆเขา
“ที่ผ่านมา ท่านก็ทำทุกอย่างได้ดีที่สุดแล้ว”
“ไม่หรอกโจชัว มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น”
จีโอดีหันไปหาโจชัว มองหน้าเขา แล้วก็เอามือลูบศีรษะของเขา
“บางทีตัวเราก็คิดผิดไป เข้าใจผิดไป”
“ท่านหมายถึง...”
ยังมิทันที่โจชัวจะพูดอะไรออกไป จีโอดีก็พูดขึ้นก่อน
“หลายอย่างทั้ง M39 แล้วก็นิวตรอน โพซิตรอนด้วย
หลายอย่างที่เราคาดผิด”
โจชัวพยายามปลอบเขา
“อย่าเพิ่งคิดมากเลยท่าน อย่าเพิ่งไปสรุปอะไรในตอนนี้”
จีโอดีหันหน้ามามองโจชัวอีกครั้ง
“ถ้าไม่สรุปตอนนี้ จะไปสรุปตอนไหนได้อีกล่ะ”
แล้วจีโอดีก็หันไปอีกทาง
โจชัวพอจะเข้าใจความรู้สึกของเขาดี จีโอดีเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเองมาก
แต่พอหลายอย่างไม่ได้เป็นตามที่เขาคิด ความเชื่อมั่นต่างๆก็ลดน้อยถอยลง
“ข้าเชื่อนะว่าชาวนิวตรอนยังคงมั่นใจในตัวท่าน”
โจชัวพยายามพูดปลอบใจเขาอีก
“ข้าเองก็ยังมั่นใจในตัวท่านนะ ท่านจีโอดี”
จีโอดีหันมองหน้าของโจชัวอีกครั้ง
“เจ้าไม่ต้องมาพูดปลอบใจข้าหรอก ข้าเองพอจะรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นอย่างไร”
แต่ยังไม่ทันไร ก็มีใครคนหนึ่งโผล่เข้ามาตรงที่นั้น และเขาก็คือประธานาธิบดีแห่งนิวตรอน โอดาลลูฟ
พอจีโอดีเห็นโอดาลลูฟโผล่มา เขาก็ลุกยืนขึ้นโดยเร็ว
โอดาลลูฟกล่าวกับเขา
“ท่านประมุข สภานิวตรอนส่งข้าให้มาเชิญท่านไปที่สภา เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
โจชัวพูดแทรกขึ้น
“ตอนนี้ท่านจีโอดีสุขภาพยังแย่อยู่ ท่านต้องการอะไรในตอนนี้ไม่ทราบ”
จีโอดีกับโจชัว
“ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอก ข้ายินดีที่จะไปพบกับสภานิวตรอนนะ”
แล้วหันหน้ามาหาโอดาลลูฟ
“ท่านนำข้าไปเถอะ เราอาจต้องมีเรื่องคุยกันยาว”
“ได้ครับ เชิญท่านตามข้ามา”
จีโอดีเดินตามโอดาลลูฟไป โจชัวพอจะเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ความวุ่นวายต่างๆไม่น่าจะจบง่ายๆ
เขาไม่แน่ใจว่าสภานิวตรอนจะคิดเห็นประการใดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
และไม่แน่ใจในอนาคตของจีโอดี รวมทั้งอนาคตของนิวตรอนด้วย
แต่ทันใดนั้น ดูเหมือนเขาจะนึกถึงใครขึ้นมาได้
“เมดัลการ์ เธอน่าจะช่วยเราได้”
โปรดติดตามตอนต่อไป
************************************************
ร้อนเร่าเร้าอารมณ์ ตอนที่ 14
เมื่อชายฉกรรจ์ทั้งสามเห็นพิภพกับโจนาธาน ทั้งหมดจึงเข้ามารุมผู้ชายสองคนนี้
พิภพกับโจนาธานหันหลังเข้าหากัน ต่างคนต่างกำหมัดตามสัญชาตญาณของลูกผู้ชาย
ทั้งหมดกำลังดูเชิงกันอยู่ แต่พอชายฉกรรจ์คนหนึ่งกล้าที่จะบุกตะลุยเข้าไป
วงล้อมเล็กๆก็แตกออก
ชายฉกรรจ์พอจะมองออกว่าโจนาธานดูอ่อนแรง พวกมันจึงวางแผนแบบสองรุมหนึ่ง
พวกมันกะว่า คงจะซัดโจนาธานให้หมอบไปก่อนแล้วค่อยดำเนินการแบบสามรุมหนึ่งกับพิภพ
เพราะพิภพเองดูจะแข็งแรงมากและยังมีเชิงมวยที่เหนือกว่าทุกคน
แต่แผนของพวกมันไมได้เป็นไปตามนั้น พิภพเองรู้ทันพวกมัน
เขาจึงอัดคนที่สู้กับเขาให้หมอบไปก่อน แล้วค่อยไปช่วยโจนาธาน
จนกลายเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งสองคู่
ชายฉกรรจ์ที่เหลือล่ำมาก แถมยังแข็งแรงกว่าชายหนุ่มทั้งสอง
พิภพเองน่าจะเอาอยู่ แต่เขากลัวโจนาธานจะพลาดท่าเสียที
เขาเลยพยายามจะวางแผนใหม่ โดยการเข้าไปช่วยโจนาธานด้วย
เพียงแต่พอวางแผนใหม่มันกลายเป็นสองรุมสอง
ตอนนี้โจนาธานดูอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
พิภพเลยตัดสินใจวางเขาไว้ตรงผนัง แล้วรีบมาต่อสู้กับพวกนั้นแบบสองรุมหนึ่ง
ด้วยความเชี่ยวชาญในเชิงมวยและความอึดของพิภพ
ทำให้เขาวางแผนทำให้หนึ่งคนในนั้นต้องหมอบลงไป
ตอนนี้ก็เหลือแบบมวยหนึ่งต่อหนึ่งแล้ว
พิภพเชื่อมั่นว่าถ้าสู้กับไอ้ล่ำนี่หนึ่งต่อหนึ่ง เขาต้องชนะแน่
แต่เรื่องมันก็ไม่ง่ายถึงขนาดนั้น เพราะไอ้ล่ำนี่มีกำลังมหาศาล
เขาทั้งสองแลกหมัดกันอยู่นาน แต่ดูเหมือนกับว่าไอ้ล่ำยังกระชุ่มกระชวย
ส่วนพิภพเอง เขารู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยแบบสุดๆ แต่เขาก็ยังไหว
ทางเดียวที่จะหลุดจากวงจรนี้ได้คือต้องซัดไอ้ล่ำนี่ให้หมอบ
แต่พิภพก็รู้สึกว่ามันยากเย็นเข็ญใจเหลือเกิน
เพราะไอ้ล่ำนี่ก็อึดใช้ได้อยู่ เขาจึงต้องวางแผนทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ
พิภพพยายามหาของหนักที่จะเอามาทุ่มหมอนี่ให้ได้
เขาสู้ไปและพยายามมองไปจนพบแจกันอันหนึ่งที่น่าจะใช้ได้
เขารีบมุ่งไปทางนั้น และหยิบแจกันเอามาทุ่มหัวไอ้ล่ำนี่
แจกันแตกกระจาย แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดไอ้ล่ำได้
ไอ้ล่ำเดือดจัด มันเอากำปั้นทุบหน้าอกตัวเอง
แล้วก็ฉีกเสื้อตัวเองออก
มันเดินไปจับคอเสื้อของพิภพ พิภพเองก็พยายามต่อยท้องมัน
แต่มันไม่สะดุ้งสะเทือนเลย แล้วมันก็กระชากเสื้อของพิภพจนขาด
แล้วก็กระชากเสื้อออกจากตัวพิภพ
มันพูดว่า
“ถ้ากูถอดเสื้อใคร ไอ้นั่นจะต้องกลายเป็นศพ และมืงก็จะเป็นรายต่อไป”
ไอ้ล่ำถีบหน้าอกของพิภพจนเขาถอยไปติดผนัง
แล้วมันก็วิ่งเอาร่างกายเข้าชนจนพิภพแทบกระอัก
พอมันเห็นพิภพอ่อนแรงลง มันก็วิ่งเอาตัวมันเข้าชนพิภพตรงผนังอีก
พิภพล้มลง เขารู้สึกมึนๆ และหมดแรง
แถมยังรู้สึกจุกตรงท้อง ตอนนั้นพิภพอยู่ในท่านอนคว่ำ
ไอ้ล่ำกระทืบไปที่หลังของพิภพ นั่นทำให้เขาบอบช้ำมาก
มันยังคงกระทืบซ้ำเป็นครั้งที่สอง
หลังจากนั้น มันเอาเท้าเตะไปที่หน้าของพิภพ
จนทำให้พิภพดั้งจมูกแตก เลือดไหลนองพื้น
โปรดติดตามตอนต่อไป
********************************************
ผู้พันซาดิสม์ บทที่ 8
อีก 4 วันต่อมา ผู้พันเรียกพลเข้าพบ แต่เมื่อเขาเปิดประตูออก เขาต้องตกใจ
เพราะในห้องของผู้พันมีนายตำรวจหนุ่มนายหนึ่งอยู่ในห้องด้วย
ผู้พันแนะนำพลให้รู้จักกับนายตำรวจหนุ่มนายนั้น
ทำให้พลทราบว่านายตำรวจหนุ่มนายนี้กำลังเรียนปริญญาโทอยู่
แต่ดันทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องการลงโทษทางทหาร
พลงงมากว่าทำไมผู้พันถึงยอมให้หมอนี่เข้ามาในนี้
ผู้พันไม่น่าที่จะยอม ตัวผู้พันเองก็น่าสงสัยในเรื่องนี้อยู่
พลงงแบบสุดๆ นอกจากนั้นผู้พันยังสั่งให้พลเป็นคนดูแลนายตำรวจคนนี้
พลยิ่งงงหนักเพราะตัวเขาเองก็นับว่ายังใหม่อยู่
แล้วทำไมผู้พันถึงยอมให้เขามารับหน้าที่ดูแลตำรวจที่จะเข้ามาเก็บข้อมูลในค่าย
พลนั่งฟังผู้พันแนะนำเขาให้กับนายตำรวจหนุ่ม
ผู้พันแนะนำเขาจนเลอเลิศ ผิดวิสัยมากจริงๆ
พลเริ่มไม่แน่ใจว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในตัวผู้พัน
ตัวนายตำรวจหนุ่มเอง พลยังไม่ติดใจอะไร
นายตำรวจคนนี้ดูหน้าอ่อนมาก และก็ยังดูเป็นนักศึกษาอยู่เลย
พลได้ยินมาเหมือนกันว่าทางรัฐบาลทมิฬต้องการพัฒนาบุคลากรในวงการตำรวจ
จึงกระตุ้นให้ตำรวจหลายคนเรียนต่อ
แถมบางคนยังมีทุนให้ด้วย พลเองไม่แน่ใจว่าหมอนี่รับทุนรัฐบาลมาด้วยรึเปล่า
แต่ที่น่าแปลกก็คือเป็นตำรวจแต่ดันมาทำวิทยานิพนธ์เรื่องการลงโทษทางทหาร
ไม่เห็นว่ามันจะเข้ากันเลย
หรือว่า..................
พลเริ่มคิดในใจว่า “อาจเป็นได้ที่ทางการได้กลิ่นอะไรเกี่ยวกับคดีของพจน์
เลยส่งหมอนี่มาสืบ อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้”
เมื่อเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ พลจึงมีคำถามผุดขึ้นมาในหัวมากมาย
เพียงแต่ว่าเขาต้องค่อยๆสื่อสารกับนายตำรวจหนุ่มรายนี้
ขืนถามไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า อาจทำให้เสียการได้
พลเริ่มรำคาญผู้พันที่ยังพล่ามไม่หยุด
เขาเองอยากที่จะอยู่กับนายตำรวจหนุ่มตามลำพัง
เขาเองอยากจะถามนายตำรวจหนุ่มผู้นี้ว่าตกลงเขาเข้ามาทำอะไรกันแน่
แต่การนั่งฟังสองคนนี่พล่ามก็ทำให้มีประโยชน์บางอย่าง
อย่างน้อยพลก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายตำรวจหนุ่มคนนี้เข้ามาในค่าย
แต่เป็นครั้งที่สอง นายตำรวจหนุ่มอยากที่จะมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม
เนื่องจากการเก็บข้อมูลครั้งที่แล้วยังไม่แล้วเสร็จ
การเก็บข้อมูลครั้งใหม่คงจะเริ่มภายในเร็ววัน
พลสงสัยมากว่าทำไมผู้พันถึงยอมที่จะให้หมอนี่เข้ามาวุ่นวายในค่าย
ยอมแม้กระทั่งให้หมอนี่มาพักอยู่ในค่ายเลย
ตกลงใครมันมีแผนเหนือชั้นกว่าใครกันแน่
หรือนายตำรวจหนุ่มมีแผนอยู่ในใจ
หรือเขาอาจมีกำลังสนับสนุนอยู่ข้างนอกก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม พลก็ยังเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกอยู่ดี
จนได้โอกาสที่เขากับนายตำรวจหนุ่มคนนี้ได้คุยกันสองต่อสอง
พลจึงเริ่มคุยเรื่องทั่วๆไปเพื่อสร้างความคุ้นเคยกันก่อน
พอเริ่มคุ้นกันมากขึ้น การถามแบบเจาะลึกก็เริ่มมีมากขึ้น
ถึงแม้จะเป็นการถามแบบเจาะลึก พลก็ยังเลือกที่จะถามเขาเกี่ยวกับงาน
และเรื่องทั่วๆไป โดยยังไม่เน้นในสิ่งที่พลสงสัย
แต่คำถามที่เขาถามพลกลับ ทำให้พลต้องอึ้ง
“เอ แล้วพจน์ที่เป็นรบพิเศษเหมือนคุณ เขาอยู่ไหนล่ะครับ”
โปรดติดตามตอนต่อไป